เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 126 วิญญาณภูตพฤกษา (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 126 วิญญาณภูตพฤกษา
แปลโดย iPAT
ยอมรับความพ่ายแพ้...
คำกล่าวของฟางหยวนดังก้องอยู่ในโสตประสาทของผู้คน สายตาของผู้ใช้วิญญาณระดับสองทั้งหมดจ้องมองฟางหยวนด้วยความประหลาดใจ แต่ฟางหยวนไม่สนใจ เขายังยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างไม่แยแส
“ยอมรับความพ่ายแพ้งั้นหรือ? เขายอมรับความพ่ายแพ้โดยตรง ข้าฟังผิดไปหรือไม่?”
“เขาคือฟางหยวน? เขาไม่กล้าแม้แต่จะออกมา ฮ่าฮ่า”
“พวกเรารู้จักความแข็งแกร่งของซ่งหลี่ เขาแข็งแกร่งจริงๆ แต่กระทั่งเจ้าจะต้องการยอมแพ้ อย่างน้อยก็ควรทำหลังจากการประลอง การยอมรับความพ่ายแพ้โดยตรงเป็นการแสดงความขี้ขลาด แม้แต่ตระกูลก็จะเสื่อมเสียชื่อเสียง”
เสียงกระซิบราวกับระลอกคลื่นในทะเลสาบอันเงียบสงบ
สายตาดูแคลนของผู้คนเป็นเหตุให้ผู้ใช้วิญญาณของตระกูลแสงจันทร์เริ่มไม่สบายใจ ฟางหยวนเป็นสมาชิกตระกูลแสงจันทร์ การยอมรับความพ่ายแพ้โดยตรงของฟางหยวนทำให้พวกเขารู้สึกอับอาย
“เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ได้อย่างไร ฟางหยวน เจ้าเป็นสมาชิกตระกูลแสงจันทร์ จงก้าวออกไปและต่อสู้กับซ่งหลี่อย่างกล้าหาญ”
“แม้เจ้าจะพ่ายแพ้แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง”
“หากเจ้าไม่ก้าวออกไป มันจะทำให้พวกเราทั้งหมดสูญเสียเกียรติยศและศักดิ์ศรี”
สมาชิกบางคนของตระกูลแสงจันทร์กระตุ้นฟางหยวน แต่ฟางหยวนไม่แยแสราวกับถ้อยคำเหล่านั้นเป็นเสียงเห่าของสุนัข
คำว่าเกียรติยศและศักดิ์ศรีเป็นเพียงภาพวาดบนกระดาษ มันเป็นโซ่ที่ชนชั้นสูงใช้ล่ามสมาชิกในองค์กร
ผู้ใช้วิญญาณเหล่านี้ไม่ต่างจากสุนัขที่มีสายจูง
ซ่งหลี่มองฟางหยวนและหัวเราะ “ข้าผิดหวังจริงๆ นี่คือวิธีแสดงความกล้าหาญของสมาชิกตระกูลแสงจันทร์เช่นนั้นหรือ?”
ใบหน้าสมาชิกตระกูลแสงจันทร์กลายเป็นไม่น่ามองเมื่อได้ยินถ้อยคำเหล่านี้
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากสมาชิกตระกูลซ่ง ขณะที่สายตาของสมาชิกตระกูลไป่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
ผู้คนที่อยู่รอบๆฟางหยวนเริ่มถอยห่างออกไปพร้อมกับใบหน้าที่เผยให้เห็นถึงความอับอาย
เพียงไม่นานก็ไม่เหลือผู้ใดยืนอยู่ในรัศมีห้าก้าวจากฟางหยวน
ฟางหยวนยืนอยู่เพียงผู้เดียวแต่การแสดงออกของเขายังสงบเยือกเย็น
ทุกคนชื่อชอบชื่อเสียง แต่ฟางหยวนถูกเย้ยหยัน นี่ทำให้ผู้คนไม่ชอบเขา
ฟางหยวนไม่สนใจชื่อเสียง เขาปฏิเสธค่านิยมของสังคม การปฏิเสธค่านิยมของสังคมก็คือการปฏิเสธผู้คนในสังคม
หากเป็นคนอื่น พวกเขาจะไม่ปฏิเสธคุณค่าของตนเอง มิฉะนั้นพวกเขาจะรู้สึกว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง ด้วยเหตุนี้ผู้ใช้วิญญาณเหล่านั้นจึงเริ่มคว่ำบาตรฟางหยวน
คนที่อ่อนแอจะพ่ายแพ้ให้กับการปฏิเสธดังกล่าวและจะเปลี่ยนแปลงตนเองให้เหมาะกับสังคมนั้นๆ
อย่างไรก็ตามฟางหยวนกลับต้องการการปฏิเสธจากสังคม ทั้งหมดก็คือเขามีความลับมากเกินไป เขาต้องการถูกโดดเดี่ยว ในเวลาเดียวกันผู้คนเหล่านี้ก็ไม่มีค่าพอที่จะเป็นสหาย ในความทรงจำของเขา สามหมู่บ้านบนภูเขาชิงเหมาแทบจะไม่สามารถรอดพ้นจากคลื่นหมาป่า แต่อุบัติเหตุครั้งใหญ่ในอีกสองปีหลังจากนี้จะเป็นสิ่งกวาดล้างพวกเขาทั้งหมดและเปลี่ยนภูเขาชิงเหมาให้กลายเป็นดินแดนรกร้างอย่างแท้จริง
สิ่งที่ฟางหยวนต้องการขณะนี้มีเพียงยกระดับการบ่มเพาะของตนเองให้รวดเร็วที่สุดและปล่อยให้ตระกูลเผชิญหน้ากับวิกฤตขณะที่ตนเองหลบหนี
ผู้ใช้วิญญาณระดับสองหมายเลขหนึ่งของตระกูลแสงจันทร์ฉิงซูก้าวออกไปเมื่อเห็นสถานการณ์นี้
“ซ่งหลี่ มาฝึกซ้อมกับข้าเป็นอย่างไร?”
“ฮ่าฮ่า พวกเรางั้นหรือ?” ซ่งหลี่เผยรอยยิ้มแต่การแสดงออกของเขากลับเปลี่ยนเป็นจริงจัง
ฉิงซูไม่มองซ่งหลี่ขณะที่ยกมือขึ้นปลดปล่อยเถาวัลย์สีเขียวให้เลื้อยคลานออกมาปกคลุมฝ่ามือของเขา “มาประลองพละกำลัง หากเจ้าสามารถหลุดรอดไปจากการจับกุมของข้า เจ้าจะเป็นผู้ชนะ ตกลงหรือไม่?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ตกลงตามนั้น” ซ่งหลี่เผยรอยยิ้มกว้างขณะที่ดวงตาส่องประกายขึ้น
‘ข้ามีความแข็งแกร่งของหมีสองตัว แม้เถาวัลย์จะเหนียว แต่ข้ารับประกันว่าจะทำลายมันด้วยพละกำลังของข้า ซ่งเจียงเอาชนะไป่ปิงอี้ ข้าก็จะเอาชนะฉิงซู ด้วยวิธีนี้มันจะทำให้พวกเราได้รับชื่อเสียงเป็นอย่างมาก’ ซ่งหลี่คิด
ฉิงซูเผยรอยยิ้มบาง เขายื่นมือทั้งสองข้างออกไปขณะที่เถาวัลย์สีเขียวงอกออกมาจากฝ่ามือของเขาราวกับอสรพิษสองตัวก่อนจะพุ่งเข้ารัดพันร่างกายของซ่งหลี่เอาไว้
สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ใช้วิญญาณทั้งหมดไม่สามารถละสายตาไปจากเหตุการณ์นี้
“เชิญ” ฉิงซูพูดกับซ่งหลี่
ซ่งหลี่กำหมัดแน่นก่อนจะเริ่มปลดปล่อยพละกำลังออกมา มัดกล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาพองโตขึ้นราวกับหินก้อนใหญ่
ความแข็งแกร่งของหมี!
บึม!
เถาวัลย์สีเขียวเริ่มปลิแตกภายใต้พละกำลังอันมหาศาล
“ฮ่าฮ่า พี่ชายฉิงซู ดูเหมือนผู้ชนะการประลองครั้งนี้จะเป็นข้า” ขณะที่ซ่งหลี่กำลังใช้พละกำลังทั้งหมด เขายังสามารถพูดคุย
“ท่านหัวหน้า...” ฟางเจิ้งรู้สึกระวนกระวายเช่นเดียวกับผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆของตระกูลแสงจันทร์ หากฉิงซูพ่ายแพ้ นี่จะทำให้พวกเขาสูญเสียใบหน้าอย่างแท้จริง
“อย่าพึ่งด่วนตัดสิน” ฉิงซูเผยรอยยิ้มมั่นใจ
เพียงเมื่อเขากล่าวจบคำ เถาวัลย์สีเขียวก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มันเปลี่ยนจากสีเขียวหยกเป็นสีเขียวเข้ม ในเวลาเดียวกันเถาวัลย์ก็เริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ใบหน้าของซ่งหลี่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อเถาวัลย์แข็งแกร่งขึ้นมากกว่าสิบเท่า
สิ่งที่ทำให้เขายิ่งวิตกก็คือเถาวัลย์ที่ฉีกขาดก่อนหน้ายังกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง
วิญญาณหมียักษ์!
เมื่อรับรู้ถึงสถานการณ์ที่เลวร้าย ซ่งหลี่ไม่ลังเลที่จะกระตุ้นใช้วิญญาณหมียักษ์และทำให้ร่างกายของเขาขยายใหญ่ขึ้น
ความแข็งแกร่งของหมีสองตัว!
เถาวัลย์สีเขียวส่งเสียงปลิแตกแต่มันยังสามารถต้านทานความแข็งแกร่งของซ่งหลี่
ใบหน้าของซ่งหลี่กลายเป็นแดงก่ำ เขาต้องใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อทำลายเถาวัลย์เหล่านี้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่ง เขากลับไม่สามารถคงสภาพนี้เอาไว้ได้อีกต่อไป
“ข้าแพ้แล้ว” เขาปลดความแข็งแกร่งของหมีสองตัวออกก่อนกล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบา
“เจ้าปล่อยให้ข้าชนะ” ฉิงซูเก็บเถาวัลย์กลับไป
“ท่านฉิงซูทำได้ยอดเยี่ยมนัก” สมาชิกตระกูลแสงจันทร์รู้สึกร่าเริงขึ้นทันที
“สมกับเป็นท่านหัวหน้า พี่ใหญ่ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเขาแม้แต่น้อย” ฟางเจิ้งมองฉิงซูด้วยความเคารพนับถือ
สายตาของซ่งหลี่ปรากฏความซับซ้อนขณะที่เขามองไปยังฉิงซู คนผู้นี้คือคู่แข่งที่แท้จริงของเขา สำหรับฟางหยวน เขาเป็นเพียงเด็กใหม่และไม่มีสิ่งใดต้องกังวล
‘มันเป็นวิญญาณภูตพฤกษา’ ฟางหยวนคิดหลังจากสังเกตจากระยะไกล
ซ่งหลี่ไม่ตระหนักถึงใบไม้สีเขียวที่งอกขึ้นบนเส้นผมสีเขียวของฉินซู แต่ไม่ใช่ฟางหยวน
วิญญาณภูตพฤกษาจะเปลี่ยนผู้ใช้วิญญาณให้เป็นต้นไม้ปีศาจที่สามารถดูดซับพลังงานธรรมชาติจากสิ่งแวดล้อมและเปลี่ยนเป็นพลังงานของตนเอง
ผู้ใช้วิญญาณทั่วไปไม่สามารถทำเช่นนี้ พวกเขาทำได้เพียงพึ่งพาพลังวิญญาณในทะเลวิญญาณของตนเท่านั้น
อย่างไรก็ตามวิญญาณภูตพฤกษาอนุญาตให้พวกเขาสามารถดูดซับพลังงานจากธรรมชาติเช่นเดียวกับการดูดซับพลังงานจากหินวิญญาณ แม้พวกเขาจะไม่สามารถดูดซับได้อย่างไม่สิ้นสุด แต่มันยังทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้ได้นานขึ้นเป็นสามเท่าและยังช่วยเพิ่มพลังให้กับวิญญาณประเภทพฤกษาเช่นวิญญาณเถาวัลย์เขียวของฉิงซูอีกด้วย
ฟางหยวนสามารถเชื่อมโยงจุดต่างๆได้อย่างรวดเร็ว ‘เส้นทางการหลอมรวมวิญญาณภูตพฤกษาถือเป็นเส้นทางที่ฟุ่มเฟือยที่สุดเส้นทางหนึ่ง หากต้องการยกระดับวิญญาณภูตพฤกษาขึ้นเป็นวิญญาณภูตพฤกษาร้อยปีระดับสี่ พวกเขาต้องใช้วิญญาณอายุยืนหนึ่งร้อยปี จากนั้นพวกเขาต้องใช้วิญญาณอายุยืนหนึ่งพันปีเพื่อยกระดับมันเป็นวิญญาณภูตพฤกษาพันปีระดับห้า แต่ผู้ใช้วิญญาณไม่นิยมใช้วิธีนี้ พวกเขามักใช้วิญญาณอายุยืนยืดอายุขัยให้กับตนเองมากกว่า’
บนโลกใบนี้มนุษย์มีอายุขัยไม่เกินหนึ่งร้อยปี หากไม่เจ็บป่วยหรือเกิดอุบัติเหตุ หนึ่งร้อยปีคือขีดจำกัดของพวกเขา
อย่างไรก็ตามวิญญาณอายุยืนสามารถเพิ่มอายุขัยให้กับพวกเขาหนึ่งร้อยปีหรือกระทั่งหนึ่งพันปี แน่นอนว่าวิญญาณอายุยืนเป็นสมบัติล้ำค่าที่หาได้ยากมาก แต่ทุกคนต่างพยายามตามล่ามัน
ฟางหยวนสามารถมีชีวิตอยู่ถึงห้าร้อยปีในชีวิตก่อนหน้าเพราะเขาครอบครองวิญญาณอายุยืนห้าร้อยปี ดังนั้นอายุขัยของเขาจึงเพิ่มเป็นหกร้อยปี แต่สุดท้ายเขากลับถูกรุมโจมตีโดยผู้เอ่ยอ้างความชอบธรรมและต้องหวนคืนกลับมาในช่วงเวลานี้
วิญญาณอายุยืนสามารถเพิ่มอายุขัย แต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่ตาย
‘วิญญาณภูตพฤกษาทรงพลังแต่มันก็มีข้อเสีย หากใช้งานมันนานเกินไป มันจะเปลี่ยนคนผู้นั้นให้กลายเป็นต้นไม้ไปอย่างสมบูรณ์ ในชีวิตก่อนหน้า ร่างกายของฉิงซูเปลี่ยนเป็นต้นไม้และตายไปในลักษณะนั้น’
โดยทั่วไปยิ่งเป็นวิญญาณที่ทรงพลังมากเท่าใด พวกมันก็ยิ่งมีผลข้างเคียงร้ายแรงมากเท่านั้น เว้นเพียงพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากวิญญาณชนิดอื่น
ตัวอย่างเช่นซ่งเจียงใช้วิญญาณผีดิบ หากเขาไม่ใช้งานวิญญาณผีดิบร่วมกับวิญญาณสายเลือด เลือดในร่างกายของเขาจะลดลงเรื่อยๆและเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นผีดิบที่แท้จริงไปในที่สุด
กลุ่มของซ่งหลี่กลับไปยังพื้นที่ของตระกูลซ่ง พวกเขาได้รับชัยชนะครั้งแรกจากไป่ปิงอี้ จากนั้นพวกเขาแพ้ให้แก่ฉิงซู แต่พวกเขายังได้รับเสียงปรบมือและเสียงสรรเสริญเป็นอย่างมาก
“โม่เยี่ยน ข้าขอท้าทายเจ้า!”
“ซ่งเจียวม่าน ข้าจะสู้กับเจ้า!”
หลังจากกลุ่มของซ่งหลี่ ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆก็เริ่มท้าทายฝ่ายตรงข้ามเพื่อแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของพวกเขาอย่างต่อเนื่อง
ลานประชุมพันธมิตรสามตระกูลกลายเป็นชุลมุนวุ่นวาย
การต่อสู้ระหว่างผู้ใช้วิญญาณเริ่มขึ้นแล้ว