เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 122 พายุหิมะบนเส้นทางชีวิต (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 122 พายุหิมะบนเส้นทางชีวิต
แปลโดย iPAT
"ฟิ้ว" ดาบแสงจันทร์ขนาดเท่าใบหน้าสามวงพุ่งผ่านอากาศ
วานรหินตาหยกสิบเจ็ดตัวที่ไล่ตามฟางหยวนมาทางด้านหลังเสียชีวิตทันที ซากศพของวานรหินตาหยกร่วงหล่นลงสู่พื้นพร้อมกับเม็ดหยกที่หลุดออกมาจากเป้าตาของพวกมัน
ฟางหยวนตรวจสอบทะเลวิญญาณของตนและพบว่าระดับน้ำยังเหลืออยู่ครึ่งหนึ่ง ช่วงเวลาที่เขาอยู่ในระดับสองขั้นต้น วิญญาณจันทร์กระจ่ายต้องใช้พลังวิญญาณสิบส่วน นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้ดาบแสงจันทร์ได้เพียงสี่ครั้ง แต่มันเพิ่มเป็นแปดครั้งเมื่อเขาก้าวเข้าสู่ระดับสองขั้นกลาง และจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวเมื่อบรรลุระดับสองขั้นสูง
ฟางหยวนยังไม่บรรลุระดับสองขั้นสูง แต่ด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณสุราสี่ฤดู ระดับการบ่มเพาะของเขาถูกพิจารณาว่าเข้าใกล้ระดับสองขั้นสูงมากแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาจะโจมตีและล่าถอยเมื่อต้องเผชิญหน้ากับวานรหินตาหยกเจ็ดสิบหรือแปดสิบตัว แต่เวลานี้เขาสามารถสังหารวานรหินตาหยกจำนวนมากในครั้งเดียว นี่ทำให้วานรหินตาหยกที่เหลือกลายเป็นฝ่ายหลบหนีเอาชีวิตรอด
‘ข้ากวาดล้างวานรหินตาหยกที่อยู่ในรังหินสามต้นภายในเวลาสองวัน นี่เป็นความเร็วที่สูงกว่าก่อนหน้าหลายเท่า หากมันยังเป็นไปในลักษณะนี้ ข้าจะสามารถเปิดเส้นทางเข้าสู่จุดศูนย์กลางของป่าหินได้อีกครั้งในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน’ ฟางหยวนคำนวณ
‘ถ้ำใต้พิภพที่จุดศูนย์กลางป่าหินควรเป็นด่านทดสอบถัดไปของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ มันต้องมีวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติอยู่ที่นั่น ข้าคิดว่าด่านทดสอบของเขาใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ทั้งหมดก็คือเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาสร้างด่านรับสืบทอดเหล่านี้อย่างเร่งรีบ มันอาจมีอีกเพียงสองด่านที่เหลืออยู่’ จากภาพความทรงจำบนกำแพง ชัดเจนว่านักบวชปีศาจสุราดอกไม้กำลังจะตาย ดังนั้นฟางหยวนจึงใช้ประสบการณ์ตัดสินเรื่องนี้
นักบวชปีศาจสุราดอกไม้มีเวลาน้อยเกินไปในการสร้างด่านทดสอบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำสิ่งใดได้มากนัก ปกติแล้วผู้ใช้วิญญาณมักใช้เวลาหลายปีในการสร้างด่านทดสอบเพื่อส่งมอบมรดก มันมีกระทั่งสถานที่ที่จะเปิดออกเพียงครั้งเดียวในช่วงเวลาสิบปีหรือมากกว่านั้น มรดกบางส่วนอาจถูกแยกออกไปอยู่ในพื้นที่ต่างๆทั่วทุกมุมโลก ชนรุ่นหลังอาจต้องใช้เวลาถึงสิบหรือร้อยปีในการรวบรวมพวกมัน มรดกบางอย่างอาจไม่สามารถสำรวจได้ในช่วงชีวิตของผู้ใช้วิญญาณคนหนึ่ง ดังนั้นภารกิจเหล่านี้จึงมักถูกส่งต่อไปยังทายาทของพวกเขา
‘ด่านทดสอบของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ถือว่าเป็นด่านขนาดเล็ก แต่นี่กลับเป็นข้อดี ประการแรก ด่านทดสอบถูกสร้างขึ้นตามสภาพแวดล้อมในพื้นที่ ข้าได้รับวิญญาณหมูขาว วิญญาณกายาหยกเขียว และวิญญาณสุรามาอย่างง่ายดาย สำหรับวิญญาณศิลาแห่งความลับ มันยังถือว่าเป็นหนึ่งในมรดกเช่นกัน หลังจากนี้มันควรมีวิญญาณดอกไม้เก็บสมบัติอยู่อีกสองต้น ข้าหวังว่ามันจะมีวิญญาณสายตรวจสอบและสายเคลื่อนไหวอยู่ภายใน’
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ฤดูหนาวเริ่มต้นขึ้นอีกครั้งพร้อมกับท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีเทาหม่น ฟางหยวนเดินทางเพียงลำพังอยู่ท่ามกลางหิมะที่โปรยปราย เขาพึ่งออกมาจากถ้ำลับและกำลังมุ่งหน้ากลับหมู่บ้าน
‘สองเดือนผ่านไปแต่การกวาดล้างฝูงวานรหินตาหยกของข้ายังไม่คืบหน้า’ ใบหน้าของฟางหยวนค่อนข้างมืดครึ้ม
ไม่ใช่เพราะเขาไม่ได้ใส่ความพยายาม แต่ฝูงหมาป่าเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว
อาหารกำลังจะขาดแคลนในช่วงฤดูหนาว ฝูงหมาป่าที่เติบโตขึ้นขยายอาณาเขตการล่า สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่รอบๆเริ่มถูกกวาดล้างและสร้างความปั่นป่วนขึ้นบนภูเขาชิงเหมา ในเวลาเดียวกันหมาป่าพิการที่ถูกขับไล่ออกจากฝูงยังรวมตัวกันจัดตั้งเป็นฝูงใหม่ พวกมันมักเคลื่อนไหวอยู่รอบหมู่บ้าน
ฝูงหมาป่ายังไม่กล้าบุกโจมตีหมู่บ้าน แต่ชาวบ้านบางส่วนเริ่มตกตายเพราะพวกมัน
หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลระดมผู้ใช้วิญญาณจำนวนมากเพื่อกวาดล้างฝูงหมาป่า ดังนั้นมันจึงมีผู้ใช้วิญญาณลาดตะเวนอยู่รอบๆหมู่บ้าน นี่เป็นเหตุให้ฟางหยวนไม่สามารถเข้าไปในถ้ำลับได้บ่อยนัก
ลมหนาวพัดเข้ามาพร้อมกับเกล็ดหิมะที่โปรยปราย
"ฮู...ฮู..." เสียงกรีดร้องของพายุหิมะดังไปทั่ว
ฟางหยวนหยุดเท้าและกวาดตามองไปรอบๆ
ฝูงหมาป่ากลุ่มเล็กๆที่มีสมาชิกประมาณยี่สิบตัวหรือมากกว่านั้นปรากฏขึ้นในมุมมองสายตาของฟางหยวน
"พวกมันอีกครั้ง..." ฟางหยวนพึมพำ นี่เป็นครั้งที่แปดที่เขาพบฝูงหมาป่าในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามครั้งนี้กลับแตกต่างออกไปเล็กน้อย
'ฝูงหมาป่าขยายอาณาเขตการล่าเข้าใกล้หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้ำลับอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ดูเหมือนข้าจะไม่สามารถไปที่นั่นได้บ่อยนัก' ใบหน้าของฟางหยวนยิ่งมืดครึ้มเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
เส้นทางชีวิตของผู้คนมักยากลำบากและเต็มไปด้วยอุปสรรคที่เหนี่ยวรั้งความก้าวหน้าของพวกเขาเอาไว้เสมอ
เช่นเดียวกับฝูงหมาป่าที่กำลังกีดขวางอยู่บนเส้นทางของฟางหยวน
"กรอ...กรอ..." หมาป่าคำรามก่อนจะพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวน
"วิญญาณจันทร์กระจ่าง!" ฟางหยวนยิงดาบแสงจันทร์ออกไปจากมือขวา
ดาบแสงจันทร์สีฟ้าพุ่งผ่านพายุหิมะและตัดศีรษะหมาป่าพิการสามตัวออกจากร่างทันที แต่เมื่อดาบแสงจันทร์พุ่งไปยังหมาป่าตัวที่สี่ หมาป่าตัวนั้นกลับสามารถหลบออกไป
แม้พวกมันจะเป็นหมาป่าพิการ แต่พวกมันมีประสบการณ์ในการต่อสู้และไหวพริบ โดยปกติผู้ใช้วิญญาณระดับสองจะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายหากต้องเผชิญหน้ากับฝูงหมาป่าเหล่านี้
แต่ฟางหยวนยังสงบนิ่ง ด้วยประสบการณ์และทะเลวิญญาณที่เข้าใกล้ระดับสองขั้นสูงทำให้เขามีความมั่นใจ
ฆ่า!
เขาเคลื่อนไหวภายใต้การจู่โจมของฝูงหมาป่า หลบอย่างเยือกเย็น และสวนกลับอย่างแม่นยำ
หมาป่าตกตายลงอย่างต่อเนื่อง
ในระยะเวลาสั้นๆ หมาป่าลดจำนวนลงถึงครึ่งหนึ่ง
"กรอ..." หมาป่าตัวหนึ่งคำราม จากนั้นหมาป่าทั้งหมดก็เริ่มล่าถอย นี่คือความฉลาดของหมาป่าเหล่านี้
เมื่อพวกมันพบว่าฟางหยวนแข็งแกร่งกว่าที่คิด พวกมันจึงเร่งล่าถอยและยอมแพ้ต่อแผนการล่าฟางหยวน
ฟางหยวนยืนอยู่ในตำแหน่งเดิมอย่างสงบขณะที่จ้องมองฝูงหมาป่าหายเข้าไปในพายุหิมะ หลังจากยืนยันว่าฝูงหมาป่าจากไปแล้ว เขาจึงเริ่มสำรวจซากศพของหมาป่า ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง เขี้ยว หรือสิ่งอื่นๆ ทั้งหมดล้วนมีมูลค่า
สองเดือนที่ผ่านมา ฟางหยวนสามารถทำกำไรบางส่วนจากการกำจัดฝูงหมาป่าพิการเหล่านี้
เลือดที่ไหลออกมาจากซาดศพยังอุ่น หมาป่าบางตัวยังมีลมหายใจขณะที่ดวงตาของมันยังแข็งกร้าว
‘ในโลกใบนี้ไม่เพียงมนุษย์ แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดล้วนต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดบนเวทีแห่งชีวิตและความตาย’ ฟางหยวนถอนหายใจก่อนจะสังหารหมาป่าที่เหลือรอดอย่างไร้ปรานี
พลังการต่อสู้ของหมาป่าพิการสูงว่าวานรหินตาหยก ภายใต้ความร่วมมือของฝูงหมาป่า พลังอำนาจของพวกมันจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
‘สำหรับหมาป่าฝูงเล็กๆเช่นนี้ ข้ายังสามารถกำจัดพวกมัน แต่หากเป็นหมาป่าฝูงใหญ่ มันเป็นเรื่องยากที่จะรับมือ’
‘คลื่นหมาป่ากำลังจะบุกโจมตีหมู่บ้านเร็วๆนี้ ตระกูลจะระดมผู้ใช้วิญญาณทั้งหมด ข้าไม่สามารถปฏิเสธ แต่หากข้าต้องการล่าหมาป่าสายฟ้าด้วยตนเอง ข้าต้องมีวิญญาณสายตรวจสอบหรือสายเคลื่อนที่ มิฉะนั้นข้าจะตกอยู่ในวงล้อมหมาป่า’ ฟางหยวนตระหนักถึงจุดอ่อนของตนเองอย่างชัดเจน
พลังวิญญาณของฟางหยวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยการคงอยู่ของวิญญาณสุราสี่ฤดู ด้วยวิญญาณจันทร์กระจ่างและวิญญาณกายาหยกขาว มันทำให้เขาครอบครองทั้งพลังโจมตีและพลังป้องกัน ด้วยประสบการณ์ที่สะสมมานาน ตอนนี้เขาถูกพิจารณาว่าอยู่ในระดับเดียวกับฉิงซู ซื่อซาน และโม่เยี่ยน
อย่างไรก็ตามด้วยความจริงที่ว่าเขายังไม่บรรลุระดับสองขั้นสูงและมีพรสวรรค์นภาที่สาม พลังการต่อสู้ของเขาจึงค่อนข้างจำกัด
แม้ดูเหมือนเขาจะมีพลังการต่อสู้ที่ค่อนข้างสูง แต่แท้จริงแล้วเขายังทำได้เพียงเอาชีวิตรอดจากฝูงหมาป่าสายฟ้าเท่านั้น
'วิญญาณสายตรวจสอบจะทำให้ข้ารับรู้การเคลื่อนไหวของฝูงหมาป่า ด้วยวิธีนี้ข้าจะสามารถล่าถอยหรือเปลี่ยนเส้นทางได้อย่างทันท่วงที หากข้ามีวิญญาณที่ช่วยในการเคลื่อนไหว ข้ายังสามารถหลบหนีได้อย่างรวดเร็ว' ฟางหยวนคิด
โอกาสในการรอดชีวิตจะเพิ่มสูงขึ้นหากเขามีวิญญาณชนิดใดชนิดหนึ่ง หากมีสอง เขาจะสามารถเคลื่อนไหวได้ง่ายดาย
'ข้าหวังว่ามรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้จะมีวิญญาณเหล่านี้ หากไม่ จากความทรงจำของข้า เมื่อสามตระกูลร่วมมือกันต่อต้านคลื่นหมาป่า ข้าสามารถนำคะแนนผลงานไปแลกเปลี่ยนกับวิญญาณของตระกูลไป่หรือตระกูลซ่ง' ฟางหยวนวางแผนการอยู่ในใจ
เขาเก็บสมบัติจากสงครามเล็กๆก่อนหน้าใส่ในกระเป๋าก่อนจะเดินกลับหมู่บ้านขณะที่หิมะโปรยปรายลงมาปกปิดซากร่างของหมาป่าเอาไว้จนมิดชิด
"ดูนั่น ฟางหยวนกลับมาแล้ว"
"เขาแบกกระเป๋าใบใหญ่กลับมาก เขาออกไปล่าหมาป่าพิการอีกแล้วงั้นหรือ?"
"เขาคือคนที่ช่วยหมู่บ้านของพวกเราเอาไว้?"
"นั่นเป็นเพียงความโชคดีเท่านั้น หากข้ามีพละกำลังเช่นเดียวกับเขา ข้าก็สามารถทำได้เช่นกัน"
ขณะที่ฟางหยวนเดินไปตามเส้นทางภายในหมู่บ้าน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆนานทั้งสรรเสริญ อยากรู้อยากเห็น และอิจฉาดังขึ้น
"ฟางหยวน!" เป็นเพียงเวลานี้ที่ซื่อซานปรากฏตัวขึ้นที่มุมถนนและตะโกนเรียกเขา