บทที่ 10 ปีศาจในซากปรักหักพัง!!
เมื่อได้ยินคำกล่าวของท่านอาจารย์ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายในหมู่ศิษย์เหล่านั้น ต่างจ้องมองกันและกันว่า "มันจะต้องเป็นข้าคนเดียวเท่านั้น! ที่จะเข้าถึงแก่นแท้ของเคล็ดวิชาท่านอาจารย์"
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นศิษย์ทั้งหมดของอาจารย์คนเดียวกัน ความปรารถนาที่จะก้าวข้ามคนอื่นนั้นมีอยู่ในใจของทุกคน ดังคำกล่าวของท่านอาจารย์ที่ว่า มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่เข้าใจในเคล็ดวิชาของท่านอย่างแท้จริง
แต่ท่านไม่ได้ระบุว่าเป็นใคร แน่นอนมันทำให้ทุกคนเชื่อว่าตนเองเท่านั้นที่เป็นผู้โดดเด่น......
"ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรู้ว่าใคร!?"
ทันใดนั้นศิษย์หญิงคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า "แล้วเหตุใดเราจึงไม่ประลองด้วยการใช้ดาบอัสนีของตนเองว่าใครดีกว่าผู้อื่น นั่นแหละคือคำตอบที่ทุกคนกำลังตั้งคำถามกันอยู่"
"อืม!เป็นความคิดที่ดี!"
ภายในห้องฝึกที่เงียบสงบต่างพากันตื่นเต้นกับคำกล่าวของศิษย์หญิงผู้นั้น ทันทีนั้นเหล่าศิษย์ทั้งหลายก็เริ่มต้นการประลองโดยไม่ใช้เคล็ดลับทักษะใดๆ ไม่ว่าเสาสัญลักษณ์หรืออาวุธจิตวิญญาณ พวกเขาประลองกันด้วยทักษะของดาบอัสนีเท่านั้น......
ทันใดนั้นภายในห้องเงียบ ๆ ก็เต็มไปด้วยประกายฟ้าแลบ และเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ในหมู่ศิษย์ที่มีพรสวรรค์เขาสามารถใช้ทักษะของดาบอัสนีกับจิตของตนเอง ผู้ที่ไม่สามารถประคองจิตของตนเองให้เห็นฟ้าร้อง ฟ้าผ่าต้องยอมรับความพ่ายแพ้ไปทีละคน
ด้วยสาเหตุที่พวกเขาเป็นศิษย์อาจาร์เดียวกัน พวกเขาจึงต้องยั้งมือ และออมมือจากการปลดปล่อยพลัง
ของตน....
ในขณะการประลองทักษะของดาบอัสนีที่เกิดขึ้นอยู่ด้านใน อีกมุมหนึ่งของห้องซ่งหยูได้ฝึกทักษะของ
ดาบอัสนี ซึ่งเขามิได้สนใจและเข้าร่วมประลองกับใคร....
ยิ่งเขาฝึกซ้อมมากเท่าใด ทักษะของดาบอัสนีของเขาก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ....สายฟ้าที่เขาสร้างโดยจิตวิญญาณ
ก็ยิ่งคดเคี้ยวบิดเบี้ยวไปมา แต่ในแง่ของข้อบกพร่องเหล่านั้นมุ่่งให้เขาสัมผัสกับบางสิ่งบางอย่างที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นตรงหน้าคือ ภูเขาอันกว้างใหญ่และเงียบสงบทำให้ได้ยินถึงเสียงสายฟ้าฟาดลงบนต้นสนสีเขียว ท่ามกลางภูเขาที่อ้างว้าง!
ทักษะของดาบอัสนีของซ่งหยูนั้น บางครั้งก็เหมือนกับต้นไม้ที่โดนสายฟ้าฟาดลงมาแสดงให้เห็นแสงที่ส่องประกาย บางครั้งก็มืดสนิดมีเพียงความว่างเปล่าหรือมีเพียงด้ามของดาบเท่านั้น!
ความมุ่งมั่นอาจแสดงให้เห็นถึงภาพที่ปรากฏขึ้นดั่งเช่น ใครเห็นภาพสัญลักษณ์แห่งมังกร ก็จะสร้างมังกรขึ้นมา หากใครเห็นสายฟ้าฟาดก็จะทำให้เกิดพลังอันยิ่งใหญ่ของสายฟ้า......
มันเป็นเพียงเสียงฟ้าร้องที่ซ่งหยูได้เห็นจริงๆ ซึ่งมันไม่ตรงกับภาพที่สาวกคนอื่นเห็น ไม่มีประกายของสายฟ้าแต่อย่างใด มีเพียงธรรมชาติที่อ้างว้างเท่านั้น! เป็นที่แน่นอนว่าความสามารถที่แตกต่างของเขา
กับศิษย์คนอื่นย่อมจะไม่ได้รับความสนใจใดๆ...
ชัยชนะและความพ่ายแพ้ได้รับการตัดสินในหมู่ศิษย์หลังหลังจากนั้นไม่นาน พร้อมกับผู้ชนะสองคนสุดท้ายที่เป็นศิษย์หญิงและชายอีกคนขณะที่ทั้งสองกำลังประลองกันอยู่ พลังจิตที่แข็งแกร่งของทั้งสองคน
ทำให้เกิดเสียงฟ้าผ่า และฟ้าร้อง พลังแห่งจิตของพวกเขาสามารถสร้างฟ้าผ่าได้จากอะไรแน่! ?
ภาพเงาสองร่างที่กำลังเคลื่อนไหวด้วยความเร็วภายในห้องฝึกราวกับสายฟ้า รูปแบบต่างๆ และการเคลื่อนไหวของทักษะกำลังถูกแสดงทั้งหมด ฟ้าแลบ และสายฟ้าที่ฟาดลงมามีรูปร่างเป็นดาบและกำลังพุ่งโจมตีระหว่างกันและกัน
ครู่ต่อมารังสีของสายฟ้าปรากฏขึ้นที่ใต้ฝ่าเท่าศิษย์หญิงผู้นั้น ที่ยกเท้าขึ้นห่างจากพื้นโดยพลิกตัวกลางอากาศแล้วได้ตัดแสงของสายฟ้าฟาดลงไปที่อกของศิษย์ชาย!
ศิษย์ชายไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าศิษย์หญิงผู้นั้นจะสามารถบินกลางอากาศโดยใช้สายฟ้าเป็นพาหนะ
เขาประหลาดใจที่ถูกตัดด้วยสายฟ้าผ่าตรงหน้าอกของเขาจากนั้นเขาก็ล้มลงกับพื้น!
"ศิษย์พี่หลานหยูข้ายอมแพ้!"
ศิษย์ชายผู้นี้เป็นคนตรงไปตรงมาเขาเปล่งเสียงออกมาจากปากของเขา และวางมือลงบนหน้าอกเขา มองศิษย์หญิงด้วยสายตาที่ยกย่อง "ทักษะของศิษย์พี่นั้นเหนือกว่าข้าจริงๆ ท่านสามารถขี่สายฟ้าลอยตัวกลางอากาศได้อย่างไม่น่าเชื่อ ท่านต้องเป็นหนึ่งคนที่เข้าใจถึงแก่นแท้ของดาบอัสนีเป็นแน่!"
"ศิษย์น้องเจ้าเจ็บมากมั้ย!"
ศิษย์หญิงลงมาที่พื้นยิ้มและกล่าวว่า "ข้าสามารถควบคุมสายฟ้าได้เพียงในระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น และข้าจะต้องลงหลังจากลอยตัวกลางอากาศได้เพียงร้อยฟุต (ประมาณ30เมตร )มันยังคงห่างไกลจากที่ท่านอาจารย์ได้กล่าวว่าฟ้าร้อง ฟ้าผ่ามันสามารถไปได้ไกลหลายร้อยลี้.....
ศิษย์หญิงหลายๆคนที่อยู่รอบๆ ทุกคนยิ้มและกล่าวว่า"ศิษย์พี่หลานหยู! ท่านได้เข้าใจถึงแก่นแท้ของท่านอาจารย์อย่างถ่องแท้ หากท่านสำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงสุดท่านคงสามารถควบคุมสายฟ้าได้แน่ และบินได้นับร้อยลี้อย่างแน่นอน!"
ศิษย์หญิงกำลังแสดงความรู้สึกพึงพอใจ ในขณะที่คนอื่นๆพากันชื่นชมนาง ทันใดนั้นนางก็มองไปที่มุมหนึ่งของห้อง เห็นซ่งหยูกำลังนั่งฝึกอยู่คนเดียวหลังมุมห้อง และเห็นเขากำลังใช้ทักษะของดาบอัสนี และกำลังลอยตัวอยู่กลางอากาศ ซึ่งเป็นทักษะที่ผิดแปลกไปจากท่านอาจารย์ที่สอนและที่นางกำลังฝึก นางขมวดคิ้วคิดในใจว่า" ทักษะที่ผิดแปลกจากที่ท่านอาจารย์สอนเช่นนี้ .....คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจากข้าเท่านั้น!
"ซ่งหยู!"
นางเดินมาข้างหน้าด้วยรอยยิ้ม และกล่าวว่า"ข้ามาจากตระกูลถิง นามว่าหลานหยู ข้าเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว เจ้าต้องการประลองกับข้าหรือไม่? บางทีเจ้าอาจเป็นคนที่ท่านอาจารย์กล่าวถึงก็ได้!"
ซ่งหยูส่ายหัวและยิ้ม "ศิษย์พี่หลานหยู! ข้าเพิ่งมาที่นี่ได้เพียงสี่ห้าวันเท่านั้นเองแล้วจะประลองกับท่านได้อย่างไรเล่า?
"ได้สิ!"
"พวกเรากำลังวางแผนที่จะเข้าไปในซากปรักหักพังหลังนิกายฯเพื่อจะต่อสู้กับปีศาจในซากปรักหักพัง เพื่อที่จะได้นำประสบการณ์มาเพิ่มขีดความสามารถของทักษะของดาบอัสนี แล้วเจ้าสนใจที่จะไปกับเราหรือไม่?"
"ปีศาจในซากปรักหักพังเช่นนั้นหรือ?"
"เจ้าเพิ่งมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นานคงยังไม่รู้เรื่องนี้สินะ!"
ทันใดนั้นหลานหยูก็นึกขึ้นมาได้ว่า "ถูกต้องเจ้าเพ่ิงเคยขึ้นมาลานฝึกด้านบนนี้ และเจ้าคงยังไม่ล่วงรู้ความลับบางอย่างของนิกายเราสินะ!"
"เมื่อนั้นบรรพบุรุษของนิกายฯ ของเราพิทักษ์และปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์ และใด้อพยพออกจากพื้นที่ไปสู่ถิ่นทุรกันดาร ซึ่งก่อนหน้านั้นมันเป็นสถานที่รกร้างว่างเปล่า เป็นอาณาเขตของปีศาจหลาย ๆ ชนิด เป็น
ดินแดนแห่งเผ่าพันธุ์ของปีศาจซึ่งพวกเขาสามารถเอาชนะ และอาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้ได้ตลอดมา และนั่นคือบรรพบุรุษของประตูดาบนั่นเอง ที่ยอมพาตัวเองลำบากเพื่อเข้าไปสำรวจดินแดนแห่งนี้ และสร้างที่รกร้างที่กว้างใหญ่เป็นสถานที่สำหรับเผ่ามนุษย์ของเราที่จะปักหลักและอาศัยอยู่ พวกเขากักขังการปีศาจแห่งนี้ไว้ในซากปรักหักพังของประตูดาบ และปีศาจตั๊กแตนที่เจ้าพบในห้องประเมินที่ห้องโถงไร้หมอกนั้นมันเป็นเพียงแค่ปีศาจที่อ่อนแอที่สุดหากเทียบกับปีศาจที่อยู่ภายในซากปรักหักเหล่านั้น!
ศิษย์อีกคนหนึ่งยิ้มและกล่าวต่อว่า" มีปีศาจจำนวนมากที่สถิตย์อยู่ในซากปรักหักพัง ส่วนใหญ่จะเป็นปีศาจ
ที่อ่อนแอ และส่วนใหญ่จะเป็นปีศาจลูกสมุนระดับต่ำเช่น ปีศาจตั๊กแตน และปีศาจแมงมุม ปีศาจร้ายเหล่านี้ เราศิษย์บนสามารถเข้าไปฝึกซ้อม และหาประสบการณ์แก้ไขจุดบกพร่องได้ และปีศาจแมงมุมเป็นเป้าหมายที่ดีที่สุดสำหรับพวกเราในการฝึกซ้อม เราเพิ่งได้เรียนรู้เคล็ดลับของดาบอัสนี เราจึงจำเป็นต้องเสาะหาประสบการณ์ในการต่อสู้ที่แท้จริงเพื่อปรับปรุงทักษะของดาบอัสนี แล้วเมื่อนั้นเราจึงจะสามารถเข้าใจมันอย่างลึกซึ้งได้ไม่ยาก!
"ใช่เขามีสิทธิ์!"
เหล่าศิษย์พากันหัวเราอย่างสนุกสนานและกล่าวว่า"แม้เขาจะยังไม่ได้ถูกรับเข้าเป็นศิิษย์อย่างเป็นทางการ หากแต่เขาสามารถผ่านการประเมินและได้รับยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงเป็นรางวัลด้วย พวกเราเองก็สามารถรับ
ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงมาเป็นรางวัลหากเราสามารถฆ่าปีศาจเหล่านั้นได้!"
ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิง?เสาสัญลักษณ์?อาวุธวิญญาณ?
ซ่งหยูรู้สึกสับสนเสาสัญลักษณ์มีประโยชน์ทั้งในการบ่มเพาะ และต่อสู้ในขณะที่อาวุธจิตวิญญาณเป็นอาวุธต่อสู้ที่สามารถปรับปรุงความสามารถในการต่อสู้ แทบไม่ต้องกล่าวถึงยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงที่มีความสำคัญสูงสุดกับเขา!
สำหรับการบ่มเพาะพระราชวังเปลวอัคคีนั้นต้องใช้พลังกายและจิตจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องพึ่งพา
ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงเท่านั้น จึงจะสามารถสร้างภาพได้อย่างต่อเนื่อง!
ซึ่งตอนนี้ยาเม็ดสมุนไพรยู่หลิงหมดลงแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจะต้องไปหามันมิเช่นนั้นความเพียรพยายามที่ผ่านมาของเขานั้นจะเสียเปล่า....
ซ่งหยูตอบอย่างลังเล"ข้าไม่ใช่ศิษย์ของท่านอาจารย์ แล้วข้าจะสามารถเข้าไปในซากปรับหักพังนั้นได้หรือไม่?
ศิษย์หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า"ท่านสามารถเข้าไปได้เพราะท่านก็ถือว่าเป็นศิษย์ชั้นสูงเช่นกัน แต่ท่านสามารถเข้าไปได้แค่เดือนละครั้งเท่านั้น และซากปรักหักพังเหล่านั้นเต็มไปด้วยปีศาจ และมีอยู่ทุกแห่งภายในบริเวณนั้น เราจะปลอดภัยหากรวมกลุ่มกันเข้าไป คราวนี้เรามีศิษย์พี่หลานหยู และศิษย์พี่เฉินฉวนผู้ที่เข้าใจในทักษะของดาบอัสนีอย่างลึกซึ้ง ข้าว่ามันแทบจะไม่มีความเสี่ยงเลยแม้แต่น้อย!
หลานหยูยิ้มเฉยขณะที่เธอได้ยินและกล่าวว่า ""การต่อสู้กับปีศาจจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับเจ้าในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับทักษะของดาบอัสนี"
ซ่งหยูพยักหน้ายิ้มและกล่าวว่า"ข้าต้องขอบคุณพวกท่านมาก!"
ศิษย์ชายผู้ที่พ่ายต่อหลานหยูนั้นเขามาจากชนเผ่าแม่น้ำหลันเช่อ นามว่าเฉิงฉวน เขามีพรสวรรค์ในบรรดาศิษย์หลายร้อยคน และเขาก็เป็นคนที่ร่าเริงช่างพูด....
เหตุการณ์หลังจากนั้น......
ซ่่งหยูพร้อมกับเหล่าศิษย์กว่าร้อยคนปีนขึ้นไปบนหุบเขาด้านหลังของนิกายฯ หุบเขานั้นมีความสูงชันขึ้นเรื่อยๆ และมีเมฆลอยอยู่รอบตัวพวกเขาราวกับว่าพวกเขานั้นเดินเหยียบอยู่บนก้อนเมฆ!
ซ่งหยูรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อยเมื่อเขาพยายามจะมองลงไป เทือกเขาด้านล่างดูเหมือนจะเล็กลง และด้านบนมีขนาดเท่าฝ่ามือเท่านั้น
พวกเขาค่อยๆปีนขึ้นไปเรื่อยๆ จนมาถึงครึ่งหุบเขาของนิกายฯ ซึ่งบริเวณนั้นจะมีวิหารรอบ ๆ หุบเขา และมีห้องโถงขนาดใหญ่ประดับอยู่ท่ามกลางหุบเขา และมีเห็นหลินสวรรค์ที่ขึ้นอยู่บนตอไม้ภายในสถานที่ลึกลับแห่งนี้..
ในขณะที่ห้องโถงใหญ่บนหุบเขานี้ ถูกสร้างขึ้นบนลานรูปวงกลมคล้ายมงกฏ ใต้พื้นดินด้านล่างเป็นหุบเขาลึกที่ล้อมรอบด้วยปุยเมฆสีขาว!
เมืองแห่งประตูดาบสามารถสร้างสถานที่แห่งนี้ขึ้นอย่างงดงาม"
ซินหวงมองผ่านสายตาของซ่งหยูดูสภาพแวดล้อมรอบตัวเขายกย่องว่า "เหล่าผู้บ่มเพาะระดับสูงสุดที่สร้างสถานที่แห่งนี้ได้นั้นจะต้องมีพลังอำนาจที่ใกล้เคียงกับเทพสวรรค์ก็เป็นได้"
เหล่าศิษย์อีกหลายคนก้าวลงไปบนลานกลมที่มีรูปร่างคล้ายมงกุฎ เห็นชายชราสวมชุดสีขาวนั่งอยู่หน้าห้องโถงใหญ่ ด้านข้างเขามีห่วงเหล็กหนาเหมือนถูกผูกติดอยู่กับเสาใกล้ๆ กับอีกด้านหนึ่งก็มีชายชราอีกคนที่ถูกล่ามด้วยลักษณะเดียวกัน!
โซ่ทั้งสองห้อยอยู่กลางอากาศ ซ่งหยูเฝ้าดูอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่มีเห็นอะไรที่ผิดปกติ โซ่เหล็กทั้งสองถูกแขวนลอยไว้กลางอากาศ แสดงว่าพวกเขาถูกกักขังไว้ที่นี่จริงๆ
เฉิงฉวนก้าวไปข้างหน้าและคำนับกล่าวกับชายชราทั้งสองท่านที่ถูงจองจำไว้ ณ สถานที่แห่งนี้ว่า" ผู้อาวุโสทั้งสองท่าน พวกข้าทั้งหลายตั้งใจที่จะเข้าไปข้างในซากปรักหักพัง เพื่อจุดประสงค์ในการฝึกฝน ข้าขอให้พวกท่านจงอนุญาตให้เราผ่านเข้าไปข้างในด้วยเถิด!"
ชายชราคนหนึ่งพยักหน้าและกล่าวว่า"พวกเจ้าทุกคนจงยืนและมองไปที่กระจกหน้าห้องโถงแห่งนั้น!"
เหล่าศิษย์ทั้งหลายเดินไปที่หน้าห้องโถง ซึ่งเป็นกระจกสีทองที่มีขนาดใหญ่ มันมีความสูงประมาณสี่สิบฟุต ซ่งหยู่อยากรู้ที่มาของมัน.... ฉางเฉินกระซิบกับเขาเบาๆว่า "พี่ซ่งหยูกระจกสีทองนี้เป็นสมบัติที่หายากสำหรับอาวุธจิตวิญญาณ! ตราบเท่าที่เราสะท้อนอยู่ในกระจก เราจะสามารถทิ้งภาพเงาไว้ข้างในได้ ถ้าเราสามารถฆ่าปีศาจภายในซากปรักหักพังนี้ได้ กระจกจะทำเครื่องหมายและผลงานเอาไว้ ผลงานที่เราได้รับจากนิกายก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น
ซ่งหยูก้าวไปข้างหน้าและเห็นภาพของตัวเองสะท้อนอยู่ภายในกระจกซึ่งมีตัวอักษรอยู่ด้านบนของภาพ
และสำหรับศิษย์คนอื่นๆ ก็จะบันทึกไว้เช่นกัน เมื่อพวกเขาเข้าไปในสถานที่แห่งนี้ และฆ่าปีศาจได้ภายในกระจกก็จะปรกฏผลงานดังกล่าวไว้
นั่นคือความแตกต่างของศิษย์นอกระตับต่ำ ที่ได้เพียงแค่ฝึกพื้นฐานในการบ่มเพาะเท่านั้น ซึ่งแตกต่างกับศิษย์ชั้นสูงที่อยู่บนยอดเขาที่มีความน่าสนใจและขั้นตอนการฝึกที่เพิ่มสูงขึ้น
ซ่งหยูได้แต่ถอนหายใจ เขาอาศัยอยู่ในลานฝึกข้างล่างเป็นเวลาหกปี และทุกวันก็เต็มไปด้วยความยากลำบากและความท้าทาย การบ่มเพาะก็เป็นแค่ระดับพื้นฐานไม่มีอะไรคืบหน้า....
ชายชราสองคนที่สวมชุดขาวยกมือทั้งสองจับโซ่ที่ผูกติดกับเสา พวกเขาใช้พลังขณะดึงบางอย่าง และเสียงดังเอี๊ยดของการเปิดประตูออกมา พร้อมกับดึงโซ่เหล็กจากนั้นประตูดาบให้ปรากฏขึ้นอย่างช้าๆในอากาศ!
ประตูนั้นดูเหมือนราวกับว่ามันถูกสร้างขึ้นด้วยใบมีดที่ถูกตัดออกเป็นสองส่วนด้านขวา ตรงกลาง
โซ่ถูกยึดติดกับประตูอย่างแม่นยำ ร่างของดาบมีสีอ่อนจึงยากที่จะดูว่ว่ามันอยู่ที่นั่น !
ในขณะนี้ประตูดาบโดยชายสูงอายุสองคน ส่องแสงประกายออกจากภายในประตู ช่องว่างด้านหน้าประตูดูเหมือนจะว่างเปล่าก่อนหน้านี้ แต่แสงเหล่านี้เผยให้เห็นบันไดที่เดินผ่านจากประตูไปจนถึงลานรอบๆ
ไอปีศาจสีดำจาง ๆ ไหลลอดออกมาจากภายในประตูดาบ และข้างในก็มีเสียงแปลกๆเล็ดลอดออกมาจากภายในประตูซึ่งทำให้ทุกคนต่างพากันได้ยิน....
หลานหยู และฉิงฉานเป็นคนแรกที่เดินเข้าไปในประตูดาบ และส่วนที่เหลือรวมทั้งซ่งหยูก็เดินตามเข้าไปในซากปรักหักพังเหล่านั้น!
ซ่งหยูมองไปรอบ ๆ ตัว ภายในสถานที่ซากปรักหักพังนั้นเป็นสถานที่มืดมิด และปกคลุมด้วยเมฆที่หนาทึบ!
ภายในหุบเขาดูน่ากลัวด้วยบรรยากาศที่เยือกเย็น!
ไอปีศาจสีดำแปรเปลี่ยนร่างเป็นลมหมุนขนาดใหญ่ที่นำมาพร้อมกับเศษอิฐเศษหิน และมีเสียงเล็ดลอดออกมาจากด้านในว่า! "มนุษย์ตัวเล็ก ๆ !"
ทันใดนั้นเสียงหัวเราะแปลกๆ ดังมาจากไกลคลื่นสีดำของปีศาจกำลังมุ่งหน้ามายังทิศทางที่พวกเขากำลังยืนอยู่!
เหล่าปีศาจแห่กันออกมาราวกับฝูงผึ้ง และตะโกนว่า"ฆ่าพวกมันให้หมด! เราจะหมักและต้มก่อนที่จะกินมัน
จับตัวเมียเอาไว้เราจะใช้มันเพื่อผสมพันธ์ุ และให้กำเนิดรุ่นต่อไปของเผ่าพันธุ์เรา! และให้พวกมันรับใช้เรา ตลอดไปอีกชั่วลูกชั่วหลานของพวกมัน! "
................................................................................................................................