เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 124 ข้าไม่ต้องการความเข้าใจจากเจ้า (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 124 ข้าไม่ต้องการความเข้าใจจากเจ้า
แปลโดย iPAT
"เป็นเช่นนั้น" ฟางหยวนลูบคางก่อนส่ายศีรษะ "วิญญาณสุราไม่ได้มีไว้ขาย เมื่อเหยาจี้ต้องการ เหตุใดนางไม่ตามหาบางคนที่ซื้อวิญญาณสุราจากคฤหาสน์วิญญาณถ้ำสามดารา?"
ได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของฉิงซูกลายเป็นมืดมน เขาส่ายศีรษะ "พวกเราไม่รู้ว่าผู้ใดได้มันไป หลังจากซื้อวิญญาณสุราก็ไม่มีข่าวใดจากเขาอีกเลย พวกเราไม่พบสิ่งใดและไม่มีสิ่งใดที่พวกเราทำได้ นี่เป็นข้อห้าม ข้อห้ามใหญ่ที่สุดของผู้ใช้วิญญาณ เพียงเรื่องเล็กๆเช่นวิญญาณสุราก็อาจก่อให้เกิดความโกรธแค้นขึ้นในใจของผู้คนกลุ่มใหญ่ นั่นไม่ใช่สิ่งดี มันเป็นเรื่องที่สามารถเข้าใจได้ที่ผู้คนมักจะเก็บงำสิ่งล้ำค่าของตนเองเอาไว้ นี่คือธรรมชาติของมนุษย์"
ฉิงซูไม่รู้ว่าคนที่ซื้อวิญญาณสุราดวงนั้นนั่งอยู่ตรงหน้าเขา แต่ฉิงซูก็ไม่เคยสงสัยฟางหยวน ในมุมมองของเขา ฟางหยวนครอบครองวิญญาณสุราอยู่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิญญาณสุราดวงที่สอง
หากเขารู้วิธีหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดู เขาจะสงสัยฟางหยวน แต่นี่คือความลับที่มีเพียงฟางหยวนเท่านั้นที่ล่วงรู้
คนเดียวที่รู้ว่าฟางหยวนซื้อวิญญาณสุราคือเจียฟู่ แต่เจียฟู่ก็ไม่สามารถยืนยันได้ว่าวิญญาณสุราอยู่กับฟางหยวน เพราะฟางหยวนอาจซื้อให้ผู้ใดก็ได้ เช่นเดียวกับเหยาจี้ที่ต้องการซื้อให้หลานสาวของนาง
"ไม่ว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้น ข้าก็จะไม่ปล่อยวิญญาณสุราไป" ฟางหยวนยืนยันทัศนคติเดิมขณะที่ในใจหัวเราะขบขัน
นี่คือระบบ
ระบบที่ทำให้คนผู้หนึ่งแข็งแกร่ง แต่มันก็เป็นสิ่งหยุดยั้งพวกเขาในเวลาเดียวกัน
เหยาจี้เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสาม นางแข็งแกร่งกว่าฟางหยวนมาก แต่ระบบทำให้นางต้องรักษาชื่อเสียง รักษากฎระเบียบ และไม่สามารถบังคับให้ฟางหยวนขายวิญญาณสุรา
ฟางเจิ้งที่อยู่ด้านข้างโน้มน้าว "พี่ใหญ่ วิญญาณสุราไม่มีประโยชน์สำหรับท่าน เหตุใดท่านจึงยึดติดกับมันมากนัก ท่านยายเหยาจี้เป็นคนใจดี ข้าเคยพบน้องเหยาลี้มาแล้วหลายครั้ง นางเป็นคนดีเช่นกัน ข้าแน่ใจว่านางจะดูแลวิญญาณสุราเป็นอย่างดี วิญญาณสุราจะเป็นประโยชน์ต่อนางมาก ได้โปรด พี่ใหญ่ ท่านช่วยเหลือหมู่บ้านเอาไว้ นี่ยังเป็นการนำเกียรติมาสู่ครอบครัวของเราอีกด้วย เหตุใดท่านต้องดื้อรั้น นี่มันดีเกินไปสำหรับท่านงั้นหรือ?"
การแสดงออกของฟางหยวนกลายเป็นแข็งกร้าว เขากล่าวเสียงเย็น "น้องชายที่น่ารักของข้า ต้องการสั่งสอนพี่ชายของเจ้างั้นหรือ? วิญญาณสุราเป็นของข้า แม้มันจะตายในมือข้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์สั่งให้ข้าทำสิ่งใด!"
เขาไม่โกรธแต่นี่คือหน้ากากของหัวใจ มันคือการแสดงทัศนคติ ด้วยท่าทีเช่นนี้มันทำให้ฉิงซูเห็นถึงความแน่วแน่ในการปฏิเสธของฟางหยวน
'ฟางหยวนปฏิเสธอย่างแน่วแน่ ดูเหมือนการนำฟางเจิ้งมาด้วยจะไม่ใช่ความคิดที่ดี พี่น้องคู่นี้มีความสัมพันธ์ที่ค่อนข้างแย่และมักต่อต้านกันเสมอ ข้าเหยียบตนเองด้วยเท้าของข้าเองจริงๆ' ฉิงซูรู้สึกขมขื่น
"ฟางเจิ้งออกไปก่อน" ฟางเจิ้งต้องการกล่าวบางคำ แต่ถูกหยุดโดยฉิงซู
ฟางเจิ้งกัดฟันแต่ยังเชื่อคำพูดของฉิงซู
"ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่สามารถเข้าใจท่าน พี่ใหญ่!" ฟางเจิ้งฝากประโยคสุดท้ายเอาไว้ก่อนจากไป
"สิ่งที่ข้าทำ ไม่ต้องการความเข้าใจจากเจ้า ฟางเจิ้ง!" ฟางหยวนกล่าวอย่างไร้อารมณ์
ฟางเจิ้งที่กำลังเปิดประตูห้องถึงกับหยุดชะงักชั่วขณะก่อนที่จะเร่งฝีเท้าเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้บรรยากาศภายในห้องกลายเป็นยิ่งอึดอัด
"หากไม่มีสิ่งใดแล้ว พี่ชายฉิงซู เชิญกลับ" ฟางหยวนไล่แขกของเขาทันที
"ฮ่าฮ่า" ฉิงซูหัวเราะแห้งๆและพยายามบรรเทาความตึงเครียด แต่ใบหน้าของฟางหยวนยังเย็นชาราวกับน้ำแข็งและไม่มีสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงใดๆ
แต่ฉิงซูยังเยือกเย็นและไม่ท้อแท้
เขาถูจมูกและหัวเราะงุ่มง่าม "มีอีกเรื่องหนึ่ง มันเกี่ยวกับโสมเก้าชีวิต"
"โสมเก้าชีวิตไม่ได้มีไว้ขาย" ฟางหยวนกรอกตา
"ข้ารู้ ข้ารู้" ฉิงซูพยักหน้า "มันเกี่ยวกับใบไม้แห่งชีวิต นี่เป็นเรื่องของกลุ่ม ข้าหวังว่าเจ้าจะขายมันให้กับพวกเรา แน่นอนว่าพวกเราจะจ่ายค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม"
เมื่อมันเป็นเรื่องธุรกิจ ฟางหยวนจึงไม่ได้ปฏิเสธ "เช่นนั้นก็หกสิบห้าหินวิญญาณต่อใบ"
เมื่อได้ยินราคา ฉิงซูกลายเป็นพูดไม่ออก
ราคาขายของตระกูลอยู่ที่ห้าสิบห้าหินวิญญาณ แม้มันจะเป็นวิญญาณระดับหนึ่งและใช้ได้เพียงครั้งเดียว แต่มันสามารถรักษาชีวิต นอกจากนั้นเมื่อคลื่นหมาป่าใกล้เข้ามา ตระกูลจึงขึ้นราคาเป็นหกสิบหินวิญญาณ
แต่สิ่งที่ฉิงซูไม่คาดหวังก็คือราคาของฟางหยวนกลับสูงกว่าราคาของตระกูล
"หากคิดว่ามันแพงเกินไป ท่านไม่จำเป็นต้องซื้อ แต่เท่าที่ข้ารู้ หลังจากคลื่นหมาป่ามาถึง ตระกูลจะควบคุมทรัพยากรอย่างเข้มงวด ใบไม้แห่งชีวิตจะไม่เพียงพอต่อความต้องการ เมื่อเวลานั้นมาถึง ราคาของมันจะพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง มันกระทั่งจะขาดตลาด ถูกต้องหรือไม่? ท่านคิดอย่างไร?" ฟางหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งและคงไว้ซึ่งราคาของเขา
ฉิงซูตะลึงและกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ "เจ้ากล่าวได้ถูกต้องแล้ว แต่ราคาของเจ้าค่อนข้างสูงเกินไป เจ้าไม่กลัวว่าผู้อื่นจะต่อต้านเจ้างั้นหรือ? หากเจ้าลดราคาลง เจ้าสามารถใช้โอกาสนี้สร้างสายสัมพันธ์ หากเจ้าขึ้นราคาเช่นนี้ สมาชิกตระกูลจะไม่พอใจที่เจ้าฉกฉวยผลประโยชน์"
ฟางหยวนหัวเราะ "คลื่นหมาป่ากำลังใกล้เข้ามา ข้าเป็นเพียงปลาตัวเล็กตัวน้อย ข้าอาจตายได้ทุกเมื่อ แล้วข้ายังต้องวุ่นวายกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเช่นนี้อีกงั้นหรือ?"
"เจ้าไม่ใช่ปลาตัวเล็กตัวน้อยอีกแล้ว สายสัมพันธ์ของมนุษย์ก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเช่นกัน" ฉิงซูมองฟางหยวนอย่างลึกซึ้งก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ "แต่ทุกคนมีความคิดและทางเลือกของตนเอง ข้าจะไม่บังคับเจ้า อย่างไรก็ตามจงระวังผู้อาวุโสเหยาจี้ นางจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ ลาก่อน"
ฉิงซูไม่ได้กล่าวถึงใบไม้แห่งชีวิตอีก ทั้งหมดก็คือราคาของฟางหยวนน่ากลัวเกินไป
เขาเป็นคนฉลาดและคนฉลาดจะไม่ซื้อสิ่งของต่างๆตามแรงกระตุ้นแต่จะพิจารณาอย่างชาญฉลาด คนฉลาดจะคิดคำนวณอยู่ในใจเสมอ เมื่อราคาเกินกว่ามูลค่า พวกเขาจะตัดใจทันที
แม้ฟางหยวนจะเรียกราคาสูงกว่าตระกูลเพียงห้าหินวิญญาณ แต่ฉิงซูไม่ได้ต้องการซื้อใบไม้แห่งชีวิตเพียงใบเดียว คลื่นหมาป่าจะถาโถมเข้ามาอย่างน้อยหนึ่งปี พวกเขาต้องใช้ใบไม้แห่งชีวิตจำนวนมาก หากรวมทั้งหมด มันจะกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่มากเกินไป
"ขอบคุณสำหรับคำแนะนำ ดูแลตัวเองด้วย ข้าไม่ส่ง" ฟางหยวนกล่าวและมองฉิงซูจากไป เขามั่นใจว่าฉิงซูจะต้องกลับมาในที่สุด
นั่นเป็นเพราะฉิงซูยังประเมินความรุนแรงของสถานการณ์คลื่นหมาป่าต่ำเกินไป
ภายใต้สถานการณ์นี้ ความตายสามารถเกิดขึ้นกับทุกคน ในความทรงจำของเขา ราคาของใบไม้แห่งชีวิตจะทยายขึ้นไปมากกว่าหนึ่งร้อยหินวิญญาณ แน่นอนว่าราคานี้อยู่ในช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่ฟางหยวนต้องทำคือปรับราคาไปตามสถานการณ์
เมื่อเวลาผ่านไป อากาศยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น
ลมหนาวในปีนี้หนาวเย็นกว่าหลายปีก่อนหน้า
ฝูงหมาป่าพิการขยายอาณาเขตเข้ามาใกล้หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลมากขึ้นเรื่อยๆ
ตระกูลแสงจันทร์มอบภารกิจจำนวนมากออกไป แทบทั้งหมดเป็นภารกิจเกี่ยวกับการกำจัดหมาป่าพิการ
ช่วงปลายปี ฝูงหมาป่าพิการออกอาละวาดอย่างหนัก นี่เป็นเหตุให้สถานการณ์เลวร้ายลงอีกมาก ผู้คนมากมายในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาชิงเหมาถูกฆ่าตายโดยหมาป่าพิการเหล่านี้
ผู้ใช้วิญญาณประจำหมู่บ้านสามารถล่าถอยออกมา นี่ทำให้เหล่าชนชั้นสูงของตระกูลสามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก ความตายของผู้ใช้วิญญาณจะทำให้พวกเขาเสียใจไปครึ่งวัน แต่สำหรับคนธรรมดาที่ไร้ค่า พวกเขาจะไม่เสียเวลาคิดมาก
โลกใบนี้ไม่ใช่โลกของมนุษย์ธรรมดา
ชีวิตของผู้ใช้วิญญาณมีค่ามากกว่ามนุษย์ธรรมดานับร้อยเท่า นี่คือมุมมองของทุกคน
อย่างไรก็ตามความตายและอาการบาดเจ็บไม่ใช่เรื่องเล็ก ดังนั้นเสียงร้องไห้จึงดังขึ้นตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน
หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลสามารถผ่านเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้
แต่ฝูงหมาป่าพิการเป็นเพียงการโหมโรง คลื่นหมาป่าที่แท้จริงจะยิ่งน่าสะพรึงกลัวกว่านี้มากนัก
ผู้คนเริ่มตระหนักว่าภัยพิบัติจากคลื่นหมาป่าในปีนี้รุนแรงเป็นพิเศษ ภายใต้แรงกดดันดังกล่าว การเจรจาของสามตระกูลจึงคืบหน้าไปอย่างรวดเร็ว พันธมิตรสามตระกูลถูกก่อตั้งขึ้นในที่สุด
หนึ่งเดือนต่อมาเมื่อสิ้นฤดูหนาว
ณ เนินเขาแห่งหนึ่ง พันธมิตรสามตระกูลประชุมกันอยู่ที่นี่
หิมะโปรยปรายลงมาอย่างช้าๆ ขณะที่ผู้คนนับพันเดินทางมารวมตัวกันสร้างเป็นบรรยากาศที่ยิ่งใหญ่
เนินเขาแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ ผู้นำตระกูลแสงจันทร์รุ่นที่สองเป็นผู้ก่อตั้งพันธมิตรสามตระกูลขึ้นเป็นครั้งแรกและใช้สถานที่แห่งนี้เป็นลานประชุมของสามตระกูล ดังนั้นการประชุมพันธมิตรสามตระกูลครั้งต่อๆมาจึงถูกจัดขึ้นที่นี่เช่นกัน
หลังจากการปรับปรุงมาอย่างยาวนาน เนินเขาแห่งนี้กลายเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงหินและยังมีศาลาหินยกระดับขนาดใหญ่รวมถึงเก้าอี้หินที่นั่งไว้ด้วยชนชั้นสูงของสามตระกูล
ด้านล่างเต็มไปด้วยผู้ใช้วิญญาณจากสามฝ่าย ฟางหยวนยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนเหล่านี้
ฟางหยวนลอบสังเกตการณ์ขณะที่ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆกำลังเฝ้ามองด้วยความคิดที่หลากหลาย
"ชายผมยาวผู้นั้นก็คือฉิงซู ผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นสูงสุดและเป็นหมายเลขหนึ่งในกลุ่มผู้ใช้วิญญาณระดับสองของตระกูลแสงจันทร์" บางคนชี้นิ้วไปที่ฉิงซู
"โม่เยี่ยน ฮืม นังแม่มดตัวนี้ทำให้ข้าสูญเสียแขน หลังการประลองเริ่มต้น ข้าจะชำระแค้นกับนาง" บางคนกรีดร้อง
"โอ้ หญิงที่ขี่หมียักษ์ นางควรเป็นซ่งเจียวม่าน อย่าหลงกลกับการปรากฏตัวของนาง นางเป็นคนบ้าการต่อสู้"
"พวกเจ้าเห็นหญิงอ้วนผิวขาวผู้นั้นหรือไม่? นางคือไป่จงซุ้ย นางเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นสูงและยังครอบครองวิญญาณหมูวารี นางเป็นหญิงสำส่อนและชอบล่อลวงผู้ใช้วิญญาณหนุ่มหน้าใหม่ไปข่มขืน พวกเจ้าต้องระวังนางให้ดี"
เสียงพูดคุยดังขึ้นอย่างต่อเนื่องและยาวนานกระทั่งเสียงของผู้อาวุโสดังขึ้น