บทที่ 79 การตัดสินใจของจั่วม่อ (เริ่มเล่ม2)
จั่วม่อลืมตาขึ้นมา แล้วพลันอุทานอย่างเจ็บปวด ร่างกายราวกับถูกคมมีดกรีดไปทั่ว เจ็บปวดแสนสาหัสตลอดทั้งเนื้อทั้งตัว นี่ที่บ้านของมันหรือ? เป็นเวลาใดแล้ว? จั่วม่อดิ้นรนลุกขึ้น พลางสะบัดศีรษะที่ยังคงวิงเวียน
มันไปยังตงฝู แล้วซื้อวัตถุดิบหลายอย่าง ใส่ลงไปในถุงร้อยสมบัติ ใช่แล้ว แล้วหลังจากนั้นเล่า? มันไปยังตลาดเสรี...
ทันใดนั้นดวงตาจั่วม่อก็เบิกกว้าง นึกออกแล้ว!
ไข่มุกหยิน! ใช่แล้ว เกิดเรื่องเพราะไข่มุกหยิน...แล้วก็...เหล่าซิวเจ่อที่ร้ายกาจอย่างน่าสะพรึงกลัว...
จั่วม่อรีบตบไปตามร่างกาย แม้ว่าตลอดทั้งร่างจะเจ็บปวดไปทั่ว แต่ไม่มีอันตรายร้ายแรงอันใด แขนขาไม่ได้ขาดหายไป มันยังคงมีชีวิตอยู่! มันจำได้ว่าทันใดนั้นมันก็วูบไป เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น? ไฉนมันกลับมายังลานน้อยลมตะวันตกได้?
มันไม่ทราบ ใช่มีใครบางคนช่วยเหลือมันหรือไม่? นี่เป็นความคิดแรกที่ปรากฏขึ้นในใจ
แม้ว่ามันไม่ค่อยรู้ความ แต่จั่วม่อไม่ได้โง่ แผ่นป้ายเป็นทิวแถวอย่างกับแนวป่าในตลาดเสรีเพียงพอจะทำให้มันตระหนัก คุณค่าของไข่มุกหยินมากมายมหาศาลกว่าที่มันคิดไว้มาก คนเหล่านั้นไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยมันไป จั่วม่อรีบเปิดดูถุงร้อยสมบัติของมัน เห็นไข่มุกหยินยังคงอยู่ในนั้น ยิ่งสับสนงุนงงกว่าเดิม พอลองนับดูกลับพบว่าขาดหายไปสองเม็ด
ไม่ว่าจะตีลังกาคิดท่าไหน เรื่องนี้ก็ประหลาดลี้ลับอย่างยิ่ง
จั่วม่อพลันฉุกคิดขึ้นได้ว่ามันสามารถถามผูเยา เจ้าผู้นั้นจะต้องรู้ดีแน่ ว่าที่แท้เกิดเรื่องอันใด
เมื่อจั่วม่อเข้าสู่ทะเลแห่งจิตสำนึก กลับต้องแตกตื่นจนขวัญหาย เห็นทะเลเพลิงที่เคยเต้นเร่าอย่างคึกคักดุดันเมื่อไม่นานมานี้ บัดนี้กลับอ่อนโทรมลงอย่างน่าใจหาย เปลวไฟดูอ่อนแอถึงที่สุดราวกับถ่านไฟที่กำลังจะมอด และสามารถดับสิ้นลงได้ตลอดเวลา ดวงดาวสองดวงนั้นไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง ยังแขวนค้างกลางหาวด้วยประกายสุกสกาวราวกับเพชร แม่น้ำกระบี่ก็ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน ยังเป็นเช่นเดิมตามปกติ ครึ่งหนึ่งเป็นผลึกน้ำแข็งกระเพื่อมไหว อีกครึ่งลุกไหม้ด้วยเพลิงธารา
ไฉนมีสภาพเช่นนี้?
สะกดกลั้นความหวาดหวั่นในใจ จั่วม่อเริ่มวิ่งไปยังเนินที่ผูเยามักสิงสถิต ลางสังหรณ์ในใจรุนแรงขึ้นทุกขณะ ต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นแน่ๆ !
ครั้นเมื่อจั่วม่อมาถึงป้ายหินสุสานและมองผูเยาที่นั่งอยู่บนป้ายหิน ทันใดนั้นก็ตะลึงงัน เห็นผูเยาใบหน้าซีดเผือดไร้สีเลือด นั่งไขว้ขาท่าดอกบัว ไม่ไหวติง นิ่งสนิทพอๆ กับแผ่นดิน เมฆสีดำหมุนวนอยู่รอบๆ ร่างมัน
“ผู!” จั่วม่อพยายามข่มความแตกตื่นขวัญผวาในใจ ตะโกนเรียกสุดเสียง
ผูเยาไม่ตอบสนอง ยังคงนิ่งงันปานรูปสลักหินอ่อนสีขาว
จั่วม่อตะโกนเรียกจนคอแทบแตก แต่ผูเยาคล้ายไม่ได้ยลยินแม้แต่น้อย
เกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน!
จั่วม่อบังคับตัวเองให้เยือกเย็นลง มันค่อยๆ เรียบเรียงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นทีละเล็กทีละน้อย ไข่มุกหยิน ยอดฝีมือ จนกระทั่งเชื่อมโยงมาถึงสภาพของผู้เยาในตอนนี้ วันนั้นเกิดอะไรขึ้น ก็เห็นได้ชัดเจนอยู่แล้ว...
ในสายตาของซิวเจ่อยอดฝีมือชั้นสูง ผู้ฝึกตนชั้นต่ำไม่เคยต่างอันใดกับเศษหญ้าฟาง ทันทีที่มันพบเห็นเซวียอวิ๋น ก็ทราบว่าเรื่องราวไม่อาจมีผลสรุปที่ดี และนั่นคือเหตุผลว่าไฉนมันตัดสินใจต่อสู้แลกชีวิต แม้แต่เพื่อยุทธภัณฑ์เวทระดับต่ำสักชิ้น บางคนยังลงมือฆ่าฟันเป็นการใหญ่ นับประสาอะไรกับไข่มุกหยินอันลี้ลับ? แต่ในเมื่อไข่มุกหยินเกือบทั้งหมดของมันยังคงอยู่ สามารถอธิบายได้ว่าคนเหล่านั้นไม่ได้ลงมือสำเร็จ
ที่แท้เป็นผูเยาช่วยเหลือมันไว้ใช่หรือไม่?
จั่วม่อแทบไม่อยากจะเชื่อ ผูเยาจะทำแบบนั้นจริงๆ หรือ? ทว่าก็มีเพียงการคาดเดานี้เท่านั้นที่สมเหตุสมผลที่สุด
กับสภาพย่ำแย่ของผูเยาในตอนนี้ จั่วม่อไม่แน่ใจ ผูเยาใช่ได้รับบาดเจ็บหรือไม่?
ดูเหมือนค่อนข้างหนักหนาสาหัสทีเดียว...
แม้กระทั่งครั้งที่ผูเยาถูกอาจารย์ลุงซินหยานฟันใส่กระบี่หนึ่ง มันยังไม่เคยอ่อนแอถึงปานนี้เลย มองดูผูเยาที่ไร้ชีวิตชีวาอย่างสิ้นเชิง จู่ๆ จั่วม่อก็คิดว่า ผูเยาจะตายไปทั้งแบบนี้หรือไม่? แต่ด้วยเหตุผลที่บอกไม่ถูกบางประการ มันรีบผลักความคิดนี้ทิ้งไป ความคิดนี้ทำให้รู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง กลัวว่าผูเยาจะหายไปทั้งอย่างนี้น่ะหรือ? นี่ไม่ใช่เป็นสิ่งที่มันหวังไว้ตลอดมาหรือไร?
มองไปยังผูเยาที่ไม่มีร่องรอยของชีวิต จั่วม่อดวงตาเปลี่ยนเป็นมัวหม่น
มันหลับตาลงเบาๆ อึดใจใหญ่ ค่อยลืมพรึบขึ้นมา
เกอจะไม่เป็นหนี้ผู้ใด!
ผู้อื่นมีพระคุณช่วยชีวิต มันย่อมต้องตอบแทน จั่วม่อย้ำกับตัวเอง
ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด เมื่อมันตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด ความแตกตื่นพรั่นพรึงในใจก็หยุดลงในทันที
เงยหน้าขึ้นมองผูเยาที่ไม่ต่างกับรูปสลักหินอ่อน จั่วม่อสูดลมหายใจลึก เริ่มพยายามคิดทบทวนทุกรายละเอียดเกี่ยวกับผูเยา หวังว่าจะหาหนทางช่วยเหลือผูเยาพบ
สิ่งแรกที่มันนึกถึงคือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด ผูเยามักจะทั้งหลอกล่อ ทั้งขู่เข็ญให้มันฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดอยู่เป็นประจำ จั่วม่อยังจดจำได้อย่างชัดเจนว่าพอมันทะลวงผ่านขั้นลมหายใจแรก ทะเลไฟในจิตสำนึกของมันก็ทรงพลังขึ้น หวนกลับมามองเปลวเพลิงที่อ่อนแอจนคล้ายจะมอดดับได้ทุกเวลาตรงหน้า จั่วม่อรู้สึกว่าเปลวเพลิงแดงฉานเหล่านี้สมควรมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากกับผูเยา
อย่างที่สองคือจิงสือ ผูเยาจำเป็นต้องใช้จิงสือเป็นจำนวนมาก จิงสือเกือบทั้งหมดของจั่วม่อล้วนไปจบสิ้นในมือของผูเยา กับความกระหายอยากที่มีต่อจิงสือของผูเยา จั่วม่อค่อนข้างประหลาดใจมาโดยตลอด แม้มันไม่เคยทราบว่าผูเยาใช้จิงสือทำอะไร แต่เห็นได้ชัดว่าจิงสือสำคัญมากต่อผูเยา บางทีจิงสืออาจช่วยเหลือผูเยาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายคือปราณหยิน ในถ้ำกระบี่ ผูเยาสูบกลืนปราณหยินอย่างคึกคัก จั่วม่อยังจำภาพนั้นได้ติดตา จั่วม่อรู้ว่าสำหรับผูเยา ปราณหยินดังเช่นของบำรุง สมควรเป็นประโยชน์ต่อมันอย่างยิ่ง
ครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่นาน จั่วม่อสรุปได้สามประการนี้ ในทั้งสามประการ สิ่งที่ยากที่สุดคือพลังปราณหยิน ต้องการดูดซับปราณหยินจำเป็นต้องเข้าไปในถ้ำกระบี่ เมื่อยามที่ผูเยามีสติ การเข้าไปในถ้ำกระบี่เป็นเพียงปัญหาเรื่องจิงสือเท่านั้น แต่อาศัยแค่จั่วม่อผู้เดียว หากต้องการเข้าไปในถ้ำกระบี่กลับลำบากยากเข็ญมาก อาจกล่าวว่าสิ้นหวังเสียเลยจะดีกว่า จนถึงขณะนี้ มีเพียงศิษย์พี่เหวยเสิ้งผู้เดียวที่ได้รับอนุญาตจากสำนักให้เข้าไปยังถ้ำกระบี่ สำหรับคนอื่นๆ กระทั่งจั่วม่อผู้บรรลุเจตจำนงกระบี่เพลิงธาราและแสดงพรสวรรค์ที่ดี เหล่าผู้อาวุโสของสำนักยังไม่เคยกล่าวถึงเรื่องนี้
จั่วม่อมุ่งเน้นความสนใจไปที่สองประการแรก ในมุมของมันทั้งสองประการนี้สามารถทำได้จริงมากกว่า
จั่วม่อตกลงใจไปยังห้องศิลาเพื่อเข้าฌาน และฝึกฝนเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด ขณะที่กำลังเตรียมจะออกไปยังห้องศิลา มันพอดีเห็นกระจก ต้องสะดุ้งเฮือกสุดตัว ที่แท้มันถึงกับยังไม่ได้เปลี่ยนโฉมหน้ากลับมา รีบตะกายไปล้างคราบปลอมแปลงโฉมออกในทันที เวลานี้หากมีผู้ใดทะเร่อทะร่าเข้ามา เกรงว่าชีวิตมันคงยุ่งยากกว่าเดิมแล้ว
เป็นเวลานานมากแล้วที่จั่วม่อไม่ได้ฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดอย่างจริงจัง แม้ว่ามันจะยังคงฝึกปรือทุกวันไม่เคยขาด แต่ไม่ค่อยสนใจเท่าใด พอมาตอนนี้ตั้งใจจะฝึกปรืออย่างจริงจัง มันพลันพบว่ามีอีกหลายจุดที่ยังไม่กระจ่าง แต่มันกลับละเลยไป อดรู้สึกผิดไม่ได้ ทั้งยังสะท้อนใจอยู่บ้าง มันคล้ายย้อนเวลากลับไปยังช่วงก่อนที่จะทะลวงผ่านลมหายใจแรก เริ่มงมหาวิธีฝึกปรือเคล็ดวิชาอันสับสนคลุมเครือนี้อย่างบ้าคลั่ง
ผู้คนมักเป็นเช่นนี้ เมื่อพวกมันต้องการเวลา มักจะพบว่าเวลาเลื่อนผ่านไปไวกว่าปกติ หากไม่ทันระวัง เวลาจะหลบลี้หนีหายไปอย่างเงียบเชียบ
เมื่อถอยออกจากสภาวะฌาน ฟ้าก็มืดค่ำแล้ว จั่วม่อเข้าไปยังทะเลแห่งจิตสำนึก เปลวเพลิงยังคงอ่อนโทรมมากและคล้ายยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าต้องใช้ความพยายามในระยาว มันคิดในใจ
ออกจากทะเลแห่งจิตสำนึก จั่วม่อนำสมุนไพรปราณที่ซื้อจากตงฝูมาจัดเรียง วัตถุดิบเหล่านี้มีไว้สำหรับทดลองวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ และทำกำไรจิงสือสักเล็กน้อย มันไม่คิดว่าของเหล่านี้จะสามารถใช้การได้ตั้งแต่ต้น ทีแรกจั่วม่อเพียงต้องการทดลองหลอมกลั่นโอสถด้วยวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ แต่ตอนนี้มันจริงจังมาก ในข้อสรุปของมัน จิงสือเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่สุด มันไม่ทราบว่าจิงสือจะช่วยเหลือผูเยาได้อย่างไร แต่นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่อย่างที่มันสามารถกระทำได้
จั่วม่ออดฝืนยิ้มในใจไม่ได้ ดูเหมือนว่าในชีวิตมัน การหาจิงสือเป็นปัญหาชั่วนิรันดร์!
ละทิ้งความคิดเหลวไหล จั่วม่อเริ่มต้นทำตามแนวทางในม้วนหยกของผู้อาวุโสเว่ยหนาน ทำการตระเตรียมวัตถุดิบ
วิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำและวิธีหลอมกลั่นด้วยไฟนั้นแทบตรงข้ามกัน แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จั่วม่อเพิ่งประสบพบเจอเป็นครั้งแรก แต่โชคดีที่ตอนนี้มันมีพื้นฐานวิชาหลอมกลั่นอยู่บ้าง ประสบการณ์ในการหลอมกลั่นเม็ดยาอีกาทองคำจำนวนมาก ได้มอบความช่ำชองชำนาญให้แก่มันมากมาย เนื้อความในม้วนหยกของผู้อาวุโสเว่ยหนานตรงไปตรงมาและกระจ่างชัดเจน ไม่มีการอวดโอ่แม้แต่น้อย ไม่ใช่เรื่องยากที่จั่วม่อจะเรียนรู้
นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้จั่วม่อรู้สึกจิตใจขยายกว้าง ผ่อนคลายและมีความสุข ยามที่มันเรียกดูม้วนหยกของผู้อาวุโสเว่ยหนาน แต่เมื่ออ่านเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด มันราวกับลำไส้บิดกลับด้าน รู้สึกเหมือนความตายกำลังกวักมือเรียกหา
กับขั้นตอนพื้นฐานของวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ จั่วม่อศึกษาทบทวนหลายครั้งหลายหน แม้ไม่อาจกล่าวว่าแตกฉานทั้งหมด แต่ก็ไม่ใช่ไม่คุ้นเคยอีก สิ่งที่พิเศษเฉพาะที่สุดของวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ อยู่ที่การสร้าง ‘ครรภ์โอสถ’ ขึ้นมาเสียก่อน จากนั้นโอสถปราณจะถูกเลี้ยงดูในครรภ์โอสถ กระบวนการนี้ไม่ผิดอันใดกับมนุษย์ตั้งครรภ์และคลอดบุตร มหัศจรรย์มาก
ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดของวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ เป็นการใช้เวทวิชาและพลังปราณเพื่อกำหนดโครงสร้าง และใช้วัตถุดิบอันหลากหลายเป็นเลือดเนื้อ ก่อกำเนิดครรภ์โอสถขึ้นมา นี่ไม่เพียงตัดสินโดยตรงว่าโอสถปราณจะก่อเกิดขึ้นมาในครรภ์หรือไม่ แต่ความแตกต่างเพียงเล็กน้อย อาจให้กำเนิดโอสถปราณที่ผิดแผกออกไปอย่างสิ้นเชิง
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้วิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำไม่เป็นที่นิยมเท่าวิธีหลอมกลั่นด้วยไฟ คิดจะเข้าใจแบบแผนอันหลากหลายและทิศทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด นับว่ายากเย็นอย่างที่สุด
สำหรับจั่วม่อแล้วนี่คือความท้าทายใหม่ๆ โชคดีที่พลังบำเพ็ญเพียรของมันตอนนี้ ลึกล้ำกว่าผู้อาวุโสเว่ยหนานในตอนที่เริ่มทดลองวิธีหลอมกลั่นด้วยน้ำ บันทึกของผู้อาวุโสเว่ยหนานมีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย จุดสำคัญหลายอย่างมักถูกอธิบายซ้ำหลายครั้งอย่างตั้งอกตั้งใจ และจั่วม่อยังมีข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่ผู้อาวุโสเว่ยหนานไม่มี นั่นคือจั่วม่อมีพลังแห่งจิตสำนึก กล่าวถึงจิตสำนึกของมัน อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสเว่ยหนานในปีนั้น แต่กระทั่งเหล่าศิษย์พี่ในสำนักตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดเปรียบเทียบกับมันได้ จิตสำนึกของมันเคยสร้างผลงานยอดเยี่ยมมาแล้วในวิธีหลอมกลั่นด้วยไฟ นับว่ามีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง
หยิบต้นหญ้าปราณกับสมุนไพรปราณที่ตระเตรียมแล้วเสร็จ จั่วม่อเดินไปยังน้ำพุปราณในห้องศิลา น้ำพุปราณแห่งนี้ทั้งเย็นเยียบและอยู่ใกล้เส้นชีพจรปราณปฐพี หลังจากผ่านมานานปี ปราณธรรมชาติในน้ำพุหนาแน่นอุดมสมบูรณ์ถึงขีดสุด จั่วม่อแวะตรวจสอบต้นหญ้าเมฆาเยือกแข็งที่กำลังเติบโต เห็นมันงอกงามดี ก็วางไว้ทางหนึ่ง
จิตสำนึกจดจ่อรวมตัว จั่วม่อสองมือร่ายรำดุจเกล็ดหิมะเหินร่อนกลางเวหา
อักขระยันต์รูปร่างพิสดารหลายรูปแบบเปล่งแสงเรื่อเรือง บินออกจากมือของมัน และร่อนลงสู่บ่อน้ำพุปราณ เมื่ออักขระยันต์ที่เร่าร้อนเหล่านั้นลงไปในบ่อน้ำพุ ระหว่างพวกมันเหมือนมีแรงดึงดูดซึ่งกันและกันโดยธรรมชาติ ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้กันอย่างแช่มช้า
จั่วม่อดวงตาเบิกกว้าง จ้องมองตาไม่กระพริบ ความเร็วมือไม่ช้าลงเลยแม้แต่น้อย
เมื่อกระบวนท่าดรรชนีของจั่วม่อแปรเปลี่ยน อักขระยันต์เรืองแสงในบ่อน้ำพุก็คืบคลานอย่างเชื่องช้า ประหนึ่งค่อยๆ บรรจงต่อชิ้นส่วนปริศนาทีละชิ้น อักขระยันต์ประกอบรวมเข้าด้วยกันทีละน้อย
ตลอดเวลาหนึ่งชั่วยามเต็ม จั่วม่อเหงื่อเปียกชุ่มโชก หมอกระเหยออกมาจากร่างมัน แต่ดวงตามันไม่กล้าคลาดไปจากกลุ่มอักขระยันต์ กระบวนท่าดรรชนีแปรเปลี่ยนไม่หยุดยั้ง ทั้งสิบนิ้วเจ็บร้าวจนชาด้าน มันได้แต่กัดฟันอดทนร่ายดรรชนีต่อไปเท่านั้น หากประมาทแม้แต่วูบเดียว ทุกสิ่งที่อุตส่าห์ทำมาจนถึงตอนนี้ก็จะสูญเปล่าแล้ว
เมื่ออักขระยันต์เรืองแสงตัวสุดท้ายประกอบเข้าที่ ครรภ์โอสถที่มั่นคงก็ก่อตัวเสร็จสิ้น เห็นแสงสีฟ้าอ่อนส่องวาบอย่างฉับพลัน และไหลเวียนไปตามพื้นผิวของอักขระยันต์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
จั่วม่อไม่ลังเลเลย แม้แต่เหงื่อยังไม่เสียเวลาเช็ด มันรีบร่ายเวทวิชาพิเศษเฉพาะเพื่อใส่วัตถุดิบที่ตระเตรียมไว้ลงไปในครรภ์โอสถ
อึดใจต่อมา ครรภ์โอสถทรงกลมสีฟ้าอ่อนก็ลอยตัวเงียบๆ อยู่ในบ่อน้ำพุปราณ