TXV – 96 ความคุ้มค่าของที่ดินผืนนั้น !
TXV – 96 ความคุ้มค่าของที่ดินผืนนั้น !
ที่ไซต์ของอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยจากงานในตอนเช้า หลางซือเหยาเองกำลังยุ่งอยู่กับการวัดพื้นที่และวาดรูป คนส่งของและวิศวกรจากฟอร์เรส แมนเองก็ทยอยขนวัสดุก่อสร้างมาเรื่อยๆ เหล่าวิศวกรก็กำลำเตรียมตัวเริ่มงานของวันนี้กันแล้ว
ถ้าไม่มีปัญหาข้อผิดพลาดอะไรเกิดขึ้น เวิร์คช็อปก็จะถูกสร้างขึ้นที่นี่ในอีก 1 เดือนข้างหน้า พร้อมกับแผ่นป้ายอุตสาหกรรมอาชาสายฟ้าที่แขวนเอาไว้หน้าประตู
เซี่ยเหล่ยนึกถึงความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในใจ ขณะที่มองภาพที่แสนจะวุ่นวายของการก่อสร้างตรงหน้า “เสี่ยวอัน ผมอยากให้คุณเห็นจัง ผมจะได้ล้างแค้นให้คุณในอีกไม่กี่วันแล้วนะ ฮวงยี่หู่ต้องเสร็จเราแน่ ผมรับประกันเลย”
แม้หม่าเสี่ยวอันจะไม่ได้ยินที่เขาพูด แต่ถ้าได้ยิน เขาจะต้องมีความสุขแน่นอน
หลางซือเหยาพา กวนหลิงชานและหยินฮ่าวเดินไปรอบๆไซต์ อธิบายรายละเอียดที่เธอออกแบบเอาไว้ หลางซือเหยาไม่ได้รู้เรื่องที่พวกนักเรียนถูกทำร้ายเลยจนกระทั่งได้มาทำงานที่ไซต์ด้วยตัวเอง เธอโกรธเพราะเรื่องนั้นอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายเธอก็ตั้งใจทำงานจนลืมความโกรธไปหมด......
เซี่ยเหล่ยเดินผ่านทั้งสามคน จึงได้ยินบทสนทนาของพวกเขาด้วย
“พี่หลาง ฉันคิดว่าเราน่าจะสร้างออฟฟิศไว้ใกล้กับถนนนะคะ ลูกค้าจะได้เห็นออฟฟิศเราทันทีที่มาถึง” กวนหลิงชานกล่าว
“แต่ฉันว่าคลังสินค้าควรจะอยู่ติดกับถนนนะคะ เราจะได้สะดวกสำหรับขนถ่ายสินค้าทั้งเข้าและออกเลย นอกจากนี้เรายังประหยัดค่าใช้จ่ายในการจัดการด้วยนะคะ” หยินฮ่าวออกความเห็น
“ก็ถูกของทั้งสองคนนะ เดี๋ยวฉันจะไปถามประธานเซี่ยดู” หลางซือเหยากล่าว
เซี่ยเหล่ยเดินตรงเข้าไปหาทั้งสาม ยิ้มแล้วพูดว่า “ผมคิดอีกแบบนะ”
ทั้งสามคนเมื่อรู้แล้วว่าเซี่ยเหล่ยเดินเข้ามา กวนหลิงชานและหยินฮ่าวก็ทักทายเขาทันที
ส่วนหลางซือเหยาส่งยิ้มหวานให้เซี่ยเหล่ย “คิดว่าไง ?”
“ผมคิดว่าตอนนี้เราคงยังใช้พื้นที่เยอะๆแบบนั้นไม่ได้” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หลางซือเหยา กวนหลิงชานและหยินฮ่าวมองเซี่ยเหล่ยด้วยความงุนงง ไม่เข้าใจว่าเขาหมายความว่าอะไร
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ผมเดินสังเกตรอบๆที่ดินผืนนี้มาทั้งเช้าแล้ว ดูสิ ตรงนั้นมีชุมชนขนาดใหญ่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน การคมนาคมก็สะดวก มีรถผ่านเยอะ ทำไมเราไม่ใช้ที่ดินใกล้ถนนสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆแทนออฟฟิศล่ะ แต่ละปีเราจะได้กำไรไม่น้อยเลยนะ”
“ซูเปอร์มาร์เก็ต?” หลางซือเหยามองเซี่ยเหล่ยด้วยความตกตะลึง แทบไม่เชื่อเลยว่าเขาจะคิดแบบนี้
ทั้งกวนหลิงชานและหยินฮ่าวเองก็นิ่งอึ้งไปเพราะแทบไม่เชื่อหูตัวเองเช่นกัน
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ? ฮวงยี่หู่อยากได้ที่ดินผืนนี้แทบตายเพราะมันมีประโยชน์มากกว่าที่เราเห็นใช่มั้ยล่ะ? ผมได้ที่นี่มาและแม้ว่ารัฐบาลจะกำหนดข้อจำกัดเกี่ยวกับการขายและให้เช่าที่ดินนี้เอาไว้ แต่ก็ไม่ได้จำกัดนี่ว่าผมจะทำอะไรกับมัน ถ้าผมสร้างซุปเปอร์มาร์เก็ตบนที่ดินของผม ซุปเปอร์มาร์เก็ตก็จะเป็นของเราโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเลยด้วย สินค้าของเราก็จะขายถูกลงได้อีก ไม่ต้องห่วงหรอกว่าจะไม่มีคนมาซื้อของเรา แล้วอย่าดูถูกรายได้จากซูเปอร์มาร์เก็ตเชียวล่ะ ถ้าซูเปอร์มาร์เก็ตขายดีทุกวัน เราก็ทำเงินได้หลายร้อยล้านต่อปีแบบไม่มีปัญหาเลยล่ะ เราจะปฏิเสธแหล่งรายได้แบบนั้นไปทำไม จริงมั้ย? อีกอย่าง เงินที่ได้ยังเอาไปใช้เพิ่มในส่วนสวัสดิการพนักงานได้ด้วยนะ”
การสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตในทำเลที่ดีแบบนี้ดูเหมือนจะเป็นความคิดแบเรื่อยเปื่อยแต่สิ่งนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับเซี่ยเหล่ยเลยทีเดียว
การเริ่มก่อตั้งบริษัทนั้นไม่เหมือนกับเวิร์คช็อปในเรื่องของการทำประกันภัย พนักงานทุกคนจะต้องทำประกันและนั่นนำมาซึ่งค่าใช้จ่ายที่สูงมาก บริษัทใหม่ที่มีพนักงานมากกว่าหนึ่งร้อยคนและมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากในการทำงานแต่ละวัน ถ้าเซี่ยเหล่ยขาดเงินไปแม้แต่นิดเดียว เขาก็คงอยู่ในจุดที่ไม่มีความน่าเชื่อถือในฐานะประธาน ถ้าเซี่ยเหล่ยเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตในที่ใกล้ชุมชนแล้วช่วยลดภาระทางการเงินที่ใช้ในการบริหารได้.......ทำไมเขาจะไม่ทำล่ะ?
ทันใดนั้นหลางซือเหยาก็หัวเราะออกมา “ฉันไม่ได้คิดเรื่องนั้นเลย นี่เป็นความคิดที่เจ๋งไปเลย! เราคงเสียพื้นที่ไปเปล่าๆแน่เลยถ้าจะใช้ที่ดินตรงนี้สำหรับโรงงานเครื่องจักร คงจะเสียเปล่ามากๆเลยล่ะถ้าเราไม่ใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มค่าที่สุด ฉันสนับสนุนไอเดียซูเปอร์มาร์เก็ตนะ แต่ก็นะ เราน่าจะสร้างสัก 3 ชั้น อย่างแรกก็ชั้นใต้ดิน ชั้นสองข้างบนและออฟฟิศของเราก็ต้องใช้ชั้นสามและสี่ พวกคุณคิดว่าไง?”
“นั่นสิ ถ้าทำแบบนั้นยังช่วยลดต้นทุนในการสร้างออฟฟิศแยกต่างหากด้วยนี่นะ” กวนหลิงชานเสริม
หยินฮ่าวพูดต่ออย่างตื่นเต้น “ใช่แล้ว เราต้องสร้างทางเข้าของพนักงานด้วย เราจะได้เดินจากเวิร์คช็อปไปยังชั้น 3 และ 4 โดยไม่ต้องผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต ลูกค้าก็เข้าไปในออฟฟิศเราไม่ได้ แค่นี้ก็ไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของเราแล้วด้วย”
เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมา “งั้นจะรออะไรกันล่ะ? ไปเร็ว ออกแบบให้เสร็จเลย”
“เราจะทำให้เสร็จเดี๋ยวนี้เลยค่ะ” กวนหลิงชานและหยินฮ่าวพูดพร้อมกัน ทั้งสองมองหน้ากันแล้วยิ้มเขินๆ
หลังจากที่กวนหลิงชานและหยินฮ่าวเดินไปแล้ว หลางซือเหยาก็พูดขึ้น “ใครจะเป็นผู้ดูแลซูเปอร์มาร์เก็ตล่ะ?”
“ผมมีคนในใจแล้ว เขาน่าจะทำได้” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ใคร ?” หลางซือเหยาถาม
ตอนนั้นเอง เสียงรถมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่าก็ดังขึ้นมาจากทางถนน ตรงเข้ามาหาพวกเขาก่อนจะจอด ชายหนุ่มสวมกางเกงหนังขาสั้นรัดรูปกับเสื้อยืดสีขาวปักลายเล็กน้อยวาดขาลงมาจากรถ ใบหน้าสวย รูปร่างสมส่วน และก้นที่กลมมน เขาคือคนที่เซี่ยเหล่ยพูดถึงก็คือ ‘ฉิงเสวียง’ นั่นเอง
เมื่อฉิงเสวียงเงยหน้าขึ้น ทุกคนถึงกับมองเขาสองรอบ บางคนเริ่มกระซิบคุยกับคนข้างๆเรื่องเขา ฉิงเสวียงดูจะชินชากับสายตาที่มองเขาแปลกๆแบบนี้ และไม่ได้ใส่ใจมากนักในขณะที่เดินตรงไปยังเซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยา
นี่เป็นครั้งแรกที่หลางซือเหยาได้พบกับฉิงเสวียง เธอจึงลดเสียงลงถาม “นี่ใครเหรอ? เพื่อนคุณ ?”
“เขาชื่อฉิงเสวียง เขาคือคนที่ผมพูดถึง ตอนคุณถามว่าจะให้ใครดูแลซูเปอร์มาร์เก็ต” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“หา?” หลางซือเหยาตกตะลึง มองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาแปลกไป
เซี่ยเหล่ยเดินออกไปต้อนรับฉิงเสวียงแล้วพูดกับเขาเบาๆ “ไอ้ชั่ว ! ผมบอกให้คุณซ่อนตัวสัก 2 - 3 วันไม่ใช่เหรอ?”
“ผมคิดๆดูแล้ว ตอนนี้ฮวงยี่หู่ทำอะไรผมไม่ได้ แล้วผมจะซ่อนตัวจากเขาไปทำไม? อีกอย่าง ถ้าเขาหาตัวผมไม่ได้ เขาก็หาคุณได้อยู่ดี เขาคงไม่นั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยอยู่แล้ว ตอนนี้เขาน่ะอันตราย ผมเลยต้องคอยอยู่ใกล้ๆคุณไว้ไง ถ้ามีคนคอยเคียงข้างคุณเยอะๆ นั่นหมายถึงคุณมีคนคอยปกป้องคุณเยอะไปด้วยนะ” ฉิงเสวียงกล่าว
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ “ก็ได้ๆ ไหนๆก็มาแล้ว อยู่ต่อเลยก็ได้ ผมขอแนะนำ นี่คือศิษย์รุ่นพี่ของผม หลางซือเหยาครับ”
ฉิงเสวียงยิ้มอย่างมีเสน่ห์แล้วออกปากชม “โอ้ คุณหลางสวยจังครับ”
หลางซือเหยารู้สึกแปลกแต่ก็ส่งยิ้มให้และจับมือกับฉิงเสวียง “สวัสดีค่ะ คุณฉิง”
เธอเกือบจะเรียกฉิงเสวียงว่าคุณหญิงไปแล้ว ฉิงเสวียงในตอนนี้เหมือนผู้หญิงมากๆ
ฉิงเสวียงแปลกใจ “คุณรู้จักผมด้วยเหรอ คุณหลาง?”
“อืมม เราเพิ่งพูดถึงคุณไปน่ะค่ะ เหล่ยอยากสร้างซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วก็อยากให้คุณเป็นคนดูแลหน่ะ” หลางซือเหยากล่าว
ฉิงเสวียงมองเซี่ยเหล่ยอึ้งๆ “อะไรเนี่ย?”
เซี่ยเหล่ยอธิบายความตั้งใจของเขาแล้วพูดต่อ “ร้านของคุณเพิ่งถูกไฟไหม้ไปนี่? ในเมื่อคุณไม่มีที่ไปแล้วก็มาทำงานกับผมสิ”
ฉิงเสวียงยิ้มออกมา “แน่นอน เปลี่ยนสังคมเปลี่ยนบรรยากาศบ้างก็คงไม่แย่หรอกเนอะ ผมจะลองดู”
“คุณหลาง!” กวนหลิงชานเรียก “มาตรงนี้หน่อยได้มั้ยคะ? เราอยากให้คุณยืนยันอะไรหน่อย”
“ฉันจะไปดูหน่อยนะ พวกคุณคุยกันต่อเถอะ” หลางซือเหยากล่าว
ฉิงเสวียงพูดอย่างอบอุ่น “ครับ คุณหลาง แล้วเจอกันนะครับ” เขาโบกมือสีขาวนุ่มนวลของเขาหลังจากพูดจบ
หลางซือเหยาเดินไปได้เพียงสองก้าวก็เริ่มพึมพำกับตัวเอง “พระเจ้า ฉันรับไม่ได้… เหล่ยไม่ได้ชอบแบบนี้นี่ หรือเขาชอบนะ? ไม่ ไม่ เขาเป็นคนอ่อนไหวด้วยสิ ตอนเราฝึกหวิงชุนกับเขา ท่าทางชัดเจนแบบนั้น เราเห็นมาตั้งหลายครั้งแล้วนะ เขาต้องเป็นผู้ชายแท้ๆสิ…”
หลังจากหลางซือเหยาเดินไปแล้ว เซี่ยเหล่ยก็ถามขึ้น “คุณส่งจดหมายไปรึยัง?”
“ฉันทำสำเนาจดหมายแจ้งข้อมูลที่คุณเขียนและส่งไปยังหน่วยงานต่อต้านการทุจริตทั้งหมดในเมือง ผมส่งไปให้สถานีข่าว 2 อีกที่ด้วยนะ” เขายิ้ม “แล้วก็ วิดีโอที่คุณเอาลงโลกออนไลน์ตอนนี้ก็ดังไปทั่วแล้วนะ มีคนดูมากกว่า 200,000 ครั้งแหน่ะ แถมคอมเมนต์อีกหลายพันเลยล่ะ ผมเชื่อว่าเว็บไซต์ข่าวจะรายงานเรื่องนี้เร็ว ๆ นี้แน่นอน”
เริ่มมีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยเหล่ยบ้าง “ครั้งนี้ ฮวงยี่หู่เสร็จเราแน่”
“ผมพนันได้เลยว่าเขาคงไม่เคยแม้แต่จะฝันว่าคุณจะสามารถถอดรหัสความปลอดภัยที่นำเข้าจากเยอรมันได้แถมคุณยังเป็นนักย่องเบามือฉกาจอีกต่างหาก” ฉิงเสวียงกล่าว
เซี่ยเหล่ยไม่เคยเป็นนักย่องเบามืออาชีพแต่สามารถถอดรหัสเซฟที่แม้แต่หัวขโมยเก่งๆยังทำไม่ได้ นั่นทำให้เขายืดอกรับคำชมได้ไม่เต็มที่นัก เมื่อฉิงเสวียงพูดว่าเขาเป็นนักย่องเบามือฉกาจ.....
ทันใดนั้น สายตาของเซี่ยเหล่ยก็ไปสะดุดกับบางสิ่งบนถนน รถมายบัคสีดำจอดห่างอยู่ข้างถนนออกไป 500 เมตร แม้ว่ามันจะไกลมากแต่เซี่ยเหล่ยก็เป็นฮวงยี่หู่ที่เบาะคนขับได้อย่างชัดเจน
ฮวงยี่หู่ปรากฏตัวออกมาแล้ว !
เซี่ยเหล่ยไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ฮวงยี่หู่จะออกมาในเวลาแบบนี้
เมื่อเซี่ยเหล่ยเห็นฮวงยี่หู่ รถมินิแวนส์ 5 คันก็ขับออกมาจากด้านหลังของรถมายด์บัคสีดำคันนั้น รถทั้ง 5 ไม่ได้ขับเร็วมากนัก ซึ่งมินิแวนส์แต่ละคันจะมีคนอยู่ 7 คน แม้ผนังของรถจะทำมาจากเหล็ก แต่เซี่ยเหล่ยก็สามารถมองทะลุเข้าไปได้ ทุกคนบนรถเป็นลูกน้องของฮวงยี่หู่และมีอาวุธครบมือ มีดยาว ไม้กระบอง และอื่นๆ
เซี่ยเหล่ยมองไปยังรถมินิแวนส์คันสุดท้าย คันอื่นมีกัน 7 คน แต่คันนี้มี 4 คน ซึ่งทั้ง 4 คนนั้นเป็นบอร์ดี้การ์ดของฮวงยี่หู่ พวกเขามาร้อมกับปืนในมือ !
“หนีไป !” เซี่ยเหล่ยหยุดใช้ตาซ้ายแล้วรีบผลักฉิงเสวียง “ฮวงยี่หู่เอาพวกมันมาด้วย!”
“ที่ไหน?” ฉิงเสวียงถามด้วยความตระหนก
เซี่ยเหล่ยไม่มีเวลาอธิบาย เขาตะโกนดังลั่น “ซือเหยา พาคนของเราหนีไป เร็วเข้า!”
ฉิงเสวียงหันไปเห็นมินิแวนส์ 5 ที่ขับตรงมา ใบหน้าเริ่มซีดเผือด
หลางซือเหยาที่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถามว่า “อะไร? ทำไม? ทำไมเราต้องหนี?”
“ฮวงยี่หู่ยกพวกมา!” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างกระวนกระวาย
ทันใดนั้น รถมินิแวนส์ก็มาถึง ประตูรถเปิดออก กลุ่มชายหนุ่มท่าทางน่ากลัวพร้อมอาวุธครบมือก็เดินออกมา
ติดตามตอนต่อไป........