TXV – 79 หยิ่งยโส !
TXV – 79 หยิ่งยโส !
สิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว….
เหลี่ยวเตอเชิงมองไปที่นาฬิกาและหัวเราะเยาะออกมา “ไหนล่ะ ? เพื่อนของคุณมารึยัง ?”
ลี่หยู่หลานตอบว่า “หัวหน้าเหลี่ยว หนุ่มสาวสมัยนี้ไม่เคารพผู้ใหญ่เอาซะเลย พวกเขายังขาดประสบการณ์ในการเข้าสังคมและการนอบน้อมผู้ใหญ่และเขายังไม่รู้ว่าบนโลกใบนี้การเข้าสังคมและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้นมีความสำคัญแค่ไหนจนกว่าพวกเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่อย่างเต็มตัว”
คำพูดเหล่านี้เป็นการบอกใบ้ว่า เซี่ยเหล่ยไม่ควรทำตัวก้าวร้าวกับพวกเขาทั้ง 2 คน….
หลางซือเหยาเริ่มกังวลและคิดว่าการที่เซี่ยเหล่ยพยายามยั่วโมโหเหลี่ยวเตอเชิง เพื่อทำให้เขายอมอนุมัติการจดทะเบียนบริษัทของเขามันเป็นสิ่งที่ดีแล้วเหรอ ? แต่เธอก็ไม่ค่อยสนิทสนมอะไรกับเซี่ยเหล่ยมากนักและยังไม่รู้จักเขาดีพอ
ในทางกลับกัน เซี่ยเหล่ยใจเย็นเขาไม่กังวลเลยว่า จู้งเหว่ยและเจียงซินจากบริษัทอุตสหกรรมจีนจะมาช่วยเขาที่สำนักงานธุระกิจและการพานิชย์หรือไม่ แต่เขายังมั่นใจว่าทั้ง 2 คนนี้จะต้องช่วยเขาได้แน่ๆ
ตัวตนที่แท้จริงของกลุ่มอุตสหกรรมจีนคืออะไร ? เขาเป็นบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนให้กับกองทัพประเทศจีน พวกเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลเกี่ยวกับการอุตสาหกรรมในประเทศจีน พวกเขาจะยืนเคียงข้างเราได้หรือไม่ในวันที่เรามีปัญหา ? การทำเช่นนี้จะเป็นการล้างบางพวกแมลงสกปรกที่คอยกัดกินประเทศ
ด้วยการปิดกั้นเทคโนโลยีจากยุโรปและอเมริกาทำให้เซี่ยเหล่ยเป็นเพียงคนเดียวในประเทศที่สามารถสร้างชิ้นส่วนที่มีความแม่นยำสูงด้วยตัวเองได้ เซี่ยเหล่ยมีจุดแข็งข้อนี้ ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถปฏิเสธเขาได้
“เลิกใช้เหอะนะ วิธีนี้การเรียกพรรคพวกมาที่นี่ ? ไหนละเพื่อนของคุณ ไอ้กระจอก ! เวลาของผมมีค่านะ !” เหลี่ยวเตอเชิงกล่าวอย่างหงุดหงิด
ทันใดนั้นจู้งเหว่ยและเจียงซินปรากฎตัวอยู่หน้าทางเข้าสำนักงานทันทีที่เขาพูดจบ
ยามของเหลี่ยวเตอเชิงขึ้นไปรายงานเขาว่า มีจู้งเหว่ยและเจียงซินอยู่หน้าทางเข้าสำนักงาน
ลี่หยู่หลานสังเกตเห็นได้ว่าจู้งเหว่ยและเจียงซินเข้ามา เธอพยายามสังเกตจากรูปลักษณ์ภายนอกของพวกเขาซึ่งเขาเป็นคนแปลกหน้าและเธอก็ไม่เคยเห็นมาก่อน เธอจึงไม่สามารถคาดเดาได้ว่าคนพวกนี้มาจากบริษัทอุตสาหกรรมจีน
เซี่ยเหล่ยลุกขึ้นจากโซฟาและกล่าวต้อนรับพวกเขา “ดีๆจริงที่จู้งเหว่ยและเจียงซินมาทันเวลา หัวหน้าเหลี่ยวเตอเชิงคนนี้กำลังพูดเยาะเย้ยผม เขาพูดว่าไม่ว่าใครจะมาสักกี่คน การอนุมัติจัดตั้งบริษัทก็จะไม่มีทางเกิดขึ้นไม่ว่าจะใช้วิธีไหนไหนก็ตาม”
เหลี่ยวเตอเชิงเริ่มกังวลล็กน้อย เขาถามอย่างละเอียดว่า “คุณทั้ง 2 คนคือ…. ?”
จู้งเหว่ยและเจียงซินจ้องมองไปที่เขา ในขณะที่เหลี่ยวเตอเชิงกำลังสับสนว่าจะกล่าวทักทายพวกขายังไงดี ?
จู้งเหว่ยพูดว่า “คุณเซี่ย หัวหน้าคนไหนทำให้คุณมีปัญหา ?” จากนั้นเขาชี้นิ้วไปที่เหลี่ยวเตอเชิง
เซี่ยเหล่ยยิ้มและพยักหน้า “ใช่แล้ว คนนั้นเลย”
เจียงซินพูดด้วยอารมณ์โกรธว่า “แค่หัวหน้าสำนักงานเล็กๆกล้าที่จะเสียมารยาทกับประชาชนแบบนี้หรอ ?” เขาจ้องมองไปที่เหลี่ยวเตอเชิงแล้วกล่าวต่อว่า “คุณเคารพกฎหมายของประเทศบ้างมั้ย ?”
เหลี่ยวเตอเชิงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดกลับไปว่า “คุณเป็นใครล่ะ ? ใครบอกว่าผมไม่เคารพกฎหมาย ? ถ้าคุณไม่บอกว่าคุณเป็นใครผมจะเรียกรปภ.มาพาตัวทุกคนออกไป”
“คุณอยากรู้หรอว่าพวกเราเป็นใคร ?” จู้งเหว่ยกล่าว
เหลี่ยวเตอเชิงอ้ำๆอึ้งๆไม่กล้าพูดออกมาแล้วหันไปมองที่ลี่หยู่หลาน
ลี่หยู่หลานยิ้มขณะที่พูดว่า “คุณสุภาพบุรุษ หัวหน้าสำนักงานเล็กๆคนนี้เป็นคนที่มีความน่าเชื่อถือสูง เขาไม่อยากคุยกับคุณถ้าคุณประพฤติตัวกับเขาแบบนี้ แม้แต่ฉันเป็นคนนอกฉันก็ไม่อยากจะยุ่งเเรื่องพวกนี้เลย คุณมาที่นี่เพื่อช่วยเด็กหนุ่มคนนี้ ? หรืออยากจะถือหางเด็กพวกนี้รึไง ?”
จู้งเหว่ยพูดว่า “เอาล่ะ ผมจะแนะนำตัวเอง ผมจู้งเหว่ยเป็นหัวหน้าแผนกจัดซื้อของบริษัทอุตสาหกรรมจีน” จากนั้นเขาชี้ไปที่เจียงซินและพูดต่อว่า “คนนี้ชื่อ เจียงซิน เป็นหัวหน้าฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัทอุตสาหกรรมจีน”
ใบหน้าของเหลี่ยวเตอเชิงซีดไปทันทีเมื่อได้ยินพวกเขาแนะนำตัว.......
ในฐานะที่เขาอยู่ในแวดวงอุตสาหกรรมเขารู้ดีว่าบริษัทอุตสาหกรรมจีน ผู้บริหารแต่ละคนที่นี่มีแต่ผู้คนที่ยิ่งใหญ่ลำดับต้นๆของประเทศรวมกับบุคลากรในบริษัทแห่งนี้มีชื่อเสียงและมีอำนาจมาก !
“กลุ่มบริษัทอุตสาหกรรมจีน ?” ลี่หยู่หลานกล่าวออกมาราวกับว่าเธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกลุ่มริษัทอุตสาหกรรมจีน “ผู้คนในกลุ่มริษัทอุตสาหกรรมจีน ? มีสิทธิ์มาข่มขู่หัวหน้าที่อยู่สำนักงานธุรกิจและการพาณิชย์อย่างนั้นหรอ ?”
ทั้งจู้งเหว่ยและเจียงซินหันไปมองลี่หยู่หลานด้วยสายตาดุเดือด….
เหลี่ยวเตอเชิงรีบพูดว่า “ท่านลี่ อืม…. ผมว่าคุณควรออกไปตอนนี้ก่อนนะ เราค่อยมาคุยกันวันหลังก็ได้” จากนั้นเขาส่งสายตาไปที่ลี่หยู่หลาน
ลี่หยู่หลานสังเกตเห็นท่าทีของเหลี่ยวเตอเชิงที่ส่งไปให้เธอเธอก็เริ่มคิดกับตัวเองว่า ‘สองคนนี้เป็นผู้ทรงอิทธิพลอย่างนั้นหรอ ?’
“เธอเป็นใคร ?” จู้งเหว่ยถามเซี่ยเหล่ย
“ลี่หยู่หลานเป็นประธานของบริษัทการค้าและสามีของเธอก็เป็นจอมลวงโลกแห่งเมืองห่ายจู การก่อตั้งบริษัทของผมไม่ได้รับการอนุมัติเนื่องจากผมได้เป็นสร้างความขุ่นเคืองให้กับสามีของเธอนั่นก็คือ ‘ฮวงยี่หู่’ แล้วหลังจากนั้นผมก็ไม่สามารถก่อตั้งบริษัทของผมได้อีกเลย”
“คุณ….” ลี่หยู่หลานแทบกลืนน้ำลายตัวเอง เธอไม่รู้ว่าเซี่ยเหล่ยรู้ว่าเธอเป็นใครได้ยังไงและยังรู้อีกว่าสามีของเธอชื่อจริงๆคือฮวงยี่หู่ นอกจากนี้เธอรับรู้ได้จากน้ำเสียงของเซี่ยเหล่ยที่พูดออกมา !
ทันใดนั้นสายตาของลี่หยู่หลานเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทันที
“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรอ ?” เจียงซินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาก่อนที่จะพูดว่า “ผมจะโทรหาผู้กำกับของพวกเราตอนนี้และจะให้เขาช่วยแก้ปัญหานี้ให้”
“อย่า !” เหลี่ยวเตอเชิงตื่นตระหนกและรีบคว้ามือของเจียงซินทันที เขายิ้มออกมาและพูดว่า “นี่มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดครับ คุณไม่จำเป็นต้องเรียกผู้กำกับของพวกคุณหรอก คงเป็นพนักงานชั้นล่างที่วางเอกสารผิดลำดับ เดี๋ยวผมจะลงไปเดี๋ยวนี้และบอกให้พวกเขาพิจารณาเอกสารมาใหม่อีกครั้ง”
อำนาจของจู้งเหว่ยและเจียงซินในตอนนี้มีมากพอที่ทำให้เหลี่ยวเตอเชิงกลัวจนหัวหดไปอยู่ในกระดอง !
เจียงซินวางโทรศัพท์ลง เขาไม่ให้กดโทรออกไปเขามาที่นี่เพื่อช่วยเซี่ยเหล่ย ถ้าเหลี่ยวเตอเชิงยินดีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ให้เขา ก็ไม่จำเป็นจะต้องถึงมือผู้กำกับของพวกเขาที่จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้….
“ทำทุกอย่างให้เรียบร้อย พวกผมจะรอดู” จู้งเหว่ยกล่าว
“อ่อ...” เหลี่ยวเตอเชิงยินดีที่จะตรวจสอบเอกสารใหม่อีกครั้ง เขาพยายามทำตามคำสั่งของจู้งเหว่ยและเจียงซิน เขาสามารถทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้นภายใน 1 วันเพราะว่าเซี่ยเหล่ยได้ดำเนินการทุกขั้นตอนมาเรียบร้อยหมดแล้วแต่ถ้าเขาทำเช่นนั้นเขาจะต้องตอบคำถามของ ฮวงยี่หู่และลี่หยู่หลานว่ายังไง ?
เหลี่ยวเตอเชิงมองไปที่ลี่หยู่หลานราวกับว่า รอฟังคำสั่งของเธออยู่….
ลี่หยู่หลานพูดออกมาแบบเก้ๆกังๆ “ฉันล่ะสงสัยเหลือเกิน พวกคุณเป็นอะไรกับเซี่ยเหล่ยเนี๊ย ?”
“มีความจำเป็นต้องบอกคุณมั้ย ?” เจียงซินกล่าว
“อย่างน้อยคุณทั้งสองคนก็ต้องแสดงตัวตนว่าเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัทอุตสาหกรรมจีนจริงๆมีหลายคนพยายามเป็นมิจฉาชีพเพื่อมาหลอกลวงผู้อื่น พวกคุณทั้งสองคนอาจจะเป็นนักแสดงที่ถูกว่าจ้างมาจากเซี่ยเหล่ยก็ได้” เหลี่ยวเตอเชิงหันกลับไปมองอย่างสงสัย ‘เราไม่มีทางรู้เลยนี่ว่าทั้งสองคนนี้เป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทอุตสาหกรรมจีนจริงๆ’
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรออกมาเขาเฝ้าดูการกระทำของพวกเขาและอีกอย่างเขาอยากได้ความมั่นใจในบางสิ่งบางอย่างจากบริษัทอุตสาหกรรมจีนด้วย สิ่งเหล่านี้มันจำเป็นต่อความปลอดภัยของเขาและความปลอดภัยของบริษัทที่เขากำลังจะก่อตั้งขึ้นมา
ทั้งจู้งเหว่ยและเจียงซินหันมามองกันและได้ข้อสรุปเดียวกันผ่านสายตา… ทั้งสองคนได้หยิบบัตรประจำตัวของเขาออกมาพร้อมกับเอกสารทางทหารบางอย่าง….
จู้งเหว่ยวางเอกสารเหล่านั้นไว้บนโต๊ะของเหลี่ยวเตอเชิง ทั้งเอกสารและบัตรประจำตัวของจู้งเหว่ยและเจียงซินเป็นของจริง…
หลังจากที่เหลี่ยวเตอเชิงมองไปยังเอกสาร เขาก็หัวเราะออกมา “ฮี่ ฮี่ ผมเข้าใจผิดขอโทษครับ เดี๋ยวผม...”
“ฮึ่ม...” ลี่หยู่หลานกระแอมออกมา “ทำได้แค่แสดงบัตรแค่นี้หรอ ? มันเป็นสิ่งที่ดีนะและถ้ามันเป็นของปลอมขึ้นมาล่ะ ?”
รอยยิ้มของ เหลี่ยวเตอเชิงหายไปทันทีใบหน้าของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อเขารู้ว่าลี่หยู่หลานกำลังจะทำอะไรในตอนนี้ เขาไม่สามารถเดินไปไหนได้ ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไม่ส่งผลดีต่อเขาเลยสักอย่าง ตอนนี้เขาอยู่บนเชือกตรงกลางหน้าผา ทั้ง 2 ฝั่งพร้อมจะตัดเชือกให้เขาร่วงลงสู่เหวได้ทุกเมื่อ
เซี่ยเหล่ยยังคงเงียบและไม่พูดอะไรออกมาทั้งๆเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับเขาโดยตรงแต่เขาเป็นเหมือนผู้ชมที่นั่งดูการตอบโต้ของทั้งสองฝ่าย…
จู้งเหว่ยและเจียงซินต่างแปลความหมายการกระทำของเซี่ยเหล่ยที่ยังคงเงียบและสงบนิ่งแตกต่างกัน เจียงซินเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคลคิดว่าเขาสามารถอ่านใจคนได้ดีแต่เขาไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้เซี่ยเหล่ยกำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนจู้งเหว่ยก็ไม่ได้สนใจการกระทำอะไรของเซี่ยเหล่ยมากมายนัก
ทั้งจู้งเหว่ยและเจียงซินต่างมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา “หัวหน้าเหลี่ยว ดูเหมือนว่าคุณไม่สามารถตัดสินใจได้นะ คุณอยากทำตามความปรารถนาของผู้หญิงคนนี้ใช่ไหม ?”
เหลี่ยวเตอเชิงพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “คุณเจียงคือ….” เขามองไปยังลี่หยู่หลาน…
ลี่หยู่หลานไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ตอนนี้เธอคลายความกังวลลงเพราะเธอคิดว่าคนหนุนหลังของเธอคือตระกูลกู๋ ! คนที่มีปัญหาที่สุดในตอนนี้ก็คือเหลี่ยวเตอเชิงที่ไม่รู้ว่าตัวเองจะเลือกฝั่งไหนดี….
“จู้ง ผู้กำกับโทรมาหน่ะ” จู้งเหว่ยและเจียงซินวางเอกสารไว้บนโต๊ะ
จู้งเหว่ยออกไปข้างนอกพร้อมกับโทรศัพท์มือถือ
เหลี่ยวเตอเชิงต้องการที่จะหยุดจู้งเหว่ยไว้ไม่ให้ออกจากห้องแต่ลี่หยู่หลานมาขวางทางเขาไว้ซะก่อน…
หลางซือเหยาดึงแขนเซี่ยเหล่ยออกมาอย่างเงียบๆแล้วก็กระซิบเบาว่า “คุณเซี่ย ทำไมคุณถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ ? พวกเขาสามารถช่วยคุณได้จริงๆหรอ ?”
มีรอยยิ้มเล็กๆปรากฏขึ้นบนมุมปากของเซี่ยเหล่ยและเขากระซิปเบาๆกับเธอว่า “ถ้าพวกเขาไม่สามารถช่วยผมได้ ก็คงไม่มีใครสามารถทำได้แล้วล่ะ ที่ผมไม่พูดอะไรเพราะผมต้องการเห็นว่าพวกเขาสามารถช่วยผมได้จริงๆและเต็มใจช่วยผมจากใจจริง !”
“ห๊ะ ?” หลางซือเหยารู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก
ติดตามตอนต่อไป…..