ตอนที่ 73 จุดเริ่มต้นของสงคราม
“นี่คิดอะไรอยู่ตั้งนานรีบไปกันได้แล้ว มัวแต่ช้าอยู่แบบนี้มันจะสายเอา”
เสียงที่น่ารำคาญนี่ทำให้ผมต้องกลับมายังความเป็นจริง
“ทำไมแกต้องมาขัดฉันด้วยเนี่ยฉันกำลังมีความสุขอยู่เลยนะ” คนอย่างผมไม่มีทางจะทำตามที่มันพูดไปเสียหมดทุกอย่างหรอกนะ เรากลับมาคิดกันต่ออีกทีจากข้างต้นที่ผมเล่ามาทั้งหมด สงครามมันก็ได้เกิดขึ้นระหว่างมนุษย์กับปีศาจเพราะว่าพวกเราทนที่จะเห็นปีศาจตายไปเรื่อยๆ และแล้วไม่รู้อะไรดลบันดาลความซวยมาให้พวกเราอีกที พ่อของเมสซีเรียแล้วก็เมสเซอร์รี่เข้าไปคุยกับพ่อของนายท่าน ก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายกลายเป็นว่าต้องทำการหมั้นเพื่อยุติสงครามระหว่างนรกกับสวรรค์ ในช่วงแรกนายท่านก็ยังคงเป็นเด็กหนุ่มที่เริ่มเติบโตเขายังไม่รู้ถึงความรักหรืออะไรก็ตามแต่ จนได้พบรักครั้งแรกกับเมสเซอร์รี่แล้วได้ตกหลุมรักกัน เวลาผ่านไปนานมากนานจนคิดว่าทั้งสองคนจะแต่งงานกันได้เลยด้วยซ้ำ มันกับมีบางอย่างที่ทำให้พวกเขาทั้งคู่ต้องแตกแยกออกจากกัน จนกระทั่งพวกเราโตขึ้นมาอยู่มาวันหนึ่งมนุษย์พวกนั้นก็ได้เข้ามาบุกที่เมืองของพวกเรา (ในตอนนั้นยังไม่ทำประตูมิติพวกนั้นจึงเข้ามาได้ง่าย) บุกเข้ามาทำลายทุกอย่างทิ้งไม่เหลือซาก พวกมันเข้ามาที่บ้านของผมพยายามจะฆ่าผมแต่แม่กับพ่อของผมปกป้องผมเอาไว้ เอาผมไปซ่อนไม่ให้คนพวกนั้นเห็นแต่มันก็ไม่มีประโยชน์ พวกมันฆ่าพ่อกับแม่ของผมไปแล้วก็หาผมเจอ มันกำลังจะฆ่าผมแต่ณเวลานั้นก็มีชายคนหนึ่งได้เดินเข้ามาพร้อมกับทหารของเขา นั่นก็คือนายท่านๆเดินเข้ามาก่อนจะมองมาที่ผมแล้วมองไปที่มนุษย์พวกนั้น
“อย่างนี้มันทำกันเกินไปแล้วนะครับ บุกมาถึงที่นี่แถมมาฆ่าคนของพวกเราอีก ผมคงปล่อยพวกคุณไปไม่ได้แล้วนะครับ ให้เลือกระหว่างตายกับไปเป็นทาสของพวกเรา พวกคุณจะเลือกอะไรอย่างนั้นหรอครับ ??”
น้ำเสียงที่ดูอ่อนนุ่มเป็นคำถามที่ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความน่ากลัว
“แกพูดบ้าอะไรของแกไอ้ปีศาจ มากันแค่สามตัวคิดว่าจะสู้พวกเราที่มากันเยอะขนาดนี้ได้หรอ พวกเราไม่ต้องไปสนใจคำพูดของมันจัดการมันซะ!!”
พวกมนุษย์นั่นไม่สนใจคำพูดของนายท่านแม้แต่น้อย ก่อนพวกเขาจะวิ่งเข้าไปหากะที่จะทำร้ายนายท่าน แต่แล้วทหารปีศาจที่ตอนแรกมันนิ่งๆอยู่ก็หยิบหอกขึ้นมาแล้วก็พุ่งแทงไปที่มนุษย์พวกนั้น แทงคนเดียวก็น่ากลัวอยู่แล้วแต่ที่สำคัญหอกที่ยาวนั่นได้แทงทะลุไปหาอีกคน อีกคน . . แล้วก็อีกคน เลือดสีแดงที่พุ่งกระจายเต็มห้องนี้เหมือนเป็นสีทาบ้านยังไงอย่างงั้นเลย
“ว๊ายย ไม่นะแกมันปีศาจชั่วร้าย” เสียงของมนุษย์ผู้หญิงได้ดังขึ้นมาเสียงกรีดร้องที่กลัวจนขี้หดตดหายนั่นมันคืออะไรกัน มันไม่เหมือนกับตอนแรกที่พวกเขาเข้ามาฆ่าพ่อกับแม่ของผมเลย สีหน้าที่เยาะเย้ยตอนนั้นมันหายไปไหนหมดแล้ว มันกลับกลายเป็นสีหน้าของความกลัวแทน
“อะไรของคุณผมบอกคุณแล้วว่าให้เลือกระหว่างตายกับเป็นทาสคุณจะเลือกอะไร แต่คุณไม่ตอบแล้วคุณคิดจะทำร้ายผมก่อนเองนะ มันคือการป้องกันตัวต่างหากเล่า หึ หึ”
คำพูดที่แทงใจดำของเขาทำให้ผู้หญิงคนนั้นเงียบลง แต่ดูเหมือนเธอจะไม่ลดระความพยายามของเธอ เธอจะโยนความผิดไปให้นายท่านแต่อย่างเดียวเลย
“แกมันปีศาจแกคิดจะฆ่าฉันก็ปีศาจอยู่แล้ว แกฆ่าฉันแกก็คือปีศาจชั่วร้ายดีๆนี่เอง”
อย่างที่เขากล่าวมาตรงไหนที่ว่านายท่านของผมชั่วร้าย นายท่านของผมไม่เคยที่จะทำร้ายใครก่อนเลย เหตุมันก็เกิดมาจากพวกมนุษย์ที่กลัวพวกเราไม่ใช่หรือไง
“หุบปากได้แล้วนะครับจะพูดอะไรมามันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ จะว่าผมฆ่าคุณผมเป็นปีศาจ ใช่ผมเป็นปีศาจริงนะคุณก็เห็นๆอยู่ แต่ที่แน่ๆคุณน่ะเป็นคนอยู่หรือเปล่าฆ่าพวกเขาไม่ใยดี แถมเย็นชาสุดๆขนาดนั้นมันเกิดกว่าคำว่าปีศาจอีกนะครับคุณผู้หญิง ฮ่า ฮ่า ผมชอบคุณนะผมคิดว่าเอาคุณไปเป็นของเล่นของสัตว์เลี้ยงผมก็น่าจะดีเหมือนกัน งั้นทหารจับมันไปที่คอกสัตว์ใหญ่ซะนะ ของเล่นเก่าของสัตว์เลี้ยงฉันมันเน่าหมดแล้ว”
เมื่อจบประโยคของนายท่าน ทหารก็เดินไปอุ้มผู้หญิงคนนั้นขึ้นไปแล้วก็เดินจากไป ใบหน้าที่เห็นหน้าของเธอเป็นครั้งสุดท้ายก็คือใบหน้าที่มืดมนตร์และสิ้นหวัง คงคิดว่าตัวเองคงไม่รอดแล้ว ประตูได้ปิดลงนายท่านยืนอยู่ตรงหน้าของผม ผมอึ้งแล้วมองไปที่ศพพ่อกับแม่ของตัวเอง น้ำตาผมไหลออกมาโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวผม
“ร้องออกมาเถอะอย่าเก็บมันไว้เลย ฉันรู้ว่ามันยากมากที่จะรับรู้เรื่องพวกนี้ ฉันขอโทษนายก็แล้วกันที่ฉันมาช่วยนายไม่ทันมาคาโอ ร้องไห้ออกมาซะร้องออกมาให้หมด”
“ฮือออออออออออ” ผมร้องออกมาแล้วก็ร้องออกมา ร้องออกมาจนคิดว่าน้ำในตัวของผมคงจะหมดแน่ๆ ใช้เวลาหลายชั่วโมงเหมือนกันกว่าจะทำใจได้ ผมยกศพพ่อกับแม่ของผมไปฝังที่สุสานศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะยืนมองไปที่หลุมศพของท่านทั้งสอง
“นายมาเป็นลูกน้องของฉันไหม ฉันจะฝึกนายให้ต่อสู้กับเจ้าพวกนั้นเอง”
เสียงที่ดังขึ้นมาจากข้างหลังของผมทำให้ผมต้องหันไปดู ผมพบว่านายท่านกำลังยื่นข้อเสนอที่แสนจะเรอค่าให้กับผม
“ได้ฉันขอเป็นลูกน้องของนายอย่างเต็มใจครับนายท่าน!” จากนั้นผมก็เป็นลูกน้องของเขาตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา