Chapter 64: ตำแหน่งของอิริเดียม
จางไฮ่ก็ยังคงพูดไม่หยุดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอมแพ้
เจียงจู้อิงและคนอื่นนั้นเข้าไปในห้องโถงเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนเสบียง สุดท้ายแล้วเจียงจู้อิงก็สามารถที่จะแลกเปลี่ยนเสบียงกับอาวุธที่เธอโหยหามาอย่างยาวนาน เธอนั้นอยู่ในอารมณ์ที่ดีและไม่สามารถที่จะรอได้อีกต่อไป
ที่เหลือของพวกเขานั้นก็เหมือนกัน พวกเขานั้นก็ไปเติมกระสุนหรือไปแลกเปลี่ยนเสบียงกับสิ่งที่พวกเขานั้นต้องการ ในส่วนนั้นเองการแลกเปลี่ยนสิ่งของดีๆ สถานที่นี่คือสถานที่ที่มีผู้รอดชีวิตจำนวนมากนั้นมารวมตัวกัน ดังนั้นมันรู้สึกว่าพวกเขานั้นกำลังเดินซื้อของในอดีต พวกเขานั้นอาศัยอยู่ในสถานที่ที่ล้อมรอบโดยซอมบี้ และก็ต้องสู้กับพวกมันโดยเอาชีวิตไปแขวนไว้บนเส้นด้าย ในการเอาชีวิตรอดเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน ดังนั้นมันจึงเป็นการผ่อนคลายเล็กน้อย โดยล้อมรอบอยู่กับผู้คนอื่นๆ สามารถบรรเทาจิตใจกับความเหงาของพวกเขาได้
เมื่อเห็นทุกคนนั้นกำลังยุ่งกับการแลกเปลี่ยน เจียงลู่ฉีก็เดินเข้าไปในห้องโถง สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องโถงนั้นทั่วไป
เคาน์เตอร์นั้นถูกสร้างมาจากโต๊ะทำงานที่รวมกัน และด้านหลังของเคาน์เตอร์นั้นมีทหารอยู่คนหรือสองคน ผู้รอดชีวิตบางคนนั้นกำลังเถียงกับทหารอยู่ เจียงลู่ฉีนั้นเดาว่าน่าจะเถียงกันเรื่องจำนวนสิ่งของที่พวกเขาแลกเปลี่ยนไป
เจียงลู่ฉีนั้นเข้าไปใกล้กับมุมของโต๊ะและถาม “ฉันต้องการที่จะแลกเปลี่ยน แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณมีสิ่งของที่ฉันต้องการไหม?”
ทหารหนุ่ม ที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะมองไปที่เจียงลู่ฉีและถามโดยไม่ได้ตั้งใจ “นายต้องการอะไร?”
คนที่เคยมาแถวนี้นั้นบ่อยๆซึ่งคุ้นเคยกับเขาอยู่แล้ว ในขณะที่ชายหนุ่มที่อายุยี่สิบนั้นเป็นคนแปลกหน้า แต่ทหารที่สังเกตนั้นพบกับว่าเขามาพร้อมกับเจียงจู้อิง
“ไทเทเนียมหนึ่งร้อยกิโลกรัมและ....” รายการของเจียงลู่ฉีที่ให้ทหารนั้น ยิ่งทหารฟังมากขึ้นเท่าไหร่ ความประหลาดใจก็มากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าจะมีผู้รอดชีวิตมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยนวัตถุดิบก็ตามที เขานั้นเป็นคนแรกที่ต้องการเหล็กจำนวนมาก ผู้รอดชีวิตนั้นจำเป็นต้องใช้เสบียงในการเอาชีวิตรอด หรือไม่ก็อาวุธ แต่ทำไมเขานั้นต้องการเหล็ก
ทหารนั้นมองไปที่เจียงลู่ฉีอีกครั้ง มันเหมือนกับว่าเจียงลู่ฉีไม่ได้เล่นตลก ท่าทางของทหารนั้นดูแปลกๆ และเขาก็ตอบ “ขอเวลาฉันชั่วครู่หนึ่ง เดี๋ยวฉันไปตรวจดูว่ามันมีไหม”
[ บางทีพวกเขานั้นสร้างระบบเครือข่ายท้องถิ่นขึ้นที่นี่ (LAN) ] เจียงลู่ฉีครุ่นคิด เมื่อเขาสังเกตที่ทหารที่กำลังตรวจสอบคอมพิวเตอร์ของเขาอยู่
เจียงลู่ฉีรออย่างอดทน ถ้ากองกำลังทหารมีของพวกนี้ มันก็คงไม่เป็นไร ถ้าไม่มี พวกเขาก็สามารถที่จะตั้งประกาศเพื่อให้ผู้รอดชีวิตคนอื่นเก็บรวบรวมได้ หลังจากผ่านไปหลายนาที ทหารนั้นมองขึ้นมาและพูด “ไม่มี พวกเราไม่มีเหล็กพวกนี้เลย”
มันเป็นเรื่องปกติ ทุกคนนั้นจดจ่อไปกับการเก็บรวบรวมอาหาร ยา หรือกรุสันปืนเพื่อที่จะแลกเปลี่ยนกับสิ่งของอย่างอื่นที่จำเป็นในการมีชีวิตอยู่ ในส่วนของกองกำลังทหารนั้นไม่เคยตั้งประกาศเกี่ยวกับพวกเหล็กเลย ไม่มีใครเลยที่จะอาสาไปเสียสละเวลาของพวกเขาเพื่อจะไปรวบรวมพวกมัน
“ถ้างั้น....” เจียงลู่ฉีกำลังจะถามเกี่ยวกับรายการของพวกนี้ แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังแทรกเขาขึ้นมา
“อิริเดียม? นายต้องการเอามันทำอะไรนะ? มันสามารถที่จะหาได้ในมหาวิทยาลัยของพวกเรา”
เจียงลู่ฉีหันกลับไปด้วยความประหลาดใจ เสียงนี้ดังขึ้นมาจากผู้ชายในวัยหกสิบปี และไม่เหมือนกับว่าเขานั้นจะมาเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งของ เหมือนกับผู้รอดชีวิตคนอื่น เสื้อของเขานั้นโทรม เหมือนชาวนาเก่า และเขานั้นก็มีโคลนบนมือของเขา
“มหาวิทยาลัยของคุณ?” เจียงลู่ฉีถาม เหล็กพวกนี้ส่วนมากนั้นมันไม่ง่ายที่จะหาเจอ แต่มันก็ไม่ได้หายาก นอกจากอิริเดียมเขานั้นไม่ได้ต้องการมันมาก แต่มันเป็นสิ่งที่หายากที่สุด
อิริเดียมนั้นโดยปกติแล้วใช้ในการทำไส้ปากกา แต่ไส้ปากกานั้นเล็กมาก และหนึ่งกิโลกรัมนั้นมันใหญ่กว่าการที่จะรวบรวมมันได้ไส้ปากกาได้
“จริงๆใช่ไหม? ฉันจำเป็นต้องใช้อิริเดียมหนึ่งกิโลกรัม” เจียงลู่ฉีเพิ่มเข้าไป
ถ้าชายแก่นั้นบอกเขาว่าให้ถอดไส้ปากกาออก เขาคงจะคลั่งแน่นอน
ชายชรานั้นได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความกังขาของเจียงลู่ฉีอย่างชัดเจน ดังนั้นเขาพูด “หนึ่งกิโลกรัมนั้นไม่เป็นปัญหา ห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัยของเรานั้นมีเบ้าหลอมอิริเดียมหลายชิ้น”
เบ้าหรอมอิริเดียมซึ่งใช้ในการทดลองทางเคมี โดยปกติแล้วมันมีเฉพาะในห้องปฏิบัติการที่ไว้เรียนสำหรับการศึกษาระดับสูง เขานั้นไม่ได้อยู่ในหลักสูตรพวกนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดเกี่ยวกับมันในตอนเริ่มแรก แต่ในตอนนี้เมื่อเขาฟังชายแก่พูด เขานั้นรับรู้เกี่ยวกับมัน
“คุณหมายถึงมหาวิทยาลัยจินหลิง?” ถ้ามันเป็นมหาวิทยาลัยจินหลิงละก็เขาคงจะโชคดีมาก เพราะว่ามันใกล้กับสถานที่ที่เขาอาศัยอยู่
“ใช่” ชายแก่พยักหน้า
“ขอบคุณมาก!” เจียงลู่ฉีนั้นมีความสุข เขาสามารถที่จะรวบรวมวัตถุดิบที่หายากที่สุดได้แล้ว
“ได้โปรดบอกผมว่าห้องปฏิบัติการนั้นอยู่ที่ไหนด้วยนะครับ?” เจียงลู่ฉีถาม มหาวิทยาลัยจินหลิงนั้นกว้างขวางอย่างมาก ส่วนห้องปฏิบัติการนั้น แม้แต่เจียงจู้อิงก็อาจจะไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ใดด้วยซ้ำไป
ชายแก่นั้นเลียริมฝีปาก หลังจากนั้นเขาก็เช็ดมือของเขาบนเสื้อและถาม “เธอมีปากกาและกระดาษไหม? ฉันจะวาดแผนที่ง่ายๆให้”
“นั่นมันยอดเยี่ยมที่สุดเลย!” เจียงลู่ฉีถามทหารและขอยืมปากกาและกระดาษบางส่วน ทหารนั้นลังเลอยู่ชั่วครู่หนึ่ง แต่เมื่อเหลือบตาไปมองเจียงจู้อิง เขาก็ให้เจียงลู่ฉีด้วยท่าทางซังกะตาย มองเห็นถึงความรังเกียจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทหาร เมื่อเขานั้นเห็นมือที่สกปรกของชายแก่นั้นกำลังถือปากกาของเขาอยู่
“ฉันจะวาดมัน...” ชายแก่ผู้อย่างช้าๆ เขานั้นแสดงท่าทางให้เห็นถึงว่าเขานั้นไม่ค่อยมีแรงมาก และมือของเขาก็สั่นไปด้วย แต่ในขณะที่เขานั้นวาดอยู่ เจียงลู่ฉีก็ประหลาดใจ
“แผนที่อย่างง่ายๆ” นั้นมันดีเยี่ยมกว่านั้น มันทั้งเรียบและเส้นนั้นตรง
ชายแก่นั้นวาดมันอย่างระมัดระวัง สี่นาทีนั้นผ่านไป เขาก็วาดมันเสร็จและส่งให้กับเจียงลู่ฉี “นี่ ของเธอ เธอจะต้องตรงไปตามถนนนี้ มันเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด”
“โอเคครับ” เจียงลู่ฉีหยิบแผนที่มาและขอบคุณเขา “ขอบคุณมากๆครับ! ยังไงก็ตาม คุณทำหน้าที่อะไรในมหาวิทยาลัยจินหลิงหรอครับ?”
“สอน ฉันเป็นศาสตราจารย์” ชายสูงวัยพูด
[ศาสตราจารย์...] เจียงลู่ฉีนั้นมึนงง เขานั้นคิดว่าศาสตราจารย์นั้นจะต้องมีสถานะที่สูงในกองกำลังทหาร แต่เมื่อมองไปที่ชายแก่ เจียงลู่ฉีเดาว่าเขานั้นแก่เกินไปที่จะทำอะไร ดังนั้นเขาจึงถูกให้ไปทำไร่แทน
เขานั้นอยู่ในสภาวะที่ค่อนข้างแย่ เขานั้นเอาเวลาพักผ่อนนั้นไปเดินเล่นในห้องโถง สังเกตได้จากความรังเกียจของทหารนั้น ชายแก่คนนี้นั้นไม่เป็นที่นิยมอย่างมาก
“ฉันสอนเกี่ยวกับดาราศาสตร์” ชายแก่เพิ่มเข้าไป
[ดังนั้น มันจึงเป็นแบบนี้นี่เอง...] เจียงลู่ฉีนั้นเข้าใจ ถ้าเขานั้นสอนเกี่ยวกับฟิสิกส์ เคมีหรือวิศวกรรม เขาจะถูกนับถืออย่างมาก แต่เมื่อเทียบกับดาราศาสตร์ ในช่วงเวลานี้แล้ว “มันไร้ประโยชน์” ทุกคนนั้นสนใจเกี่ยวกับการเอาชีวิตรอด ไม่มีใครนั้นให้ความสนใจกับตำแหน่งของดวงดาว และอื่นๆ ชายแก่คนนี้โชคร้ายอย่างมาก
“ระวังตัวด้วย” เขาเตือน “โธ่ เวลานี้ของพวกนั้นจะเอาไปทำอะไรได้...”ชายแก่นั้นเช็ดปากกาโดยใช้ส่วนที่สะอาดของเสื้อเขาเช็ด และวางมันกลับลงไปบนโต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็เตรียมตัวจะจากไป
“รอก่อนครับ ศาสตราจารย์” เจียงลู่ฉีนั้นหยุดเขา ชายแก่นั้นมองเขาอย่างมึนงง เจียงลู่ฉีมองไปที่เขาและรู้สึกว่าชายแก่นั้นแทบจะเดินไม่ไหวแล้ว และเพียงเวลาไม่นาน หรือหลังจากนี้เขาก็คงจะตายลง
เจียงลู่ฉีคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง และหยิบของกระเป๋าออกมาจากกระเป๋าเดินทางของเขา เขานั้นส่งให้แก่ชายแก่ “รับนี่ไปครับ”
มันคือกระเป๋าที่มีเนื้อกลายพันธุ์อยู่ ซึ่งเขานั้นได้รับมันมาจากเจียงจู้อิง และจำนวนของมันนั้นยังมากกว่าหยางฉิงฉิงและคนอื่นด้วยซ้ำ แต่สำหรับเจียงลู่ฉีแล้ว ซึ่งทำหน้าที่ใหญ่มากในการฆ่าสุนัขกลายพันธุ์แล้ว มันก็ไม่ได้สำคัญอะไรกับเขาเลย
ทหารนั้นหมดความสนใจเกี่ยวกับการสนทนาของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงหยิบหนังสือขึ้นมาอ่าน แต่เมื่อเขานั้นเหลือตาไปรอบอย่างๆไม่ได้ตั้งใจ เขาพบว่าเจียงลู่ฉีหยิบกระเป๋าที่ใส่เนื้ออกมาและส่งให้กับชายแก่!
ชายแก่มองไปที่เนื้อนั้น เขาไม่สามารถหยุดน้ำลายที่ไหลออกมาได้ มันนั้นน่าล่อใจมาก
ในค่ายนี้ นอกจากพวกที่มีความสามารถพิเศษ การแจกจ่ายนั้นขึ้นอยู่กับตามแรงงาน เขานั้นเป็นชายแก่ไร้ประโยชน์ ดังนั้นพวกเขาจึงให้อาหารแก่เขาเพียงเล็กน้อย แม้แต่อาหารที่เลวร้ายด้วยซ้ำ
ในส่วนของทหารนั้น เขาไม่ได้กินเนื้อมาเป็นเวลายาวนานแล้ว….
ในเวลานี้เอง เขาไม่สามารถที่จะอดทนไม่ให้เข้าไปวุ่นวายกับเรื่องนี้ได้ เขาจึงไปวุ่นวายกับมันด้วย...
เบ้าหลอมอิริเดียมนะครับ