บทที่ 9 ทักษะดาบอัสนี!
"อย่ากังวลไปเลย! ข้าอยู่นี่แล้ว อาวุธจิตวิญญาณนั่นไม่สามารถทำอันตรายเจ้าได้!"
ทันใดนั้น! เสียงของซินหวงก็ออกมาจากมหาสมุทรแห่งจิตของซ่งหยู และกล่าวว่า "เพียงแต่ข้าต้องยืมร่างกายของเจ้าเพื่อรับมือ มิเช่นนั้นข้าเกรงว่า หากข้าถูกเปิดเผยตัวภายหลังจะเกิดความวุ่นวายในการแย่งชิงเพื่อความโลภก็เป็นได้ แล้วเราจะสามารถหลบหลีกมันได้ทันการณ์หรือไม่!?"
มันเป็นเพียงช่วงอึดใจเดียวเท่านั้น ก่อนที่อาวุธวิญญาณจะเจาะทะลุหน้าผากของเขา!
ทันใดนั้น! ก็มีนิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้มาจับลงบนอาวุธวิญญาณ และคว้ามันไว้ระหว่างนิ้วมืออย่างทันการณ์!
เหงื่อเย็นๆไหลผ่านหน้าผากของซ่งหยูราวกับสายน้ำ เขารู้สึกราวกับว่าวิญญาณถูกกระชากออกไปจากร่างกายอย่างแรงหากว่าเขาโดนอาวุธวิญญาณนั้นเข้าอย่างจัง!
เป็นช่วงเวลาที่เขาตื่นตระหนกสุดชีวิต ขณะที่เขายืนอยู่บนขอบเขตแห่งชีวิตและความตาย!
"มันช่างน่าเสียดาย!" ผู้อาวุโสเทียนคิดในใจ
ภายในห้วงมหาสมุทรแห่งจิตซินหวงบินไปรอบๆ และถอนหายใจ "ข้าคิดว่าหลังจากที่เเปิดเผยตัวเองแล้ว ข้าจะทำลายวิญญาณของปีศาจที่ถูกผนึกไว้ใต้พิภพ ณ สถานที่แห่งนี้ และปลดปล่อยวิญญาณปีศาจเหล่านั้น และปล่อยให้พวกมันไปสังหารหมู่คนที่สร้างความวุ่นวายต่อผู้คนในนิกายฯจะดีหรือไม? เราจะได้สามารถเดินทางเพื่อค้นหาสายเลือดบริสุทธิ์ของเผ่าสวรรค์ได้เสียที!"
ซ่งหยูรู้สึกสั่นสะท้านจากคำกล่าวของซินหวงซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าอาวุธวิญญาณเสียอีก!
---------------------
อาวุธจิตวิญญาณสั่นสะเทือนอย่างแรง และดูเหมือนว่ามันกำลังพยายามจะหลบหนีจากนิ้วมือที่กักขังไว้!
"ท่านลุงสองโได้ปรดหยุดเถิด!"
นิ้วมือสองข้างนั้นเป็นของชายหนุ่มคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลา และแววตาที่ส่องประกายสดใสราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า เขายิ้มให้แก่ผู้อาวุโสเทียนและกล่าวว่า "การกระทำของท่านมิอาจซ่อนเร้นสายตาต่อผู้สำเร็จขั้นสูงได้ หากแม้ว่าท่านจะสามารถฆ่าเขาได้นั้น ก็จะทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะในความไร้ซึ่งคุณธรรมของตระกูลเทียนเฟิงของเราได้!"
ผู้อาวุโสเทียนถึงกับหน้าซีดเผือด หัวใจเต้นแรง แล้วรีบลุกออกจากลานฝึก และกล่าวว่า "เจ้ามาที่นี่ด้วยเหตุใดเล่า?"
"ข้าเข้าท่านดีจากเหตุการณ์ที่ซูเซี่ยงเฉิงสามารถเอาชนะท่านภายในห้องโถงไร้หมอกได้นั้น และยังยึดเอาตำแหน่งผู้ดูแลห้องโถงไร้หมอกมาเป็นของตนอีกด้วย สำหรับตระกูลเทียนเฟิงนั้นแล้วถือว่าเป็นการเหยียบหน้าอย่างให้อภัยมิได้....แล้วเราจะสามารถอดทนเรื่องนี้ได้อย่างไร?
ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มอย่างอ่อนโยน และกล่าวว่า "ข้ามาที่นี่เพื่อดูว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง?"
สายตาของผู้อาวุโสเทียนสว่างขึ้นทันที"ข้ากำลังจะพาตัวเขากลับไป!"
ชายหนุ่มผู้นั้นส่ายหัวพลางกล่าวว่า"แน่นอนว่าที่ซูเซี่ยงเฉิงกล่าวไว้ไม่ผิดแน่! เราต้องสนับสนุนในการปูทางแก่ลูกหลานคนยากจนที่น่าสงสารเหล่านั้น ห้องโถงไร้หมอกก็ควรจะอยู่ในความดูแลของเขา และข้ามาที่นี่เพื่ออ้างสิทธิ์ในเกียรติของตระกูลเทียนเฟิง และให้เขาได้รู้ซึ้งว่าตระกูลเทียนเฟิงของเรานั้นหาได้ใช้อิทธิพลใดๆไม่!
จากนั้นเขาก็หันไปหาซ่งหยู โค้งคำนับและกล่าวว่า "ท่านลุงสองของข้ากระทำในสิ่งที่น่าอับอายยิ่งนัก! ข้าต้องขอโทษแทนเขาด้วย"ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าว
ซ่งหยูรีบคำนับตอบ แม้เขาจะไม่สามารถช่วยอะไรได้มากนัก แต่ซ่งหยูก็ประทับใจในความยุติธรรมของเขา
และกล่าวถามชายผู้นั้นว่า "แล้วท่านคือ.....?"
"ข้ามีนามว่า'เทียนหยานซวง'มาจากตระกูลเทียนเฟิง และได้สำเร็จการบ่มเพาะขั้นสูงสุด!"
เทียนหยานซวงยืนขึ้นและลอยตัวขึ้นไปกลางอากาศ และกล่าวว่า "ท่านลุงสองท่านมิได้สร้างความลำบากให้ข้าแต่อย่างใด! ข้าลงมาที่นี่เพื่อต้องการท้าสู้กับซูเซี่ยงเฉิงเท่านั้น และกอบกู้ตำแหน่งผู้ดูแลห้องโถงไร้หมอกของตระกูลเทียนเฟิงกลับคืนมาเท่านั้น ท่านลุงสองมิได้สร้างความอัปยศแก่ตระกูลแต่อย่างใด!"
ขณะนั้นใบหน้าของผู้อาวุโสเทียนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ทันใดนั้นเขาก็เหวี่ยงแขนและทิ้งความไม่พอใจเอาไว้ภายใน!"
" ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ซูเซี่ยงเฉิน จากตระกูลซูฮุย !"
เทียนหยานซวงลอยตัวอยู่กลางอากาศ และหัวเราะเสียงดังกังวานไปทั่วหุบเขา "ข้าเทียนหยานซวง จากตระกูลเทียนเฟิง มาที่นี่เพื่อขอท้าเจ้า!"
ซ่งหยูเฝ้ามองในขณะที่เทียนหยานซวงค่อยๆลอยออกไป และพูดกับตัวเองเงียบๆ ว่า "เทียนหยานซวงผู้นี้มีจิตใจที่กล้าหาญไม่แพ้ท่านซูเซี่ยงเฉิง และมีจิตวิญญาณที่เป็นวีรบุรุษยิ่งนัก!"
เทียนหยานซวง และซูเซี่ยงเฉิง นั้นพวกเขามีอายุประมาณยี่สิบปี ซึ่งมากกว่าซ่งหยู่แค่เพียงสี่ห้าปีเท่านั้น
แต่พวกเขากลับมีความโดดเด่น และความคิดที่กว้างไกล พวกเขาทั้งสองจะต้องกลายเป็นจ้าวยุทธที่เยี่ยมยอดที่สุดในนิกายฯแห่งนี้!
"ผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดดั่งเช่นพวกเขา.... หากสักวันข้าจะบรรลุถึงขั้นสูงสุดเช่นนั้นให้จงได้ และเมื่อนั้นจึงจะเรียกได้ว่าประสบอความสำเร็จอย่างแท้จริง!"ซ่งหยูกล่าวเงียบๆ
ความคิดภายในใจของซ่งหยูในตอนนี้นั้น เพียงต้องการดูพฤติกรรมของผู้อาวุโสเทียนเท่านั้น แต่การมองทั้งเทียนหยานซวง และซูเซี่ยงเฉิงนั้น ทำให้เขารู้ว่าแท้จริงแล้วนั้นการมีมุมมองที่กว้างไกลของการบ่มเพาะขั้นสูงสุดคืออะไร!
"การเผชิญหน้าครั้งนี้ทำให้อารมณ์ของเจ้าสงบลง และสภาพจิตวิญญาณของเจ้าก็กว้างขึ้น ตอนนี้เจ้าเริ่มมีมุมมองที่กว้างไกลขึ้นแล้ว"
ซินหวงยกย่องเขาภายในมหาสมุทรแห่งจิต "บางทีเจ้าอาจจะเป็นผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดได้ในไม่ช้านี้! เพียงแต่เจ้าจงแก้ไขข้อข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ เพียงเท่านั้น!"
ซ่งหยูคิดภายในใจว่า "แม้ตระกูลเทียนเฟิงจะไม่ยินยอมที่จะรับข้าเข้าเป็นศิษย์ และสอนวิชาให้แก่ข้า แต่หากข้าไม่มีเทคนิคใดๆ แล้วข้าคงไม่สามารถที่จะปลดปล่อยพลังที่แท้จริงได้แล้วข้าจะสำเร็จมันได้อย่างไร!?"
จากเมื่อก่อนหน้านี้ศิษย์ระดับสูงของผู้อาวุโสเทียนใช้อาวุธจิตวิญญาณ และเทคนิคดาบโจมตีเขา หากถ้าเขาเชี่ยวชาญในเทคนิคการต่อสู้เหล่านั้นก็สามารถที่จะปกป้องตัวเอง คงไม่ตกอยู่ในสภาพการเฉียดตายเช่นนั้นเป็นแน่...
ตอนนี้แม้ว่าตระกูลเทียนเฟิงนั้นจะไม่ได้สร้างความลำบากแก่เขามากนัก แต่ทว่าตอนนี้ยังไม่มีผู้ใดที่จะรับเขาเป็นศิษย์ และซ่งหยูคงจะไม่มีทางได้ฝึกฝนเทคนิคเหล่านั้นได้ และไม่มีทางที่เขาจะล่วงรู้ได้ว่า ว่าพลังอันแท้จริงของเขา คืออะไร ?
"การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้โดยที่ปราศจากความหวังนั้น ถึงแม้ว่าจะมีพรสวรรค์มากสักแค่ไหนก็ตาม!
ก็จะหาประสบความสำเร็จไม่! พวกเขาจะไม่รับข้าเป็นศิษย์ ก็เท่ากับว่าข้าไม่สามารถที่จะเรียนรู้เทคนิคใดๆได้เลย!"
ดวงตาของซ่งหยูสว่างขึ้นขณะที่เดินเข้าไปในลานฝึก เมื่อท่านอาจารย์มาถึงลานด้านบนเพื่อสอนเทคนิควิชาแก่เหล่าศิษย์ ซึ่งวันนี้จะมีผู้บ่มเพาะขั้นสูงสุดเป็นมาเป็นอาจารย์ผู้สอนจำนวนกว่าสิบคนเข้าร่วมในลานฝึก ซึ่งมีศิษย์ที่มาฝึกแต่ละครั้งนับร้อยชีวิต!
ซ่งหยูเดินเข้าไปในลานฝึก และยืนอยู่ตรงมุม รอบๆมีศิษย์ระดับสูงหลายคนกำลังนั่งไขว่ห้าง และฟังการบรรยายเงียบๆ จากอาจารย์ผู้บ่มเพาะระดับสูงบนเวที
เมื่อท่านอาจารย์สังเกตเห็นซ่งหยูเดินเข้ามาภายในลานฝึกเขาถึงกับตกใจเล็กน้อย และพยักหน้าเบาๆ
เหล่าศิษย์คนอื่นมองไปในทางเดียวกัน แต่ขณะนั้นท่านอาจารย์ยังคงดำเนินบทเรียนต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ดังและชัดเจน "เทือกเขามีวิญญาณภูเขา, แม่น้ำมีวิญญาณแม่น้ำ, ต้นไม้มีวิญญาณต้นไม้, หญ้ามีวิญญาณหญ้า, เมฆมีวิญญาณเมฆ, ลมมีวิญญาณลม, ทองมีวิญญาณทอง, แผ่นดินมีวิญญาณแผ่นดิน, ดวงจันทร์มีวิญญาณดวงจันทร์, ดวงอาทิตย์มีวิญญาณดวงอาทิตย์! "
-------------------------------------------------
ผู้บ่มเพาะระดับสูงยังคงดำเนินบทเรียนต่อไป
"เมื่อเจ้ากระตุ้นจิตวิญญาณแห่งสวรรค์ และโลกจิตวิญญาณที่สอดคล้องกันจะมีรูปร่างภายในมหาสมุทรแห่งจิตสำนึกของเจ้า!"
"วิญญาณเหล่านี้เป็นวิญญาณของเทวะเทพแห่งการบูชา!"
เป็นเวลานานแล้วที่ผู้คนในถิ่นทุรกันดารบูชากันมาตลอด ภูเขา แม่น้ำใหญ่ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สมุนไพร วิญญาณลม ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ เมื่อเวลาผ่านไปช้านานสิ่งเหล่านั้นได้รับจิตวิญญาณจากการบูชา
เฉพาะคนที่มีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งพอจึงจะสามารถกระตุ้นจิตวิญญาณระหว่างสวรรค์และโลกเพื่อเข้าสู่ภายในร่างกายของตนเองได้!
เราสามารถสำเร็จขั้นสูงสุดได้หากมีจิตวิญญาณเช่นเดียวกันนี้! จิตวิญญาณที่หลอมรวมเข้าด้วยกันนั่นก็คือวิญญาณของจิตวิญญาณนั่นเอง!
"เมื่อมองอย่างรอบคอบและนี่คือจิตวิญญาณของพวกเจ้า!"
ทันใดนั้น! ประตูดาบก็เกิดปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขาเมื่อมันเปิดออกมีชายผู้หนึ่งลอยออกมาจากประตู ร่างนั้นมีสี่แขน และภายในดวงตานั้นส่องประกายด้วยรังสีที่แปลก!
"จิตวิญญาณของเราคือจิตวิญญาณของภูเขา และเมื่อมันผสมผสานหลอมรวมเข้ากับจิตวิญญาณที่เรียกว่าวิญญาณดั่งเดิม! เทพแห่งภูเขามีดวงตาสี่ดวงมองไปทุกทิศทุกทาง เพราะฉะนั้นจิตวิญญาณของเราก็ต้อง
มีดวงตาสี่ดวงเช่นกัน! "
วิญญาณของเราจะพุ่งออกมา และผสานหลอมรวมเข้ากับวิญญาณของภูเขา วิญญาณดั้งเดิมจะเริ่มใหญ่ขึ้น
และสูงขึ้นจนกลายเป็นมนุษย์หินที่สูงนับพันฟุตที่ยืนอยู่ด้านหลังของพวกเจ้า มันดูสง่างามและทรงพลังเมื่อมันอ้าสี่แขนของมัน และเปิดดวงตาทั้งสี่ดวงไปในทุกทิศทาง!
จากที่ฟังคำกล่าวท่านอาจารย์ทำให้ศิษย์ทั้งหลายถึงกับอ้าปากค้าง!
ซ่งหยูถึงกับตกใจ เขาเคยได้ยินคำพูดเกี่ยวกับ "จิตวิญญาณ" บางคนเรียกมันว่า 'สัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณ ' แต่เขาเองก็ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจิตวิญญาณนั้นเป็นอย่างไร และในวันนี้เขาบังเอิญโชคดีที่เดินเข้ามาได้ยินขณะที่ท่านอาจารย์กำลังฝึกสอนอยู่ศิษย์อยู่พอดี และในที่สุดเขาก็มีความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับจิตวิญญาณ!
ถ้าพวกเจ้าต้องการประจักษ์กับจิตวิญญาณนั้น พวกเจ้าจะต้องมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง และจิตวิญญาณที่เข้มแข็งนั้นจะต้องมีความเพียรพยายามเรียนรู้จากจิตวิญญาณ และอารมณ์ตัวเอง หากพวกเจ้าต้องการที่จะฝึกจิตวิญญาณให้เข้มแข็ง และความอดทนนั้นพวกเจ้าจะต้องไปฝึกยังสถานที่รกร้างว่างเปล่า จะดีที่สุด!
ท่านอาจารย์ค่อย ๆ อธิบายในรายละเอียด เขายิ้มและกล่าวว่า"ในความแข็งแกร่งที่มีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ รากฐานของพวกเจ้านั้นมิอาจขาดหายไปได้ พลังจิตของพวกเจ้าจะต้องมั่งคง และเมื่อพลังจิตของพวกเจ้ามีมากพอ จิตวิญญาณของพวกเจ้าก็ยังสามารถปล่ดปล่อยจากร่างกายของพวกเจ้าได้ฉันนั้น หากพวกเจ้านั้นสามารถปลูกฝังเทคนิคการบ่มเพาะที่ข้าสอนให้กับพวกเจ้าในวันนี้ได้นั้น ไม่นานพวกเจ้าก็จพสำเร็จมันในไม่ช้านี้!"
ซ่งหยู่ฟังจากคำสอนของท่านอาจารย์ทั้งหมดแล้วรู้ซึ้งในหลักการของจิตวิญญาณมากขึ้น!
---------------------------------------------------------
การฝึกฝนบ่มเพาะในขณะที่ฟ้ากำลังร้องฤดูใบไม้ผลินั้น ซึ่งสายฟ้าแรกในฤดูใบไม้ผลิ จะเป็นสายฟ้าแรกของปี ข้าต้องการให้พวกเจ้าทุกคนเห็นภาพ และสร้างสัญลักษณ์ของสายฟ้าด้วยจิตวิญญาณของพวกเจ้า จากนั้นจงใช้สัญลักษณ์สร้างสายฟ้าเพื่อสร้างดาบอัสนีขึ้นมา แล้วเมื่อนั้นพวกเจ้าก็จะประสบความสำเร็จในการบ่มเพาะขั้นนี้ได้!
ดาบอัสนีที่ถูกสร้างในขณะที่ฟ้าร้องนั้นจะเคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาดในฤดูใบไม้ผลิ ในการโจมตีหากแม้ศัตรูอยู่ในระยะไกลนับพันลี้ ดาบนั้นก็จะสามารถปลิดชีพได้อย่างทันใดราวกับสายฟ้า และในการโจมตีระยะใกล้นั้นมันจะสามารถสังหารคนได้นับสิบภายในเวลาเดียวกันราวกับสายฟ้าผ่า อานุภาพของแรงระเบิดทำลายล้างจะบดขยี้ทุกอย่างให้กลายเป็นจุลภายในพริบตา! "
เหล่าศิษย์ทั้งหลายไม่ได้รู้สึกถึงเวลาที่ผ่านล่วงเลยไป เพราะท่านอาจารณ์ได้มอบกุญแจดอกสำคัญของความลับของการสร้างภาพของดาบอัสนี โดยใช้พลังจิตวิญญาณ ท่านได้แสดงให้เห็นถึงวิธีการที่จะแกะสลักสัญลักษณ์ของสายฟ้า กับเหล่าศิษย์โดยไม่หวงวิชาแม้แต่น้อย!
ขณะนั้นซ่งหยูกำลังตกอยู่ในภวังของการสร้างภาพของดาบอัสนี ในขณะที่เขาฟังคำอธิบายความลับของดาบอัสนีนั้น หลังจากคำอธิบายเสร็จสิ้นแล้วท่านอาจารย์ก็ปิดตาลง และหยุดสอนลูกศิษย์ภายในห้อง และดึงจิตวิญญาณของตนเองกลับเข้ามายังร่างของตน....
เหล่าศิษย์ทุกคนตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อ หลายคนยกมือขึ้น และฝึกฝนเคล็ดลับของฟ้าร้องฟ้าผ่า และศิษย์บางคนก็ประลองกัน สังเกตข้อบกพร่องของกันและกัน เสนอเคล็ดลับในการแก้ไขปรับปรุง
สายฟ้านั้นมีความเร็วสูงมาก มันส่งกระแสคลื่นความเร็วลงมาสู่พื้นดินเพียงพริบตาเดียวทุกสิ่งทุกอย่างก็จะพังพินาศกลายเป็นจุล .....
ในสมัยโบราณได้มีผู้คนจำนวนมากบูชาฟ้าร้องฟ้าผ่า และสายฟ้าฟาดซึ่งมันพลังอำนาจที่น่าสะพรึงยิ่งนัก!
ซ่งหยูมิได้พยายามที่จะแกะสลักสัญลักษณ์ของดาบอัสนี แต่หัวใจสำคัญของดาบอัสนีนี้ ท่านอาจารย์ได้แสดงออกมามีทั้งความมหัศจรรย์และน่าทึ่ง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ได้อยู่ในรูปแบบของสัญลักษณ์การแกะสลัก แต่ว่ามันอยู่ที่การแสดงให้เห็นถึงพลังอำนาจของเสียงที่ดังกัมปนาท และพร้อมที่จะแสดงอานุภาพที่ร้ายแรงในการระเบิดได้ทุกเวลา..
สัญลักษณ์ของดาบอัสนีนั้น มีความสลับซับซ้อนมาก และยากที่จะเข้าถึง การเปลี่ยนแปลงของสายฟ้าโดยเฉพาะการจับพลังเสียงฟ้าร้อง ฟ้าผ่า ซึ่งซ่งหยูสามารถเรียนรู้เคล็ดลับของทักษะที่ใช้ในการต่อสู้ได้อย่างรวดเร็ว และเขาก็สามารถทำมันได้สมบูรณ์ ภายหลังจากการปรับปรุงสัญลักษณ์ของดาบอัสนี!
ซ่งหยูนึกภาพย้อนกลับไป ถึงช่วงเวลาที่เขาได้เห็นภาพของร้อง ฟ้าผ่า มันสามารถแบ่งแยกท้องฟ้าและแผ่นดินออกจากกันเป็นสองฝั่ง เสมือนกับดาบที่ผ่านทะลุฟ้าและแผ่นดินได้ภายในพริบตา และด้วยระยะทางไกลถึงหลายพันลี้!
ช่วงเวลาผ่านไปไม่นานซ่งหยูก็เปิดตา เขาลุกขึ้นยืนและเริ่มฝึกทักษะของดาบอัสนี
ในตอนนี้มีศิษย์จำนวนมากที่สามารถฝึกทักษะของดาบอัสนี ซึ่งสิ่งที่พวกเขาฝึกนั้นก้าวหน้าไปมากเกือบจะเทียบเท่ากับท่านอาจารณ์.....
ในขณะที่ซ่งหยูได้ใช้เคล็ดลับทักษะของดาบอัสนีที่แตกต่างไปจากเดิม หากเทียบกับท่านอาจารย์!
อาจารย์ผู้ฝึกหลับตาลง และนั่งเงียบ ๆ แต่เบื้องหลัง กลับมีร่างที่สูงใหญ่ และและเปิดตาทั้งสี่ดวงเพื่อสังเกตการเคลื่อนไหวทุกการกระทำของทุกคน......
หลังจากผ่านไปนานท่านท่านอาจารย์ได้ถอนหายใจขึ้นขณะที่เขาลุกขึ้นยืน และกล่าวว่า"ผู้ที่สามารถเข้าใจสิ่งที่เป็นแก่นแท้ของคำสอนของข้าได้ในวันนี้ มีเพียงคนเดียวเท่านั้น!..."