TXV – 88 แก่นแท้ของการต่อสู้ !
TXV – 88 แก่นแท้ของการต่อสู้ !
ขณะในบ้านหลางมีผู้คนกำลังรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย...
มีเปรี้ยวหวานซี่โครงหมูรวมไปถึงลูกชิ้นปลาที่แสนอร่อยและยังมีผัดผักที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ อาหารเหล่านี้ถูกปรุงโดยเซี่ยเหล่ย พวกเขากำลังเฉลิมฉลองให้กับเซี่ยเหล่ยที่ได้รับที่ดินผืนนั้นมา การเฉลิมฉลองครั้งนี้เป็นไปอย่างเรียบง่ายและเจียมเนื้อเจียมตัว
“นี่ไงซี่โครงหมู ท่านอาจารย์” เซี่ยเหล่ยใช้ตะเกียบคีบซี่โครงหมูขึ้นมาแล้ววางไว้ในชามของหลางเฉิงชุน
หลางเฉิงชุนยิ้มออกมาอย่างมีความสุข “กิน กิน คุณกินด้วยสิ ผมกินเยอะกว่านี้ไม่ไหวแล้ว”
“พ่อ กินแต่ของที่เซี่ยเหล่ยคีบให้” หลางซือเหยายิ้ม “เหล่ย บอกฉันหน่อยใครคือลูกตัวจริงกันแน่ ฮ่าฮ่า”
“บอกตอนนี้ไม่ได้หรอก !” รอยยิ้มของหลางเฉิงชุนมีความลึกลับอยู่ภายในนั้นราวกับว่ามีความหมายแอบแฝงจากคำพูดของเขา
แก้มของหลางซือเหยาแดงขึ้นเล็กน้อยจากนั้นเธอที่ก้มหน้าไปยังชามข้าวของตัวเอง
เซี่ยเหล่ยรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเช่นกัน เขาก็ก้มหน้าก้มตาลงไปยังชามข้าวของเขาเช่นกัน
หลางเฉิงชุนมองไปที่หลางซือเหยาแล้วพูดว่า “ดูสิขนาด เหล่ย เป็นผู้ชายยังสามารถทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้ แล้วผู้หญิงแบบลูกทำเป็นแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเท่านั้น ลูกควรเรียนรู้วิธีการทำอาหารจากเหล่ยให้มากๆนะ อนาคตลูกแต่งงานไปถ้าทำอาหารไม่เป็นจะดูแลสามีและลูกยังไง ?”
“พ่อ…...” ใบหน้าของหลางซือเหยายิ่งแดงขึ้น
“เอาล่ะ เอาล่ะ ! ผมจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว กินต่อเถอะ” หลางเฉิงชุนเลิกพูดถึงเรื่องนี้อีก ใบหน้าของเขานั้นล้วนเต็มไปด้วยความสุขเขามีความภาคภูมิใจที่ได้เซี่ยเหล่ยมาเป็นลูกศิษย์แถมลูกศิษย์คนนี้ยังมีความสามารถในการทำธุรกิจที่สามารถได้ที่ดินราคาหลายร้อยล้านมาในราคาไม่กี่ล้าน....
หลังจากที่พวกเขากินเสร็จแล้ว หลางซือเหยาเดินไปในครัวเพื่อล้างจาน และหลางเฉิงชุนเรียกเซี่ยเหล่ยเข้าไปในห้อง
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเหล่ยเดินเข้ามาในห้องส่วนตัวของหลางเฉิงชุนภายในห้องนี้มีหนังสือจำนวนมากเขาเห็นมันวางอยู่ที่ชั้นหนังสือในชั้นหนังสือมีตั้งแต่หนังสือศิลปะการต่อ สู้วิทยาศาสตร์รวมไปถึงการกำเนิดธรรมชาติต่างๆ มันเป็นชั้นหนังสือที่มีหนังสือครอบคลุมอยู่หลายประเภท
“ท่านอาจารย์ ดูเหมือนว่าคุณชอบอ่านหนังสือมากๆเลยนะ ผมขอยืมไปอ่านบ้างได้มั้ย ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หลางเฉิงชุนยิ้มออกมา “ผมชอบอ่านหนังสืออยู่เสมอ เมื่อผมไม่ได้ฝึกศิลปะการต่อสู้ ผมจะมาอ่านหนังสือนี่แหละ การอ่านนี่มันดีนะคุณก็ควรจะอ่านหนังสือให้มากขึ้น หนังสือช่วยให้เรามีความรู้และมีสมาธิเมื่ออยู่กับมัน”
“ผมจะจำไว้ครับ !” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หลางเฉิงชุนวางมือบนไหล่ของเซี่ยเหล่ย “ผมไม่ได้เรียกคุณมาเพื่อเหตุผลนี้ ผมมีบางอย่างที่อยากจะสอนคุณ”
เซี่ยเหล่ยรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก นี่เป็นสัญญาณที่กำลังบอกว่าหลางเฉิงชุนจะสอนเขาถึงรากเหง้าของหวิงชุน
คนจีนทุกๆคนมีความใฝ่ฝันที่อยากจะเรียนศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงแต่ที่เซี่ยเหล่ยได้เรียนนั้นเป็นแค่ส่วนเล็กๆของศิลปะการต่อสู้เท่านั้น เขามีโอกาสได้เรียนถึงแก่นแท้ของหวิงชุน เขาจะไม่ตื่นเต้นได้อย่างไรล่ะ ? ตอนนี้เขารู้สึกราวกับว่าได้สืบทอดศิลปะการต่อสู้จาก ‘เจ็คลี’ ซึ่งเป็นฮีโร่ในดวงใจเขา โดยมีปรมาจารย์ทางด้านศิลปะการต่อสู้สอนให้เขาแบบตัวต่อตัว มันไม่มีอะไรวิเศษไปมากกว่านี้แล้ว !
“เหล่ย คุณเข้าใจแก่นแท้ของพลังปราณหรือไม่ ?” หลางเฉิงชุนไม่ได้พูดถึงเทคนิคพิเศษอะไรเลยแต่เขาถามคำถามแปลกๆขึ้นมา
เซี่ยเหล่ยหยุดคิดสักครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มลูบหน้าผากตัวเองอย่างงุ่มง่าม “ท่านอาจารย์ ผมเคยอ่านหนังสือแก่นแท้ของพลังในนิยายการต่อสู้กำลังภายใน มันเป็นพลังที่อยู่ในร่างกายของเราใช่ไหม ?”
หลางเฉิงชุนวางสายหัวและชี้นิ้วไปที่จุดระหว่างคิ้ว หัวใจและใต้สะดือของเซี่ยเหล่ย “ที่ผมชี้ไปทั้งหมดนั่นคือจุดศูนย์กลางของพลังปราณ จุดตันเถียนเหนือ จุดตันเถียนกลางและจุดตันเถียนล่าง ”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้าแบบเก้ๆกังๆ ซึ่งเขาไม่เข้าใจถึงสิ่งเหล่านี้เลย
หลางเฉิงชุนวางพูดต่อว่า “ศูนย์กลางพลังปราณไม่ใช่เรื่องสมมุติ มันเป็นเรื่องจริง มีคนเคยกล่าวไว้ว่าการหายใจเป็นศูนย์กลางของพลังปราณที่สำคัญในจุดตันเถียน ผู้ใช้ตันเถียนจะควบคุมสมดุลหยินและหยางบริเวณใต้สะดือของพวกเขา คุณเข้าใจเรื่องนี้หรือไม่ ?”
เซี่ยเหล่ยไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาก่อนเมื่อเขาได้ยินครั้งแรกเขาถึงกับตกตะลึงว่ามีเรื่องพวกนี้อยู่ในศิลปะการต่อสู้อยู่ด้วยเหรอ ? หรืออาจเป็นเพราะว่าเขาไม่เคยรู้อะไรเลยเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้
หลางเฉิงชุนพูดต่อว่า “มันเป็นเรื่องที่ง่ายมากๆจุดตันเถียนเป็นอวัยวะส่วนนึงของทุกคนที่สามารถเสริมสร้างร่างกายและรักษาสุขภาพร่างกายเอาไว้ ถ้าคุณฝึกฝนมันการเสริมสร้างร่างกายและพลังของคุณจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีคนเคยกล่าวไว้ว่าผู้เชี่ยวชาญการฝึกตันเถียนมีอายุยืนยาวถึง 120 ปี !”
เซี่ยเหล่ยไม่เข้าใจเลยว่าหลางเฉิงชุนกำลังพูดถึงอะไร ในเวลานี้เขาพยายามจะเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ที่อาจารย์สอนให้เร็วที่สุด แต่ถ้าให้เขาพูดออกมาว่าเขารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้าง เขาคงตอบได้แค่ว่าผมไม่รู้อะไรเลย…
หลางเฉิงชุนพูดต่อว่า “การหายใจเข้าก็เหมือนกันสูดเอาพลังปราณเข้าไปและกลั่นออกมาเป็นจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งและทรงพลัง !”
เซี่ยเหล่ยยิ้มเก้ๆกังๆ “ท่านอาจารย์ เรื่องนี้มันลึกลับซับซ้อนเกินไปแล้ว ผมไม่เข้าใจมันหรอก !”
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย การฝึกศิลปะการต่อสู้ก็เหมือนกันฝึกฝนจิตวิญญาณร่างกายและจิตใจของคุณ คุณจะรวมตัวเป็นหนึ่งกับจังหวะการเคลื่อนไหวและจังหวะของการหายใจ คุณจะผสมผสานเข้าไปกับจิตวิญญาณของคุณไปพร้อมๆกันจากนั้นคุณจะได้รับพลังที่มากขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว”
ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยเหมือนจะเข้าใจศิลปะการต่อสู้มากขึ้น แต่ในสมองของเขาตอนนี้ยังไม่สามารถปะติดปะต่อความหมายของจุดตันเถียนที่หลางเฉิงชุนพูดออกมาได้
“ดูนี่” หลางเฉิงชุนเดินไปที่กำแพงเขาไม่ได้เตรียมการอะไรเลยทั้งสิ้น เขาเพียงหายใจเข้าและทันใดนั้นเขาออกหมัดไปที่กำแพง !
ตูม ! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วห้องและมีรอยกำปั้นของเขาประทับอยู่บนกำแพง !
เซี่ยเหล่ยยืนอึ้งขณะที่หลางเฉิงชุนออกหมัดไปที่กำแพง มันไม่ใช่กำแพงโคลนที่อ่อนปวกเปียก มันเป็นกำลังแพงซีเมนต์ที่แข็งมาก !
เซี่ยเหล่ยใช้ตาซ้ายของเขาจ้องมองไปที่หลางเฉิงชุน เขากำลังดูว่าการไหลเวียนพลังในตัวของหลางเฉิงชุนว่าทำได้อย่างไรและเซี่ยเหล่ยกำลังคิดว่าตอนนี้เขาได้เรียนรู้รูปแบบที่แท้จริงของหวิงชุนแล้ว ความลับทั้งหมดมันซ่อนอยู่ในมือของหลางเฉิงชุน !
“ท่านอาจารย์ คุณแข็งแกร่งมาก !” เซี่ยเหล่ยกลับมาได้สติหลังจากผ่านไประยะเวลาหนึ่งในดวงตาของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความอยากรู้อยากเห็น
“คุณก็สามารถทำแบบนี้ได้ถ้าคุณฝึกฝนมันอย่างหนัก” หลางเฉิงชุนกล่าว
“ผมอยากแข็งแกร่งแบบนี้ ผมจะต้องฝึกยังไง ?” เซี่ยเหล่ยกระตือรือล้นอยากจะรีบฝึก
หลางเฉิงชุนเดินไปที่โต๊ะทำงานและหยิบกระดาษที่เต็มไปด้วยตัวอักษร เขาส่งกระดาษแผ่นนั้นให้กับเซี่ยเหล่ย “อ่านสิ่งนี้ให้เข้าใจซะก่อนเมื่อคุณจำได้ทั้งหมดแล้ว ผมจะเริ่มสอนคุณอย่างจริงจัง”
เซี่ยเหล่ยมองไปที่มันชั่วครู่หนึ่ง “ท่านอาจารย์ ผมจำมันได้ทั้งหมดแล้ว !”
“ห๊ะ ?” หลางเฉิงชุนพูดด้วยความประหลาดใจ “เร็วขนาดนี้เลย ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้มออกมา “ผมจะอ่านให้คุณดูถ้าคุณไม่เชื่อผม ‘การสูดลมหายใจเข้าเป็นดั่งปลาวาฬที่กำลังสูบน้ำเข้าไปในขณะที่ลมหายใจออกเป็นดั่งพายุที่กำลังโหมกระหน่ำทะเลทราย……..’”
เซี่ยเหล่ยท่องได้ทุกคำจนหลางเฉิงชุนพอใจ “คุณเป็นต้นกล้าที่เยี่ยมยอดมากเอาหล่ะ ผมจะเริ่มสอนคุณตอนนี้เลย คุณรีบกลับบ้านมั้ยคืนนี้ ?”
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ไม่ครับ ตอนนี้ผมยังไม่อยากกลับบ้าน”
เซี่ยเสวียไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงตู มันไม่แตกต่างกันเลยว่าเขาจะกลับบ้านหรือไม่กลับบ้าน ถึงเซี่ยเหล่ยกลับบ้านไปก็อยู่คนเดียวอยู่ดี…
หลางเฉิงชุนกำลังสอนเซี่ยเหล่ยเกี่ยวกับรูปแบบที่แท้จริงของหวิงชุน ความลับทั้งหมดนี้ได้ถูกเก็บไว้ในตระกูลเหยินหยงชุนเท่านั้น จะไม่มีการสอนความลับนี้กับคนทั่วไป หลักสูตรนี้ได้สืบทอดมาในตระกูลเป็นเวลากว่า 100 ปีแล้ว ณ ตอนนี้มีผู้สือทอดมา 10 รุ่นแล้วและเซี่ยเหล่ยเป็รุ่นที่ 11
หนึ่งชั่วโมงต่อมา เซี่ยเหล่ยกำลังเดินออกจากห้องของหลางเฉิงชุนและเจอหลางซือเหยา….
“พ่อของฉันเข้มงวดกับคุณมั้ย ?” หลางซือเหยาถาม
“ไม่เลย ท่านอาจารย์ใจดีมากและตั้งใจสอนวิชาหวิงชุนให้กับผมมากๆเลยล่ะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หลางซือเหยาขมวดคิ้ว “ลำเอียง ! ตอนที่เขาสอนฉันนี่รุนแรงยิ่งกว่าฝึกสัตว์ป่าซะอีก !”
เซี่ยเหล่ยหัวเราะออกมา “นั้นเป็นเพราะเขารักคุณมากไง ท่านอาจารย์บอกว่าให้ผมฝึกกับคุณและให้คุณช่วยแนะนำผมระหว่างฝึกด้วย คุณพอมีเวลาว่างมั้ย ?”
“แน่นอน ฉันจะฝึกกับคุณเอง ! หากคุณมีอะไรไม่เข้าใจถามฉันได้ตลอดเลยนะ !” หลางซือเหยาตอบตกลงอย่างรวดเร็ว
จากนั้นทั้ง 2 คนเริ่มฝึกซ้อมกันในห้อง
เซี่ยเหล่ยตั้งการ์ดขึ้นมาและยำกำปั้นขึ้นมาในขณะที่สูดลมหายใจเข้าไปและในขณะที่หายใจออกเขาปล่อยกำปั้นของเขาออกไปเป็นจังหวะตามจังหวะลมหายใจ ในตอนนี้เขารู้สึกว่าหมัดของเขาทรงพลังมากกว่าเมื่อก่อน….
หลางซือเหยายืนอยู่ด้านหลังเซี่ยเหล่ย เธอคอยให้คำแนะนำและแก้ไขในสิ่งที่เซี่ยเหล่ยทำผิดพลาด....
“มีจุดผิดพลาดอยู่นิดหน่อย คุณหายใจออกเร็วเกินไป” หลางซือเหยายืนข้างๆเซี่ยเหล่ย เธอใช้มือข้างหนึ่งปรับแขนของเขาและมืออีกข้างหนึ่งกดตรงบริเวณใต้สะดือของเขา
มือของเธออ่อนนุ่มและอบอุ่นมากขนาดที่เธอกดลงบริเวณจุดอ่อนไหวของเซี่ยเหล่ยทำให้เขาตื่นตัวขึ้นมาทันทีในเวลาอันสั้น
อย่างไรก็ตามหลางซือเหยาไม่รู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของเซี่ยเเหล่ยแม้แต่น้อยมือที่อ่อนนุ่มของเธอค่อยๆกดเบาๆบนหน้าท้องของเสียในขณะที่เธอพูดว่า “หายใจเข้า……..หายใจเข้า…...”
เซี่ยเหล่ย รีบหายใจเข้าอย่างรวดเร็วและปล่อยหมัดออกไปในขณะที่หายใจออก อย่างไรก็ตามสมองเขาตอนนี้ทำงานอย่างหนัก เขามองไปที่ใบหน้าอันสวยงามของหลางซือเหยาผิวที่เนียนนุ่มราวกับหิมะรวมกับสะโพกที่อ่อนไหวของเธอ เขารีบปิดตาข้างซ้ายทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะใช้ตาข้างซ้ายทำสิ่งบางอย่างที่มันไม่ควร
หลางซือเหยาหันกลับมาด้านหน้าอีกครั้งและอีกข้างหนึ่งกดบริเวณท้องน้อยของเซี่ยเหล่ยแล้วพูดว่า “ลองอีกครั้ง !”
ปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวของเซี่ยเหล่ยเริ่มช้าลงและการเคลื่อนไหวของเขาเริ่มแข็งแกร่งขึ้น
หลางซือเหยาเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกบางอย่างเธอจ้องมองลงไปยังส่วนล่างของเซี่ยเหล่ยซึ่งมันทำให้ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีจากนั้นเธอรีบหันกลับมามองใบหน้าของเซี่ยเหล่ยอย่างรวดเร็วและแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไรจากนั้นพูดเบาๆว่า “อืม….. ลองอีกครั้ง ฉันบอกให้คุณลองอีกครั้ง !”
เซี่ยเหล่ย รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากเขาแทบจะควบคุมมันไม่ได้แล้ว ทั้งหมดนี้มันเป็นเพราะมือที่อ่อนนุ่มของเธอมาแตะจุดอ่อนไหวของเขา
ผู้ชายและผู้หญิงทั้งคู่กำลังฝึกศิลปะการต่อสู้อยู่ในห้องของตัวพวกเขาเองสถานการณ์ที่น่าอึดอัดเช่นนี้ยากที่จะหลีกเลี่ยงออกไปได้ อย่างไรก็ตามหลางซือเหยาต้องเป็นครูคอยสอนข้อผิดพลาดให้กับเซี่ยเหล่ย พวกเค้าทั้งคู่ต้องอดทนอดกลั้นความรู้สึกเหล่านี้ไว้ภายในใจ.....
พวกขาทั้ง 2 คนฝึกศิลปะการต่อสู้กันจนดึก
“เอาล่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนค่อยมาฝึกต่อในวันพรุ่งนี้” เหงื่อของหลางซือเหยาไหลออกมาเยอะเกินไปเสื้อของเธอที่บางเฉียบกำลังเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อทำให้เห็นส่วนเว้าและส่วนโค้งของหน้าอกเธออย่างชัดเจน..
“ราตรีสวัสดิ์” เซี่ยเหล่ยไม่กล้าลืมตามองตัวหลางซือเหยา
หลังจากที่หลางซือเหยาคว้าชุดนอนที่เธอตั้งไว้บนเตียง กลิ่นหอมจางๆมาแตะจมูกของเซี่ยเหล่ยกลิ่นนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับว่าเขาอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิ….
‘เราไม่สามารถฝึกซ้อมกับเธอแบบนี้ได้อีกต่อไป มันอาจจะไม่ส่งผลอะไรกับเธอแต่กับเรานั้นมันยากเหลือเกิน’ เซี่ยเหล่ยก้มลงไปดูที่กางเกงของเขาในทันที….
ติดตามตอนต่อไป…….