TXV – 100 การกำเนิดอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า !
TXV – 100 การกำเนิดอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า !
หลังจากที่ทั้งคู่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ เซี่ยเหล่ยได้ดื่มชาร้อนๆพร้อมกับหลงบิง
หลงบิงนั่งอยู่บนโซฟาพร้อมกับจิบน้ำชาอย่างเงียบๆ มีแสงอ่อนๆออกจากร่างกายของเธอ ผิวสีขาวรวมกับชุดสีดำมนทุกสิ่งทุกอย่างของเธอล้วนสมบูรณ์แบบ ถ้าเธอไม่เลือดเย็นจนเกินไปเธอจะเป็นผู้หญิงที่มีเสน่ห์มากๆเลยล่ะ
เซี่ยเหล่ยมองไปที่ตัวของหลงบิงและเขาเห็นซองปืนอยู่ที่ต้นขาของเธอจากนั้นเขาเอ่ยคำพูดขึ้นมาเล็กน้อยว่า “เธอพกปืนตอนกินข้าวด้วยเหรอ ? พกปืนตลอดเวลา ?”
“เซี่ยเสวียเป็นเด็กดีมาก เธอเป็นสาวน้อยที่เชื่อฟังฉัน ฉันรู้สึกชอบเธอนะ” หลงบิงรีบเปลี่ยนประเด็นพร้อมยกถ้วยน้ำชาขึ้น
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ใช่ เธอเป็นเด็กน่ารัก ขอบคุณที่ดูแลเธอนะ”
หลงบิงมองไปที่เซี่ยเหล่ยแบบไร้ความรู้สึก “คุณจะเชื่อฟังฉันแบบเดียวกับน้องคุณรึปล่าว ?”
“เอาล่ะๆ ผมจะไม่พูดขอบคุณเธออีกแล้ว” เซี่ยเหล่ยกล่าวแบบเซ็งๆ
“ฉันจะไปแล้วนะ” หลงบิงพูดขณะที่เธอยืนอยู่
เซี่ยเหล่ยก็ยืนอยู่ข้างๆเธอเช่นกัน “กลับไปนั่งคุยกันมั้ย ถ้าจะคุยกันนานขนาดนี้ ?”
“ไม่ล่ะ เดี๋ยวฉันก็จะกลับแล้ว” หลงบิงเดินไปที่ประตูบ้าน
เซี่ยเหล่ยรีบวิ่งไปที่ประตูก่อนที่เธอจะเดินไปถึงและเปิดประตูให้เธอ “เดินทางดีๆนะ ผมจะโทรหาคุณเมื่อมีโอกาส”
หลงบิงหยุดอยู่ที่ประตูและหันกลับไปมองเซี่ยเหล่ย “จำได้ใช่ไหมฉันเคยพูดกับคุณว่ายังไง ตอนนี้เรื่องของคุณกับฮวงยี่หู่จบลงแล้วอย่าคิดจะทำอะไรให้เรื่องราวมันแย่ลงไปอีก !”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ผมรู้ขีดจำกัดของตัวผมเอง ไม่ต้องกังวลไปหรอกว่าผมจะไปยุ่งวุ่นวายกับตระกูลกู๋”
“อืม ดีมาก !” หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง “แล้วสิ่งที่คุณทำอยู่ อย่าคิดจะทรยศต่อประเทศ ถ้าคุณทำแบบนั้นฉันจะเป็นคนแรกที่มาจัดการคุณ !”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแบบเซ็งๆ “ทำไมคุณถึงพูดกับผมแบบนี้ ? ผมเป็นคนแบบนั้นหรอในสายตาคุณ ?”
“ฉันก็แค่พูด กลับเข้าบ้านไปเถอะ ไม่ต้องเดินไปส่งฉัน” หลงบิงตบไหล่เซี่ยเหล่ยก่อนเดินออกไปจากประตู
เซี่ยเหล่ยยังยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านก่อนที่จะเดินเข้าไปในประตูบ้าน วันนี้เขาคิดกับตัวเองว่าเจอเรื่องแปลกๆทั้งวัน ‘อย่างแรกเธอพูดถึงพ่อของเรา อย่างที่ 2 เธอบอกว่าอย่าไปยุ่งวุ่นวายกับตระกูลกู๋อีกและสุดท้ายเธอบอกว่าอย่าให้เธอรู้ว่าเรากำลังจะคิดทรยศประเทศ ? เธอกำลังสืบสวนเรื่องพ่อของเราอย่างงั้นหรอ ?’
พ่อของเซี่ยเหล่ย ‘เซี่ยฉางห่าย’ โผล่เข้ามาในจิตใจของเขา เซี่ยเหล่ยเดินไปที่โทรทัศน์พร้อมกับหยิบขวดแก้วเล็กๆที่วางอยู่หลังภาพครอบครัว ยาสีขาวที่อยู่ในขวดโหลมันดูธรรมดาและเรียบง่ายดูเหมือนว่ายานี้ไม่มีพิษสงอะไรเลย….
เซี่ยเหล่ยเปิดขวดเพื่อนำยาออกมาจากนั้นเขาลองดมที่ยาเม็ดนั้นกลิ่นของมันเหมือนกับกลิ่นเดิมเหมือนเมื่อ 5 ปีที่แล้ว มันมีกลิ่นคล้ายกลิ่นของน้ำมันเครื่องเก่าๆ ซึ่งมันเป็นยาที่แปลกประหลาดมาก
เซี่ยหล่ยจำได้ว่าครั้งแรกที่พ่อของเขากินยาเม็ดนี้ เขาเอ่ยถามว่าพ่อว่า ทำไมกลิ่นยามันแปลกๆจังแต่พ่อเขาก็ไม่ได้พูดถึงอะไรและกินยาเม็ดนั้นต่อไป....
‘พ่อ คุณกำลังทำอะไรอยู่ ? อยู่ที่ไหนบนโลกใบนี้ ? ถ้าคุณมีชีวิตอยู่ทำไมคุณถึงไม่ยอมกลับบ้านซะที ?’ ในหัวของเซี่ยเหล่ยตอนนี้เต็มไปด้วยคำถามมากมาย ความทรงจำของพ่อเขาลอยมาเป็นฉากๆ
ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด ….. ตื๊ด ตื๊ด ตื๊ด
เสียงโทรเข้าจากโทรศัพท์ของเขาดังขึ้นหลังจากนั้นความคิดของเซี่ยเหล่ยก็หยุดลง เขาวางยากลับลงไปในขวดแก้วและวางไว้ด้านหลังรูปภาพครอบครัวของเขาดังเดิมจากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและรับโทรศัพท์…
เจียงหยู่ยี่ “เหล่ย ผู้หญิงคนนั้นออกไปแล้วรึยัง ?”
“เธอเพิ่งออกไปเมื่อไม่นานมาเอง” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ดี ! เธอมีสิทธิ์อะไรในการห้ามคุณออกมาแบบนั้น ? เธอเป็นใคร ?” เจียงหยู่ยี่พูดออกมาเล็กน้อยจากนั้นเธอพูดว่า “คุณอยากมาดูเองมั้ย ? เขาตายได้อย่างน่าขยะแขยงมาก ดวงตาถลนออกมา ลิ้นจุกปากขาเขายื่น…….”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกขยะแขยงและรีบพูดตัดบทของเจียงหยู่ยี่ “พอแล้ว ! จะโทรมาหาผมให้ผมรู้สึกกลัวเนี่ยนะ ?”
“ฉันรู้สึกดีนะที่ได้แก้แค้นให้กับหม่าเสี่ยวอันและเห็นจุดจบของฮวงยี่หู่เป็นอย่างนี้” เจียงหยู่ยี่กล่าว
เซี่ยเหล่ยก็ควรจะมีความสุขที่เห็นฮวงยี่หู่ตายไป แต่เขารู้สึกแบบแปลกประหลาดเขาไม่มีความสุขจากการตายของฮวงยี่หู่เลย ถึงแม้หม่าเสี่ยวอันตายไปการแก้แค้นก็ไม่ได้ส่งไปถึงคนตาย
“เขาผูกคอตายจริงๆหรอ ?” เซี่ยเหล่ยนึกถึงสิ่งที่เขาได้สนทนากันบางอย่างในห้องสอบสวนเมื่อตอนเช้าตรู่ขณะที่ชายวัยกลางคนที่ชื่อฉือ พูดไว้กับฮวงยี่หู่ก่อนออกจากห้องว่า “ไอ้หน้าโง่”
“เขาผูกคอตายด้วยเชือกรองเท้าของเขาเอง”
“แล้ว….ลี่หยู่หลานล่ะ ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ลี่หยู่หลานปลอดภัยดี แต่เรายังบอกเรื่องนี้กับคุณไม่ได้” เจียงหยู่ยี่กล่าว “คุณจะมาที่นี่มั้ย ? ถ้าไม่มาฉันจะวางสายแล้วนะ ฉันมีเวลาคุยกับคุณไม่มาก”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกลังเลแล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ ! นี่มันเป็นเรื่องของตำรวจ คนธรรมดาแบบผมไม่ควรเข้าไปยุ่งเรื่องนี้”
“โอเค ราตรีสวัสดิ์นะ” เจียงหยู่ยี่วางสาย
เซี่ยเหล่ยยิ้มแบบเซ็งๆและขว้างโทรศัพท์ทิ้งไปบนเตียง เขาอยากเห็นว่าฮวงยี่หู่ตายแล้วด้วยตาเขาเองจริงๆ
ใครจะสบายใจมากที่สุดหลังจากที่ฮวงยี่หู่ตายไป ? มันคงจะไม่พ้นตระกูลกู๋อย่างแน่นอนถ้าเขาตายไปแล้วก็ไม่มีใครเปิดปากและซักทอดไปถึงพวกเขาอีก ตระกูลกู๋เป็นตระกูลผู้มีอิทธิพลในเมืองนี้เขามีอำนาจทุกอย่างที่จะทำอะไรก็ได้แม้กระทั่งสั่งให้ฮวงยี่หู่ไม่สามารถพูดได้อีกตลอดไป.....
‘ตอนนี้ตระกูลกู๋น่าสงสัยที่สุด ด้วยความสามารถของหลงบิงยังไม่สามารถคาดเดาที่การทำของตระกูลนั้นกู๋ได้ ? ขนาดหลงบิงเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจและมีเส้นสายยังไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับตระกูลกู๋เลย แล้วทำไมเราต้องมายุ่งเกี่ยวกับตระกูลนั้นด้วยล่ะ ?’ เซี่ยเหล่ยกำลังหาคำตอบให้ใจของเขาเองหลังจากที่ฮวงยี่หู่ตายไปแล้วและหม่าเสี่ยวอันได้รับการแก้แค้นแล้ว มันก็ไม่มีเรื่องที่จะต้องทำอีกแล้วหนิ ผมจะนอนหลับฝันดีที่สุดในคืนนี้ ในวันพรุ่งนี้ผมจะควรไปกังวลกับการก่อตั้งอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าดีกว่า !
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินผ่านห้องนั่งเล่นเขามองไปยังภาพครอบครัวข้างโทรทัศน์อีกครั้ง ก่อนที่เขาจะเดินไปยังห้องนอนตัวเอง
หลังจากที่ฮวงยี่หู่ตายไปก็ไม่มีใครมายุ่งวุ่นวายกับร้านของเขาอีก เมื่อปัญหาหมดไปการก่อสร้างบริษัทของเซี่ยเหล่ยก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก...
เซี่ยเหล่ยไปสถานที่ก่อสร้างทุกๆวันเพื่อตรวจสอบและยังเดินทางไปยังอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปที่ยังมีการทำงานอยู่และพนักงานทุกคนในร้านก็ทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง เมื่อมีการก่อตั้งอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเสร็จสมบูรณ์ เซี่ยเหล่ยจะปิดร้าน อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปและย้ายทุกคนไปยังบริษัทแห่งใหม่ ….
นอกเหนือจากการก่อตั้งบริษัทและเวิกค์ช็อปเล็กๆ เซี่ยเหล่ยยังคงไปเรียนรู้หวิงชุนอย่างต่อเนื่องทุกวันที่บ้านของหลางเฉิงชุน หลังจากที่เขาทำภารกิจที่ร้านเสร็จเขาจะไปฝึกกับหลางเฉิงชุนเสมอๆ ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหนก็ตามเขาจะหาเวลาไปฝึกหวินชุนได้
เมื่อเซี่ยเหล่ยอยู่บ้านหลางเฉิงชุนเขาก็ไม่หยุดการพัฒนาทักษะการทำอาหารของตัวเองจากนั้นไม่นานทักษะการทำงานของเขาก็เป็นที่ยอมรับจากหลางเฉิงชุนและหลางซือเหยา เซี่ยเหล่ยไม่ใช่ศิษย์ที่เก่งในด้านการต่อสู้เพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่เขายังเป็นพ่อครัวที่ดีด้วย การที่มีศิษย์เก่งกาจขนาดนี้จะมีอาจารย์คนไหนไม่ชอบบ้างล่ะ ?
หนึ่งเดือนต่อมา….
ที่ดินเลขที่ 13 เต็มไปด้วยวัชพืช มีการสร้างโรงงานและการติดตั้งเครื่องจักรไปพร้อมๆกันเครื่องจักรแต่ละชิ้นไม่ได้มีขนาดใหญ่มากนัก ในบริษัทของเขายังมีคลังสินค้า สำนักงาน โรงอาหารและหอพัก ซึ่งเป็นบริษัทที่สมบูรณ์แบบเลยทีเดียว
บริษัทแห่งนี้มีโครงสร้างเหล็ก 4 ชั้นชั้นที่ 3 และชั้นที่ 4 จะสถานที่ทำงานของเหล่าพนักงานส่วนชั้น 1 และชั้น 2 จะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต เซี่ยเหล่ยจะไปกู้เงินนายกเทศมนตรีหู่จำนวน 6 ล้านหยวนเพื่อนำเงินเหล่านั้นมาลงทุนในการสร้างซุปเปอร์มาร์เก็ตและส่วนหนึ่งนำไปจ่ายค่าวัสดุการก่อสร้างที่ยังขาดอยู่…
ในการก่อตั้งบริษัทจำเป็นต้องจัดตำแหน่งให้พนักงานแต่ละคน เซี่ยเหล่ยได้จัดตำแหน่งให้พนักงานเก่าที่ทำงานตั้งแต่ร้านเก่าคือ ‘อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป’ มาเป็นหัวหน้าในแต่ละฝ่ายเพราะว่าพวกเขาเป็นบุคคลที่มีความสามารถและมีประสบการณ์สูง พวกเขาสามารถแนะนำพนักงานในใหม่ที่พึ่งเริ่มเข้ามาทำงานที่แห่งนี้ได้อย่างแน่นอน เมื่อการจัดตำแหน่งพนักงานเสร็จสิ้นลงแล้ว ทุกคนต่างยอมรับในหน้าที่ของตัวเองจากนี้การทำงานในอนาคตจะเป็นก้าวที่สดใสของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า !
กรรไกรจากนายกเทศมนตรีหู่ได้ตัดสายริบบี้น หลางซือเหยาถือช่อดอกไม้อย่างสดใสเสียงปรบมือจากเหล่าพนักงานและแขกที่มาร่วมงานทุกคนเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่นอย่างล้นหลาม
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพูดว่า “ขอบคุณครับที่นายกเทศมนตรีหู่ มาเข้าร่วมในพิธีเปิดบริษัทของผม !”
นายกเทศมนตรีหู่หัวเราะ “ทำไมต้องขอบคุณผมล่ะ ? ผมตังหากรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่คุณชวนมาพิธีเปิดบริษัทของคุณ ในตอนนี้บริษัทแห่งนี้อาจจะยังไม่มีชื่อเสียงมากนัก แต่ก็ไม่แน่นะ อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าแห่งนี้อาจจะเป็นที่รู้จักเหมือนบูรพาอุตสาหกรรมที่ยิ่งใหญ่อยู่ในตอนนี้ก็ได้”
“ท่านนายกเทศมนตรีหู่ ผมจะตั้งใจทำงานและไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอนครับ” เซี่ยเหล่ยกล่าวอย่างสุภาพขณะที่พูดกับนายยกเทศมนตรีหู่
งานเลี้ยงพิธีเปิดบริษัทใหม่ของเซี่ยเหล่ยมีอาหารที่เรียบง่ายและไม่มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แต่มันก็เป็นภาพที่มีชีวิตชีวาและอบอวลไปด้วยความสุข
นายกเทศมนตรีหู่และเลขาของเขาเมื่อทานอาหารกลางวันเสร็จพวกเขาและฉิงเสวียงเดินไปยังซุปเปอร์มาเก็ตที่อยู่ชั้นล่างบริเวณซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้ยังคงว่างเปล่าไม่มีอะไรเลยแม้แต่เคาน์เตอร์เก็บเงิน
“เมื่อไหร่ที่เราจะเปิดธุรกิจนี้ล่ะ ?” ฉิงเสวียงถามอย่างเป็นกังวลเมื่อมองไปยัง ซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้ที่ยังว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย “ไหนคุณบอกว่าจะให้ผมดูแลซุปเปอร์มาเก็ตไง ตอนนี้ไม่มีสินค้าอะไรเลย จะให้ผมดูแลได้ยังไงล่ะ ?”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “คุณอยากได้อะไรมาวางขายล่ะ ?”
“ผม…..” ฉิงเสวียงพูดอย่างเก้ๆกังๆ “ผมแค่ยกตัวอย่างให้คุณเห็นเท่านั้นแหละผมต้องการของที่เรียบง่ายและทุกคนสามารถเข้าถึงสินค้าเหล่านั้นได้แค่นั้นเอง...”
“เอาล่ะๆ ผมไม่แกล้งคุณแล้ว” เซี่ยเหล่ยเริ่มพูดอย่างจริงจัง “ผมต้องการให้ ซุปเปอร์มาเก็ตของเรานั้นสามารถให้บริการได้ทันที ดังนั้นภาระทางการเงินจะต้องตกอยู่กับผม อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงซุปเปอร์มาเก็ตแห่งนี้และการนำสินค้าเข้ามาขายที่นี่จะมีราคาสูงมากกว่าล้านหยวน ผมได้คำนวณไว้หมดแล้ว ไม่มีทางที่จะเปิดซุปเปอร์มาเก็ตในตอนนี้ได้เลยเพราะเราจำเป็นต้องใช้เงินจำนวน 3 ถึง 4 ล้านหยวนในการลงทุน ผมในตอนนี้ไม่มีเงินมากมายขนาดนั้นเงินที่ผมมีเหลืออยู่มีแค่เพียงที่จะจ่ายค่าจ้างพนักงานแต่ละคนในตอนสิ้นเดือนแค่นั้น ผมไม่กล้าแตะต้องเงินส่วนนั้นซะด้วยสิ”
“ยืมเงินจากนายกเทศมนตรีหู่อีกครั้งสิ” ฉิงเสวียงพูด “เขาสามารถให้ยืมให้คุณยืมเงินได้ถึง 6 ล้านแล้วทำไมจะขอยืมเพิ่มเป็น 10 ล้านไม่ได้ล่ะ ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มแบบเก้ๆกังๆ “เขาให้ผมยืมเงินเพื่อก่อตั้งบริษัทแห่งนี้เนื่องจากกลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีนต้องการชิ้นส่วนที่มีคุณภาพสูง พวกเขาไม่ได้ให้เราก่อตั้งบริษัทมาเพื่อสร้างซุปเปอร์มาเก็ต การเปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตบนที่ดินผืนนี้เราเป็นคนคิดขึ้นมาเองดังนั้นเราจึงไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากพวกเขาได้”
“แล้วไงต่อ ?”
เซี่ยเหล่ยหยุดคิดสักครู่หนึ่ง “ถ้าคุณติดต่อคนที่จะสนับสนุนพวกเราได้ผมก็ไม่มีปัญหานะ ถ้าคุณสามารถหาคนเหล่านั้นมาคุยกับผมได้เราจะตกลงเซ็นสัญญากันทันทีตอนนี้สถานะทางด้านการเงินของผมไม่ค่อยดี ผมต้องการคนที่จะมาช่วยเหลือผมในส่วนนี้”
ฉิงเสวียงถอนหายใจออกมา “ตกลง ผมจะลองหาดู”
“อือ แล้วก่อนจะไปคุยกับพวกเขาแต่งตัวให้ดีกว่านี้สักหน่อยนะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“หยาบคาย !” ฉิงเสวียงเอามือไปไว้ที่สะโพกก่อนที่จะมองเซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยนึกขึ้นมาว่า ‘เราคงเผลอพูดอะไรออกไปไม่ดีอีกแล้วใช่มั้ยเนี๊ย !’
ติดตามตอนต่อไป…….