Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 36 – พิษออกฤทธิ์
Chapter 36 – พิษออกฤทธิ์
ชายคนนั้นยิ้มอย่างโหดเหี้ยมและหยิบเอาผงจำนวนมากออกมาจากขวดยา ฝ่ามือของพลิกกลับแล้วส่งคลื่นที่หนาแน่นของแก่นแท้แห่งปราณออกไปปกคุลมหญิงสาวผิวขาว กลิ่นอันหอมหวานได้กวาดเข้าไปยังจมูกของนางทันที
“บัดซบ!” นางพยายามกลั้นลมหายใจ แต่มันก็ไร้ประโยชน์ ขณะที่แก่นแท้แห่งปราณกวาดมาทางนาง ร่างกายของหญิงสาวก็ได้สั่นและถูกส่งลอยออกไปเหมือนว่าวขาด นางได้หายใจเอาผงเข้าไปคำหนึ่ง
“ฮ่าฮ่า ตอนนี้เจ้าได้กินยาพิษของผู้อาวุโสของเจ้าแล้ว ข้าล่ะจะเห็นว่าเจ้าจะทนต่อมันไปได้นานแค่ไหน” ชายคนนั้นยิ้มกว้างขณะที่เขาเดินไปข้างหน้า ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ลามากขณะที่มองไปยังผู้หญิง
“ร่างกายของเด็กหญิงคนนี้ช่างยอดเยี่ยม!” ขณะที่เขามองไปยังร่างกายที่ไร้ตำหนิของผู้หญิง ชายคนนั้นก็ให้รอยยิ้มที่โหดเหี้ยมออกมา
“เด็กหญิงคนนี้น่าสวยกว่าหวังฮัวฮัว” (Eng ใช้คำว่า next door ด้วย แปลว่าข้างบ้านคือประมาณสาวข้างบ้านที่แอบชอบหรือสาวข้างบ้านที่เซ็กซี่ที่แอบมองไปตลอดงี้ครับ แต่ผมไม่เอามาใส่นะครับ)
“เจ้าโง่รึเปล่า? เจ้ากำลังเปรียบเทียบเทพธิดาเช่นนี้ที่ไม่แปดเปื้อนโดยโลกกับใครบางคนแบบหวังฮัวฮัว?”
“ใช่ ใช่ ข้าผิดเอง” นักผจญภัยทั้งหมดเริ่มพูดคุยกัน
“ดู ร่างกายของนางมีสัดส่วนที่สมบูรณ์แบบ”
“ถ้าข้าสามารถจูบนางได้สักครั้ง ข้าจะตายได้อย่างมีความสุขเลยล่ะ”
“ใครจะไปคิดว่าพวกเราจะพบกับเด็กหญิงที่งดงามที่นี่” คนอื่นๆก็กล่าวด้วย
ผู้หญิงแบบนี้พบเห็นได้ยากนัก และพวกเขาก็พึงพอใจกับการที่สามารถมองไปยังนางได้ จากวิธีที่พวกเขากระทำ ดูเหมือนว่ามีกฎบางอย่างที่พวกเขามี และนั้นมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาทำอะไรแบบนี้ เช่นนี้พวกเขาก็เพียงแค่ยืนและเฝ้าดูเท่านั้น
ปัง!
หญิงสาวผิวขาวชนลงกับพื้น เสียงของการสนทนาดังขึ้นเหมือนกับเสียงคำรามของอสูรสำหรับนาง นางรู้สึกราวกับว่ากรงเล็บของอสูรจำนวนมากกำลังเข้ามาหานาง หัวใจของนางจมลงไปในความสิ้นหวังอีกครา
ทันใดนั้นความสิ้นหวังก็หายไปขณะที่จิตใจของนางเริ่มเรือนลาง
“มันเป็นยาพิษชั่วร้าย” หญิงสาวผิวขาวขมวดคิ้ว รู้สึกว่าการหายใจของนางเปลี่ยนไป
“ดูเหมือนว่ามันจะเป็นยาพิษที่น่าอัศจรรย์จริงๆ” เมื่อเขาเห็นดวงตาของหญิงสาวกลายเป็นเลื่อนลอย ผู้นำยิ้มเย้ยและเขาก็เดินมา ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มมองขึ้นลงไปผู้หญิงคนนั้นด้วยความบันเทิง
“ยะ-อย่าเข้ามา” หญิงสาวผิวขาวพยายามถอยหลังและถึงแม้ว่าดวงตาของนางจะกลายเป็นเรือนลาง นางก็ยังพยายามที่จะวิ่ง
“ฮ่าฮ่า สุดสวยอย่าได้กังวล เจ้าได้รับผงความสุขของข้าไปแล้ว และโดยปราศจากความช่วยเหลือจากข้า เจ้าจะถูกเผาไหม้ด้วยความปรารถนาของเจ้าจนตาย ปล่อยให้พี่ใหญ่ช่วยเหลือเจ้าเถอะ ฮ่าฮ่า อย่าได้ต่อต้าน ข้าจะนำกลับไปและทำให้เจ้าเป็นภรรยาน้อยคนที่สิบสองของข้า”
ดวงตาของผู้หญิงผิวขาวกลายเป็นเรือนลาง และนางก็เห็นได้เพียงร่างที่พร่ามัวเท่านั้น ร่างกายของนางเองเอียนอย่างต่อเนื่อง และใบหน้าอันน่าเกลียดของชายคนนั้นก็ดูเหมือนหน้าของอสูรสำหรับนาง นางอยากจะฉีกหน้าของเข้าเป็นชิ้นๆและโยนเขาลงไปในนรก
อย่างไรก็ตาม หัวใจของผู้หญิงขาวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ไสหัวไป” ทันใดนั้นเสียงตะโกนอันหนาวเย็นก็ดังออกมา เสียงนั้นดูเหมือนสายฟ้ากัมปนาท มันทำให้หัวใจและจิตใจของเหล่านักผจญภัยสั่นสะเทือน
“ใครกัน?!” ทุกคนมองไปรอบๆด้วยความตกใจ
ข้างหน้าของพวกเขาก็ได้เห็นเด็กหนุ่มที่กำลังจู่โจมมาเหมือนกับราชสีห์ที่กำลังโกรธ (ถ้าเป็นตัวอื่นไม่ใช่พระเอกคำว่าสิงโตเฉยๆนะครับ 55555)
“เด็ก?” นักผจญภัยทั้งหมดได้ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“มันเป็นเขา!” เมื่อนางได้ยินเสียงอันคุ้นเคยนี้ คิ้วของหญิงสาวผิวขาวก็คลายตัวลงและนางก็ผ่อนคลายขึ้น ตราบเท่าที่เด็กหนุ่มคนนี้กลับมา ทุกสิ่งอย่างก็จะดีเอง
เซี่ยวหยุนได้มาถึงใกล้ๆผู้หญิงผิวขาวทันที
“เจ้าเป็นใคร?” การแสดงออกของหัวหน้ามืดลง
“คนที่กำลังจะสังหารเจ้า!” การแสดงออกของเซี่ยวหยุนนั้นเย็นเยียบ และหัวใจของเขาก็บีบรัดเมื่อเขาได้มองไปยังหญิงสาวบนพื้น เขารู้สึกแปลกประหลาดกับความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ ราวกับว่ามีใครบางคนได้แทงเขาด้วยมีด เขาเพียงแค่จากครึ่งวัน และหญิงสาวคนนี้ก็ใกล้จะเจ็บช้ำอีกครั้ง
คลื่นของเจตนาสังหารจากเด็กหนุ่มทำให้บรรยากาศรอบๆพวกเขาแข็งตัว ดวงตาของเหล่านักผจญภัยเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก และพวกเขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถหายใจได้
ตัวผู้นำเองก็ยังตกใจ และเขารู้สึกถึงสัมผัสอันตราย ศัตรูเห็นได้ชัดว่าเป็นแค่เด็กหนุ่ม แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงสัมผัสแห่งความกลัวที่ไม่อาจอธิบายไม่ได้
มีเพียงแค่ผู้หญิงผิวขาวเท่านั้นที่รู้สึกอบอุ่นในหัวใจของนางเพราะว่าเด็กหนุ่มคนนี้กลายเป็นโกรธเกรี้ยวในนามของนาง
หลังจากพูดอย่างเย็นชา เซี่ยวหยุนไม่พูดพร่ำใดๆอีก เขาส่งพลังวิญญาณออกไปแล้วแทงเข้าไปยังจิตใจของตัวผู้นำ พลังวิญญาณของเขาทรงพลังอย่างเหลือเชื่อแล้วสติของเขาก็กระจายไปทันที เจตนาสังหารของเซี่ยวหยุนทำให้กระทั่งวิญญาณของพวกเขาสั่นสะเทือน
ชวิ้ง!
เซี่ยวหยุนชักกระบี่ของเขาและในชั่วพริบตา ชายคนนั้นก็หยุดหายใจไปแล้ว
หลังจากจัดการชายคนนี้ เซี่ยวหยุนก็ไม่ได้ไว้ชีวิตเขาแม้แต่การมองไปอีกเป็นครั้งที่สอง ขณะที่เขาเดินและมองไปยังนักผจญภัยคนอื่น ดวงตาของเขาคือการสังหาร ทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนบางคนที่อยู่ในขอบเขตหลอมร่างกายก็สั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด
“ฆ่า!” เซี่ยวหยุนคำรามขณะที่พลังวิญญาณอันไร้ที่สิ้นสุดพุ่งออกไปราวกับน้ำท่วม
คราวนี้ เขาได้ปลดปล่องพลังวิญญาณอย่างสมบูรณ์ ซึ่งปล่อยแรงกดดันอันน่ากลัวออกมา ก่อนที่พวกเขาจะกรีดร้อง กระบี่ของเซี่ยวหยุนก็ยิงออกไป เมื่อใดก็ตามที่แสงของดาบประกาย ชีวิตจะถูกพรากไป
พระอาทิตย์ตกดินอันสวยงามแต่มันก็ถูกเมินเฉยอย่างสมบูรณ์โดยเด็กหนุ่มบ้า กระบี่ของเขาส่งเลือดลอยขึ้นไปในอากาศในแต่ละการโจมตี
หญิงสาวมีประสบการณ์ที่คล้ายคลึงแบบนี้เมื่อสองวันก่อน และก็เกือบฆ่าตัวตายแล้ว การเห็นนางต้องผ่านเรื่องแบบนี้ครั้งได้ทำให้เซี่ยวหยุนโกรธ หญิงสาวคนนี้สวยงามราวกับเทพธิดาและดูเหมือนล่วงล้ำไม่ได้ – เขาจะยอมให้นางถูกปฏิบัติเช่นนี้ได้อย่างไร?
นี่ลิขิตให้ฉากนี้ไม่อาจลืมเลือนได้
ถึงแม้ว่าดวงตาของนางจะพร่ามัว หญิงสาวผิวขาวก็ยังคงเห็นเด็กหนุ่มที่บ้าเพื่อนางได้อย่างชัดเจน ผมสีทองของนางร่ายรำไปตามลมขณะที่เขาสังหารศัตรูด้วยกระบี่ ฉากนี้ถูกสลักไว้ในใจของนางอย่างไม่รู้ตัว
หลังจากนั้นสักครู่ แสงของกระบี่ก็หยุดกระพริบ ตอนนี้ป่าถูกย้อมไปด้วยสีแดงเลือดและทั้งหมดก็เป็นของนักผจญภัยที่ตายแล้ว
ตอนนี้ พลังวิญญาณของเซี่ยวหยุนแข็งแกร่งพอที่จะหยุดแม้กระทั่งผู้ฝึกตนขั้นปลายของขอบเขตต้นกำเนิดแล้ว
ฮึบ...
มองไปยังเหล่านักผจญภัยที่ล้มลง เซี่ยวหยุนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆและถอนหายใจออกมา ความโกรธภายในตัวเขากำลังเบาบางลง
“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?” เซี่ยวหยุนหันไปแล้วเดินไปหาผู้หญิงผิวขาว เมื่อเขาเห็นดวงตาของนางมอย่างพร่ามัวและเลื่อนลอย เขาขมวดคิ้วและรู้สึกเจ็บปวดภายในหัวใจของเขาอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าได้รับพิษ” ขนตาของนางกระพือขณะที่นางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเปิดตาแล้วมองไปยังเด็กหนุ่ม เสียงของนางค่อนข้างอ่อนแอและจิตใจของนางค่อนข้างรู้สึกขุ่นมัว ขณะที่ทั่วทั้งร่างกายของนางรู้สึกเหมือนกำลังถูกเผา และร่างกายของนางก็ถูกเผาผลาญไปเรื่อยๆ จิตใจของนางได้กลายเป็นพร่ามัวมากขึ้น
“เจ้าได้รับพิษ?” เซี่ยวหยุนขมวดคิ้วแล้วพูดต่อ “อย่ากังวล ข้าจะถอนพิษให้เจ้า”
หลังจากกล่าวเช่นนี้ เขาไม่ลังเลขณะที่เขายกร่างของหญิงสาวและวิ่งกลับเข้าไปในถ้ำ
“เหตุใดร่างกายของเจ้าจึงร้อนนัก? และมีอะไรผิดปกติกับลมหายใจของเจ้า? เป็นพิษประเภทที่ส่งผลอย่างรวดเร็ว?” หลังจากได้กลับมายังถ้ำ เซี่ยวหยุนวางหญิงสาวลงขณะที่เขาขมวดคิ้ว รู้สึกว่าบางสิ่งผิดปกติไป
อย่างไรก็ตาม จิตใจของหญิงสาวผิวขาวพร่ามัวเกินไปและนางก็ไม่สามารถโต้ตอบกับเซี่ยวหยุนได้
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องสกัดพิษออกจากตัวนาง” ดวงตาของเซี่ยวหยุนกลายเป็นจริงจังขณะที่เขาส่งจิตวิญญาณการต่อสู้ออกมา แสงหยกสีเขียวกระพริบขณะที่กิ่งหยกสีเขียวก็ยืดออกมาจากฝ่ามือของเขา เมื่อกิ่งปรากฏขึ้น เขาก็คว้าไปยังฝ่ามือของหญิงสาวและเริ่มที่จะสกัดพิษออกมาจากตัวนาง
ขณะที่แสงหยกสีเขียวส่องแสง แก่นแท้สำคัญ(เปลี่ยนจากแก่นแท้แห่งชีวิต)บางส่วนได้ส่งผ่านฝ่ามือของหญิงสาวเข้าไปในร่างกายของนาง หลังจากนั้นสักครู่ เปลือกตาของนางก็กระตุกและเมื่อพิษชั่วร้ายถูกสกัด ดวงตาของนางก็กลับมาชัดเจนขึ้น
“เจ้าช่วยข้า?” หญิงสาวผิวขาวพยายามตื่นตัวให้ดีที่สุดขณะที่นางถามเด็กหนุ่ม
เซี่ยวหยุนพยักหน้า “พยายามรวบรวมพิษมาในฝ่ามือของเจ้า ข้าจะสกัดมันเอง”
“เจ้าสามารถสกัดมันได้?” หญิงสาวผิวขาวขมวดคิ้วและตระหนักอย่างรวดเร็วเด็กหนุ่มกำลังสกัดพิษให้กับนางอยู่แล้ว
เมื่อนางเห็นแบบนี้ นางรู้สึกถูกสัมผัสแตะต้องอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาเพิ่งพบกันโดยบังเอิญเท่านั้น แต่เด็กหนุ่มคนนี้ก็ยังเสี่ยงชีวิตของเขาเพื่อสกัดพิษ วิธีการที่เขาปฏิบัติกับนางแตกต่างไปอย่างสิ้นเชื่อจากพวกผู้ชายที่มีอยู่ นางตอบกลับว่า “เจ้าจะไม่ได้รับพิษรึ?”
หญิงสาวรู้สึกกังวลมาก
“อย่ากังวล ข้าสามารถแก้ปัญหาของตัวเองได้” เซี่ยวหยุนตอบกลับ
หญิงสาวผิวขาวพยักหน้าและทำให้ตัวนางเองสงบลง แล้วพยายามที่จะบังคับพิษให้ไปยังฝ่ามือของนาง จิตวิญญาณการต่อสู้ได้ปล่อยอักษรรูนแห่งแสงออกมาขณะที่มันดูดซับพิษอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามแม้ว่าหญิงสาวจะยังไม่ฟื้นตัวอีกสักครู่เพราะว่าพิษได้แผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกายนาง
นางได้รับพิษร้ายมากเกินไป และมันก็ส่งผลกระทบเต็มที่ ซึ่งทำให้มันเรื่องยากสำหรับจิตวิญญาณการต่อสู้ของเซี่ยวหยุนที่จะดูดซับมัน
“ดูเหมือนว่าข้าจะต้องเอาออกมาทั้งหมด” เซี่ยวหยุนคิดกับตัวเองขณะที่เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการดูดซับพิษ
หลังจากนั้นไม่นาน เซี่ยวหยุนก็รู้สึกว่าจิตใจของเขามืดทึบ ขณะที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาชะลอตัวลง จิตวิญญาณการต่อสู้สามารถดูดซับพิษได้แต่ต้องใช้เวลา หลังจากการดูดซับพิษว่องไวจากหญิงสาว เขาก็ทำเกินกว่าขีดจำกัดของมัน อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาไม่เอาออกมาทั้งหมด เขาจะไม่สามารถช่วยหญิงสาวได้
จิตใจของหญิงสาวนั้นพร่ามัวอยู่แล้ว และนางก็ปล่อยเสียงครางอ่อนนุ่มออกมา ราวกับว่านางกำลังเจ็บปวดอยู่
เขาต้องให้ทั้งหมดที่เขามี!
เซี่ยวหยุนไม่ได้รีรอเลยขณะที่เขาช่วยนางหญิงสาวคนนี้ให้ดีที่สุด อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นชั่วครู่ จิตใจของเขาก็กลายเป็นมึนงง จิตวิญญาณการต่อสู้ปล่อยเสียงหึ่งๆขณะที่อักษรรูนแห่งแสงของมันกระพริบและกลับเข้าไปในทะเลแห่งจิตสำนึกของเซี่ยวหยุน
“บัดซบ เจ้าหยุดการโจมตีแล้ว?” เซี่ยวหยุนคำราม เขาไม่เคยคิดว่าจิตวิญญาณการต่อสู้ของเขาจะขี้ขลาด
จิตวิญญาณการต่อสู้ส่งเสียงหึ่งๆ ราวกับว่ามันกำลังพูดถ้าแม้ว่าจะดำเนินต่อไปมันก็ไร้ประโยชน์
“โฮ้ย หยุนน้อย เจ้ากำลังตะโกนอะไร?” เสียงของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ทันใดนั้นก็ดังออกมา
“ไม่ใช่ธุระของเจ้า” เซี่ยวหยุนตอบอย่างสงบ
“ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังมีปัญหาบางอย่างอยู่” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ตอบกลับอย่างเฉื่อยชา หลายวันมานี้มันได้ถูกปิดผนึกไว้ในหอคอยกลืนกินสวรรค์ และมันก็กำลังใช้ยาของเซี่ยวหยุนเพื่อฟื้นฟูแก่นแท้สำคัญแห่งจิตวิญญาณของมัน
“เอ๋ นั้นมันไม่ใช่ หญิงสำส่อนตัวน้อยที่โจมตีข้ารึ?” ดวงตาของนกกระจอกกลืนกินสวรรค์สว่างขึ้ขณะที่มันหัวเราะ “หยุนน้อย เจ้าค่อนข้างเป็นคนดี เจ้ารู้ว่าพี่ใหญ่คนนี้ต้องการจะล้างแค้นกับหญิงสำส่อนน้อยคนนี้ดังนั้นเจ้าจึงจับนางไว้ให้ข้า ดีมาก!”
“อย่าเอาอะไรบัดซบแบบนั้นให้ข้า” เซี่ยวหยุนตอบกลับด้วยความไม่พอใจขณะที่เขาเริ่มจดจ่อกับการใช้จิตวิญญาณการต่อสู้ดูดซับพิษ
“อืม มันดูเหมือนนางโดนพิษ” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ส่งสัมผัสจิตวิญญาณของมันออกมา และตรวจบางสิ่งที่ผิดปกติกับหญิงสาว “เจ้าใช้พิษกับนาง? ไม่ รอก่อน เจ้าดูเหมือนจะถูกพิษด้วย เกิดอะไรกัน?” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์รู้ว่าบางสิ่งถูกปิดไว้
“อย่าขยับปากของเจ้า ข้าช่วยนางไว้” น้ำเสียงของเซี่ยวหยุนเริ่มกระวนกระวายขณะที่เขากล่าวว่า "ข้ากำลังพยายามที่จะสกัดพิษให้นาง"
“เจ้าช่วยนาง?” นกกระจอกกลืนกินสวรรค์ดูค่อนข้างไม่ชอบใจ แต่เซี่ยวหยุนก็ไม่ได้ใส่ใจมัน
นี่เป็นเพราะว่าเซี่ยวหยุนรู้สึกราวกับว่าเปลวไฟกำลังเผาไหม้ภายในร่างกายของเขา จนถึงจุดที่ทำให้จิตใจของเขากลายเป็นมืดมัว ถ้ามันไม่ใช่เพราะว่าพลังวิญญาณของเขาแข็งแกร่งอย่าไม่น่าเชื่อ เขาก็คงจะสูญเสียการควบคุมจิตใจไปอย่างสมบูรณ์แล้ว