TXV – 78 ตรรกะแปลกๆ !
TXV – 78 ตรรกะแปลกๆ !
หลางซือเหยามาได้ถูกเวลาจริงๆ
เซี่ยเหล่ยกล่าวทักทายเธออย่างยิ้มแย้ม “สวัสดี คุณหลาง”
หลางซือเหยากล่าวทักทายเซี่ยเหล่ยเช่นกัน “ตะกี้ ฉันเห็นคุณขมวดคิ้วมีปัญหาอะไรรึปล่าว ?”
“ผมได้มาขอจดสิทธิบัตรบริษัทเมื่อวานนี้โดยใช้ชื่อว่า ‘อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า’ พอมาวันนี้พนักงานกลับบอกผมว่ามีคนใช้ชื่อนี้ไปแล้วและบอกให้ผมเปลี่ยนชื่อบริษัทนี้ ชื่อนี้มันมีความหมายต่อผมมาก ผมไม่อยากจะเปลี่ยนชื่อเลย” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หลางซือเหยาหยุดคิดสักครู่ก่อนจะพูดว่า “มีใครบางคนกำลังทำให้การจดสิทธิบริษัทของคุณยากขึ้นหรือเปล่า ? ถึงกับจงใจใช้ชื่อเดียวกับบริษัทของคุณ”
ทันใดนั้นใบหน้าของ กู๋เค่อเหวินและฮวงยี่หู่ก็ลอยมาทันที
“คุณจะทำยังไงต่อล่ะ ?” หลางซือเหยาถาม
“ผมต้องการจะคุยกับหัวหน้าของที่นี่ ผมคิดว่าเขาคงจะให้เหตุผลที่ดีกับผมได้” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ฉันเคยเรียนบริหารธุรกิจจากประเทศอเมริกามาและฉันก็มีประสบการณ์ทำงานมาหลายบริษัทโดยส่วนใหญ่ ฉันได้เป็นตำแหน่งเลขานุการ ฉันพอมีประสบการณ์เรื่องนี้อยู่บ้าง บางทีการที่ฉันไปกับคุณ ฉันอาจจะช่วยคุณได้นะ” หลางซือเหยากล่าว
“คุณเคยเป็นเลขานุการด้วยเหรอ ? ผมดูคุณไม่ออกจริงๆเลยนะเนี่ย” ในตอนนี้เซี่ยเหล่ยต้องการผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้มาช่วยเขาในการก่อตั้งบริษัท
เซี่ยเหล่ยเดินขึ้นไปยังสำนักงานชั้น 2 และเมื่อพวกเขาเดินขึ้นไปข้างบนปรากฏว่าประตูสำนักงานถูกปิดอยู่
เซี่ยเหล่ยพยายามใช้ตาซ้ายเพ่งมองไปยังประตูจากนั้นไม่นานประตูก็ได้จางหายไปราวกับอากาศ
มีผู้ชายและผู้หญิงนั่งคุยกันในสำนักงานด้วยน้ำเสียงที่มีความสุขและยิ้มแย้มตลอดเวลา….
เซี่ยเหล่ยมองไปยังใบหน้าของหญิงสาวในห้องนั้นและรู้ทันทีเลยว่าเป็น..
ผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามผู้ชายคนนั้นก็คือภรรยาของฮวงยี่หู่ ‘ลี่หยู่หลาน’ เธอเป็นผู้อำนวยการค้าของเมืองห่ายจู
ชายที่นั่งอยู่บนโต๊ะเขาเป็นหัวหน้าของสำนักงานทางธุรกิจและการพาณิชย์ ‘เหลี่ยวเตอเชิง’ มีป้ายชื่อของเขาติดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน
ลี่หยู่หลานเกิดเมื่อปีพ. ศ. 2523 และเธอมีอายุ 35 ปี แต่ใบหน้าของเธอดูอ่อนเยาว์มาก เธอเป็นผู้หญิงที่มีเล่ห์เหลี่ยมและเป็นผู้หญิงที่เหมาะสมกับฮวงยี่หู่จริงๆ
เหลี่ยวเตอเชิงเป็นชายวัยกลางคนธรรมดาคนหนึ่งใบหน้าสะอาดสะอ้านเหมือนพนักงานทั่วไป เขาแต่งตัวดูดีแต่จริงๆแล้วภายในนั้นเน่าเฟะเต็มไปด้วยความคิดอันชั่วร้ายที่จะทำลายคนอื่น…
“ทำไมคุณถึงไม่เคาะประตู ?” หลางซือเหยาถาม
“เดี๋ยวก่อน !” เซี่ยเหล่ยตะเบ่งเสียงออกไปทันที
หลางซือเหยาหันกลับมามองเซี่ยเหล่ยด้วยอาการงงงวย แต่เธอไม่ได้พูดอไรออกมาและไม่ได้เคาะประตูตามที่เซี่ยเหล่ยบอก
ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยกำลังเพ่งไปที่ริมฝีปากของลี่หยู่หลานและเริ่มอ่านปากของเธอ
“สามีของฉันอยากเชิญหัวหน้าเหลี่ยวไปเล่นกอล์ฟสักหน่อย หัวหน้าเหลี่ยวพอจะมีเวลาว่างไหม ?” ลี่หยู่หลานยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
เหลี่ยวเตอเชิงหัวเราะออกมา “โอ้ ถึงแม้ว่าผมไม่ได้ทำอะไรมาก สามีของคุณเชิญผมไปเล่นกอล์ฟเลยหรอ ? ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ก็ได้”
“หัวหน้าเหลี่ยว อย่าบอกนะว่าคุณไม่เห็นพวกเราเป็นเพื่อนแล้ว ? คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดกับสามีของฉันมาตลอดเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เขาจะชวนคุณไปเล่นกอล์ฟถึงแม้ว่าจะไม่ใช่เรื่องของเซี่ยเหล่ยที่ให้คุณช่วยจัดการ ว่าแต่คุณชอบเล่นกอล์ฟมั้ย ?” ลี่หยู่หลานกล่าว
เหลี่ยวเตอเชิงหัวเราะออกมา “อย่าพูดแบบนั้นเลย ตกลงว่าจะให้ผมไปใช่ไหม ผมต้องทำตามสิ่งที่ประธานลี่สั่งอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม”
“ตกลงแล้วนะ” ลี่หยู่หลานยิ้มออกมา
เหลี่ยวเตอเชิงพูดอีกครั้งว่า “โอ้ เดี๋ยวนะ ผมได้ยินมาว่าประธานฮวงต้องการที่ดินผืนหนึ่งที่อยู่ติดกับถนนเติสริงส์เป็นเรื่องจริงใช่มั้ย ?”
“ใช่ มันเป็นความจริง” ลี่หยู่หลานพูดต่อว่า “ที่ดินส่วนนั้นมีทำเลที่ดีเพราะอยู่ติดกับโรงพยาบาลแถมอยู่ใกล้กับโรงเรียนภายในรัศมี 2 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่และมันเป็นสถานที่ที่ดีมาก ทำไมจู่ๆคุณถึงพูดถึงเรื่องนี้ล่ะ ? คุณสนใจหรอ ?”
เหลี่ยวเตอเชิงหัวเราะ “ผมไม่ได้สนใจนักหรอกแต่ผมรู้ว่าบางคนสามารถช่วยให้เรื่องนี้ทำได้สะดวกสบายมากขึ้น”
“งั้นดีเลย ฉันขอขอบคุณคุณล่วงหน้าแล้วกัน เดี๋ยวฉันจะพูดกับสามีของฉันในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และเราจะต้องรีบทำให้เสร็จให้เร็วที่สุดก่อนที่ฉันจะเดินทางออกไป” ลี่หยู่หลานยืนขึ้น
เหลี่ยวเตอเชิงยืนด้วยเช่นกัน “ท่านลี่ ได้โปรดบอกให้ท่านประธานฮวง รู้ว่าเซี่ยเหล่ยไม่มีทางที่จะก่อตั้งบริษัทใดๆในเมืองห่ายจูนี้ได้ ผมจะหาทุกวิถีทางเพื่อขัดขวางไม่ให้เขาสามารถจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทได้สำเร็จ”
ลี่หยู่หลานยิ้มออกมา “อืม ลาก่อน หัวหน้าเหลี่ยว”
“ผมจะไปส่งคุณ” เหลี่ยวเตอเชิงก้าวขาออกไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตู
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยหยุดใช้ตาซ้ายและยื่นมือออกมาผลักปะตูเข้าไป
ทันทีที่ประตูเปิดออก ลี่หยู่หลานและเหลี่ยวเตอเชิงต่างจ้องมองไปที่เซี่ยเหล่ยด้วยสายตาเดียวกัน พวกเขาประหลาดใจว่าเขามาทำอะไรที่นี่ แต่พวกเขาคาดเดาจากรูปลักษณ์ภายนอกของเซี่ยเหล่ย พวกเขาบอกได้เลยว่าเขาจงใจมาที่นี่เพื่อเหตุผลอะไรบางอย่าง…
เหลี่ยวเตอเชิงรีบดึงสติกลับมาอย่างรวดเร็วก่อนที่เขาจะพูดอย่างหยาบคายว่า “คุณเป็นใครวะ ? ทำไมไม่เคาะประตูก่อนจะเข้ามา ?”
เซี่ยเหล่ยยิ้ม “ขอประทานโทษครับ พอดีว่าผมไม่ได้ตั้งใจและมือของผมก็บังเอิญไปผลักประตูโดยบังเอิญ”
“ไร้มารยาท !” เหลี่ยวเตอเชิงบ่นพึมพัมออกมา
ถึงแม้ว่าเหลี่ยวเตอเชิงจะพูดอย่างเงียบๆแต่เซี่ยเหล่ยและหลางซือเหยาได้ยินชัดเจน เขากำลังมีพิรุธบางอย่างราวกับว่า เขากลัวเรื่องที่คุยกันในห้องหลุดไปยังหูเซี่ยเหล่ย......
เหลี่ยวเตอเชิงหันไปหาลี่หยู่หลานและพูดว่า “ท่านลี่ ผมจะออกไปส่งคุณ”
ลี่หยู่หลานรีบตอบกลับไปว่า “ไม่ พอดีว่าฉันไม่มีเรื่องด่วนอะไร ฉันยังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องพูดกับคุณอีกแต่คุณควรคุยกับสุภาพบุรุษคนนี้ให้เสร็จก่อนนะ ฉันจะรอ”
เหลี่ยวเตอเชิงหันไปมองที่ลี่หยู่หลานแต่เขาก็เข้าใจความหมายที่เธอทำแบบนี้ทันทีและพูดต่อว่า “ได้เลย รอผมก่อนนะ” จากนั้นเขามองไปที่เซี่ยเหล่ย “คุณต้องการอะไร ?”
เหลี่ยวเตอเชิงกำลังแสดงความจงรักภัคดีกับลี่หยู่หลาน การกระทำหลังจากนี้จะแสดงให้เธอเห็นว่าเขาซื่อสัตย์กับเธอและฮวงยี่หู่แค่ไหน
เซี่ยเหล่ยพูดออกไปทันทีว่า “หัวหน้าเหลี่ยว ผมต้องการจะถามอะไรบางอย่าง ผมได้ส่งใบสมัครจดทะเบียนก่อตั้งบริษัทของผมไปเมื่อวานนี้และพนักงานของคุณได้ตรวจสอบว่า ‘อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า’ มีคนใช้ชื่อนี้แล้วและไม่สามารถใช้ชื่อนี้ได้อีกผมมาเพื่อสอบถามเรื่องนี้ว่ามีบุคคลอื่นลงทะเบียนชื่อซ้ำและปฏิเสธคำขอการก่อตั้งบริษัท ผมจะมาถามว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ ?”
เหลี่ยวเตอเชิงเผยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจออกมาจากริมฝีปากของเขา “ผมก็คิดว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ซะอีก มันเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆเอง ถ้าคนอื่นได้จดชื่อเหมือนบริษัทของคุณไปแล้วคุณก็หาชื่ออื่นซะสิแล้วก็สมัครใหม่อีกครั้ง ชิ้ว ชิ้ว ! ถ้าคุณมีคำถามอะไรอีกคุณก็สอบถามได้ที่เคาน์เตอร์ด้านล่างได้เลยผมยุ่งมากและไม่มีเวลาที่จะคุยกับคุณหรอก”
ใบหน้าของเซี่ยเหล่ยเปลี่ยนไปทันทีราวกับว่าเขาสามารถระเบิดความโกรธออกมาได้ทุกเมื่อ
ลี่หยู่หลานยืนอยู่ข้างๆเขา เธอเผยรอยยิ้มอ่อนๆของความสะใจออกมาเช่นกัน
ในขณะนั้นหลางซือเหยาพูดแทรกขึ้นมาว่า “ในฐานะข้าราชการมีหน้าที่บริการประชาชน คนที่มีทัศนคติแย่แบบนี้เหมาะสมแล้วหรอที่ได้เป็นหัวหน้าของที่นี่ ?”
เหลี่ยวเตอเชิงจ้องเขม็งไปที่หลางซือเหยา “คุณเป็นใคร ? มีใครต้องการความคิดเห็นของคุณ ? ถ้าคุณไม่พอใจกับเรื่องนี้มีกล่องร้องเรียนอยู่ชั้นล่างคุณสามารถร้องเรียนได้เลยในกล่องนั่น”
“มันเป็นเรื่องไร้สาระมากที่จะทำแบบนั้น คนอย่างคุณมานั่งในตำแหน่งหัวหน้าได้ยังไงในเมื่อพฤติกรรมเลวทรามขนาดนี้” หลางซือเหยากล่าว
“ออกไป !” เหลี่ยวเตอเชิงโกรธจัดและชี้ไปยังประตูทางออกสำนักงาน
หลางซือเหยาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้และพูดต่อว่า “คุณมีสิทธิ์อะไรที่จะไล่ฉันออกไป ? ที่นี่มันเป็นสถานที่สาธารณะไม่ใช่ห้องส่วนตัวของคุณ ถ้าคุณอยากให้ฉันออกไปคุณก็โทรหาตำรวจเพื่อลากฉันออกไปสิ”
เหลี่ยวเตอเชิงโกรธมากเขาหัวเราะในขณะที่พูดว่า “ผมเห็นคุณทั้งสองคนกำลังสร้างปัญหาและกำลังขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงงาน งั้นดีเลย ผมจะโทรหาตำรวจตอนนี้และลากพวกคุณไปในห้องขัง คุณคงติดอยู่ที่นั่นสักครึ่งเดือน !”
“คุณ...” หลางซือเหยารู้สึกกลัวเล็กน้อย
“ให้ผมคุยกับเขาเอง” เซี่ยเหล่ยกล่าว “หัวหน้าเหลี่ยว คุณไม่ต้องมาใช้ตำรวจเพื่อข่มขู่พวกเราหรอก เพื่อนของผมพูดเพียงไม่กี่ประโยคเองทำไมจะต้องแจ้งตำรวจมาจับพวกเราไปเข้าห้องขังด้วยล่ะ ? ผมไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไปผมแค่อยากรู้ว่าการที่ผมตั้งชื่อบริษัทเป็น อุตสาหกรรมอาชาสายฟ้า จะไม่ได้รับการอนุมัติอีกแล้วใช่ไหม ?”
“แน่นอน ไม่ได้อยู่แล้ว” เหลี่ยวเตอเชิงกล่าว
“คุณคงจะใช้เหตุผลเดียวกันในการปฏิเสธการก่อตั้งบริษัทของผมถึงแม้ว่าผมจะเปลี่ยนชื่อเป็นชื่ออื่นแล้วก็ตามใช่ไหม ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว
เหลี่ยวเตอเชิงหัวเราะ “หนุ่มน้อยมีปัญหาอะไรกับผมหรือเปล่า ? คุณก็แค่ส่งใบสมัครมาอีกครั้ง ถ้าไม่มีบริษัทอื่นใช้ชื่อเหมือนของคุณก็จะได้รับการอนุมัติอย่างแน่นอนถ้าคุณใช้ชื่ออื่นมาสมัครผมไม่สามารถกีดกันอะไรได้อยู่แล้ว”
“ดูเหมือนว่าคุณจะไม่ยอมให้ผมก่อตั้งบริษัทขึ้นง่ายๆสินะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
ทั้งเหลี่ยวเตอเชิงและลี่หยู่หลานทั้ง 2 คนต่างยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข
เซี่ยเหล่ยหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาขึ้นมาและค้นหารายชื่อผู้ติดต่อของเขาจากนั้นเขากดหมายเลขไปในโทรศัพท์ “คุณจู้ง ? ผมเซี่ยเหล่ยเอง ผมกำลังมีปัญหาอะไรบางอย่างคุณมาช่วยผมหน่อยได้ไหม ?”
“คุณเซี่ย คุณมีปัญหาอะไร ?” เสียงของจู้งเหว่ยดังออกมาจากโทรศัพท์
“ผมอยู่ที่สำนักงานธุรกิจและการพาณิชย์ของเมืองห่ายจู ผมมาที่นี่เพื่อก่อตั้งบริษัทและหัวหน้าสำนักงานที่นี่กำลังขัดขวางการก่อตั้งบริษัทของผมผมพยายามพูดดีๆกับเขาแล้วแต่เขายังปฏิเสธ คุณคิดว่าผมควรทำยังไงต่อไปดี ?”
“ยังมีเรื่องบ้าๆแบบนี้เกิดขึ้นอยู่อีกหรอ ? รอสักครู่ผมกำลังรีบไป” จู้งเหว่ยพูดอย่างหงุดหงิด
เซี่ยเหล่ยวางโทรศัพท์แล้วหันไปมองที่เหลี่ยวเตอเชิง รอยยิ้มอันเย่อหยิ่งออกจากมุมปากของเซี่ยเหล่ย
เหลี่ยวเตอเชิงไม่สนใจกับคำพูดของเขาแต่เมื่อเขาเห็นรอยยิ้มที่เย่อหยิ่งของเซี่ยเหล่ย เขาก็เริ่มสูญเสียความมั่นใจและถามอย่างละเอียดว่า “คุณกำลังเรียกใครมา ?”
“เพื่อน” เซี่ยเหล่ยตอบแบบลวกๆ
“เพื่อนคนนั้นคือใคร ?” เหลี่ยวเตอเชิงถามอีกครั้ง
เซี่ยเหล่ยยักไหล่ “ทำไมคุณถึงสนใจเพื่อนผมนักล่ะ ?”
“คุณ….” เหลี่ยวเตอเชิงแทบจะเป็นบ้าไปแล้วในตอนนี้
ลี่หยู่หลานหัวเราะออกมา “หัวหน้าเหลี่ยวอย่าไปสนใจเด็กๆเหล่านี้เลยเด็กเหล่านี้ก็แค่คนเจ้าอารมณ์และชอบโอ้อวดตัวเอง คุณเป็นผู้ใหญ่แล้วปล่อยให้เด็กมันเป็นไปตามภาษาเด็กเถอะ ถึงแม้ว่าเพื่อนของเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นใครแล้วเขาจะทำอะไรได้ ?”
หลังจากได้ยินคำพูดของลี่หยู่หลานเหลี่ยวเตอเชิงก็รู้สึกเหมือนว่าเขามีคนหนุนหลังอยู่ “ก็ดี ผมก็อยากรู้ว่าเพื่อนของคุณที่คุณขอความช่วยเหลือไป ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าเพื่อนของคุณจะทำให้การอนุมัติบริษัทของคุณผ่านไปได้หรือไม่ ? ถ้าเพื่อนของคุณมาถึงที่นี่แล้ว ฝันไปเถอะ !”
เซี่ยเหล่ยไม่สนใจกับคำพูดของเหลี่ยวเตอเชิงเลย เขาหันไปพูดกับหลางซือเหยาว่า “คุณเหยา นั่งก่อนสิ !”
หลางซือเหยาก็อยากรู้มากเช่นกันว่าเพื่อนของเซี่ยเหล่ยที่เรียกมาช่วยนี้เขาเป็นใคร มันเหมือนกับว่าเรื่องนี้ได้ถูกวางแผนมาล่วงหน้าแล้วจากนั้นไม่นานเธอก็นั่งลงที่โซฟาข้างๆเซี่ยเหล่ย
บรรยากาศในห้องนี้เงียบสงัด จนแทบได้ยินเสียงลมหายใจ….
ติดตามตอนต่อไป….