ตอนที่ 39 เซนต์พอล
"ไว้คุยเรื่องนี้กันวันหลังเถอะ ผมต้องไปแล้ว และขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ ไว้มีโอกาสผมจะเลี้ยงข้าวคุณสักมื้อ"
หานเซิ้นพูด และเตรียมจะกลับ
เขารู้ว่าที่ซินเสวียนพูดนั้นมีเหตุผล แต่เขามีแผนของเขาเอง เขาต้องได้ยศขุนนางก่อนอายุ 20 ปี พอถูกเกณฑ์เข้ากองทัพ เขาก็จะไม่ถูกส่งไปแนวหน้า
"หยุด! ฉันทำให้นายไม่พอใจหรอ?" ซินเสวียนมองไปที่หานเซิ่น
"หัวหน้าสถานีได้โปรด นั่นมันไม่ใช่แบบที่ผมต้องการ" หานเซิ่นพูดอย่างขมขื่น
"ก็ได้ ถ้านายต้องการไป" ซินเสวียนยิ้ม
"แต่ถ้านายไป ทุกครั้งที่นายมาที่สถานีฉันจะอัดนาย"
เมื่อมองดูรอยยิ้มที่เหมือนกับปีศาจของเธอ ทำให้หานเซิ่นเสียวสันหลัง เขารู้ว่าที่ผ่านมาซินเสวียนยังไม่เคยเอาจริงระหว่างต่อสู้กับเขา เพราะว่าเขายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ทำให้เธอเอาจริงได้ แต่ดูจากท่าทีของเธอในตอนนี้ ถ้าเขาปฏิเสธละก็ เขาจะต้องมีอนาคตที่ยากลำบากอย่างแน่นอน
"งั้นผมจะเข้าบูลอายแล้วกัน" หานเซิ่นตอบแบบจนใจ
ซินเสวียนตบไปที่หลังของหานเซิ่น
"นายไม่รู้หรอว่ามีคนในสตีลอาเมอร์เท่าไหร่ที่ต้องการเข้ากลุ่มของฉัน? แต่นายทำเหมือนกับว่าฉันจะจับนายไปเข้าคุก!"
"อิศรภาพมันประเมินค่าไม่ได้ และการที่ผมต้องเสียอิศรภาพไปมันก็เหมือนกับการเข้าคุก" หานเซิ่นถอนหายใจ
"งั้นนายก็ตายซะ แต่ถึงแม้ว่านายจะตายไป นายก็ยังเป็นผีของฉัน"
ซินเสวียนหน้ามุ่ย
หานเซิ่นรู้ว่ายังไงซินเสวียนก็ต้องให้เขาเข้ากลุ่มกับเธอให้ได้ เขาก็เลยตอบตกลงไปแบบไม่เต็มใจ เขารู้สึกหดหู่ และเดินออกไป
ซินเสวียนมองดูหานเซิ่นทำหน้าเซ็งๆเดินกลับไปอย่างพึงพอใจ เธอยิ้มออกมา
"หัวหน้า ทำไมคุณรับคนแบบนั้นเข้ากลุ่มของพวกเราล่ะ? เขาไม่มีค่าพอจะเป็นสมาชิกของบูลอาย"
ผู้หญิงที่อายุพอๆกับซินเสวียนเดินเข้า และถาม
"ม่านลี่ เชื่อฉันสิ ถึงแม้ว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะดูไม่เอาไหน แต่เขามีศักยภาพมากกว่าที่เธอคิด"
ซินเสวียนพูดกับหยางม่านลี่อย่างจริงจัง
ซินเสวียนได้เห็นการพัฒนาที่รวดเร็วของหานเซิ่นระหว่างที่เธอสู้กับเขา เขาไม่เคยยอมแพ้แล้วก็แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้แม้แต่เธอก็จะประมาทเขาไม่ได้
หานเซิ่นกลับมาที่ห้อง และรีบเทเลพอร์ตกลับไปที่บ้าน ก่อนที่ซินเสวียนจะมีโอกาสออกจากก็อคแซงชัวรี่
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาสนใจอย่างมากที่จะเข้าโรงเรียนทหาร มันจะเป็นข้อเสนอที่น่าดึงดูดสำหรับเขา เพราะว่าเขาสามารถเข้าไปฝึกไฮเปอร์จีโนได้ แต่ด้วยตอนนี้การที่เขาฝึกกายหยกมาแล้ว เขาไม่ต้องการไปเสียเวลาที่โรงเรียนอีกต่อไป มันจะดีกว่าถ้าเขาใช้เวลาในการล่ามอนสเตอร์เพิ่มเพื่อจีโนพ้อย
สำหรับบูลอายหานเซิ่นไม่ได้สนใจจะเข้าตั้งแต่แรก ถึงแม้สมาชิกของบูลอายจะได้รับข้อมูลที่รวบรวมมาเป็นเครือข่าย ทำให้ง่ายที่จะหามอนสเตอร์ระดับสูงเจอ แต่เขาก็ต้องแบ่งเนื้อที่ล่าได้ให้กับสมาชิกในทีมด้วย
หานเซิ่นตัดสินใจว่าจะล่าคนเดียวต่อไป ถ้าซินเสวียนไม่เห็นเขาบางทีเธออาจจะลืมเรื่องนี้ไปก็ได้
หานเซิ่นต้องการซื้อมีดอัลฟ่าอัลลอยด้วยเงิน 150000 ที่เขาเพิ่งได้รับมา แต่ตอนนี้เขามีดาบที่ได้มาจากลิ่วเฟิง ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องซื้อมีดอีกต่อไป
ดาบยาวอันนี้ทำจากอัลลอยชนิดพิเศษ เป็นโลหะ z ซึ่งจะแข็งมาก และความคมของมันสามารถตัดมอนสเตอร์ระดับโบราณได้อย่างง่ายดาย อาวุธที่ทำมาจากโลหะชนิดนี้จะมีราคาแพงมาก
"เยี่ยม!" หานเซิ่นลูบไปบนดาบที่เปล่งประกาย เขาตกหลุมรักมันมาก จนเขาแทบจะวางมันลงไม่ได้ 'มันช่างคุ้มราคาจริงๆ' หานเซิ่นคิด
ธุรกิจครอบครัวของหานเซิ่นทำธุรกิจผลิตอัลลอยมาก่อน ถึงแม้ว่าจะเป็นโรงงานเล็กๆ แต่พวกเขาก็มีสูตรลับเฉพาะ ถึงผลผลิตอาจจะไม่ดีเท่าดาบเล่มนี้ แต่มันก็สามารถตัดมอนสเตอร์ระดับโบราณได้เช่นกัน ดังนั้นธุรกิจของพวกเขาจึงได้กำไรมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะพวกพี่น้องแย่ๆของพ่อเขา ตอนนี้บริษัทคงขึ้นไปอยู่แถวหน้าของดาวรูก้าแล้ว แต่ตอนนี้บริษัทถูกขายไปให้กลุ่มบริษัท สตาร์รี่
"เซิ่น วันนี้แม่มีงานสำคัญ ลูกไปส่งเหยียนที่โรงเรียนได้ไหม?"
หลัวซูหลานเคาะประตูถามหานเซิ่น
"โรงเรียนเปิดแล้ว? ผมไม่เห็นรู้เรื่อง ไม่ต้องห่วงแม่ผมจะไปส่งน้องเอง"
หานเซิ่นรีบตอบอย่างไว
"โรงเรียนเปิดตั้งแต่ 2 วันก่อนแล้ว ลูกเข้าไปที่ก็อตแซงชัวรี่เลยไม่รู้"
หลัวซูหลานพูด
"เหยียนเข้าโรงเรียนไหน?" หานเซิ่นถาม
"เซนต์พอล แล้วแม่ก็ใช้เงินที่เหลือของลูกจ่ายค่าเรียนไปแล้ว"
หลัวซูหลานรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่ที่ใช้เงินเกือบทั้งหมดไปกับค่าโรงเรียน
"เยี่ยม เซนต์พอล ถ้าไม่นับรอยัลก็ถือว่าเป็นโรงเรียนที่ดีที่สุดในดาวรูก้า"
หานเซิ่นมีความสุขมาก เขาไม่มีฉายาหรือยศถาบรรดาศักดิ์อะไร เขาจึงไม่สามารถส่งเหยียนเข้าเรียนรอยัลได้ แต่ขอแค่เป็นโรงเรียนเอกชนก็ถือว่าดีมากพอแล้ว ซึ่งมันดีกว่าโรงเรียนรัฐบาลที่หานเซิ่นเรียนจบมา
หลังจากที่คุยกับแม่เสร็จ หานเซิ่นก็พาหานเหยียนขึ้นรถไฟฟ้าไปโรงเรียน
ทางเข้าโรงเรียนเซนต์พอลเต็มไปด้วยยานเหาะส่วนตัว พวกคนรวยที่ไม่มียศเกือบทั้งหมดจะส่งลูกมาเรียนที่นี่ นักเรียนที่นี่เกือบทุกคนจะมาจากครอบครัวที่มั่งคั่ง
ในระหว่างพาเหยียนเดินเข้าโรงเรียน หานเซิ่นเห็นชายวัยกลางเดินลงมาจากยานเหาะส่วนตัว พร้อมกับผู้หญิงที่ท่าทางเจ้าชู้ และเด็กผู้ชายอีกคนอายุประมาน 8 ขวบ
เขาหยุดเมื่อเห็นชายวัยกลางคน ชายคนนี้คือ หานเล่ย อาของเขาเอง