ตอนที่ 233: วันที่เรียบง่าย (2)
'พ่อมดที่ซื้อเซนทอร์ถูกซุ่มโจมตีและถูกฆ่าตายไปแล้ว เซนทอร์เหล่านั้นได้หนีออกจากรงและวิ่งหนีไป ข่าวลือบอกว่ามันเป็นพ่อมดมืดที่ทำ เจ้ากำลังมองหาเซนทอร์หรือ'
'ใช่ แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือของเจ้า' แองเจเล่พูดเสียงเบา 'มีข้อมูลบอกว่ามีพ่อมดมากมายที่ไล่ตามเซนทอร์เหล่านั้น มันมีความเป็นไปได้ที่พ่อมดจะถูกปล้นเพราะใครบางคนต้องการสินค้าของเขา คนบางคนจะทำอะไรก็ตามเพื่อดำเนินการต่อไปและเซนทอร์เหล่านั้นก็เหมาะสมกับการกระทำเช่นนั้น'
'ไม่ต้องกังวล ตระกูลของข้าได้ส่งคนไปแล้ว' ชายชราลดเสียงลง 'ถ้าเราพบเซนทอร์ข้าจะส่งไปให้เจ้าสองคน' ชายชราคิดว่าแองเจเล่กำลังปลูกฝังตราให้เขาและมีความสุขกับการร่วมมือกับเขา
'ขอบคุณเจ้ามาก' แองเจเล่ตอบด้วยรอยยิ้ม
สายเลือดโบราณของเซนทอร์ขาวนั้นสกัดได้ยากกว่าของฮาร์ปี้แต่ด้วยเซนทอร์สองคนแองเจเล่ก็ยังสามารถสกัดได้สายเลือดจำนวนเล็กน้อย เขาสามารถทำได้เพราะเขาได้รับความช่วยเหลือจากชิป ซีโร่สามารถควบคุมอนุภาคพลังงานและหาสายเลือดที่ซ่อนไว้ได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องการทำคือพยายามที่จะกำจัดสิ่งเจือปน
มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พ่อมดคนอื่นจะสามารถควบคุมอนุภาคพลังงานได้อย่างแม่นยำ ถ้าพวกเขาทำเช่นนั้นพวกเขาจะต้องมีระดับของพลังจิตที่สูงมากในการทำสิ่งที่คล้ายคลึงกัน
ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ความตึงเครียดระหว่างพวกเขาหายไปทีละนิด
มันดูเหมือนว่าชายชรารู้สึกดีขึ้นหลังจากที่แองเจเล่พูดถึงการแบ่งตรากับเขา หลังจากการสนทนาของพวกเขาเขาก็ตระหนักว่าแองเจเล่รู้สิ่งต่างๆมากกว่าที่เขาคิดไว้
ตอนแรกแอนเดอร์คิดว่าแองเจเล่เป็นพ่อมดขั้นแก๊สธรรมดาแต่เขาก็ตระหนักว่าทฤษฎีของชายหนุ่มมีความน่าสนใจและซับซ้อน เขาตัดสินใจที่จะกลืนความภาคภูมิใจของเขาแล้วถามแองเจเล่เกี่ยวกับการวิจัยสายเลือดโบราณ
พ่อมดทุกคนมีความรู้ อย่างไรก็ตามส่วนใหญ่ต้องการที่จะทบทวนความรู้ที่พวกเขาได้เรียนรู้ โดยทั่วไปแล้วพ่อมดยิ่งรู้มากเท่าไหร่มันก็จะทำให้เขาดูดซับข้อมูลใหม่ได้ช้าลง
เว้นแต่ว่ามีความทรงจำภาพถ่ายซึ่งมันแทบเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกเขาเรียน
มีเพียงพ่อมดบางส่วนเท่านั้นที่มีเทคนิคพิเศษในการจดจำข้อมูลที่ได้รับเร็วกว่าคนอื่นและพวกเขาก็ถูกตั้งฉายาว่า'ผู้รอบรู้'
ความประทับใจของแอนเดอร์เกี่ยวกับแองเจเล่ได้เปลี่ยนไประหว่างการสนทนา ตอนนี้เขามั่นใจว่าแองเจเล่อยู่ระดับใกล้เคียงกับผู้รอบรู้ ส่วนใหญ่เขาฟังทฤษฎีของแองเจเล่เกี่ยวกับวิธีสกัด เขาไม่เคยคิดทฤษฎีบางอย่างที่ชายหนุ่มพูดถึงในอดีต
เขาไม่ได้ดูถูกแองเจเล่อีกต่อไปและเขาตระหนักว่าเขาเป็นพ่อมดที่รู้น้อยกว่าชายหนุ่มในแง่ความรู้ทางทฤษฎี แอนเดอร์เป็นพ่อมดเริ่มแม้แต่พิจารณาว่าแองเจเล่เป็นพ่อมดที่มีพรสวรรค์ที่สุดที่เขาเคยพบ
พวกเขาคุยกันมากกว่าสองชั่วโมงและในที่สุดก็หยุดเมื่อแองเจเล่ตระหนักว่ามันเป็นเวลากลางคืนแล้ว
แองเจเล่ได้เรียนรู้ข้อมูลจำนวนมากที่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานของระบบการทำยาจากแอนเดอร์ ในทำนองเดียวกันก็ดูเหมือนว่าชายชราพึงพอใจกับข้อมูลใหม่ที่เขาได้รับ
'มันดึกแล้ว เราหยุดกันแค่นี้เถอะ' แองเจเล่แนะนำ
'ตกลง ข้าได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเจ้าในวันนี้ ขอโทษด้วยแต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะมีความรู้มากขนาดนี้' ทัศนคติของแอนเดอร์เปลี่ยนไปมาก แม้ว่าทั้งสองยังไม่ค่อยไว้ใจกันและกันแต่บรรยากาศของพวกเขาก็ไม่ได้รุนแรงอีกต่อไป
'ไม่มีปัญหา ขอบคุณสำหรับการที่ทำให้ข้ารู้แจ้งเกี่ยวกับเทคนิคการทำยา'
พวกเขายกย่องกันและกันก่อนที่จะตัดการเชื่อมต่อ
แสงจากลูกคริสตัลค่อยๆหายไป
"ท่านเสร็จแล้วหรือ"
ปีเตอร์อดทนรออยู่บนโซฟาตลอดเวลา
"ใช่ ตอนนี้เจ้าไปได้แล้ว ขอบคุณมากพ่อมดปีเตอร์ มันเป็นเรื่องดีที่ได้พบเจ้า" แองเจเล่ยิ้ม
"ข้ายินดีเสมอ ไว้พบกันใหม่"
ปีเตอร์บอกลาแองเจเล่และออกจากบ้าน แองเจเล่นั่งกะพริบตาอยู่บนโซฟากำลังคิดถึงแผนการในอนาคตของเขา
เขาลุกขึ้นยืนหลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมงจากนั้นเขาก็เก็บลูกคริสตัลและมุ่งหน้าไปที่ห้องทดลองทางชีวภาพที่ชั้นสอง
แองเจเล่เดินตรงไปที่โต๊ะและคว้าขวดคริสตัลที่มีเนื้อเต่าอยู่ข้างใน ขวดคริสตัลพิเศษนี้จะช่วยรักษาสภาพเนื้อไว้เป็นระยะเวลาหนึ่ง
'ข้าควรฉีดเลือดของมันเข้าไปในสิ่งมีชีวิตเพิ่มอีก' แองเจเล่จ้องที่ขวดและตัดสินใจ
**************************
หลายเดือนต่อมาในตอนเช้า
ตูมมม
มีบางอย่างระเบิดภายในห้องทดลองทางชีวภาพ
แอ๊ดด
ประตูถูกเปิดออก มีควันดำพุ่งออกมาจากห้องและมีชายคนหนึ่งที่ปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีดำเดินออกมาที่ทางเดิน
"แค่กๆ!" แองเจเล่ไอหลายครั้ง มีชั้นบาเรียโลหะบางๆตกลงบนพื้นซึ่งมันปกคลุมไปด้วยขี้เถ้าสีดำ
"ท่านกรีน ผ้าเช็ดตัวค่ะ" อลิซเคยชินกับสถานการณ์เช่นนี้แล้วจึงส่งผ้าเช็ดตัวให้แองเจเล่อย่างสงบ
"ขอบคุณ" แองเจเล่คว้าผ้าเช็ดตัวและเช็ดใบหน้าของเขา
"เตรียมรถม้าให้ข้า ข้าต้องไปเยี่ยมใครสักคน" แองเจเล่สั่ง
"เข้าใจแล้วค่ะ"
สิบห้านาทีต่อมา
แองเจเล่ออกจากบ้านด้วยรถม้า คนขับรถม้าเป็นมนุษย์ผู้ชายที่เขาซื้อมาจากตลาดทาส
รถม้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆตามเส้นทางที่คับแคบในป่า
ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาเขาก็มาถึงคฤหาสน์ของพ่อมดชิวา
"ในที่สุดเจ้าก็มา" ชิวาที่ยืนอยู่ข้างประตูบ้านของเขาเดินไปที่รถม้าของแองเจเล่
แองเจเล่รีบออกจากรถม้าและกอดชิวา
"มันก็สักพักหนึ่งแล้ว"
"ใช่" ชิวาตอบแล้วหัวเราะเบาๆ มีคนสองคนยืนอยู่ข้างหลังเขา
คนทั้งสองเป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง ทั้งสองคนอายุประมาณ 11 ปี
"มอโรว์ โซฟี นี่เป็นชายหนุ่มที่ปู่บอกหลาน" ชิวาชี้ไปที่แองเจเล่
ทั้งสองจ้องไปที่แองเจเล่หลายวินาที
"สวัสดีเด็กๆ เป็นยังไงบ้าง" แองเจเล่ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก "พวกเจ้าดูดีนี่"
"ขอบคุณครับ/ค่ะ!" เด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงตอบกลับพร้อมกัน
แองเจเล่มองไปที่พวกเขา
เด็กผู้ชายชื่อมอโรว์มีหน้าตาดี มีผมสั้นสีแดงและสวมชุดเกราะหนังสีน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีเครื่องประดับมีดเงินห้อยอยู่ข้างเข็มขัดของเขา เขาดูคล้ายกับนักดาบวัยเยาว์
เด็กผู้หญิงชื่อโซฟี เธอดูน่ารักและงดงาม ผมสีบลอนด์ยาวของเธอพาดไว้เหนือไหล่และจ้องมาที่แองเจเล่ด้วยคู่ดวงตาสีน้ำเงินขนาดใหญ่ เธอสวมชุดสีแดงพร้อมกับรองเท้าสีแดงและถุงน่องสีดำ
หลังจากทักทายแองเจเล่ชิวาก็พาเขาเข้าไปในคฤหาสน์
เด็กสองคนเดินตามหลังพวกเขาและพวกเขาก็กำลังสังเกตแองเจเล่
ความประทับใจแรกของพวกเขากับแองเจเล่เป็นไปได้ดี เขาดูเหมือนคนที่เป็นมิตรและเป็นมิตรกับพวกเขา
"เราอาจจะเป็นเพื่อนกับเขาได้" มอโรว์สื่อสารกับโซฟีโดยใช้ริมฝีปากเท่านั้น มันดูเหมือนว่าพวกเขารู้วิธีอ่านปากของกันและกัน
"ข้าได้ยินว่าเขาเป็นเพื่อนบ้านของปู่ของเรา เขาเป็นพ่อมดที่ฉลาดและมีพรสวรรค์" โซฟีตอบ
"ข้าชอบเขา ข้าสงสัยว่าเขาจะมอบของขวัญอะไรให้เรา" มอโรว์ยิ้มอย่างน่ารัก
"ข้าจะพยายามทำตัวให้น่ารักและจะดูว่าเขาอาจจะมอบบางอย่างที่ข้าชอบ" โซฟีหันไปทางมอโรว์และยิ้มเช่นกัน
"เราอาจจะไปเยี่ยมบ้านของเขาในภายหลัง" มอโรว์พูดเสริม
พ่อมดสองคนข้างหน้าไม่ได้สังเกตเห็นแผนของเด็กทั้งสองคน
แองเจเล่เข้าไปในห้องนั่งเล่นพร้อมกับชิวาและเห็นไวน์กับผลไม้ถูกเตรียมไว้บนโต๊ะ
ชิวานั่งลงและบอกแองเจเล่ให้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม เด็กทั้งสองนั่งลงด้วยเช่นกันและพวกเขาก็เริ่มกินผลไม้ทันที
"ข้าคิดว่าเจ้ารู้อยู่แล้วว่าพวกเขาเป็นหลานชายและหลานสาวของข้า ทั้งสองกำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียนและได้ใช้เวลาส่วนใหญ่เล่นกับนักเรียนของข้า ข้าสอนพวกเขาให้รู้จักวัสดุต่างๆเมื่อพวกเขามาเยี่ยม" ชิวามองไปที่หลานของเขาและพยักหน้าเล็กน้อย
"ข้ารู้ว่าโนล่าเป็นดินแดนที่เงียบสงบแต่ข้าไม่คิดว่าท่านควรจะปล่อยให้พวกเขาวิ่งไปรอบๆโรงเรียน..." แองเจเล่จ้องไปที่ชิวา
"ไม่ต้องห่วง ข้าดูแลอย่างเต็มที่ ข้ารู้เทคนิคติดตามพิเศษเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง" ชิวาหัวเราะเบาๆ
"อืม....เอาล่ะ" แองเจเล่พูดไม่ออก เขาหันไปมองที่เด็กทั้งสอง
"เจ้าชื่อมอโรว์และเจ้าชื่อโซฟีใช่ไหม"
"ครับ/ค่ะ" ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน
"บอกข้ามาว่าความฝันของพวกเจ้าคืออะไร" แองเจเล่ยิ้ม
"ข้าอยากเป็นกะลาสีและข้าต้องการออกแบบชุดคลุมสำหรับพ่อมด" โซฟีตอบก่อน
"ข้าต้องการเป็นอัศวิน ข้าสามารถชนะการต่อสู้กับนักเรียนในโรงเรียนได้!" มอโรว์ตบเบาๆไปที่มีดของเขา
"เจ้าไม่ได้ออกกำลังกายทุกวัน...." โซฟีกรอกตา
"ไม่เอาน่า อย่าเปิดโปงข้า...."
แองเจเล่พูดไม่ออก มันดูเหมือนว่าพวกเขามีนิสัยเสียและได้รับการปกป้องส่วนใหญ่จากปู่ของพวกเขาตั้งแต่พวกเขาเกิด
โนล่าเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย เนื่องจากพวกเขาโตขึ้นมาในโรงเรียนพวกเขาจะต้องไม่เคยเจอคนเลวๆมาก่อน
ในอีกด้านของทะเลอัญมณีเด็กผู้ชายวัยเดียวกับมอโรว์จะเริ่มเรียนรู้การล่าสัตว์ในป่ากับพ่อของเขา อย่างไรก็ตาม เด็กสองคนข้างหน้าเขาดูเหมือนจะไม่ทราบว่าโลกนี้อันตรายแค่ไหน