ตอนที่ 231: การทดลอง (2)
นกกระจอกราตรีสี่ปีกกำลังดิ้นรนและลุกขึ้นยืนบนโต๊ะด้วยเท้าที่กำลังสั่น
นกยังมีสมองเป็นของตัวเองและมันสามารถทำอะไรก็ได้ตามปกติ แองเจเล่ควบคุมร่างกายของมันเมื่อจำเป็นเท่านั้น
"ข้อเสียอย่างเดียวของรูนนี้มันก็คือการใช้พลังจิตของข้าตลอดเวลาตราบใดที่ยังเปิดใช้งานอยู่ ข้าจะใช้พลังจิตมากขึ้นถ้าข้าคิดจะควบคุมสิ่งมีชีวิตเพิ่ม แต่ถ้าข้าเปิดใช้งานรูนจำนวนมากพร้อมกันข้าก็จะมีปัญหาในการร่ายคาถาที่ใช้พลังจิตสูง ข้าต้องวางแผนอย่างรอบคอบ...."
แองเจเล่กำลังคำนวณ ในตอนนี้เขามีพลังจิตประมาณ 40 หน่วยและเขาสามารถเปิดใช้งานได้สองรูนพร้อมกันด้วยพลังจิต 1 หน่วยซึ่งนั่นก็หมายความว่าเขาสามารถควบคุมนกกระจอกราตรีสี่ปีกได้ประมาณ 80 ตัวถ้าเขาต้องการ
เขาขมวดคิ้วและคว้านก จากนั้นเขาก็เดินไปที่หน้าต่างและเปิดมันออกไป
แองเจเล่มองเห็นหอเฝ้าระวังหินจากห้องทดลอง
หอเฝ้าระวังตั้งอยู่ข้างป่าอย่างเงียบๆ มีพ่อมดฝึกหัดสองคนที่เขาจ้างกำลังคุยกันอยู่ข้างๆ พวกเขาสังเกตเห็นแองเจเล่เปิดหน้าต่างและโค้งให้ทันทีก่อนที่จะกลับไปปฏิบัติหน้าที่
แองเจเล่รอทั้งสองคนไปและวางนกกระจอกไว้ที่ขอบหน้าต่าง
"บิน" เขาสั่ง
ฟึบ
นกกระจอกราตรีหายไปจากขอบหน้าต่าง แองเจเล่เห็นเพียงเส้นสีดำบินขึ้นไปในท้องฟ้าด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ
ภายใต้เมฆสีเทาเส้นสีดำเดินทางโดยไม่ลังเล
แองเจเล่เอาผงสีดำออกมาจากถุงกระเป๋าและลูบมันด้วยมือทั้งสองข้าง ผงสีดำเริ่มไหม้และมีควันออกมา
"สิ่งมีชีวิตนี้จะทำหน้าที่เป็นสายตาให้ข้า" เขาร่ายคาถา
ดวงตาของเขาล้อมรอบไปด้วยแสงสีแดงอย่างช้าๆ
สายตาของแองเจเล่เบลอชั่วครู่และพบว่าตัวเองกำลังจ้องเมฆ
เขารู้สึกถึงสายลมที่พัดผ่านใบหน้าของเขาและข้างล่างเขามีต้นไม้เต็มไปหมด
เมืองของมนุษย์ปรากฏข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แองเจเล่บอกให้นกเข้าไปหาเมืองและบินผ่านมัน
เป๊ง เป๊ง เป๊ง เป๊ง
หอระฆังกำลังดัง
แองเจเล่มองเห็นบ้านที่เรียงรายอยู่ข้างล่างจากท้องฟ้า พวกมันทั้งหมดมีหลังคาสีแดงและผนังสีเทา อัศวินที่กำลังลาดตระเวนบนถนนกำลังสวมชุดเกราะหนัง มีแม่น้ำสายเล็กๆที่ไหลผ่านตัวเมืองและตรงกลางมีรูปปั้นทองแดงสูงของพ่อมด
เมืองหายไปจากสายตาของแองเจเล่หลังจากผ่านไปหลายวินาที
'มันคือเมืองไม้เขียวที่อยู่ห่างจากบ้านข้า 15 กิโลเมตร' แองเจเล่รู้จักสถานที่นี้ มันเป็นเมืองขนาดเล็กข้างชายแดนที่ควบคุมโดยตระกูลพ่อมดขนาดเล็กหลายตระกูล เมืองแบบเมืองไม้เขียวเป็นเมืองที่ธรรมดามากในพื้นที่
"กลับมาหาข้า"
แองเจเล่สั่งหลังจากที่หยุดซิงโครไนซ์สายตา
นกกระจอกราตรีสี่ปีกหมุนในท้องฟ้าและเริ่มบินกลับมาที่บ้านของเขา
มีจุดสีดำปรากฏในสายตาของแองเจเล่หลังจากผ่านไปประมาณสองนาที
มันดูเหมือนว่านกได้ใช้ปีกใหม่ทั้งสองที่ได้รับมา นกกระจอกค่อยๆช้าลงและบินลงบนขอบหน้าต่างข้างหน้าแองเจเล่
"ความเร็วน่าทึ่งมาก" แองเจเล่พูดชมเชย
เขาคำนวณการบินครั้งล่าสุดและนกก็เดินทางได้ประมาณ 110 เมตรต่อวินาที
นกกระจอกกลายพันธุ์เกือบจะเร็วกว่าเหยี่ยวเพเรกรินจากโลก นอกจากนี้ตามที่ชิปได้คำนวณความเร็วสูงสุดของนกกระจอกราตรีสี่ปีกคำนวณได้ความเร็วมากกว่า 125 เมตรต่อวินาที
มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่เร็วที่สุดที่แองเจเล่เคยพบในโลกนี้
แองเจเล่ลูบเบาๆที่หลังของนกกระจอก
ขนของมันเรียบเนียน การสัมผัสนกกระจอกทำให้ใจของเขาสงบลง
มันเป็นเพียงชั่วครู่ที่เขารู้สึกสับสนเกี่ยวกับอนาคตของตัวเอง
มันเป็นความคิดที่เขาไม่เคยมีมาก่อน
เขาไม่ได้เป็นปุถุชนคนธรรมดาอีกต่อไปเมื่อเขากลายเป็นพ่อมดฝึกหัด แองเจเล่ได้ทำลายขีดจำกัดในช่วงที่อายุน้อยมากๆและเขามีโอกาสที่จะสำรวจสิ่งที่ลึกลับที่สุดในโลกนี้ ในระหว่างกระบวนการนี้เขาไม่เคยหยุดแม้แต่วินาทีเดียว
ตอนแรกเขาต้องการพลังเพราะเขาต้องการปกป้องตัวเองและครอบครัว
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้สำรวจในหลายพื้นที่ของโลกเขาก็เริ่มแสวงหาความรู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนนี้
แองเจเล่ลูบขนนกอย่างระมัดระวังขณะที่คิดเรื่องนี้
ความสำเร็จของเขามันน่าเหลือเชื่อและเขาก็เป็นหนึ่งในพ่อมดยุคใหม่ที่มีพรสวรรค์ที่สุดในประวัติศาสตร์ แองเจเล่กำลังสงสัยว่าเขาควรจะใช้เวลาและสนุกกับชีวิตของเขาหรือไม่ ด้วยเหตุบางอย่างเขาได้สูญเสียแรงจูงใจในการเพิ่มความก้าวหน้าและเขาก็รู้สึกว่างเปล่า
ความสัมพันธ์ระหว่างแองเจเล่กับพ่อและตระกูลไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไป อายุขัยของเขายาวนานกว่าปุถุชนและวันหนึ่งคนที่รับมรดกอาจไม่ทราบว่าเขาเป็นลูกชายของบารอน
แองเจเล่เริ่มเข้าใจว่าทำไมบรรดาพ่อมดที่มีอายุมากถึงได้แสดงออกแบบบ้าๆและบางคนก็มีงานอดิเรกที่พิลึก
เวลาจะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่าง พ่อมดแบบแองเจเล่มาจากครอบครัวปุถุชนและเมื่อญาติของพวกเขาทั้งหมดเสียชีวิตพวกเขาก็จะรู้สึกว่าพวกเขาสูญเสียการเชื่อมต่อทั้งหมดกับโลก แองเจเล่รู้สึกกลัวเพียงแค่คิดถึงช่วงเวลานั้น
แฟลนย่าของอิซาเบลกำลังแสวงหาสิ่งปลอมประโลมโดยการรสอดส่องชีวิตประจำวันของหลานสาวของเธอ เธอรักอิซาเบลมากตั้งแต่ที่อิซาเบลยังเป็นเด็กแต่ความรักก็เปลี่ยนเป็นความรักที่บิดเบี้ยว
แองเจเล่เกิดใหม่ในโลกนี้ คนเดียวที่เขามีเยื่อใยเป็นพิเศษคือพ่อของเขาแต่เขาตระหนักว่าสิ่งนี้ไม่มีอยู่อีกต่อไปหลังจากที่เขาไปเยือนครั้งที่ผ่านมา เขาเริ่มเผชิญหน้ากับปัญหาที่พ่อมดชรากำลังเผชิญอยู่
"บางทีข้าควรจะใช้เวลาพักผ่อนซะบ้างก่อนที่จะพยายามก้าวไปสู่ขั้นต่อไป ข้าเพิ่งมาถึงขั้นของเหลวและข้าสามารถใช้ช่วงเวลานี้เพื่อดูดซับความรู้ใหม่ๆได้" แองเจเล่พึมพำ ในตอนนี้เขามั่นใจว่าเขาจะชนะการต่อสู้กับพ่อมดขั้นของเหลว
มันใช้เวลาสักพักก่อนที่ร่างกายของเขาจะเคยชินกับพลังจิตของเหลว เขาต้องการความรู้พื้นฐานสำหรับพ่อมดระดับสองและรอให้ร่างกายของเขาปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดก่อนที่จะพยายามทำการดัดแปลงใดๆ
มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเร่งกระบวนการโดยใช้เทคนิคพิเศษดังนั้นเขาจึงต้องรอ
แองเจเล่คิดเป็นเวลานาน ตอนนี้ข้างนอกเริ่มมืดแล้ว
ก๊อก ก๊อก
มีใครบางคนเคาะประตู
แองเจเล่ตบหลังของนกกระจอกราตรีเบาๆอีกครั้ง นกกระโดดออกจากขอบหน้าต่างอย่างรวดเร็วและหายไปในป่าข้างบ้าน จากนั้นเขาก็เดินไปที่ประตูและเปิดมัน
อลิซกำลังรออยู่ข้างนอกพร้อมกับจานเงินในมือ เธอสวมชุดเมดสีขาว
อาหารบนจานยังมีไอร้อนอยู่
"ข้าจะกินอาหารค่ำที่ชั้นล่าง" แองเจเล่ปิดประตูและมองไปที่จาน
"เห็ดและสตูว์กวางกับขนมปังปิ้งแล้วก็มันฝรั่งทอดหรือ การผสมผสานที่ดี ข้าว่ามันจะดียิ่งขึ้นถ้าข้าสามารถกินขนมปังคู่กับแยมมะพร้าว"
"เข้าใจแล้วค่ะ ข้าจะไปเตรียมแยมให้ท่าน"
อลิซตอบอย่างสุภาพ
แองเจเล่เดินลงบันไดและนั่งบนโซฟา
แนนซี่รอเงียบๆข้างโซฟา
"นายท่าน มีจดหมายส่งมาให้ท่าน" เธอยื่นกระบอกไม้สีดำให้แองเจเล่
"จดหมายของข้าหรือ ในที่สุดมันก็มาถึง..." แองเจเล่สงสัยชั่วครู่และตระหนักว่ามันมาจากไหน
ประมาณหนึ่งปีก่อนเขาได้ส่งจดหมายหลายฉบับไปเมืองเลนน่อน
พวกมันถูกส่งไปให้เทีย ฮาร์แลนด์และไทนอส มีคนเพียงสามคนที่เขาสื่อสารด้วยมากที่สุดในเมือง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับไทนอส ชายที่มีใบหน้าที่สวยกว่าผู้หญิงและทิ้งความประทับใจไว้ในจิตใจของแองเจเล่
แองเจเล่เอาผนึกออกและเปิดฝา มีม้วนหนังสีเหลืองไหลออกจากกระบอก
เขาเปิดม้วนอย่างระมัดระวัง คำที่เขียนมันสะอาดและมีสไตล์
'ถึงอาจารย์สุดที่รักของข้าแองเจเล่ จากเทีย ริโอ'
มันเป็นคำทักทาย
'หลังจากที่ท่านออกจากเมืองโรคระบาดที่ร้ายแรงก็มาถึง ผู้คนขอร้องให้พระเจ้ารักษาพวกเขา มีกองศพถูกเผาเป็นขี้เถ้าทุกวันบนถนน สถานการณ์เลวร้ายลงเรื่อยๆ แกรนด์อัศวินฮาร์แลนด์ได้ตอบรับคำเรียกของจักรวรรดิและเข้าร่วมสงครามกับผู้บุกรุกดังนั้นเขาจึงไม่มีเวลามาช่วยเมือง อัศวินไทนอสและข้าได้วางแผนที่จะออกจากเมือง
อย่างไรก็ตาม ทางตอนใต้ของจักรวรรดิกำลังทุกข์ทรมานจากโรคระบาดและเราไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากพื้นที่ ข้าหวังว่าท่านจะอยู่ที่นี่ ข้ามั่นใจว่าท่านสามารถช่วยทุกคนในเมืองได้ แม้แต่เจ้าเมืองของเมืองเลนน่อนก็ถูกฆ่าตายจากโรคระบาด
ต่อมาฮาร์แลนด์ได้รับคำสั่งให้เฝ้าชายแดนเหนือ ข้าไม่คิดว่าเขาจะกลับมาเร็วๆนี้ กษัตริย์ให้ดินแดนขนาดใหญ่ที่นั่นแก่เขา
ไทนอสเกือบถูกฆ่าตายจากการลอบสังหาร การเมืองกำลังทำลายเมืองเนื่องจากไม่มีใครรับผิดชอบ แม้ว่าเขาจะได้รับความช่วยเหลือจากแพทย์ที่ดีที่สุดแต่ดวงตาของเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บและเขาไม่สามารถมองเห็นแสงได้อีกครั้ง ข้าถูกขอให้ช่วยปกป้องเมืองตั้งแต่ที่ไทนอสไม่สามารถสู้ได้อีกต่อไป
อา ยังไงก็ตาม ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดก็ได้ผ่านไปแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังนั่งอยู่ในห้องอุ่นๆเขียนจดหมายนี้ให้ท่านและข้าได้อ่านจดหมายที่ท่านส่งให้ไทนอสให้เขาฟัง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ที่มีผ้าห่มสีแดงกำลังคิดอะไรบางอย่าง
ตอนนี้ไทนอสเป็นเจ้าเมืองของเมืองเลนน่อน เขาบอกว่าเขาคิดถึงวันที่ท่านยังอยู่ที่นี่ เรามีความสุขมากที่ท่านส่งจดหมายถึงเรา
นอกจากนี้หลังจากที่ฝึกมานานหลายปีข้าก็ได้กลายเป็นอัศวิน ท่านจะประหลาดใจที่ได้เห็นว่าข้าก้าวหน้าแค่ไหนในครั้งต่อไปที่ท่านมาเยี่ยม เมล็ดพันธ์พลังงานชีวิตที่ท่านปลูกในร่างกายของข้ามันแข็งแกร่งกว่าเมล็ดที่อัศวินคนอื่นมี
ข้าขอให้คนงานทำความสะอาดคฤหาสน์ที่ท่านซื้อ ข้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรนับตั้งแต่ที่ท่านจากไป ได้โปรดจ่ายเงินให้เราเมื่อท่านมีเวลา...
ข้ากำลังฝึกเด็กในเมืองเมื่อไม่นานมานี้และบางคนก็มีความอดทนในการฝึกหนัก พวกเขาเหมือนข้า....ถ้าไม่มีท่านข้าก็อาจจะยังคงทำงานอยู่ที่บ้านแพนเค้ก
ไทนอสโทษข้าสำหรับการพูดเหมือนหญิงชราอีกครั้ง.....เขาไม่เคยปฏิบัติกับข้าเหมือนเด็กสาว
โอ้ ด้วยเหตุผลพิเศษบางอย่างต้นไม้ในป่าหลายต้นได้ถูกตัดลง....'
จดหมายของเทียยาวมากกว่าหนึ่งหมื่นคำและเธอเกือบจะระบุทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ที่แองเจเล่จากไป
แองเจเล่อ่านจดหมายหลายครั้ง มีรอยยิ้มที่ผ่อนคลายปรากฏบนใบหน้าของเขา