เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 125 ยอมรับความพ่ายแพ้ (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 125 ยอมรับความพ่ายแพ้
แปลโดย iPAT
'ตระกูลแสงจันทร์อดีตอันดับหนึ่ง ตระกูลไปดาวรุ่งดวงใหม่่ และตระกูลซ่งที่ไม่สามารถคาดเดา...' ฟางหยวนกวาดตามองไปรอบๆ
ตระกูลแสงจันทร์มีฉิงซู ซื่อซาน และโม่เยี่ยน ขณะที่อีกสองตระกูลมีผู้ใช้วิญญาณที่โดดเด่นเช่นกัน
ผู้นำแลกลุ่มผู้อาวุโสของทั้งสามตระกูลนั่งอยู่บนเก้าอี้หินโดยมีกองกำลังของทั้งสามฝ่ายยืนอยู่ด้านล่าง
"ข้าสงสัยว่าผู้ใดคือไป่หนิงปิงดาวรุ่งของตระกูลไป่?"
"ดูเหมือนเขาจะไม่ได้อยู่ในศาลาหิน"
ผู้คนค่อยๆค้นหาไป่หนิงปิง แม้เขาจะไม่ปรากฏตัว แต่ความโดดเด่นของเขายังดึงดูดความสนใจของผู้คนทั้งหมด
"ข้าจำได้ว่าสามปีก่อนเขายังยืนอยู่ในตำแหน่งเดียวกับพวกเรา เพียงสามปี เขากลายเป็นผู้อาวุโสผู้ใช้วิญญาณระดับสาม"
"เมื่อเขายังเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง เขาสามารถเอาชนะผู้อาวุโสของตระกูลซ่ง ชายผู้นี้มีอนาคตที่สดใส"
"ประเด็นคือจนถึงเวลานี้เขายังก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง เขาจะกลายเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสี่หรืออาจกระทั่งระดับห้า สำหรับระดับหก..."
"ระดับห้าคือมนุษย์ ระดับหกคือผู้อมตะ ระดับห้าก็ยอดเยี่ยมมากแล้ว สำหรับระดับหก เจ้าประเมินเขาสูงเกินไป"
"ผู้ใดจะสามารถคาดเดาอนาคต?"
ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผู้อาวุโสของทั้งสามตระกูลลุกขึ้นยืนและมองไปยังกองกำลังผู้ใช้วิญญาณนับพันที่อยู่ด้านล่าง
ผู้นำตระกูลแสงจันทร์ยืนอยู่ตรงกลาง ผู้นำตระกูลไป่และตระกูลซ่งยืนอยู่ด้านซ้ายและขวาตามลำดับ
ลานประชุมพันธมิตรค่อยๆเงียบเสียงลง
อวี๋โป้กวาดตามองไปรอบๆก่อนกล่าว "พันธมิตรสามตระกูลเกิดขึ้นในยามยาก การประลองระหว่างผู้ใช้วิญญาณจะแสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่การประลองจะต้องหยุดลงก่อนที่ความตายจะเกิดขึ้น เอาล่ะ เริ่มได้"
ผู้ใช้วิญญาณด้านล่างหันหน้าจ้องมองซึ่งกันและกัน
เมื่อพันธมิตรสามตระกูลถูกจัดตั้งขึ้น การประลองระหว่างผู้ใช้วิญญาณจะเกิดขึ้นเสมอ ไม่เพียงมันจะแสดงถึงความแข็งแกร่งส่วนบุคคล แต่มันยังเป็นการปลดปล่อยความโกรธแค้นเพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่นในอนาคต
แต่ผู้ใดจะเป็นคนแรก?
หากผู้ใช้วิญญาณคนแรกที่ก้าวเข้าสู่ลานประลองพ่ายแพ้ต่อหน้าผู้คนมากมาย นอกจากจะเสื่อมเสียชื่อเสียงของตนเอง มันยังจะทำให้ผู้อาวุโสของตระกูลเสียงหน้าอีกด้วย
ครั้งก่อนหน้าเป็นไป่หนิงปิงที่ก้าวออกมาเป็นคนแรก
ขณะที่ฝูงคนยังลังเล ซ่งหลี่นำกลุ่มของเขาก้าวออกไปข้างหน้า คนทั้งห้าเดินผ่านพื้นที่ของตระกูลแสงจันทร์ไปหยุดยืนอยู่ด้านหน้าตระกูลไป่
"มันเป็นซ่งหลี่!"
"บุคคลที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดบนภูเขาชิงเหมา"
"ถูกต้อง ไม่นานมานี้ดูเหมือนเขาจะเอาชนะซื่อซานแห่งตระกูลแสงจันทร์ในที่สาธารณะ กระทั่งไป่หนิงปิงก็ยังไม่ใช่คู่แข่งของเขา"
"บัดซบ! เขาต้องการกลั่นแกล้งตระกูลไป่งั้นหรือ?"
ในพื้นที่ของตระกูลไป่เกิดความวุ่นวายขึ้นเล็กน้อย หลายคนรู้จักพละกำลังของซ่งหลี่และเริ่มรู้สึกกดดัน
ซ่งเจียงที่ยืนอยู่ด้านข้างซ่งหลี่ป้องมือขึ้นด้านหน้าพื้นที่ของตระกูลไป่ "ข้าซ่งเจียงจากตระกูลซ่งขอท้าทายพี่ชายไป่ปิงอี้แห่งตระกูลไป่"
เสียงพูดคุยปะทุขึ้นทันทีเมื่อเขากล่าวจบประโยค
สถานะของไป่ปิงอี้อยู่ในระดับเดียวกับซื่อซานและโม่เยี่ยน ในตระกูลไป่ เขาด้อยกว่าไป่หนิงปิงเพียงผู้เดียว สำหรับซ่งเจียง เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการเอาชนะคนที่แข็งแกร่ง
แต่เขาจะมีความสามารถเพียงพอหรือไม่?
ไป่ปิงอี้ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าดุร้าย ร่างกายของเขาเล็กกะทัดรัดและมีผิวสีขาวซีดราวกับคนป่วย แต่ไม่มีผู้ใดกล้าประมาทคนผู้นี้
"ซ่งเจียง เมื่อเจ้ากล้าท้าทายข้า นั่นถือว่าเจ้ามีความกล้าหาญบางอย่าง ดังนั้นข้าจะรับคำท้าของเจ้า" เขากล่าวกับซ่งเจียง
ซ่งเจียงหัวเราะเสียงเย็น "ข้าถนัดป้องกัน ส่วนท่านเชี่ยวชาญการโจมตี เช่นนั้นข้าจะป้องกันและท่านโจมตี ข้าจะให้ท่านโจมตีสามครั้งและจะสรุปผลหลังจากนั้น"
นี่ไม่ใช่การต่อสู้แห่งชีวิตและความตาย มันเป็นเพียงการประลองเท่านั้น
แต่ความมั่นใจของซ่งเจียงหมายความว่าเขาเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี นั่นทำให้เสียงพูดคุยดังขึ้นอีกครั้ง
ไป่ปิงอี้ขมวดคิ้ว "ซ่งเจียง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสอง เจ้าจะสามารถป้องกันวิญญาณหอกวารีของข้าได้งั้นหรือ?"
ซ่งเจียหัวเราะขบขัน "เรายังไม่สามารถตัดสินจนกว่าจะได้ทดลอง ถูกต้องหรือไม่?"
หลังจากนั้นร่างกายของเขาก็เริ่มเหี่ยวแห้งราวกับเปลือกไม้สีเขียว ขณะเดียวกันเขี้ยวของเขาก็ยื่นยาวออกมาจากปาก
แม้แต่รูม่านตายังกลายเป็นสีเขียว
นี่คือวิญญาณผีดิบระดับสอง
เมื่อมันถูกกระตุ้นใช้งาน มันจะเปลี่ยนมนุษย์ให้กลายเป็นผีดิบ ผีดิบมีข้อดีในด้านความทนทานและการฟื้นฟู แต่มันยังกลัวไฟและแสงสว่าง อย่างไรก็ตามมันมีความสามารถพิเศษในการป้องกันการโจมตีที่เกี่ยวกับน้ำ ลม และพิษ
พลังของมันจะอ่อนแอลงภายใต้แสงแดดและจะแข็งแกร่งขึ้นในยามค่ำคืน
"คิดว่าข้ากลัวงั้นหรือ?" ไป่ปิงอี้หัวเราะเสียงเย็น
ภายใต้การจ้องมองของทุกคน เขารวบนิ้วทั้งห้าเป็นหอกมือก่อนที่หยดน้ำจะไหลออกมาจากปลายนิ้วและห่อหุ้มฝ่ามือทั้งหมด สุดท้ายมันยังหมุนวนอยู่รอบฝ่ามือของเขาและทำให้มันดูเหมือนสว่านน้ำ
ในช่วงเวลาสองลมหายใจ หอกมือของไป่ปิงอี้ถูกปกคลุมไปด้วยเกลียวน้ำสีฟ้าอ่อนที่หมุนวนอย่างไม่หยุดยั้ง
วิญญาณหอกวารีระดับสอง
มันสามารถเจาะทะลวงกระทั่งหินหรือเหล็ก แทบไม่มีผู้ใช้วิญญาณคนใดสามารถป้องกันมันได้
"รับมือ!" ไป่ปิงอี้ตะโกนเสียงดัง
ซ่งเจียงยกแขนทั้งสองข้างขึ้นเป็นโล่แขน ขณะที่หอกวารีเจาะทะลวงเข้าไป ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสภาวะชะงักงันไม่กี่ลมหายใจก่อนที่หอกวารีจะผลักดันให้ผีดิบก้าวถอยหลังไปห้าถึงหกก้าว
มัดกล้ามเนื้อของซ่งเจียงฉีกขาดและเผยให้เห็นกระดูกสีขาว
สมาชิกตระกูลไป่โห่ร้องด้วยความยินดี มีเพียงบางคนที่ขมวดคิ้ว
"ฮ่าฮ่าฮ่า" ซ่งเจียงระเบิดเสียงหัวเราะออกมาโดยไม่สนใจอาการบาดเจ็บของตน ในสภาวะผีดิบ การรับรู้ความเจ็บปวดของเขาจะกลายเป็นศูนย์
ไป่ปิงอี้ยืนอยู่ที่จุดเดิมแต่ใบหน้าของเขากลับซีดขาว สุดท้ายเขายังกระอักเลือดคำโตออกมาอย่างไม่สามารถควบคุม
เสียงโห่ร้องของคนตระกูลไป่เงียบลงทันที
"เกิดสิ่งใดขึ้น?" บางคนอุทาน
"มันเป็นวิญญาณกระจกเงา" ไป่ปิงอี้มองไปที่พื้น เงาของซ่งเจียงทอดตัวยาวมาถึงเงาใต้เท้าของเขา
"ดูเหมือนข้าจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ ด้วยวิญญาณกระจกเงา ไม่ว่าข้าจะได้รับบาดเจ็บเพียงใด ท่านก็จะได้บาดเจ็บหนึ่งในสิบส่วนจากทั้งหมดที่ข้าได้รับ แต่แย่หน่อยที่ท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก ดังนั้นแม้จะเป็นอาการบาดเจ็บเพียงหนึ่งในสิบ มันก็ยังสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อท่าน" ซ่งเจียงกล่าวเสียงดัง
ไป่ปิงอี้เช็ดคราบเลือดที่มุมปากและมองซ่งเจียง "ดี ดีมาก เจ้าวางแผนมาเป็นอย่างดี ข้าแพ้แล้ว"
เขายอมรับความพ่ายแพ้ในที่สุด
"ไร้ยางอายเกินไปจริงๆ"
"ฉลาดแกมโกงและไร้ยางอาย!"
"เพราะวิญญาณกระจกเงา ท่านไป่ปิงอี้จึงต้องยอมรับความพ่ายแพ้"
คนตระกูลไป่เต็มไปด้วยความเดือดดาล
ซ่งเจียงป้องหมัดขึ้นอีกครั้งก่อนกล่าว "หากเราต่อสู้กันจริงๆ ผู้ชนะคนสุดท้ายก็ยังเป็นพี่ชายไป่ ระยะการทำงานของวิญญาณกระจกเงาค่อนข้างจำกัด มันสามารถกลั่นแกล้งคู่ต่อสู้ในระยะประชิดเท่านั้น ข้าหวังว่าพี่ชายไป่จะดูแลข้าเมื่อคลื่นหมาป่ามาถึง"
"แน่นอน" การแสดงออกของไป่ปิงอี้อ่อนลงเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า
เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกตระกูลไป่เริ่มเงียบลง
กลุ่มผู้อาวุโสจากทั้งสามตระกูลพยักหน้าเมื่อเห็นฉากนี้
การประลองระหว่างผู้ใช้วิญญาณเป็นเพียงการซ้อมรบและจะไม่โจมตีกันอย่างเหี้ยมโหด ไม่ว่าทัศนคติของซ่งเจียงกับไป่ปิงอี้จะเป็นเช่นไร มันยังถือว่าพวกเขาทำได้ดี
แม้สมาชิกตระกูลไป่จะไม่ยอมรับแต่พวกเขายังรู้สึกยกย่องซ่งเจียง ทั้งหมดก็คือผลลัพธ์คือทุกสิ่ง ผู้แข็งแกร่งจะได้รับการเคารพ
"กลุ่มของซ่งหลี่เป็นการเริ่มต้นที่ดี" อวี๋โป้กล่าวสรรเสริญ
"ฮ่าฮ่าฮ่า" ผู้นำตระกูลไป่หัวเราะเบาๆ
อย่างไรก็ตามเวลานี้กลุ่มของซ่งหลี่ยังไม่ได้จากไปแต่หันหน้ามาทางตระกูลแสงจันทร์
"หลังจากท้าทายตระกูลไป่ พวกเขาต้องการท้าทายตระกูลแสงจันทร์งั้นหรือ?"
"โอ้ ไม่ ซ่งหลี่กำลังตรงมาทางนี้"
คนตระกูลแสงจันทร์เริ่มกังวล ทุกคนหันหน้ามองไปทางซื่อซาน โม่เยี่ยน และฉิงซู
แต่สิ่งที่ซ่งหลี่ประกาศออกมากลับทำให้ทุกคนประหลาดใจ "ผู้ใดคือฟางหยวน โปรดแสดงตัว ข้าได้ยินว่าเจ้าสามารถขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำด้วยตัวเจ้าเพียงลำพัง เช่นนั้นเหตุใดเราไม่มาประลองพละกำลังกันสักเล็กน้อย"
เสียงพูดคุยปะทุขึ้นอีกครั้ง
ซ่งหลี่ไม่ได้ท้าทายฉิงซู ซื่อซาน หรือโม่เยี่ยน แต่กลับเล็งเป้าไปที่เด็กใหม่
"ผู้ใดคือฟางหยวน?" คนจากหมู่บ้านอื่นไม่เคยได้ยินชื่อฟางหยวนมาก่อน
"ขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำด้วยตัวเขาเองเพียงลำพัง โอ้ พระเจ้า มันเป็นวิญญาณระดับห้า เขาทำได้อย่างไร?" หลายคนตกตะลึงและอยากรู้อยากเห็น
ผู้ใช้วิญญาณตระกูลแสงจันทร์เปิดทางออกและเผยให้เห็นร่างของฟางหยวน
ซ่งหลี่และฟางหยวนประสานสายตากันในที่สุด
มุมปากของซ่งหลี่ยกตัวขึ้นก่อนกล่าว "ข้าหวังว่าน้องชายฟางหยวนจะไม่แล้งน้ำใจและมอบบทเรียนให้ข้าอย่างไม่เห็นแก่ตัว"
"ฟางหยวนผู้นี้เป็นผู้ใด? เขามีสามหัวหกแขนงั้นหรือ?"
"การขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำเป็นเพียงเรื่องบังเอิญและความโชคดี ไม่มากไปกว่านั้น ฮืม ซ่งหลี่ผู้นี้มีเป้าหมายใหญ่"
"ฟางหยวน เจ้าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป เห้อ...ในกรณีนี้ มีเพียงต้องทำให้ดีที่สุดเท่านั้น" ซื่อซานถอนหายใจ
"โอ้ หากเป็นกรณีนี้..." ฟางหยวนยักไหล่อย่างไม่แยแส "เช่นนั้นข้าขอยอมรับความพ่ายแพ้"
ช่วงเวลาที่เขากล่าวถ้อยคำเหล่านี้ออกมา ทุกคน...ตะลึง