TXV – 87 ต่ำกว่ามตราฐาน !
TXV – 87 ต่ำกว่ามตราฐาน !
เสียงนั้นดึงดูดให้ทุกคนและสายตาทุกคู่หันไปมองมู๋เจียนเฟิงกำลังเดินเข้ามาภายในห้องประชุมภายใต้การจับตามองของทุกคน เขาเดินเข้ามาพร้อมกับเจียงซิน
“ชายสูงอายุคนนั้นเป็นใคร?” ใครบางคนพูดขึ้นมาด้วยเสียงต่ำ “เขากล้าประมูลราคาแข่งกับประธานฮวง นี่เขาไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วหรือยังไงกัน?”
“นี่มันน่าสนใจจริงๆ ฮวงยี่หู่กระจายข่าวออกไปว่าใครก็ตามที่ต้องการจะซื้อที่ดินแปลงที่ 13 นี้จะต้องเป็นศัตรูกับเขา และดูเหมือนว่าชายชราคนนั้นจะสนใจที่ดินแปลงนี้ ฉันอยากจะรู้จริงๆว่าฮวงยี่หู่จะจัดการกับเขายังไง” ใครบางคนพูดขึ้นมาอย่างเงียบๆ
“เฮ้อ พวกเขาจะต้องเป็นคนนนอกที่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์ที่นี่ เขาจึงกล้าที่จะต่อกรกับฮวงยี่หู่ เขาต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ”
ภายในห้องประชุมต่างเต็มไปด้วยเสียงกระซิบกระซาบ บรรยากาศที่เงียบสงบจากก่อนหน้านี้หายไปทันที
มู๋เจียนเฟิง ไม่สนใจต่อเสียงกระซิบกระซาบรอบๆตัว และสายตาของเขากวาดมองไปยังที่นั่งด้านบน เขาหาเซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยาพบอย่างรวดเร็ว เขาพยักหน้าให้ทั้งสองคนจากนั้นจึงเดินไปข้างหน้าเพื่อจะก้าวขึ้นไปยังแท่นประกาศ
ก่อนที่ มู๋เจียนเฟิง และเจียงซินจะเข้าไปได้ เจ้าของงานได้ถามอย่างไม่แน่ใจ “ท่านสุภาพบุรุษมาที่นี่เพื่อประมูลที่ดินแปลงที่ 13 ใช่หรือไม่? ถ้าใช่ โปรดหาที่นั่งและกรุณาปฏิบัติตามขั้นตอนการประมูลด้วยครับ”
“ผมมาที่นี่เพราะเรื่องที่ดินแปลงนี้ และผมก็ไม่จำเป็นต้องหาที่นั่งหรอก ผมจะมาพูดแค่เรื่องสั้นๆแล้วก็จะไป” มู๋เจียนเฟิง พูด
ความอวดดีนี้มันอะไรกัน!
เพียงประโยคเดียวจากเขาทำให้ห้องประชุมเงียบลงอีกครั้ง สายตาทุกคู่ต่างหันกลับไปมองมู๋เจียนเฟิง
ฮวงยี่หู่ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาลุกจากที่นั่งด้วยอารมณ์โกรธจัดและเดินออกไปขวางทางมู๋เจียนเฟิงและเจียงซินไว้
“คุณเป็นใคร?” ฮวงยี่หู่ถามด้วยเสียงเย็นเยียบแกมข่มขู่
มู๋เจียนเฟิงย่นคิ้วของเขาแล้วถาม “แล้วคุณล่ะเป็นใคร?”
ลี่หยู่หลานเองก็ลุกขึ้นและพูดเสียงดัง “มันเกิดอะไรขึ้น ? คุณจะยอมรับราคาที่เราประมูลหรือเปล่า? คุณจะหยุดอยู่ทำไม?”
ที่ดินผืนนี้มีมูลค่านับหลายร้อยล้านและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นอีก แต่ฮวงยี่หู่ก็สามารถกำจัดคู่แข่งของเขาออกไปได้และเสนอราคาให้เพียงแค่ 81,000,000 เท่านั้น นี่มันเป็นเรื่องผิดกฏหมายและเจ้าของงานเองก็รู้เหตุผลว่าทำไมคนอื่นๆจึงไม่กล้าเสนอราคาเพิ่ม และตัวเขาเองก็ไม่อยากขัดใจฮวงยี่หู่เช่นกัน เป็นเรื่องดีสำหรับเขาที่ชายสูงอายุคนนี้ได้ปรากฏตัวขึ้นมาขัดขวางการประมูล และรัฐบาลเองก็มีความยินดีที่จะระงับการประมูลราคาของฮวงยี่หู่
“ดูเหมือนว่าสุภาพบุรุษท่านนี้จะต้องการประมูลที่ดินผืนนี้ด้วย ไม่มีเหตุผลที่ผมจะห้ามไม่ให้เขาเข้าร่วมการประมูลนี่” เจ้าหน้าที่กล่าว
ลี่หยู่หลานเริ่มกังวลเล็กน้อย “ชายคนนี้จะร่วมประมูลราคาที่ดินผืนนี้ด้วย? เขาได้วางมัดจำไว้หรือเปล่า? เขามีสิทธิ์เข้าร่วมประมูลหรือเปล่า? เอาหลักฐานออกมาให้พวกเราดูสิ!”
“ออกไปให้พ้นทางของผมซะ!” มู๋เจียนเฟิงเริ่มโกรธ
ฮวงยี่หู่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับตัว “คุณไม่ได้ยินหรือไง? คุณต้องแสดงหลักฐานให้เราเห็นก่อนว่ามีสิทธิ์เข้าร่วมประมูล แต่ถ้าคุณไม่มีสิทธิ์ร่วมประมูลนั่นมันก็เป็นปัญหาแล้วล่ะ และในกรณีนี้ก็ต้องขอความกรุณาให้คุณช่วยออกไปจากที่นี่ซะ!” เขาชี้นิ้วไปยังประตูทางออก
เซี่ยเหล่ยลุกเดินออกมาจากที่นั่งอย่างรวดเร็ว “มีหมาบางตัวมาขวางทางคุณอยู่รึปล่าว ท่านอวุโสมู๋ ?”
“มีคนๆหนึ่งขวางอยู่ แต่มันก็เป็นแค่ตั๊กแตนตำข้าวที่พยายามจะหยุดรถม้าศึกเท่านั้นล่ะ ถ้าสิ่งนี้สามารถหยุดผมได้ ผมคงอับอายที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วล่ะ” มู๋เจียนเฟิง พูด
ฮวงยี่หู่ไม่ได้เก็บคำพูดของ มู๋เจียนเฟิง มาคิดอย่างจริงจัง เขามองเซี่ยเหล่ยด้วยสายตาที่มุ่งร้ายในขณะที่เขาพูด “หลังจากนี้คุณต้องมีปัญหาแน่ คุณประเมินตัวเองสูงเกินไปแล้ว!”
“หลีกทางไปซะ” เซี่ยเหล่ยพูด
ฮวงยี่หู่ไม่ยอมขยับ รอยยิ้มน่ารังเกียจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็คว้าคอของฮวงยี่หู่ไว้และผลักเขาลงไปบนพื้นระหว่างเก้าอี้ ฮวงยี่หู่ถูกโยนลงบนพื้นราวกับเขาเป็นขยะที่ถูกโยนทิ้ง....
บอดี้การ์ดทั้งสี่คนของฮวงยี่หู่ก้าวออกมาข้างหน้า
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างก็วิ่งเข้ามาในห้องประชุม สถานการณ์ตอนนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
“เงียบ! เงียบ! เอะอะโวยวายเรื่องอะไรกัน?” เสียงของผู้ชายดังมาจากแท่นประกาศ เป็นเสียงที่เต็มไปด้วยความภูมิฐานและความโกรธจัด
ห้องประชุมที่วุ่นวายจึงค่อยๆเงียบสงบลง
“นั่นมันนายกเทศมนตรีหู่ฮั่วไม่ใช่หรือ? เขาก็มาที่นี่ด้วยเหมือนกัน” ใครบางคนรู้จักชายวัยกลางคนที่เพิ่งก้าวขึ้นไปบนแท่นประกาศ
เซี่ยเหล่ยมองไปยังชายวัยกลางคนที่ดูท่าทางสะอาดสะอ้านและคิด ‘ในสถานการณ์ตอนนี้เขาดูเหมือนกับเป็นอาจารย์ น้ำเสียงของเขามันฟังดูภูมิฐานมากจริงๆ’
ฮวงยี่หู่คลานเข่าออกมาจากพื้นระหว่างที่นั่ง เขาโมโหมากแต่ต้องยับยั้งมันไว้เมื่ออยู่ต่อหน้าหู่ฮั่วสายตาที่หันไปมองเซี่ยเหล่ยเต็มไปด้วยเจตนาที่คิดจะฆ่าเขา เขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าได้ฆ่าเซี่ยเหล่ยทิ้งซะ !
“ท่านอวุโสมู๋ ผมต้องขออภัยครับ” หู่ฮั่วพูดผ่านไมโครโฟน “ผมติดภารกิจบางอย่างทำให้มาถึงที่นี่ช้ากว่ากำหนด”
มู๋เจียนเฟิงเดินไปยังแท่นประกาศด้วยรอยยิ้ม “ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน เมืองห่ายจูของคุณพลุกพล่านมากจนทำให้เรารถติดเกือบตลอดทางที่มาที่นี่”
หู่ฮั่วและมู๋เจียนเฟิงจับมือกันบนเวทีทั้งคู่ดูสนิทสนมกันมาก
แต่ด้านล่างเวทีกลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทุกคนกำลังพยายามคาดเดาสถานะที่แท้จริงของ มู๋เจียนเฟิง และบางคนก็พยายามคาดเดาว่าเด็กหนุ่มที่กล้าผลักฮวงยี่หู่ลงไปกับพื้นเป็นใคร
“เขาเป็นใครกันแน่?” เมื่อเห็นนายกเทศมนตรีหู่ฮั่วและมู๋เจียนเฟิงจับมือกันอย่างสนิทสนม ฮวงยี่หู่เริ่มสูญเสียความมั่นใจและรู้สึกกลัวขึ้นมา
เซี่ยเหล่ยหัวเราะเยาะ “ทำไมคุณถึงไม่อวดดีเหมือนก่อนหน้านี้ล่ะ? ตอนนี้คุณรู้จักความหวาดกลัวขึ้นมาบ้างแล้วหรือ?”
“หวาดกลัว?” ฮวงยี่หู่พูด “ผม ฮวงยี่หู่ ไม่แม้แต่จะรู้จักรูปร่างของคำว่า ‘หวาดกลัว’”
“คุณหมายถึง เห่อหล่าวฉี่ ด้วยหรือเปล่า?” เซี่ยเหล่ยพูด
“มึงต้องตายด้วยน้ำมือกู !” เสียงของฮวงยี่หู่เต็มไปด้วยการข่มขู่
เซี่ยเหล่ยหัวเราะ “แน่นอนว่าผมจะต้องตาย แต่ผมจะตายหลังจากคุณ นับวันรอเอาไว้ได้เลย”
ขณะนั้นเอง มู๋เจียนเฟิง ก้าวไปหน้าไมโครโฟนบนเวทีและเปิดเอกสารที่เจียงซินมอบให้กับเขา เขาเริ่มอ่านอย่างช้าๆ “การประมูลที่ดินแปลงที่ 13 ของเมืองห่ายจูถูกยกเลิกชั่วคราวเนื่องมาจากสถานการณ์พิเศษ ในขณะนี้ที่ดินผืนดังกล่าวถูกจัดซื้อโดยกลุ่มอุตสาหกรรมในประเทศจีนเพื่อสร้างบริษัทที่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนให้แก่โครงการที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันประเทศ…”
ภายในห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบ
จะมีใครสามารถคัดค้านได้ในเมื่อรัฐบาลที่เป็นเจ้าของที่ดินเองใช้เหตุผลเช่นนี้เพื่อซื้อที่ดิน?
อย่าว่าแต่ฮวงยี่หู่เลย แม้แต่ตระกูลกู๋เองก็ไม่อาจคัดค้านได้
มู๋เจียนเฟิง ยังอ่านเอกสารไม่จบ แต่ใบหน้าของฮวงยี่หู่นั้นซีดเผือดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาและภรรยาได้ทำลายความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าเมืองห่ายจูไปแล้ว และในเวลาสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเขาได้ลงทุนสูงมากไปกับที่ดินผืนนี้ เขาคิดว่าความพยายามของพวกเขาจะนำมาซึ่งรายได้ที่ยอมเยี่ยม แต่เรื่องทั้งหมดที่เขาทำลงไปมันกลับไร้ประโยชน์ !
ฮวงยี่หู่และลี่หยู่หลานจ้องเขม็งไปยังเซี่ยเหล่ย เขาทั้งสองคนโกรธมาก และพวกเขาคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าได้ฉีกเนื้อเซี่ยเหล่ยออกเป็นชิ้นๆและดื่มเลือดสดๆของเขา!
ในทางกลับกัน เซี่ยเหล่ยเขากลับไม่รู้สึกกังวลอะไร เขายิ้ม “หัวหน้าฮวง อย่าลืมการเดิมพันของเราล่ะ ผมยังคงรอที่จะพาคุณไปคุกเข่าขอขมาต่อหน้าหลุมฝังศพเพื่อนของผมอยู่นะ”
ฮวงยี่หู่ขบฟัน !
ขณะนั้นเองมู๋เจียนเฟิงก็ได้อ่านเอกสารจบแล้ว เขาพูดอีกหนึ่งประโยคใส่ไมโครโฟน
“คุณเซี่ย โปรดขึ้นมาบนเวที”
เซี่ยเหล่ยเดินขึ้นไปบนเวที
หลางซือเหยาเดินตามหลังเซี่ยเหล่ยไปได้สองก้าว จากนั้นเธอจึงย่นคิ้วแล้วพูดด้วยน้ำเสียงงุ่นง่าน
“คุณไปก่อนเถอะ ประธานเซี่ย ฉัน…ขอตัวไปห้องน้ำสักครู่”
“ได้ เสร็จแล้วรีบกลับมาล่ะ” เซี่ยเหล่ยพูด
หลางซือเหยาเดินตรงไปยังห้องน้ำ
ทันใดนั้นฮวงยี่หู่ก็หันไปสั่งการบางอย่างกับบอดี้การ์ดที่หลบอยู่ด้านหลังเขา
เซี่ยเหล่ยขึ้นไปบนเวทีและกล่าวอย่างสุภาพ “สวัสดีครับ ท่านอวุโสมู๋และนายกเทศมนตรีหู่คุณต้องการให้ผมทำอะไรครับ?”
มู๋เจียนเฟิง หัวเราะ “คุณหู่ คุณบอกเขาเองสิ !”
หู่ฮั่ว มองไปที่เซี่ยเหล่ยและพูดอย่างเป็นกันเอง “คุณเซี่ย ผมได้ยินเรื่องมหัศจรรย์บางอย่างเกี่ยวกับคุณมาจากท่านอวุโสมู๋ตอนแรกผมไม่เห็นด้วยกับการที่ ท่านอวุโสมู๋ จะจัดซื้อที่ดินนี้ แต่เมื่อผมรู้ว่าเขาจะใช้ที่ดินผืนนี้เพื่อสร้างบริษัทที่สามารถผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีแค่ยุโรปและอเมริกาเท่านั้นที่ผลิตได้ ผมก็เห็นด้วยในทันที ในตอนแรกผมคิดว่ามันคงจะดีที่จะขายที่ดินผืนนี้เพื่อสร้างคอนโดมิเนียม แต่มันก็คงจะให้ผลกำไรแก่รัฐบาลไม่มาก แต่ถ้าผมมอบมันให้กับคุณเพื่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องจักร มันก็จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ระยะยาว ผมมองคุณในทางที่ดีนะ หนุ่มน้อย ตั้งใจทำงานอย่างหนักและมุ่งมั่นเพื่อทำให้บริษัทของคุณกลายเป็นองค์กรระดับโลกให้ได้นะ”
คำพูดทั้งหมดของเขาเต็มไปด้วยความหวังดี เซี่ยเหล่ยสัมผัสได้ ถ้ามีคนแบบ หู่ฮั่ว และ มู๋เจียนเฟิง ดำรงตำแหน่งอยู่ในระดับผู้นำประเทศ ความฝันของประเทศจีนก็จะไม่ใช่แค่ความฝันอีกต่อไป
“ไปเถอะหนุ่มน้อย ไปทำในสิ่งที่คุณต้องทำ” มู๋เจียนเฟิง พูด
“ครับ ลาก่อนครับ ท่านอวุโสมู๋ ลาก่อนครับ นายกเทศมนตรีหู่” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างสุภาพ
“คุณเซี่ย จำไว้นะถ้าเมื่อไหร่ที่คุณมีปัญหาขอให้คุณติดต่อมาหาผม” หู่ฮั่วพูด
เซี่ยเหล่ยพยักหน้า “ขอบคุณครับนายกเทศมนตรีหู่”
เซี่ยเหล่ยก้าวลงจากเวทีหู่ฮั่วจึงยิ้ม “เด็กหนุ่มคนนี้ไม่เลวเลยนะ เขาเป็นคนถ่อมตัวและสุภาพมาก”
มีรอยยิ้มปรากฏที่ริมฝีปากของ มู๋เจียนเฟิง “คุณยังไม่เคยเห็นความดื้อรั้นของเขาน่ะสิ ผมคิดว่าเขายังเป็นแค่วัวที่ไม่รู้ถึงความยิ่งใหญ่ของโลกและสวรรค์ แต่อย่างไรก็ตาม ประเทศของเราก็ยังต้องการวัวเช่นเขาอีกเป็นจำนวนมาก ฮ่าๆ”
การประมูลที่ดินยังคงดำเนินต่อไปแต่ฮวงยี่หู่และลี่หยู่หลานต่างก็ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะสามารถร่วมประมูลต่อได้แล้ว พวกเขาลุกจากที่นั่งและเดินออกไปจากห้องประชุม
เซี่ยเหล่ยก้าวเท้าไปขวางพวกเขาเอาไว้ “หยุดอยู่ตรงนั้นฮวงยี่หู่”
ฮวงยี่หู่หันกลับมามองเซี่ยเหล่ยและพูดอย่างโกรธจัด “อย่ามาทำให้ผมโกรธนะ”
“คุณลืมเดิมพันของเราไปแล้วหรือไง? คุณแพ้การประมูลที่ดินแปลงที่ 13 ดังนั้นตามข้อตกลงของเราแล้วคุณต้องไปคุกเข่าขอขมาที่หน้าหลุมฝังศพเพื่อนของผม”
“เดิมพันงั้นหรือ?” ฮวงยี่หู่หัวเราะเยาะ “ผมเซ็นสัญญาไว้เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วก็จริงแต่นั่นมันก็เป็นแค่เรื่องขำๆเท่านั้นแหละ ถ้าคุณไม่พอใจจะฟ้องร้องผมก็ได้นะ”
ฮวงยี่หู่พูดต่อไป “ผมขอแนะนำให้คุณอยู่แต่ในพื้นที่ของตัวเองนะ อย่าพยามยามมาก้าวก่ายเรื่องของคนอื่น อ้อจริงสิ คุณควรจะแวะไปดูแฟนสาวของคุณหน่อยนะ เธอไปเข้าห้องน้ำได้สักพักใหญ่ๆแล้ว บางทีอาจจะมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นกับเธอก็ได้นะ”
ฮวงยี่หู่หัวเราะอย่างชั่วร้าย
เซี่ยเหล่ยรู้สึกได้ถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ดีบางอย่าง เขาคว้าคอเสื้อฮวงยี่หู่ “ถ้าคุณกล้าแตะต้องเธอผมฆ่าคุณแน่!”
“รีบไปซะสิไปดูเธอหรือจะให้ผมโทรเรียกตำรวจให้ไหม” ฮวงยี่หู่จ้องเขม็งมาที่เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยปล่อยมือจากฮวงยี่หู่และวิ่งไปที่ห้องน้ำ
ฮวงยี่หู่และลี่หยู่หลานวิ่งตามเซี่ยเหล่ยไป
เซี่ยเหล่ยวิ่งมาถึงจุดหมาย ภาพที่ปรากฏสู่สายตาทำให้เขาต้องยืนนิ่งอย่างตกตะลึง
บอดี้การ์ดทั้งสี่คนของฮวงยี่หู่นอนเกลื่อนพื้น สภาพแต่ละคนคือจมูกแตกเปื้อนเลือดและมีใบหน้าที่บวมเป่ง และหลางซือเหยากำลังล้างมือของเธออยู่ในห้องน้ำอย่างสงบราวกับว่าพวกชายหนุ่มที่นอนเกลื่อนพื้นเหล่านี้เป็นแค่วิวทิวทัศน์เท่านั้น
“คุณมาที่นี่งั้นหรือ” หลางซือเหยาเห็นเซี่ยเหล่ยจึงทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเหล่ยพยายามตั้งสติและถามเธอ “คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”
หลางซือเหยาเหลือบมองบอดี้การ์ดทั้งสี่คนบนพื้นและพูดอย่างดูถูก “พวกนี้หรือ? ความสามารถพวกเขาต่ำกว่ามาตรฐานของฉันมาก ถ้าเราไม่ได้กำลังอยู่ในตึกของรัฐบาลฉันจะหักฟันทุกซี่ของพวกเขาซะ”
เซี่ยเหล่ยยืนอึ้ง
ขณะนั้นเองฮวงยี่หู่และลี่หยู่หลานก็วิ่งมาถึงหัวมุมทางเลี้ยว ใบหน้าของพวกเขาตกตะลึงเมื่อเห็นบอดี้การ์ดทั้งสี่คนนอนกองอยู่กับพื้น ทั้งคู่มองไปยังเซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยาและคิดว่าหลางซือเหยาเธอต้องเป็นเมดูซ่า ก็อตซิลล่าหรือไม่ก็ต้องเป็นสัตว์ประหลาดสักชนิดแน่
หลางซือเหยาเดินไปหาฮวงยี่หู่และชี้จมูกเขา “ฉันเป็นคนสกุลหลาง จำไว้ให้ดีล่ะ พ่อของฉันคือหลางเฉิงชุนทายาทรุ่นที่สิบของหวิงชุน ฉันไม่กลัวคุณหรอก คุณคิดว่าตัวเองมีพรรคพวกจำนวนมากงั้นหรือ? พ่อของฉันเพียงแค่กดโทรศัพท์ครั้งเดียว บนถนนหนทางก็จะเต็มไปด้วยลูกศิษย์ของเขา! คุณกล้าพอที่จะมาสู้กับเราในสนามรบมั้ยล่ะ? แน่นอนว่าเราสามารถเอาชนะคุณได้ภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น!”
ฮวงยี่หู่ไม่พูดอะไรแต่เหงื่อเขากลับซึมออกมาราวกับน้ำไหล
ติดตามตอนต่อไป......