Chapter 67: สถานการณ์โดยทั่วไป
ทหารที่ถามคำถามนั้นไม่ใช่พวกมีพลังนอกเหนือธรรมชาติ แต่เขาก็ยังคงประหลาดใจที่ได้ยินคำตอบของเจียงจู้อิง เขาเข้ากันได้ดีกับเจียงจู้อิงและทีมของเธอ ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าคนที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมคือเจียงจู้อิง ยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เจียงจู้อิงมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยน ทีมของเธอนั้นมาพร้อมกับเธอหลายครั้งๆ ซึ่งเป็นคนหน้าตาเดิมๆ ดังนั้นนั่นคือข้อสรุปว่าเจียงจู้อิงเป็นผู้ที่มีพลังนอกเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มของพวกเธอ
อีกนัยหนึ่ง ในทีมธรรมดาทั่วไป หัวหน้านั้นเปลี่ยนตลอดเนื่องจากอาการบาดเจ็บและการตาย เหลือเพียงสมาชิกในกลุ่ม และสินค้าที่ทีมอื่นๆนั้นนำมาส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับโชค บางครั้งก็มีมาก บางครั้งก็มีน้อย แต่สินค้าที่เจียงจู้อิงนั้นนำมานั้นมีจำนวนที่มากเสมอมา แน่นอนว่าในครั้งนี้ พวกเธอนั้นนำมามากที่สุด
สิ่งที่ทำให้ทหารนั้นประหลาดใจมากที่สุดคือเจียงลู่ฉี [เขาเป็นคนที่ฆ่าสุนัขกลายพันธุ์ เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเจียงจู้อิงอีกหรอ?]
เขานั้นเข้าใจมันผิด เขานั้นไม่เข้าใจความเข้าใจผิดเมื่อกี้นี้ ดังนั้นเขาไม่พยายามที่จะอธิบายมัน
“พวกเราจะไม่ขายมันในตอนนี้” เจียงลู่ฉีพูดและหลังจากนั้นเขาก็มองไปที่เจียงจู้อิง หยางฉิงฉิง และสมาชิกคนอื่น “เธอสามารถที่จะขายส่วนของเธอได้ ถ้าเธอต้องการ”
“อ๊า? ถ้ายังไงมันโอเค พวกเราก็จะไม่ขายด้วยเช่นกัน” ชายหนุ่มที่มีกล้ามและสมาชิกคนอื่นมองกันและกันและส่ายหัว
หยางฉิงฉิงก็พูดด้วย “ใช่ค่ะ” เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อยและมองไปที่เจียงลู่ฉี
ท่าทางของเจียงลู่ฉีนั้นคล้ายกับเจียงจู้อิง ถึงแม้ว่าเสียงในตอนแรกนั้นแตกต่างกับการบังคับของเจียงจู้อิง ตามจริงแล้วมันก็ยังเหมือนกัน สำหรับหยางฉิงฉิง เธอนั้นเริ่มคุ้นเคยกับการนำของเจียงจู้อิงแล้ว แต่เธอนั้นเริ่มรู้สึกว่าเจียงลู่ฉีนั้นกลายเป็นผู้นำแทนแล้วในเวลานี้
ในเวลานี้ เจียงลู่ฉีนั้นได้รับเนื้อของมันมากที่สุด แต่ถ้าคนอื่นนั้นได้รับของที่มากสุดในทีม ผู้นำนั้นจะแจกจ่ายพวกมันให้ แต่สำหรับผู้นำของพวกเขาในตอนนี้นั้นไม่เพียงแต่ยอมแพ้ในสิทธิ์การแจกจ่ายของเธอ แต่เธอยังคงถามความเห็นของเจียงลู่ฉีเกี่ยวกับเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวเขาด้วย
หยางฉิงฉิงนั้นที่จริงแล้วต้องการจะแลกเปลี่ยนบางอย่าง แต่เมื่อเห็นคนอื่นนั้นปฏิเสธ เธอก็ทำแบบเดียวกัน สำหรับเธอนั้นได้รับส่วนแบ่งเพียงเล็กน้อย
มันเป็นเพราะว่าเธอนั้นได้รับส่วนแบ่งน้อยที่สุด เธอจึงโทษเจียงลู่ฉีสำหรับการพลาดที่จะแลกเปลี่ยนสิ่งของต่างๆ
[เขาไม่ใช่คนในกลุ่มของพวกเราด้วยซ้ำ เขากล้าดียังไง....]หยางฉิงฉิงนั้นบ่นอย่างเงียบๆ
[พวกเขาไม่ต้องการที่จะขาย...] ทหารนั้นมองไปที่ร่างกายของสุนัขกลายพันธุ์ด้วยใบหน้าที่น่าเวทนา
ตามปกติแล้ว ทีมผู้รอดชีวิตจะไม่นำเนื้อจำนวนมากมาแลกเปลี่ยน เว้นแต่ว่าพวกเขาจะต้องการกระสุนจำนวนมาก หรือเช่นเจียงจู้อิงที่ต้องการอาวุธที่ออกแบบมาพิเศษ พวกเขาก็ไม่นำเนื้อจำนวนมากมาพร้อมกับพวกเขาด้วย
ซากของสุนัขกลายพันธุ์นั้นมีค่ามาก และถ้ากองกำลังทหารสามารถที่จะได้รับมัน มันก็คงจะได้รับผลกำไรที่ดีเยี่ยม มันช่างน่าสมเพชไรแบบนี้...
“ถ้าอย่างงั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่นายต้องการที่จะขายมัน พวกเรายินดีต้อนรับมันเสมอ” ทหารเพิ่มเข้าไป
เมื่อเจียงจู้อิงนั้นได้พูดถึง ทหารก็แสดงความนอบน้อมแก่พวกเขา พื้นที่กองกำลังทหารตรงนี้นั้นเป้าหมายมีไว้เก็บรวบรวมเสบียง แต่การรวบรวมนั้นไม่เร็วเท่ากับการแลกเปลี่ยนกับผู้รอดชีวิต สำหรับผลประโยชน์ทั้งสองฝั่ง พวกเขาจึงไม่สามารถขัดใจต่อกันและกัน
“ยังไงก็ตาม ฉันจะต้องการรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน” เจียงลู่ฉีถามขึ้นในทันที
เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวนั้นส่งข้อมูลมาว่าโลกทั้งโลกจะถูกทำลายในเวลารวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเขาอีกเลย
กองกำลังทหารนั้นถูกช่วยเหลือโดยรัฐบาล ดังนั้นพวกเขาจะต้องป้องกันเทคโนโลยีที่สำคัญจำนวนมาก และในบางระดับ การคุมควบสถานการณ์ของทั้งโลก เช่นพื้นที่ปลอดภัย และเกาะที่ปลอดภัยอาจจะเชื่อมต่อกัน แต่ในความคิดของเขาแล้ว เชาต้องการรู้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันมากขึ้น
“ในตอนนี้....” ทหารลังเล ตามปกติแล้วพวกเขาจะไม่บอกผู้รอดชีวิตเกี่ยวกับสถานการณ์ เพื่อที่จะหลักเลี่ยงความรู้สึกสิ้นหวังกับมัน แต่มันสำหรับคนธรรมดา ผู้คนที่ต่อสู้เอาชีวิตรอดอยู่ในเมือง และควรที่จะยอมแพ้ความหวังว่าสิ่งต่างๆมันจะดีขึ้น
“ฉันก็ไม่แน่ใจ.... ยังไงก็ตาม ผู้คนในพื้นที่ที่ปลอดภัยนั้นกำลังวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ที่แตกต่างกันอยู่ พวกบัดซบนี่มันวิวัฒนาการ ดังนั้นพวกมันจึงแข็งแกร่งและรวดเร็วขึ้น” ทหารพูด
[การวิวัฒนาการ....] ไม่ว่าจะเป็นสัตว์กลายพันธุ์หรือพวกมีพลังนอกเหนือธรรมชาติ พวกเขานั้นกำลังวิวัฒนาการอยู่ ความหมายที่ซ่อนอยู่ข้างในคำพูดของทหารนั้นมันเด่นชัด กองกำลังนั้นไม่ได้วางแผนที่จะโต้กลับไป แต่เพียงแค่รักษาความปลอดภัยพื้นที่เฉย
ผู้รอดชีวิตที่ไปยังพื้นที่ที่มีการคุ้มกันหรือมีชีวิตอยู่ด้านนอกด้วยตัวเอง ผู้คนนั้นส่วนมากเลือกที่จะป้องกันพื้นที่ แต่สำหรับพวกมีพลังนอกเหนือธรรมชาติละ? พวกเขาจำเป็นต้องกินเนื้อกลายพันธุ์เพื่อที่จะทำให้วิวัฒนาการ
ในอีกทางหนึ่ง มีผู้คนมากมายที่อยู่ในค่าย และพวกเขายังไม่ได้เคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ที่ถูกคุ้มกัน
“มันเริ่มจะมืดแล้ว เราไปกันเถอะ” เจียงลู่ฉีมองไปที่นาฬิกาและพูด เมื่อมันมืด ทั้งเมืองก็จะกลายเป็น พื้นที่ล่าของสัตว์ประหลาด พวกมันจะตื่นตัวมากกว่าในตอนกลางวัน
การเดินบนถนนในตอนกลางคืนมันก็เหมือนกับการฆ่าตัวตาย...
บนทางขากลับ เจียงลู่ฉีบอกข้อมูลที่เขาได้รับมากับเจียงจู้อิง เกี่ยวกับวัตถุดิบที่หายากจากชายชรา
เจียงจู้อิงนั้นกุมดาบของเธอแน่น เธอนั้นเหมือนกับเด็กตัวเล็กๆที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่ เมื่อได้ยินเจียงลู่ฉีนั้นถามเธอเกี่ยวกับห้องปฏิบัติการแห่งชาติในโรงเรียน เธอก็หยุดทันทีหลังจากนั้นก็ยกหัวของเธอขึ้นและถาม “ทำไมพี่ถึงต้องการรู้เกี่ยวกับห้องปฏิบัติการนั่น?”
“เพราะว่ามันมีประโยชน์มาก เธอรู้อะไรเกี่ยวกับจินหลิงบ้าง?” เจียงลู่ฉีพูด
“หื้มมมม.... มันไม่ค่อยมีวัตถุดิบที่มีค่าในมหาวิทยาลัย และข้างในก็มีซอมบี้จำนวนมากอยู่ในนั้น ดังนั้นฉันจึงไม่เคยไปที่นั่น ในสถานการณ์ปกติแล้ว ซอมบี้นั้นอยู่ทุกแห่ง” เจียงจู้อิงพูด มันมีนักเรียนและคณะครูอยู่ที่นั่น ในตอนนี้ซอมบี้น่าจะหลอกหลอนอยู่ทั่วทุกวิทยาเขต
“พี่กำลังจะไปที่นั่น? ให้ฉันไปกับพี่ด้วย!” เจียงจู้อิงเสนอตัว
“ค่อยคุยเกี่ยวกับเรื่องทีหลัง” เจียงลู่ฉีพูด “มันก็ยังมีบริษัทที่เชี่ยวชาญกับโลหะในสวนอุตสาหกรรม เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับมันมาก่อนไหม?”
เจียงจู้อิงนั่นเคยมาที่จินหลิงครั้งหนึ่งก่อนที่จะไปยังมหาวิทยาลัย แต่เธอนั้นส่วนมากอยู่ในโรงเรียนหรือเดินทางไปด้านนอกกับอาจารย์และกลุ่มของเธอ เธอไม่ค่อยรู้จักสถานที่รอบๆสักหน่อย
เธอคิดชั่วครู่หนึ่ง “หนูไม่รู้ พี่ควรที่จะถามหยางฉิงฉิง เธอเป็นคนท้องถิ่น เธอน่าจะรู้บางอย่างเกี่ยวกับมัน” เจียงจู้อิงนั้นทำปากมุ่ยและพูด
“โอเค” เจียงลู่ฉีพยักหน้า
มันคงจะเป็นเรื่องที่สะดวกกว่ามากที่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของมัน เขาสามารถที่จะหาสวนอุตสาหกรรมจินหลิงได้ในแผนที่ แต่มันไม่มีรายละเอียดมาก
แผนที่นั้นกว้างใหญ่มากและเขาไม่สามารถที่จะหาบริษัทโลหะพิเศษได้
ถึงแม้ว่าแผนที่ของเขานั้นจะเป็นรุ่นล่าสุดก็ตามที มันก็ไม่ได้ระบุเกี่ยวกับสวนอุตสาหกรรมไว้ ซึ่งทำให้เจียงลู่ฉีพูดไม่ออกและผิดหวัง