ตอนที่ 12 : หาเงินเข้ากระเป๋า
ในวันที่ 13 กันยายน อากาศแจ่มใสและไม่มีเมฆ
ตอนเช้าเวลาเก้าโมง ชิเล่ยลุกขึ้นออกจากเตียง มองดูเงินในกระเป๋าตังของเขาและเห็นว่าเหลือเงินเพียง 100 เหรียญเท่านั้น ชิเล่ยตัดสินใจทำงานเพื่อหาเงิน
แม้ว่าทักษะการแฮ็คของชิเล่ยจะอยู่ในระดับสูงสุดของโลกแล้ว แต่เขาก็จะไม่ได้ใช้ทักษะพิเศษที่เหมือนของพระเจ้าเพื่อหารายได้
อย่างน้อยที่สุดเขาจะไม่ใช้มันเพื่อหารายได้สักเล็กน้อย!
ประการแรก ไม่ใช่ว่าเขาไม่สามารถใช้ทักษะนี้ในการหาเงินได้ อันที่จริงเขาสามารถหาเงินได้อย่างรวดเร็วด้วยวิธีนี้ได้
แต่ไม่มีฮาร์ดแวร์ที่ดีในการซัพพอร์ต ไม่ว่าความชำนาญในการแฮ็กเกอร์จะอยู่ระดับไหน เขาก็จะถูกตรวจเจอได้ง่ายและมีความเสี่ยง
การใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเพื่อโจมตีซุปเปอร์คอมพิวเตอร์มีอยู่ในจินตนาการเท่านั้น!
แม้ว่าจะควบคุมซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ไว้ได้โดยบังเอิญ แต่การที่พยายามเจาะระบบรักษาความปลอดภัยด้วยการใช้ความสามารถของคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลมันเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระเท่านั้น!
นี่คือถ้าคุณไม่สามารถหาช่องโหว่สำคัญในระบบของมันได้!
ดังนั้น ถ้าไม่มีฮาร์ดแวร์ที่ดีซัพพอร์ต ชิเล่ยจึงไม่ต้องการที่จะดำเนินการโจมตีของเขาบนอินเทอร์เน็ต
มากที่สุดเขาสามารถเล่นเทคนิคบางอย่างสักเล็กน้อยกับพวกมันได้!
การเข้าถึงคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลและเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทขนาดเล็ก ซึ่งยังคงเป็นความสามารถของเขาอยู่
สำหรับการที่จะโจมตีหน่วยงานรัฐบาล หน่วยสืบราชการลับ บริษัทไฮเทคและเซิร์ฟเวอร์มหาวิทยาลัยชั้นนำ เขาจะต้องลืมความปรารถนาพวกนี้ไปก่อน
หลังจากทำความสะอาดตัวเอง ชิเล่ยนำไดรฟ์ USB และนั่งรถบัสมุ่งหน้าไปที่เขตชิเก๋า
เขตชิเก๋าตั้งอยู่ภายในเมืองชวนกิ่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมคอมพิวเตอร์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง
หนึ่งในคอมพิวเตอร์เซนเตอร์สามแห่งที่ใหญ่ที่สุดของเมืองชวนกิ่ง ตั้งอยู่ที่เขตชิเก๋า
เหตุผลที่ทำไมชิเล่ยที่มาชมคอมพิวเตอร์เซนเตอร์ในเขตชิเก๋า เขาต้องการทดสอบโชคของเขาว่าจะมีงานพาร์ทไทม์ช่างเทคนิคสำหรับเขาหรือไม่
เกี่ยวกับเทคโนโลยี ชิเล่ยมีความชำนาญในการเจาะทำลายเครือข่ายไร้สาย รวมทั้งทักษะด้านกราฟิกและยังมีการกู้ข้อมูลได้ด้วย ชิเล่ยค่อนข้างคุ้นเคยกับมันมาก
คราวนี้ ชิเล่ยพร้อมที่จะหางานที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เขาถนัด
ตลาดคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตชิเก๋า ชื่อว่าเบนาวพาณิชย์
ชิเล่ยยืนอยู่นอกตึกเบนาวพาณิชย์ เริ่มมองหาใบประกาศการรับสมัครงานที่ติดไว้บนบอร์ด มันแย่มาก ไม่มีงานไหนเลยที่ทำให้เขาพอใจ
เข้าไปในตึกเบนาวพาณิชย์ ชิเล่ยตรงขึ้นไปที่ชั้น 3
ชั้น 3 เป็นพื้นที่สำหรับซ่อมคอมพิวเตอร์
ส่วนชั้นแรกและชั้นสองมีที่ตั้งร้านอิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิด
จากชั้น 4 ขึ้นไป เต็มไปด้วยบริษัทหลายบริษัท ที่เชี่ยวชาญในสาขาที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น การออกแบบโฆษณาอนิเมชั่น ดาต้าซัพพอร์ต สถาปัตยกรรมเซิร์ฟเวอร์ของบริษัทและอื่น ๆ
เมื่อเทียบกับลูกค้าที่มาสองชั้นแรก มีคนจำนวนมากที่อยู่ในชั้นสาม
หลายคนที่กำลังกอดเคสพีซีของตนเองเดินอย่างรีบร้อนและกำลังมองหาร้านที่พวกเขาคุ้นเคยเพื่อเอาไปซ่อม
เดินตระเวนดูรอบๆอย่างอิสระ ชิเล่ยไม่เจออะไรเลย ตัวเขาเองก็ไม่ได้คาดหวังไว้สูงว่าจะสามารถหางานได้ง่าย
ในปี 2006 ความนิยมคอมพิวเตอร์ยังไม่สูงนัก โดยทั่วไปคอมพิวเตอร์ที่เสียจะถูกส่งไปยังศูนย์ซ่อมที่ระบุไว้
ชิเล่ยเข้าร้านซ่อมที่ชื่อว่า 'ฟลอริชชิ่ง อิเล็คทรอนิค' หันไปเจอกับชายหนุ่ม ชิเล่ยจึงเข้าไปทักทาย
[ถ้าชื่อภาษาไทยมันชื่อเฟื่องฟูไม่ก็เจริญรุ่งเรือง อิเล็คทรอนิค ถ้าเอาชื่อไทยมันจะฮาๆหน่อย 5555 คอมเม้นบอกกันได้]
"พี่เฟิง ไม่เจอกันนานเลยนะครับ!"
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อ ซันเฟิง
เป็นบอสของร้านซ่อมฟลอริชชิ่งอิเล็คทรอนิคเล็กๆร้านนี้ ร้านนี้เปิดโดยครอบครัวของเขา
ชิเล่ย มีทักษะทางด้านเทคโนโลยีที่ยอดเยี่ยม ทำเงินได้ไม่น้อยจากร้านนี้แม้แต่ในช่วงชีวิตที่แล้ว
ซันเฟิงเป็นคนใจกว้างมากในการปล่อยให้ชิเล่ยได้รับเงินมากขึ้น หลังจากที่ชิเล่ยได้ช่วยเขาแก้ปัญหามากมายก่อนหน้านี้!
"โย่ หิน! ไม่ได้มาที่นี่นานเลยนะ!"
ชิเล่ย หัวเราะออกมาเสียงดัง
"พี่เฟิง ธุรกิจของพี่ดูไม่เลวนะ!"
จะเห็นเขามีความสุขได้จากการแสดงออกของซันเฟิง
เขาเอาซองบุหรี่ออกมา ก่อนหยิบให้ตัวเองตัวหนึ่งใส่แล้วโยนทั้งซองให้ชิเล่ย
"หิน หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว มานี่และมาดูคอมสองเครื่องนี่ก่อน"
ชิเล่ยไม่สูบบุหรี่ แต่ยังมีบุหรี่อยู่เต็มซอง เขาเลยเก็บไว้ในกระเป๋าของเขา
"พี่เฟิง ที่นี่มีงานอะไรที่ต้องให้น้องชายตัวน้อยคนนี้ช่วยกัน?"
ซันเฟิงเดินนำชิเล่ยเข้าห้องซ่อม
มีเครื่องพีซี 2 เครื่องวางอยู่ด้านบนของโต๊ะซ่อม
เคสพีซีดูทนทาน เพียงแค่มองจากด้านนอกเขาก็จะเห็นได้ว่าคอมทั้งสองเครื่องนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆเลย
ชิเล่ยถามออกมาโดยไม่ตั้งใจ "พี่เฟิง คอมพิวเตอร์สองเครื่องนี้มีปัญหาอะไร?"
"ไม่ได้ติดตั้งระบบแก้ปัญหาใช่ไหม?"
ซันเฟิงส่ายหัว "พวกเขาไม่ได้โหลด!"
"พวกเขาเปิดเครื่องไม่ได้เลย!"
"เมื่อฉันพยายามที่จะเปิดเครื่อง มันก็จะรีบูตเครื่องเองวนไปเรื่อยๆ!"
โดยไม่ต้องถาม ชิเล่ยนำจอมาต่อเข้ากับพีซี หลังจากต่อสายเคเบิลเสร็จแล้วเขาก็กดปุ่มพาวเวอร์เพื่อเปิดเครื่อง
“ดิ๊ง ~”
"เวง เวง(Weng weng)!" [แนะนำเสียงพดลมที 555]
ได้ยินเสียงเบา ๆ ของพัดลม ถ้าคุณไม่ได้ตั้งใจฟังมัน คุณก็จะไม่ได้ยินเสียงมันเลย
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเป็นระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงทำให้เครื่องเงียบและเย็น!
บนจอคอม เมื่อเปิดติดมันโชว์เพียงรายละเอียดบางอย่าง จากนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ก็รีบูตเครื่องเองโดยอัตโนมัติ!
[จะแปลให้อ่านตามภาษาบ้านๆที่เราเรียกกันนะ]
หลังจากนั้น มันก็รีบูตเครื่องเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าไปเรื่อยๆ
ชิเล่ยกระเดาะลิ้นของเขา ถอดสายไฟออกจากเครื่องคอมพิวเตอร์โดยทันทีทำให้หยุดทำงานเนื่องจากไฟตัดอย่างฉับพลัน
ชิเล่ยถอดเคสพีซีออก เขาถึงกับตกใจกับภาพที่อยู่ตรงหน้าของเขา
ตอนแรกเขาคิดว่าคอมสองเครื่องนี้สเปคจะไม่สูงเท่าไหร่ แต่ก็ไม่คิดว่าสเปคจะสูงขนาดนี้!
ประสิทธิภาพของคอมพิวเตอร์ในปี 2006 ไม่สามารถเทียบได้กับในช่วงก่อนที่เขาจะกลับมาเกิดใหม่
คอมเครื่องนี้นี้มีเมนบอร์ด ASUS M2N32-SLI-DELUXE ซึ่งเป็นเมนบอร์ดตัวท็อปจาก ASUS ในปี 2006!
การ์ดจอประกอบด้วย GeForce7900GX2 สองชุด ซึ่งเป็นหนึ่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในปี 2006!
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่เลวร้ายที่สุดคือตัว CPU เอง!
AMD Athlon 64 FX62 เป็นที่รู้จักกันในฐานะตัวประมวลผลรุ่นใหม่ล่าสุดในปี 2006!
ซึ่งซีพียูตัวนี้เองก็ราคาแพงมากแล้วและมีราคาอย่างน้อย 9000 หยวน!
คอมพิวเตอร์สองเครื่องนี้ตามการประเมินราคาของชิเล่ย อาจจะมีราคาอยู่ระหว่าง 16,000 ถึง 18,000!
"พี่เฟิง ไอ้เด็กเหลือขอที่ร่ำรวยคนไหนเป็นเจ้าของคอมพวกนี้กันเนี่ย?"
"สเปคน่ากลัวมาก!"
ซันเฟิงยิ้ม "ฉันไม่รู้ แต่คนที่ส่งคอมสองเครื่องนี้มาขับรถเมอร์เซเดสเบนซ์ S600 ตราบใดที่พวกเราสามารถซ่อมแซมมันได้ มันจะดีมาก!"
ชิเล่ย เผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา [ศักรินดาวร้ายมาแล้ว เห้ย เห้ย เห้ย!]
"พี่เฟิง ค่าซ่อมคอมเครื่องนี้พี่จะให้ผมเท่าไหร่?"
ซันเฟิงแกล้งทำหน้าบึ้ง "หิน พี่เฟิงจะจ่ายให้นายต่อเมื่อนายซ่อมมันเสร็จแล้ว"
"สำหรับคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องฉันตั้งใจว่าจะคิดค่าซ่อมเครื่องละพัน เราจะแบ่งกันคนละครึ่ง นายคิดว่าไง? "
ชิเล่ยยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น
"ไม่มีปัญหา!"
คอมพิวเตอร์ทั้งสองเครื่องนี้ไม่มีปัญหาใหญ่ๆ!
หลังจากนั้นเพียงแก้ไขข้อมูล BIOS เพียงบางส่วน เนื่องจากไวรัสที่เป็นอันตรายบางชนิดเปลี่ยนข้อมูลฮาร์ดแวร์ ทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเอาชนะการบูตที่ไม่จบไม่สิ้นนี้ได้
ปัญหาดังกล่าวก็เหมือนกับกะหล่ำปลีข้างถนนสำหรับชิเล่ย เหมือนการก้าวเท้าหนึ่งก้าวของเขาและมันจะได้รับการแก้ไข!
แต่สำหรับคนที่ไม่เข้าใจมันก็จะยากมากที่จะเข้าใจกับปัญหานี้
"พี่เฟิง ให้ฉันยืมเครื่องปริ้นของพี่แปปนึงสิ!"
ซันเฟิงรู้สึกแปลกๆ เริ่มพูดออกมา
"ฮ่ะ? คอมสองเครื่องนี้ต้องใช้เครื่องปริ้นเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ใช่ไหม?"
ชิเล่ยมองเขาอย่างเงียบ ๆ
ซันเฟิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเชื่อฟังเขา แม้ว่าเขาจะเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ แต่ซันเฟิงก็มีทักษะด้านเทคโนโลยีที่ไม่ดีเท่าไหร่นัก
"ชั๋ว ชั๋ว ชั๋ว ~~" [Shua shua shua]
เครื่องปริ้นอิงค์เจ็ทกำลังทำงานอยู่ในตอนนี้ เมื่อทำเสร็จ ชิเล่ยถือกระดาษ A4 สีขาวที่ปริ้นออกมาให้กับซันเฟิง
บนกระดาษ A4 ขนาด A4 มีข้อความโฆษณาเล็กๆอยู่ในนั้น
การกู้คืนข้อมูลระดับมืออาชีพ!
การประมวลผลภาพระดับมืออาชีพ!
เพียงข้อความสองบรรทัดเผยถึงความอวดดีในนั้น!
ซันเฟิงมองไปที่ชิเล่ยด้วยความประหลาดใจว่า "นี่หิน นายรู้ใช่ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?"
ชิเล่ยยิ้มและพยักหน้า
"ใช่!"
"พี่เฟิง พี่ช่วยหางานอย่างอื่นให้ฉันทำอีกได้ไหม?"
"พี่น่าจะรู้ว่ามืออาชีพนั้น ค่าตัวพวกเขามันแพงมาก!"
"พี่เฟิง ติดโฆษณานี้ไว้ที่หน้าประตูร้านของพี่ได้มั้ย?"
ซันเฟิงพยักหน้าเป็นสัญญาณยืนยันว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ
"เสี่ยวหลิว รีบไปช่วยชิเล่ยติดโฆษณาที่ประตูหน้าร้านเร็ว"
เสี่ยวหลิว เป็นเด็กฝึกงานคนใหม่ที่ฟลอริชชิ่งอิเล็คทรอนิค เขารับผิดชอบงานเล็กๆน้อยๆ ในร้านทั้งหมด
“ได้ครับ บอส!”
"หิน นายรีบซ่อมคอมทั้งสองเครื่องเร็วๆเข้า!"
"โชคดีที่นายมาวันนี้พอดี ไม่งั้นฉันคงจะต้องโทรเรียกนายมา"
ซันเฟิงดูกระวนกระวายเหมือนลิง
ชิเล่ยหยึบเพนไดรฟ์ USB ที่เขานำมาด้วยและเสียบคอมพิวเตอร์ตามปกติ จากนั้นเขาถามซันเฟิงว่า "พี่เฟิง ผมต้องการยืมเพนไดรฟ์ของพี่หน่อย"
"เอาไปสิ!" ซันเฟิงเอาเพนไดรฟ์สีดำออกมาทันทีและส่งยื่นให้ชิเล่ย
จากเพนไดรฟ์ของตัวเขาเอง ชิเล่ยโหลดซอฟต์แวร์และเริ่มเขียนโค้ดบางอย่าง เหมืนกับว่าเขาสามารถที่จะกู้ข้อมูล BIOS คืนได้แล้ว
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ชิเล่ยดึงเพนไดรฟ์ออกและให้ซันเฟิง
เขาเปลี่ยนเพนไดรฟ์โดยตรงไปยังโหมด HDD
ชิเล่ยนำเพนไดรฟ์ของซันเฟิงและเสียบมันลงในคอมหนึ่งในสองเครื่องที่ต้องการซ่อมก่อนและเปิดเครื่อง
คราวนี้ ในระหว่างขั้นตอนการบู๊ต เครื่องคอมไม่ได้เริ่มต้นการบูตด้วยตนเอง แต่เปิดข้อมูลที่อยู่ในเพนไดรฟ์โดยตรง
บนหน้าจอ มีโค้ดภาษาอังกฤษขึ้นมาไม่หยุดและเต้นไปด้วย
ตอนนี้หน้าจอมีอินเตอร์เฟซวินโดว์ XP ตามปกติ
จากนั้น ชิเล่ยก็ทำสิ่งเดียวกันกับคอมอีกเครื่อง เขารู้สึกได้ถึงความกระตือรือร้นในตัวเขาที่มาจากคอมพวกนี้
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ดังกล่าวยังคงสร้างความผิดหวังให้กับเขา!
แม้ว่าเครื่องคอมเหล่านี้จะเป็นเหมือนสัตว์ร้าย แต่เมื่อเทียบกับปี 2012 แล้ว ช่องว่างยังห่างกันเกินไป!
ชิเล่ยรู้สึกเบื่อเลย คลิกที่เกม minesweeper(เกมทุ่นระเบิด) เปลี่ยนความยากเป็นระดับสูงสุดและตั้งใจเล่นมัน
ซันเฟิงถือเพนไดรฟ์ไว้ในมืออย่างกับว่ามันเป็นสมบัติ
"นี่หิน ถ้ามีปัญหาที่คล้ายกันแบบนี้ในวันข้างหน้า เพนไดรฟ์อันนี้สามารถแก้ปัญหามันได้ใช่ไหม?"
ชิเล่ย ไม่ได้หันหัวกลับไป เขาโฟกัสไปที่เกมอยู่ เขาเลื่อนเมาส์ไปกดโดนระเบิด
"พี่เฟิง ผมแนะนำให้พี่อย่าคิดจะทำอะไรแปลกๆดีกว่า"
"เพนไดรฟ์นี้จัดการกับปัญหาได้แค่คอมสองเครื่องนี้เท่านั้น ส่วนถ้าใช้กับคอมเครื่องอื่น ไม่เพียงแต่จะไม่ซ่อมพวกมัน มันจะสร้างปัญหาให้มากยิ่งขึ้น!"
ซันเฟินวางเพนไดรฟ์ลงในสภาพห่อเหี่ยว
"ฉันรู้ว่านายมันเป็นเด็กเหลือขอ ที่ไม่ต้องมีความสูญเสียอะไรทั้งนั้น!"
ได้ยินประโยคนี้ ชิเล่ยหัวเราะออกมาครู่นึง
ซันเฟิงไปที่เคาน์เตอร์เปิดออกมาแล้วหยิบเงินสดออกมานับธนบัตรสีแดง 100 หยวน จำนวน 10 ใบ ก่อนที่จะวางให้ชิเล่ยบนโต๊ะซ่อม
"เอ้าหิน นี่เงินของนาย!"
"นายมันเด็กเหลือขอใจดำ!
"ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นายก็ได้เงินตั้ง 1000 หยวนแล้ว!"
ชิเล่ยรีบโต้กลับอย่างรวดเร้ว "พี่เฟิง ผมต้องทำงานอย่างหนักเพื่อรับเงินนี้เลยนะ แต่พี่แค่เพียงยืนอยู่ตรงนี้และพูดเรื่อยเปื่อย แต่พี่ก็ยังได้เงินตั้ง 1000 หยวน ใช่ไหม?"
"พูดถึงเรื่องนี้ พี่เฟิง พี่ไม่คิดว่าพี่ก็เป็นคนใจดำคนหนึ่งเหมือนกันใช่ไหมครับ?"
ซันเฟิงพ่ายแพ้ยังหมดหนทาง
"หิน นายช่วยสนฉันสักหน่อยก่อนได้ไหม? นายเอาแต่เล่นทุ่นระเบิดได้ยังไง?"
ชิเล่ยยิ้ม "พี่เฟิง ราวกับว่าพี่ไม่เล่นทุ่นระเบิดงั้นแหละ?"
"พี่ต้องการให้ผมสอนพี่ใช่ไหม?"
“ไม่ต้องกังวล มันฟรี!”
ซันเฟิงพ่ายแพ้ยับเยินอีกครั้ง!
ในขณะที่ ซันเฟิงกำลังจะแก้แค้น ก็มีเสียงพูดของชายวัยกลางคนรอดเข้ามา
"สวัสดี คุณให้การบริการกู้คืนข้อมูลและการประมวลผลภาพระดับมืออาชีพใช่ไหม?"