ตอนที่แล้วเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 120 เรื่องง่ายๆ (อ่านฟรี)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเทพปีศาจหวนคืน บทที่ 122 พายุหิมะบนเส้นทางชีวิต (อ่านฟรี)

เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 121 วิญญาณสุราสี่ฤดู (อ่านฟรี)


เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 121 วิญญาณสุราสี่ฤดู 

แปลโดย iPAT 

"ตระกูลแสงจันทร์..." ซ่งหลี่ยืนอยู่บนภูเขาและมองไปยังหมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลที่อยู่ห่างออกไปด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน

สายลมในฤดูใบไม้ร่วงพัดผ่านอย่างแผ่วเบาขณะที่ภูเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง มีเพียงป่าไผ่เท่านั้นที่ยังเป็นสีเขียวและตั้งตระหง่านขึ้นสู่ท้องฟ้า

"เดิมทีตระกูลแสงจันทร์ก็เหมือนกับป่าไผ่ที่มีสีเขียวตลอดปีและเป็นผู้ครอบครองภูเขาชิงเหมา แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกทิ้งไว้ข้างหลัง" มุมปากของซ่งหลี่ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน

แต่เมื่อเขาคิดถึงตระกูลไป่ รอยยิ้มของเขากลับหุบลง อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว

การทะยานขึ้นของตระกูลไป่ทำลายสมดุลของภูเขาชิงเหมา ตระกูลแสงจันทร์อ่อนแอลง ความก้าวหน้าของตระกูลซ่งยังไม่ดีนัก สิ่งเหล่านี้ผลักดันให้สถานการณ์บนภูเขาชิงเหมาเข้าสู่กลียุค

ซ่งหลี่รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ยังไม่เกิดขึ้นเนื่องจากแรงกดดันจากฝูงหมาป่า ทั้งสามหมู่บ้านจำเป็นต้องร่วมมือกันต่อต้านภัยคุกคามจากภายนอกเพื่อรักษาความสงบสุขบนภูเขาชิงเหมา

"หลังจากปัญหาการรุกรานของฝูงหมาป่าผ่านไป โครงสร้างเดิมบนภูเขาชิงเหมาจะพังทลายลง ไป่หนิงปิงก้าวเข้าสู่ระดับสามโดยใช้เวลาเพียงสองสามปี ความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้เป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวนัก" เมื่อคิดถึงไป่หนิงปิง ซ่งหลี่รู้สึกราวกับถูกกดทับด้วยหินก้อนใหญ่

ซ่งหลี่เป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลซ่ง เขาเป็นบุคคลที่ไม่เคยพ่ายแพ้ในการต่อสู้ เขาครอบครองวิญญาณความแข็งแกร่งของหมีทำให้เขามีพละกำลังเทียบเท่ากับหมีหนึ่งตัว กล่าวได้ว่าเขาเป็นชายที่มีพละกำลังแข็งแกร่งที่สุดบนภูเขาชิงเหมา

อย่างไรก็ตามเขาเคยเห็นความสามารถของไป่หนิงปิงมาแล้ว นี่ทำให้เขาตระหนักถึงความน่ากลัวของคนผู้นี้เป็นอย่างดี

"ท่านหัวหน้า หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลยังอยู่อีกไกล เหตุใดพวกเราจึงหยุดอยู่ที่นี่?" จากด้านข้าง ซ่งหลินถามด้วยความสงสัย

ในกลุ่มห้าคน ซ่งหลินเป็นเด็กใหม่ของกลุ่มที่มีอายุเท่ากับฟางหยวน นอกจากนั้นเขายังเป็นอัจฉริยะประจำปีที่ผ่านมาของตระกูลซ่งอีกด้วย

รูปร่างของเขาไม่สูงนัก เขาโกนศีรษะทำให้มันส่องประกายภายใต้แสงแดด

เมื่อซ่งหลี่มองอัจฉริยะคนใหม่ของตระกูลผู้นี้ หัวใจของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย "เรามาที่นี่ด้วยภารกิจทางการทูต มันไม่ใช่ภารกิจสอดแนม พื้นที่บริเวณนี้อยู่ในอาณาเขตของตระกูลแสงจันทร์ พวกเราอาจถูกปฏิบัติเช่นผู้บุกรุกหากพวกเราเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต"

"โอ้ เป็นเช่นนี้" ซ่งหลินเข้าใจในที่สุด

"เรามีวัตถุประสงค์อยู่สองประการ หนึ่ง ส่งมอบจดหมายลับของท่านผู้นำให้กับผู้นำตระกูลแสงจันทร์ สอง ตรวจสอบเกี่ยวกับคางคกกลืนกินแม่น้ำ ที่นี่ไม่ใช่หมู่บ้านของเรา เจ้าต้องควบคุมอารมณ์ให้ดี ขณะเดียวกันเราก็ไม่สามารถลดศักดิ์ศรีของหมู่บ้านตระกูลซ่ง เข้าใจหรือไม่?" ซ่งหลี่กล่าว

สมาชิกทั้งหมดในกลุ่มพยักหน้าอย่างเงียบๆ

"ท่านหัวหน้า บางคนอยู่ที่นี่" ผู้ใช้วิญญาณสายตรวจสอบในกลุ่มแจ้งเตือน

"พวกเราเปิดเผยตัวตนมานานแล้ว ไม่แปลกที่พวกเขาจะมาที่นี่ แต่มันเป็นผู้ใด? ฮืม ซื่อซาน" ดวงตาของซ่งหลี่ส่องประกายเมื่อพบกลุ่มของซื่อซาน

"โอ้ คนผู้นี้มีร่างกายใหญ่โตนัก เขาคือซื่อซานงั้นหรือ? เขากระทั่งสูงกว่าท่านหัวหน้า ดูมัดกล้ามของเขา ท่านหัวหน้า เขาคือคนที่เกิดมาพร้อมกับความแข็งแกร่งและเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดบนภูเขาชิงเหมาถูกต้องหรือไม่?" ซ่งหลินมองไปยังซื่อซาน

"ฮืม มันเป็นเขา" ซ่งหลี่มองซื่อซานด้วยความเป็นอริ

"ซ่งหลี่!"

"ซื่อซาน!"

ทั้งสองกลุ่มยืนประจันหน้ากันในระยะทางห้าสิบก้าว เมื่อพวกเขาเผชิญหน้า ดวงตาของทั้งสองฝ่ายราวกับมีประกายไฟพุ่งออกมาปะทะกันอย่างดุเดือด

"ดูเหมือนเจ้าจะมาเป็นทูตของตระกูลซ่งในครั้งนี้" ซื่อซานกล่าวเสียงเย็น เขาเคยต่อสู้กับซ่งหลี่มาหลายครั้งและรู้จักกันเป็นอย่างดี

"ถูกต้อง แล้วทูตจากตระกูลไป่มาถึงหรือยัง?" ซ่งหลี่ถาม

"ไม่จำเป็นต้องพูดมาก ตามข้ามา" ซื่อซานตัดบทและนำทางคนตระกูลซ่งเข้าไปในหมู่บ้าน

…..

ในเวลาเดียวกันที่รอยแยกของภูเขา ห้องลับที่สอง สุราสี่ไหวางอยู่ด้านหน้าฟางหยวน

มันคือสุราสี่รสชาติ สุรารสหวานจากพิษผึ้งสีทอง สุรารสเผ็ดจากสุราขาว สุรารสเปรี้ยวจากน้ำผลไม้หมัก และสุรารสขมจากหอยขม

ฟางหยวนนั่งไขว้ขาอยู่บนพื้นและปล่อยวิญญาณสุราทั้งสองดวงออกมาบินเล่นอยู่ด้านนอก

การหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดูต่างจากการหลอมรวมวิญญาณชนิดอื่นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามด้วยคำสั่งของฟางหยวน วิญญาณสุราทั้งสองบินเข้าไปในไหสุราผลไม้หมัก

พวกมันเริ่มหลอมรวมกันอยู่ในไหสุราผลไม้หมักและส่องแสงสีขาวออกมา หลังจากนั้นฟางหยวนก็โยนหินวิญญาณเข้าไปหนึ่งก้อน...สิบก้อน...ห้าสิบก้อน กระทั่งถึงหนึ่งร้อยก้อน สุดท้ายดวงแสงจึงหดเล็กลงและลอยออกมาจากไห

ถัดมามันบินเข้าไปในไหใบที่สอง สุรารสหวานจากพิษผึ้งสีทอง เมื่อดวงแสงพุ่งลงไปในไหสุรา มันขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง

ฟางหยวนเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาจากหน้าผาก เขาต้องเพ่งจิตเป็นสองทางเพื่อควบคุมวิญญาณสุราทั้งสองตลอดเวลา นี่ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก

เขายังส่งหินวิญญาณเข้าไปในไหใบที่สองอย่างต่อเนื่อง

หินวิญญาณแต่ละก้อนทำให้ดวงแสงหดเล็กลงจนถึงขีดจำกัด ฟางหยวนทำซ้ำขั้นตอนเดียวกันนี้กับสุราหอยขมและสุราขาวตามลำดับ

เมื่อสุราทั้งสี่ชนิดถูกใช้งานจนหมด ดวงแสงสีขาวระเบิดแสงสว่างออกมาก่อนจะเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว

"สำเร็จ!" ฟางหยวนรู้ว่าเขาประสบความสำเร็จโดยไม่จำเป็นต้องมองเข้าไปในไหสุรา

เพียงหนึ่งความคิด วิญญาณดวงใหม่ลอยขึ้นมาจากไห

มันคือวิญญาณสุราสี่ฤดู!

เปรียบเทียบกับวิญญาณสุรา มันดูไม่แตกต่างแต่มันเป็นหนอนสุราที่มีร่างกายใหญ่โตกว่าเล็กน้อย นอกจากนั้นมันยังเรืองแสงสี่สี สีแดงมาจากรสเผ็ด สีฟ้ามาจากรสขม สีเขียวมาจากรสเปรี้ยว และสีเหลืองมาจากรสหวาน

"เห้อ..." ฟางหยวนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคของเขาค่อนข้างดีที่มันประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก

หากมันล้มเหลว วิญญาณสุราอาจได้รับบาดเจ็บร้ายแรง บางทีพวกมันอาจถึงแก่ความตาย หรือเป็นไปได้ว่าสุรารสขมอาจหมดไป หากเป็นเช่นนั้นมันจะกลายเป็นเรื่องยากในการรวบรวมอีกครั้ง

โชคดีที่สถานการณ์เหล่านั้นไม่เกิดขึ้น

ผู้ใช้วิญญาณต้องเลี้ยงดู ใช้ และหลอมรวมวิญญาณ ไม่มีขั้นตอนใดเป็นเรื่องง่าย ในแง่ของการหลอมรวม ผู้ใช้วิญญาณจะต้องหาวิธีการและรวบรวมวัตถุดิบ

มีวิธีการหลอมรวมมากมายให้พวกเขาเลือก แต่การรวบรวมวัตถุดิบอาจต้องใช้เวลานับสิบปี แม้พวกเขาจะรวบรวมวัตถุดิบได้ครบถ้วน การหลอมรวมยังสามารถล้มเหลวและทำให้ความพยายามหลายปีก่อนหน้ากลายเป็นสูญเปล่า

"เส้นทางการบ่มเพาะของผู้ใช้วิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย..." ฟางหยวนถอนหายใจ

การหลอมรวมวิญญาณระดับต่ำถือว่าไม่ยาก แต่การหลอมรวมวิญญาณระดับสี่หรือห้า โอกาสประสบความสำเร็จมีไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วน

สำหรับวิญญาณระดับหก มันมีโอกาสเพียงหนึ่งในร้อย ความล้มเหลวในการหลอมรวมวิญญาณระดับสูงหมายถึงการสูญเสียทรัพยากรที่ล้ำค่า

อย่างไรก็ตามหากการหลอมรวมประสบความสำเร็จ ผลประโยชน์ที่ได้รับจะสูงกว่ามาก

วิญญาณสุราสี่ฤดูเป็นวิญญาณระดับสองที่สามารถยกระดับการบ่มเพาะในขอบเขตเล็กๆ นั่นหมายความว่าความเร็วในการบ่มเพาะของฟางหยวนจะเพิ่มสูงขึ้น

แต่มีข้อดีก็มีข้อเสีย

การใช้วิญญาณสุราสี่ฤดูอาจทำให้ความเร็วในการบ่มเพาะเพิ่มสูงขึ้นแต่ฟางหยวนก็ต้องใช้หินวิญญาณเพิ่มขึ้นเช่นกัน รายได้จากการขายใบไม้แห่งชีวิตยังไม่เพียงพอเป็นค่าใช้จ่ายในการบ่มเพาะของเขา

"ถัดไปข้าต้องหลอมรวมวิญญาณศิลาแห่งความลับเป็นวิญญาณเกล็ดลี้ลับ ข้ายังต้องใช้หินวิญญาณอีกมาก"

ไม่ว่าการหลอมรวมวิญญาณจะสำเร็จหรือล้มเหลว มันต่างต้องใช้หินวิญญาณ ฟางหยวนใช้หินวิญญาณกว่าสี่ร้อยก้อนกับการหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดู

ตระกูลมอบหินวิญญาณจำนวนห้าร้อยก้อนให้เขาเป็นรางวัลสำหรับการขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำ ห้าร้อนก้อนเพียงพอให้ผู้ใช้วิญญาณคนอื่นๆใช้งานเป็นระยะเวลานาน แต่สำหรับฟางหยวน มันแทบไม่สามารถตอบสนองความต้องการของเขา

ความโชคดีอีกประการหนึ่งก็คือหลังจากขายทรัพย์สินและซื้อวิญญาณรากพฤกษาทองแดง เขายังมีหินวิญญาณเหลืออยู่และไม่จำเป็นต้องกังวลในระยะเวลาสั้นๆ

แต่การหลอมรวมวิญญาณเกล็ดลี้ลับเป็นสิ่งจำเป็น

ฟางหยวนได้รับวิญญาณศิลาแห่งความลับมาจากการสังหารราชาวานรหินตาหยก แต่มันแทบไม่สามารถใช้งานได้จริง

มันสามารถปิดซ่อนร่างกายจากสายตาของผู้คนแต่มันไม่สามารถปกปิดเสื้อผ้าและรองเท้า

ราชาวานรไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะมันเป็นสัตว์ที่ไม่จำเป็นต้องใส่เสื้อผ้า

แต่ฟางหยวนต้องพบกับสถานการณ์ที่น่าอึดอัดใจ หากเขาต้องการใช้วิญญาณศิลาแห่งความลับ เพราะมันหมายความว่าเขาต้องเปลือยกาย มิฉะนั้นคนอื่นๆจะมองเห็นชุดที่เดินได้

วิญญาณศิลาแห่งความลับเป็นวิญญาณระดับหนึ่ง เมื่อมันกลายเป็นวิญญาณเกล็ดลี้ลับระดับสอง ข้อบกพร่องนี้จะถูกแก้ไข

หากราชาวานรครอบครองวิญญาณเกล็ดลี้ลับ แม้ชุดคลุมของฟางหยวนจะปิดใบหน้าของมัน เขาก็จะมองไม่เห็น

สำหรับวัตถุดิบในการหลอมรวมวิญญาณเกล็ดลี้ลับ มันค่อนข้างธรรมดา ด้วยความช่วยเหลือจากเจียงหยา ฟางหยวนสามารถรวบรวมมันมาได้อย่างง่ายดาย

‘หากข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณเกล็ดลี้ลับ ข้าจะสามารถเข้าไปในถ้ำลับได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากนั้นในช่วงเวลาที่ฝูงหมาป่าบุกโจมตี ข้าสามารถโจมตีและล่าถอยได้ด้วยวิธีนี้’ ฟางหยวนคิด

โดยไม่รีรอเขาเก็บวิญญาณสุราสี่ฤดูเข้าไปในทะเลวิญญาณและเดินทางกลับหมู่บ้าน

เขาได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากขับไล่คางคกกลืนกินแม่น้ำ แต่มันก็ทำให้เขาเคลื่อนไหวลำบาก ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าอยู่ในถ้ำลับเป็นเวลานานเพราะผู้คนอาจสงสัย

ที่ประตูหมู่บ้าน

กลุ่มของซ่งหลี่ยืนอยู่ด้วยความภาคภูมิใจขณะที่ใบหน้าของซื่อซานและพรรคพวกค่อนข้างมืดครึ้ม

ซ่งหลี่ไม่สูงกว่าซื่อซานแต่สายตาของเขาดูเหมือนกับมองข้ามทุกสิ่ง "ซื่อซาน เจ้ามีร่างกายที่พิเศษ แต่ข้ามีวิญญาณความแข็งแกร่งของหมี มันพิสูจน์แล้วว่าเจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า"

"ฮืม ต้องการตำแหน่งบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดบนภูเขาชิงเหมางั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!" ซ่งหลี่หัวเราะเสียงดัง

ใบหน้าของซื่อซานกลายเป็นยิ่งมืดครึ้ม ฝ่ายตรงข้ามตั้งใจท้าทายเขา ชัดเจนว่ามันเต็มไปเจตนาทางการเมือง มันไม่ได้เป็นเพียงเรื่องส่วนตัว หากซื่อซานแพ้ ชื่อเสียงของตระกูลแสงจันทร์จะเสื่อมเสียเช่นกัน

"อย่าพึ่งภูมิใจเร็วเกินไป ข้าไม่ใช่บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูล เจ้าสามารถกล่าวบางคำหลังจากเอาชนะฟางหยวน" ซื่อซานไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเอ่ยอ้างชื่อของฟางหยวน

"ฟางหยวน? ข้าได้ยินว่าอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลแสงจันทร์ชื่อว่าฟางเจิ้ง แต่ฟางหยวน เขาคือผู้ใด?" ซ่งหลี่ถามด้วยความสงสัย

ซื่อซานหัวเราะ "ฟางหยวนคือพี่ชายของฟางเจิ้ง เขามีพรสวรรค์ด้านพละกำลังและยังได้รับพลังความแข็งแกร่งจากวิญญาณ ก่อนหน้านี้เขาสามารถผลักวิญญาณคางคกกลืนกินแม่น้ำระดับห้าไปไกลหลายร้อยเมตร หากเจ้าไม่เชื่อ เข้าสามารถสอบถามผู้ใดก็ได้ในหมู่บ้านแห่งนี้"

การแสดงออกของซ่งหลี่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเรื่องนี้

คางคกกลืนกินแม่น้ำ!

ฟางหยวน!

ชื่อนี้ถูกจารึกไว้ในใจของเขาทันที