ตอนที่ 4 : เสียงเด็กที่อยู่ในใจ
หลิงหลานมีความตั้งใจในการฝึกซ้อมอย่างมาก ร่างกายของเธอรู้สึกสบายราวกับว่าเธอกำลังแช่น้ำพุร้อนอยู่จนเธอไม่อยากเลิกการฝึกซ้อมนี้เลย แต่น่าเสียดายมีอะไรบางอย่างไม่ปล่อยให้เธออยู่ตามลำพัง และคอยพูดอยู่ในหูของเธอ ทันใดนั้นเธอก็นึกถึงประโยคที่เธอไม่เคยเข้าใจมาก่อน ความหมายอันลึกซึ้งที่อยู่เบื้องหลังของ หงอคง ในมหากาพย์เรื่องไซอิ๋ว
“มีแมลงวันที่บินหึ่งอยู่ทุกวัน ขอโทษแต่มันไม่ใช่เพียงตัวเดียว มีแมลงวันอีกเป็นฝูงที่อยู่รอบตัวคุณ มันทำให้คุณอยากร้องขอความช่วยเหลือ!”
ตอนนี้เธออยากที่จะทำตามคำพูดของหงอคง และเธออยากจะใช้มือของเธอตบแมลงวันตัวนั้นให้ไส้ของมันออกมา และนำมาพันคอของมันให้ลิ้นปลิ้นออกมา และเธอก็พลิกมือของเธอแล้วทิ้งมันลงบนพื้น ฟิ้ววว---- แล้วโลกก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
แน่นอนหลิงหลานสามารถจินตนาการเรื่องนี้ได้เพราะแมลงวันตัวนี้มันเป็นสิ่งที่เธอจินตนาการขึ้นมายังไงมันก็ไม่หายไปจากหัวของเธอ
ในที่สุดหลิงหลานไม่สามารถทนกับเรื่องแบบนี้ได้และเธอก็ได้ตื่นขึ้นมาอย่างหงุดหงิดและตะโกนออกมาในใจ “บ้าเอ้ยยย นายเป็นใครกัน”
เหมือนกับว่ามันตกใจเสียงตะโกนของเธอ และนิ่งไปสักพักก่อนที่จะตอบกลับไป “อุปกรณ์การเรียนรู้ของหุ่นรบหมายเลข 444444444 จากราชอาณาจักรเครื่องจักรกลของระบบดาว แมนดอร่า และต่อจากนี้เราสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ”
หลิงหลานตกใจไปสักพัก—— เป็นไปได้มั้ยว่าเด็กทุกคนที่เกิดมาในโลกนี้จะมีอุปกรณ์แบบนี้กันทุกคน ดูเหมือนว่าเทคโนโลยีของโลกใบนี้ล้ำสมัยมาก ต่างกันอย่างลิบลับกับโลกที่เธอเคยอยู่
ราวกับว่ารู้ถึงคำถามที่หลิงหลานคิด มีเสียงเด็กดังก้องในหัวเธออีกครั้ง "โลกนี้จะมีอุปกรณ์การเรียนรู้แบบก้าวหน้าด้วยตัวเองได้ยังไง? นอกจากนี้เจ้าอาจลืม ข้าก็คือคนที่ทำให้เธอกลับเป็นชิ้นเดียวเมื่อตัวตนทางจิตวิญญาณของเจ้าเกือบจะกระจายตัวไปหลังจากร่างกายของเจ้าเสียชีวิต"
หลิงหลานจำเสียงนี้ได้เสียงที่เธอเคยได้ยินหลังจากที่เธอเสียชีวิตในคราวก่อน สีหน้าของเธอก็เริ่มเปลี่ยนไป “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
เสียงของเด็กน้อยได้อธิบายกับหลิงหลานว่า “ร่างกายก่อนหน้าของเจ้าไม่สามารถรองรับความแข็งแรงทางจิตที่ทรงพลังของเจ้าได้และทรุดตัวลงได้อย่างมากแต่โชคดีที่นานๆครั้งรูหนอนจะปรากฏออกมาแล้วข้าก็ได้รวบรวมพลังงานจิตที่กระปรี้กระเปร่าของเจ้าในช่วงเวลาสุดท้ายและได้ใช้โอกาสในการดูดซับพลังงานในท้องถิ่นบางส่วนเพื่อนำพาจิตวิญญาณของตัวเจ้าเองผ่านรูหนอนไปสู่โลกที่ก้าวล้ำนี้ในอนาคต 10000 ปี”
“เป็นไปได้ยังไง!?” หลิงหลานก็ประหลาดใจว่าทำไมเธอถึงเป็นคนที่โชคดี
เสียงของเด็กน้อยก็บอกกับเธออีกว่า “ถ้าเรายังอยู่ในโลกเดิมแม้ว่าข้าจะเอาจิตวิญญาณของเจ้าให้ไปเกิดใหม่ที่นั้นยังไงเจ้าก็ต้องตายอยู่ดีเพราะร่างกายของทารกที่นั้นไม่สามารถรองรับจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของเจ้าได้”
เหมือนกับว่าเค้ายังอธิบายไม่เคลียเสียงของเด็กก็ได้อธิบายเพิ่ม “ถึงแม้ว่าจะเอาจิตวิญาณของเจ้าไปใส่ในร่างของผู้ใหญ่ ผลที่ได้รับก็จะเป็นเหมือนกับร่างกายของเจ้าก่อนหน้านี้”
หลิงหลันตัวสั่น เธอไม่ต้องการเจอกับประสบการณ์ที่แสนเจ็บปวดแบบนั้นอีกที่ของอวัยวะทั้งหมดของเธอล้มเหลว และแตกสลาย พอรักษาเสร็จก็ร่างกายก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมทุกครั้ง
เมื่อคิดแบบนั้น หลิงหลานก็รู้สึกกังวลและได้ถามกลับไป “แล้วตอนนี้ก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรหรอ?”
เสียงของเด็กฟังดูภูมิใจกับตัวของเขาและได้ตอบกลับไปว่า “แน่นอน 10000 ปีต่อมาความแข็งแรงทางจิตใจได้รับการพัฒนาและค้นพบได้สำเร็จแล้วตอนนี้ร่างกายของทารกแข็งแรงแม้อยู่ในครรภ์มารดาของพวกเขาและบางคนอาจจะสามารถทนต่อพลังงานจิตระดับชั้นที่ 3 หรือชั้น 4 ได้ตั้งแต่แรกเกิด ตราบเท่าที่คุณดูแลตัวเองเพียงเล็กน้อยเจ้าก็จะไม่ตาย”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นหลิงหลานก็รู้สึกโล่งอก เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ตามที่เธอต้องการ
แต่แล้วเสียงเด็กทีได้พูดต่อไปทำให้หัวใจของเธอกระโดดเข้าไปในลำคอคอของเธออีกครั้ง “ที่ได้บอกไปทั้งหมดนี้ ยังไงข้าก็ยังต้องช่วยควบคุมจิตที่แข็งแรงของเจ้า ไม่งั้นร่างกายของเจ้าในตอนนี้จะไม่สามารถรับมันไหว”
“แล้วมันจะมีอันตรายไหม” ที่อุปกรณ์นี้บอกเธอมามันฟังดูน่าเชื่อถือก็จริงแต่หลิงหลานก็ไม่สามารถหยุดความกังวลของเธอได้
“ข้ารับประกันได้แค่ 2 ปีเท่านั้น ถึงแม้ว่าร่างกายนี้จะสามารถทนต่อพลังของเจ้าได้แต่ถ้าหากเจ้าไม่ได้ฝึกอย่างหนักเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับเซลล์ของร่างกายของเจ้าภายในกรอบเวลานี้ ... เจ้าก็จะยังคงจบลงด้วยความตาย!” เสียงของเด็กที่ฟังดูมีความสุขเมื่อเห็นคนอื่นมีความทุกข์ ทำให้หลิงหลานรู้สึกถึงอันตรายและก็รู้สึกโกรธด้วย ในเมื่อสามารถที่จะข้ามเวลามาได้ ทำไมถึงไม่เลือกโลกที่ดีกว่านี้จะได้ตัดปัญหานี้ออกไป ?
แต่เสียงของเด็กฟังดูน้อยใจและตอบไปว่า “ไม่มีใครรู้ว่ารูหนอนจะนำไปสู่ที่ไหน เจ้าถือว่าโชคดีมากแล้ว เพราะถ้าเรามาถึงโลกที่แย่กว่าโลกเดิมของเจ้า เจ้าก็คงจะต้องพบจุดจบแบบเดิมแน่ๆ”
หลิงหลานรู้สึกละอายใจเล็กน้อยหลังจากที่ได้ฟังคู่หูของเธอพูด ที่เธอยังมีชีวิตอยู่ก็เพราะคู่หูคนนี้ด้วยซ้ำ เธอไม่รู้จะต้องตอบแทนบุญคุณนี้อย่างไร
เดี๋ยวก่อน…หลิงหลานคิดได้ว่าแม้ร่างกายของเธอจะอ่อนแอมากก่อนอายุ 3 ขวบและป่วยหนักเป็นประจำ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่เลวร้ายขนาดนั้น แต่ไม่รู้ว่าหลังจากอายุ 3 ขวบอาการก็หนักขึ้นเรื่อยๆหรือว่า..... หลิงหลานก็ถามด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง “เจ้ายังมีอะไรที่ไม่ได้บอกข้าอีกใช่มั้ย?”
และเสียงของเด็กนั้นก็รู้สึกว่าความลับที่เก็บไว้นั้นกำลังจะถูกเปิดเผยโดยโฮสของเขาและได้สารภาพไปอย่างไม่เต็มใจ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน... ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมาก็ได้เซ็นสัญญากันเจ้าไว้แล้วข้าเคยได้วัดระดับพลังจิตของเจ้า โลกที่เจ้าเคยอยู่พลังจิตของเจ้าสูงกว่าคนปกติในโลกนั้นอย่างมาก สูงถึงระดับ 2 บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่ข้าเซ็นสัญญากับเจ้าก็ได้.... แน่นอนว่าการตื่นของข้าทำให้พลังจิตของเจ้าเพิ่มขึ้น 1 ระดับ ส่วนพลังระดับ 3 นั้นร่างกายเก่าของเจ้ามันไม่สามารถรับมันได้”
สุดท้ายหลิงหลานก็รู้ถึงความจริงที่ทำให้เธอตายในโลกก่อนหน้านี้ เธอรู้สึกสับสนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเจอกับเจ้าได้ยังไง ข้าอยู่ได้แค่ระบบดาวแมนดอร่าเท่านั้น ส่วนดาวที่เจ้าเคยอยู่นั้นข้าไปได้ยังไงก็ยังไม่รู้เหมือนกัน” เสียงของเด็กที่ฟังดูโศกเศร้าและเหมือนจะร้องไห้
หลิงหลานเป็นคนที่ไม่สามารถทนเห็นใครร้องไห้ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนอื่นหรือตัวเองก็ตาม เพราะว่าอาการป่วยของเธอนั้น ทำให้พ่อแม่ของเธอเสียน้ำตาไปมากแม้ว่าพวกเขาพยายามที่จะหลบไม่ให้เธอเห็นแล้วก็ตาม แต่เธอก็สังเกตเห็น เธอก็ไม่สามารถปลอบพ่อแม่ของเธอได้ เธอจึงเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่เธอไม่สามารถทำอะไรได้เลย ดังนั้น เธอถึงไม่ชอบเห็นใครร้องไห้ กลายเป็นหนึ่งในหลักการชีวิตของหลิงหลานซึ่งเธอได้นำติดตัวไปในโลกนี้ด้วย
“เอาล่ะ..ไม่เป็นไรข้าจะไม่โทษเจ้า ทั้งหมดนี้ข้าจะพูดว่ามันคือโชคชะตาของข้าก็แล้วกัน”
หลิงหลานยอมแพ้และเลือกที่จะปล่อยลืมอดีตไป แม้ว่าอุปกรณ์เครื่องนี้ทำให้เธอเคยตายมาก่อน แต่ก็ช่วยชีวิตเธอเช่นเดียวกัน
อย่างน้อยชาติที่แล้วก็ยังมีน้องชายคอยอยู่ดูแลพ่อแม่ และก็ไม่มีเธออยู่เป็นภาระให้กับครอบครัวอีกต่อไป ครอบครัวของเธอคงจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
บางทีความเจ็บปวดของร่างกายในชาติที่แล้ว ทำให้จิตใจของหลิงหลานเข้มแข็งขึ้น และเธอก็ได้ทิ้งความสัมพันธ์ของชีวิตก่อนหน้านี้ของเธอไป พอคิดแบบนี้ก็ทำให้หลิงหลานรู้สึกสบายใจ
หลังจากที่เธอได้ปล่อยเรื่องทุกอย่างไป เธอก็นึกได้ว่าอุปกรณ์นี้ปลุกให้เธอตื่นขึ้นมาทำไม เธอคุยกับเครื่องนี้มาตั้งนานแต่ก็ไม่ถามว่าทำไมถึงปลุกเธอขึ้นมาไม่รู้ว่ามันต้องการอะไร?
ตอนนี้ความสงสัยและความกังวลของเธอได้รับการแก้ไข เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเครื่องนี้มันปลุกเธอขึ้นมาทำไม มันต้องการอะไร? คุยกันมาเกือบทั้งวันแต่เธอก็ไม่ได้ถามเลยว่าทำไมถึงปลุกเธอขึ้นมา
หลังจากนั้นหลิงหลานก็ถามกับไปว่า “สรุปแล้วทำไมถึงปลุกข้าขึ้นมา?”....
*********
ติดตามได้ที่ >>>> Facebook