ตอนที่ 32 การทักทายแบบลูกผู้ชาย
ตอนนี้อสูรฟันทองแดงที่หานเซิ่นให้มันกินคริสตัลสีดำเริ่มกลายเป็นสีม่วง และมีขนาดใหญ่กว่าตอนที่มันเพิ่งพัฒนาเป็นกลายพันธ์ถึง 2 เท่า ในเวลา 2เดือน
"การที่ผมจะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดได้ มันขึ้นอยู่กับนายแล้ว รีบเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิเร็วๆ"
หานเซิ่นมองดูที่อสูรฟันทองแดงที่กลายเป็นสีม่วงแล้ว เขาคิดว่ามันใกล้จะถึงเวลาเต็มทีแล้ว
ถ้าดูจากสภาพของมันในตอนนี้ มันน่าจะต้องใช้เวลาอีก 1 เดือนในการเปลี่ยนเป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิอย่างสมบูรณ์ ถ้ารวมกับ 2 เดือนที่ผ่านมาเท่ากับว่ามันต้องใช้ระยะเวลา 3 เดือน ถึงจะวิวัฒนาการจากมอนสเตอร์ระดับกลายพันธ์เป็นมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิ ถือเป็นเวลาที่ไม่สั้น แต่ก็ไม่ได้ยาวจนเกินไป เพราะมันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะล่ามอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิได้ภายใน 3 เดือน ถ้าเทียบกันคนอื่นๆแม้จะใช้เวลาเป็นปีก็ไม่สามารถล่ามอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิได้
ตอนนี้ด้วยคริสตัลสีดำ หานเซิ่นจะมีมอนสเตอร์ระดับเลือดศักดิ์สิทธิทุกๆ 3 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากๆ
"ขอเวลาอีกไม่นาน... แล้วผมจะสามารถวิวัฒนาการด้วยจีโนพ้อยทั้ง 4 ชนิด พอถึงตอนนั้นผมก็จะได้รับฉายาขุนนางเลือดศักดิ์สิทธิอย่างแน่นอน"
หานเซิ่นเริ่มรู้สึกตื่นเต้น
วันนี้หานเซิ่นไม่เห็นซินเสวียนที่สถานีเทเลพอร์ต บางทีเธออาจจะเบื่อการต่อสู้กับหานเซิ่นแล้วก็ได้
ขณะที่หานเซิ่นกำลังเดินเข้าไปในสถานี เขาเห็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ข้างทาง หานเซิ่นมองเธออย่างประหลาดใจ เธอคือเสวียซี เพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาพร้อมกับเขาและซานตันเฟิง
เสวียซีมาจากครอบครัวที่มีแม่เพียงคนเดียว และแม่ของเธอก็ทำงานอยู่ที่บริษัทของพ่อหานเซิ่น เนื่องจากตอนเล็กๆเธอไม่มีพี่เลี้ยง แม่ของเธอเลยพาเธอมาที่ทำงานด้วยบ่อยๆ และเธอก็มักจะมาเล่นกับหานเซิ่นและซานตันเฟิงอยู่บ่อยๆ
หลังจากนั้นหานเซิ่นก็ได้รู้ทีหลังว่าพ่อของเธอยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งเธอเป็นลูกนอกสมรสของเขา แต่หลังจากที่ภรรยาเก่าของพ่อเธอเสียชีวิตไป เขาก็รับเธอไปเลี้ยง
"เซิ่น" เสวียซีเห็นหานเซิ่นเดินมา
"ทำไมเธอมาอยู่แถวนี้?" หานเซิ่นถามอย่างประหลาดใจ
"เซิ่น ฉันอายุครบ 16 แล้วล่ะ ฉันสามารถเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป" เสวียซีพูดอย่างมีความสุข
"เร็วขนาดนั้นเลย?" ในความคิดของหานเซิ่น เสวียซีเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ตอนนี้เธอกับสามารถเข้าไปในก็อตแซงชัวรี่ได้แล้ว
"ฉันอ่อนกว่านายแค่ไม่กี่เดือนเองนะหานเซิ่น นายชอบคิดว่าฉันเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย" เสวียซีพูด
"อืมม มันคงถึงเวลาแล้วจริงๆ" หานเซิ่นมองดูร่างกายของเธอที่พัฒนาขึ้นและยิ้ม ตอนนี้เธอคงไม่ใช่เด็กผู้หญิงอีกต่อไป
เสวียซีหน้าแดงหลังจากเห็นหานเซิ่นมองเธอ เมื่อเธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงเครื่องจักรดังขึ้น และมีชายหนุ่มแต่งตัวดูดีกำลังเดินลงมาจากยานเหาะส่วนตัวที่จอดอยู่ข้างๆถนน
ชายหนุ่มอายุประมาน 20 และยานเหาะส่วนตัวของเขาราคามากกว่า 10 ล้าน
"ฉันบอกเธอแล้วไง ว่าให้ใช้เครื่องเทเลพอร์ตส่วนตัวที่บ้าน จะได้ไม่ต้องมาเจอกับพวกน่ารำคาญที่สถานี"
ชายหนุ่มไม่แม้แต่จะมองหานเซิ่น เขาเดินตรงไปหาเสวียซี
"พี่ เขาคือเพื่อนของฉันเอง" เสวียซีรีบอธิบาย
"พวกเราควรกลับกันได้แล้ว"
ชายหนุ่มไม่สนใจคำพูดของเธอ และพาเธอไปที่ยานเหาะ
"เซิ่น งั้นฉันขอกลับก่อนนะ" เสวียซีพูดกับหานเซิ่นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนที่จะเดินไป
ชายหนุ่มเดินกลับมาเตือนหานเซิ่น
"คนอย่างนายไม่คู่ควรเป็นเพื่อนของเธอ เลิกยุ่งกับเธอซะ ไม่งั้นนายจะต้องเสียใจ"
"นี่นายพูดกับผมหรอ?" หานเซิ่นจ้องไปที่เขาทำหน้าตาข้องใจ
"นี่แกอย่าเจ็บตัวใช่ไหม?" ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้หานเซิ่นทันที และแทงเข่าเข้าไปที่ท้องของหานเซิ่น
เขาอยู่ใกล้หานเซิ่นมาก และการเคลื่อนไหวของเขาก็ไวมาก เข่าของเขาพุ่งไปหาหานเซิ่น
หานเซิ่นมองอย่างใจเย็น และยิ้มอยู่ในใจ 'ไม่มีอะไรที่จะสู้ระยะปะชิดได้ดีกว่าปีศาจพันธนาการ ขนาดซินเสวียนยังไม่กล้าเข้าใกล้ผมสุ่มสี่สุ่มห้าเลย'
หานเซิ่นเอี้ยวตัวหลบเข่าของชายหนุ่ม และเข้าไปปะชิดเขา จากนั้นก็เกี่ยวขาหลังของเขา และผลักเขาล้มลงบนพื้นอย่างแรง
ตุบ!
ชายหนุ่มเสียการทรงตัว และล้มลงบนพื้น
เขามองหานเซิ่นอย่างตกตะลึง เขาไม่คาดคิดว่าเข่าของเขาจะไร้ผล และยังโดนหานเซิ่นผลักล้มอีก
"เซิ่น เกิดอะไรขึ้น?" เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น เสวียซีรีบวิ่งลงมาจากยานเหาะ และเข้าไปช่วยพยุงชายหนุ่มขึ้นมา
"ไม่มีอะไร แค่การทักทายกับแบบผู้ชายเท่านั้น ตอนนี้มันก็สายมากแล้ว ฉันของกลับก่อนนะ ไว้เจอกันวันหลัง"
หานเซิ่นยิ้ม และโบกมือลา ก่อนที่จะเดินจากไป
"พี่ไม่เป็นไรใช้ไหม?" เสวียซีถามชายหนุ่ม
"น่าสนใจ... น่าสนใจจริงๆ"
ชายหนุ่มมองดูหานเซิ่นเดินจากไป พร้อมกับยิ้มอย่างประหลาด
หลังจากที่เห็นเขายิ้ม เสวียซีรู้สึกกังวลขึ้นมา
"พี่ไม่เอาน่า เขาคงไม่ได้ตั้งใจ"
"มันสามารถทำให้ฉันล้มลงได้ ถึงแม้ว่ายังไม่ได้ตั้งใจ? กับเฟิงจิงซีคนนี้เนียนะ แล้วถ้ามันเอาจริงฉันไม่ถูกฆ่าเลยหรอ?" เขาพูดพร้อมกับทำตาแคบลง
"พี่... ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้น" เสวียซีไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง
"เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก ก็เหมือนที่มันพูดนั่นแหละ นี่แค่การทักทายแบบลูกผู้ชาย พวกเรากลับกันได้แล้ว"
เฟิงจิงซียังคงมองไปทางที่หานเซิ่นเดินจากไป ก่อนที่จะหันหลังกลับไปที่ยานเหาะ
"อีก 2-3 วัน ชวนเขามากินข้าวที่บ้านเราสิ"
"พี่ว่าอะไรนะ?" เสวียซีมองไปที่เฟิงจิงซี และไม่อยากเชื่อสิ่งทีได้ยิน