ตอนที่ 69 มังกรยักษ์
//ฟึบ ฟึบ ฟึบ// มันเริ่มบินออกไปจากแถวๆบริเวณที่พวกเราอยู่ พวกเราถอนหายใจก่อนจะพากันนั่งลง
“นี่เล่ามาให้ฉันฟังให้หมดเลยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วมาที่นี่ได้ยังไง”
ฉันใช้มือของฉันด้านขวายื่นไปที่หูของเขาแล้วดึงหูของเลย์ด้วยความแรงเต็มสปีด
“โอ๊ยๆๆๆ ขอโทษครับๆปล่อยผมเถอะครับ” ฉันปล่อยมือออกจากหูของเลย์ก่อนจะมองไปที่คนอื่นๆ ซึ่งคนอื่นๆดูเหมือนจะไม่เข้ามาช่วยเลย์เลยแม้แต่น้อย ขนาดมัลเลย์ยังไม่กล้าเข้ามาหาฉันเลย
“บอกมาให้หมดว่าเรื่องมันเกิดยังไงแล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ห้ะ ?”
จากนั้นพวกเราก็นั่งลงเป็นกลุ่มๆกัน เลย์ทำหน้าหง๋อยๆพอเห็นว่าฉันโกรธก็มันน่าโมโหจริงๆที่เขาชอบเอาอันตรายมาใส่ตัวเองและคนอื่นๆ
“ตอนแรกพวกเราก็จะมาตามหาเธอนี่แหละ แต่พอลงมาจากน้ำตกแล้วมัลเลย์ก็พาพวกเรามาตามหาเธอเรื่อยๆ แต่บังเอิญว่าในระหว่างทาที่เรามากันอยู่ฟ้าก็เริ่มมืดขึ้นแล้วก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังฟึบฟึบก็ไม่รู้ พอพวกเราหันไปพวกเราก็เจอกับเจ้ามังกรตัวนั้นแหละ ตอนแรกเราก็คิดว่าพวกเราจะสู้กับมังกรตัวนั้นได้ จะได้เอามาทำเป็นอาหารให้กับเธอด้วย แต่พอเอาเข้าจริงๆมันกับสู้ไม่ได้เลย แถมพลังของมันยังเยอะกว่าพวกเราด้วย พวกเราก็เลยใช้วิธีวิ่งกันแทนจนมาเจอกับเธอเนี่ย แล้วจากนั้นเธอก็วิ่งก่อนพวกเราไปจนถึงถ้ำนี้ ขอพูดตรงๆเลยนะที่นี่มันอันตรายมากเลยเพราะสัตว์พวกนี้มันไม่เหมือนกับที่อยู่ในมิติของเราเลยแม้แต่น้อย มันเริ่มมีกลิ่นแล้วนะที่นี่เข้ามาต้องระมัดระวังตัวเองหน่อยแล้วล่ะ”
ฉันนั่งคิดอยู่สักพักหนึ่งถ้าเกิดมันอันตรายจนพวกเราไม่สามารถที่จะสู้ได้จริงๆ พวกเราควรจะทำยังไงต่อดีนับจากตอนนี้ไป
“ยังไงก็เถอะเราควรต้องพักที่นี่กันก่อนถ้าออกไปก็เกรงว่าเจ้ามังกรยักษ์นั่นยังอยู่”
ฉันพูดขึ้นก่อนจะแง้มมองออกไปข้างนอกดูถึงแม้ฉันจะไม่เห็นมันก็ตาม แต่ฉันเชื่อว่ามันยังอยู่ไม่ไกลจากแถวนี้แน่ๆ
“ผมว่าที่นี่มันเริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆหรือเปล่าครับ ผมสัมผัสได้เพราะพลังของผมมันเป็นไฟ รู้สึกมันจะหนาวขึ้นเรื่อยๆแล้วก็เรื่อยๆมันเริ่มจะไม่ดีแล้วล่ะครับ”
ความหนาวที่เริ่มขึ้นอย่างนั้นหรอ . . .
“พวกเราอยู่ที่นี่ได้ไม่นานมากนะ ฉันว่าถ้าเกิดมันมืดแล้วก็ความหนาวอาจจะเริ่มหนาวขึ้นแล้วก่อตัวเป็นน้ำแข็งเลยก็ได้ เราพักได้แต่พักได้ไม่นานเราก็ต้องออกไป”
อย่างที่เลย์ว่าเราพักอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน ถ้าพักนานแล้วก็มันอาจจะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าน้ำแข็งเกาะ เหมือนทะเลทรายที่เวลาเช้ามันร้อนมากเวลามืดมันหนาวมาก
“แต่ถ้าเราออกไปแล้วก็เราอาจจะต้องเจอมังกรตัวนั้นอีกก็ได้นะ”
ดาโล่พูดขึ้นมันก็ถูกของดาโล่อีกถ้าเราออกไปเราก็อาจจะไม่ตายเพราะความหนาว แต่อาจจะตายเพราะว่าเจ้ามังกรที่ยังวนเวียนอยู่แถวนี้
“ฉันว่าพวกเรามีโอกาสที่จะรอดจากเจ้ามังกรตัวนั้นอยู่นะ ด้วยความที่แถวนี้เป็นภูเขาเราน่าจะหลบซ่อนจากซอกหลืบของภูเขาได้ก็ได้ ฉันว่ามันเสี่ยงได้มากกว่าจะอยู่ที่นี่จนให้มันมืดเสียก่อนนะ”
ถ้าเรามองออกไปจากข้างนอกทางที่เรามาจะเป็นภูเขาที่ปิดกั้น แถมยังมีซอกหลืบมากมายให้เราได้หลบซ่อนมันอีก
“ถึงแม้เราจะซ่อนจากมันได้แล้วเราจะไปที่ไหนต่อล่ะครับ ผมไม่รู้ว่าหนทางเราจะเป็นเช่นไร แล้วควรไปยังไงช่วยบอกผมทีได้ไหม”
“. . .”
ทุกคนต่างเงียบไปสักพักก่อนที่ฉันจะคิดอย่างหนึ่งได้
“งั้นเราควรเสี่ยงในเรื่องของมังกรดีไหม ?? คือว่าที่ฉันจะพูดมันก็คือเราควรจะตามมันไปดีไหมเผื่อมันจะพาไปเจอกับอะไรบางอย่างที่ทำให้เราออกไปจากที่นี่ได้ หรือว่าหาเมสซีเรียเจออะไรแบบนั้นน่ะ”
ทุกคนทำตาโตใส่ฉันก่อนที่มาคาโอจะเดินมาจับมือทั้งสองข้างของฉันพร้อมกับทำน้ำตาซึมๆใส่
“นี่มันนางฟ้าชัดๆหาทางออกให้พวกเราอีกแล้วสินะครับ ผมรู้สึกซาบซึ้งใจเสียจริงๆเลย”
ฉันยิ้มให้กับมาคาโอก่อนที่เลย์จะดึงมือของมาคาโอออก
“นี่แอบแต๊ะอั๋งเมียของฉันหรือเปล่ามาคาโอ ระวังฉันจะลงโทษแกนะ”
ฉันหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่เขาจะเดินมากอดฉันแล้วก็จูบที่หน้าผากของฉันเบาๆ
“เธอเก่งมากเลยนะที่เธอไม่เป็นอะไรฉันไม่อยากให้เธอเป็นอะไรเข้าใจไหม”
เขายิ้มให้ฉันก่อนจะลูบหัวของฉันเบาๆ แล้วพวกเราทั้งหมดก็พากันนั่งพักมาคาโอก็จุดไฟด้วยใช้พลังของเขา ส่วนมาคาโอก็ไปหลังถ้ำไปหาอาหารมาจนได้ตัวอะไรประหลาดๆมากินก็ไม่รู้
“ฉันขอถามหน่อยได้ไหมไอ้สัตว์ที่เธอตกจากน้ำตกไปพร้อมกันมันเป็นตัวอะไร”
อยู่ๆเลย์ก็ถามฉันขึ้นมาเฉยๆในระหว่างที่เรากำลังกินอาหารที่ดาโล่หามาให้
“อ๋อฉันตั้งชื่อให้มันว่าอีฟน่ะมันช่วยชีวิตฉันเอาไว้เลยนะ ไม่อย่างนั้นฉันอาจจะตายก็ได้”
เขาพยักหน้าให้กับฉันก่อนที่จะนอนลงไปเพื่อพักเอาแรง ส่วนฉันก็ทานให้อิ่มแล้วพักเอาแรงเหมือนกัน