TWO Chapter 54 ฝ่ายตรวจสอบพิเศษ
TWO Chapter 54 ฝ่ายตรวจสอบพิเศษ
ฝ่ายการเงิน หรือกรมการเงินในตอนนี้ ได้จบการรายงานแล้ว
เจ้ากรมการบริหารฟ่านจงหยาน ได้กล่าวขึ้น “กรมการบริหารจัจจุบันดูแลฝ่ายการเกษตร ฝ่ายก่อสร้าง ฝ่ายนาเกลือ และฝ่ายทะเบียน เพื่อเป็นไปตามอำนาจของเจ้ากรม ข้ามีข้อเสนอในการประปรับโครงสร้างการบริหาร”
“เชิญกล่าวออกมา”
“เกลือเป็นทรัพยากรทางยุทธศาสตร์ และควรอยู่ภายใต้การดูแลของฝ่ายคลังวัสดุ มันเป็นเกียรติที่ได้จัดการนาเกลือภายใต้ความไว้ใจของนายท่าน ถึงกระนั้น มันก็ถึงเวลาแล้วที่ฝ่ายนาเกลือจะอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ กรุณาอนุญาติตามข้อเสนอของข้าด้วย นายท่าน” ฟ่านจงหยานกล่าวอย่างใจเย็น ราวกับว่าเขาไม่สนใจมัน
ในฐานะที่เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญมากที่สุดแห่งหนึ่งของดินแดน รับผิดชอบเส้นชีวิตทางเศษฐกิจของดินแดน ความสำคัญของฝ่ายนาเกลือไม่จำเป็นต้องพูดออกมาทุกคนก็รู้ แต่ตอนนี้ฟ่านจงหยานกับเสนอให้ฝ่ายนาเกลือไปอยู่กับกรมคลังวัสดุ มันจึงทำให้ทุกคนแปลกใจ
วันก่อนฝ่ายการเกษตรได้ดึงบางกลุ่มมาจากฝ่ายคลังวัสดุ ซึ่งประกอบไปด้วย การเกษตร การป่าไม้ การประมง และปศุสัตว์ สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนี้เป็นการสัมปทานหรือไม่? หรือฟ่านจงหยานและเทียนเหวินจิงได้พูดคุยทำความเข้าใจกันในเรื่องดังกล่าวแล้ว?
นี่เป็นคำถามของคนส่วนใหญ่ในห้องประชุม โอหยางโชวไม่คิดว่าความจริงจะง่ายอย่างนั้น
ในฐานะข้าราชการที่แท้จริงคนแรกของโอหยางโชว ฟ่านจงหยานกำลังแสดงความทะเยอทะยานทางการเมืองของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาแยกแยะความสัมพันธ์ระหว่างหน่วยงานของเขา การมาถึงของเทียนเหวินจิงทำให้เขารู้สึกร้อนรน ดังนั้น เขาจึงมีความคิดริเริ่มเพิ่มความเร็วในการปรับโครงสร้างการบริหาร
สำหรับการแบ่งปันดังกล่าว โอหยางโชวมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับมัน ดังนั้น เขาจึงเห็นพ้องด้วย “ข้าอนุญาติ”
เมื่อฟ่านจงหยานได้รับอนุญาติจากโอหยางโชวแล้ว เขาก็กล่าวต่อ “นอกจากนี้ การเพิ่มจำนวนขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วในดินแดน ทำให้สำนักทะเบียนจ้องทำงานอย่างหนัก ดังนั้น ข้าขอเสนอให้เลื่อนสำนักทะเบียนให้เป็นฝ่ายสำนักทะเบียน”
ใบหน้าของโอหยางโชวไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ “ข้าอนุมัติ นอกจากนี้ กรมการบริหารต้องเสนอชื่อห้าหน้าฝ่ายทะเบียนคนใหม่ ส่วนกู่ซิวเหวินซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนเดิม จะได้รับผิดชอบงานอื่น”
นี่ขัดกับความคาดหวังของฟ่านจงหยาน และทำให้เขาประหลาดใจ อาจกล่าวได้ว่ากู่ซิวเหวินเป็นผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของกรมการบริหาร หลังจากฟังคำสั่งของโอหยางโชว ในการย้ายกู่ซิวเหวินออกจากกรมการบริหาร มันทำให้เขางงงวย
การหาคนมาแทนที่กู่ซิวเหวินเป็นเรื่องยากที่จะทำได้ในตอนนี้ โดยเฉพาะตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายด้วยแล้ว แม้ว่าเขาจะมีเสมียนที่เป็นชาวบ้านโดยกำเนิดอย่างตู่ฉวน(Du Quan) หรือผู้ช่วยอีกคนของฟ่านจงหาย ฉินซิเจี้ยน(Qin Shijian) พวกเขายังคงไม่เหมาะสมที่จะรับตำแหน่งนี้
เขาระงับความคิดของเขาชั่วคราว ฟ่านจงหยานเสนอการปรับโครงสร้างเพิ่มเติม “ด้วยมีการบริหารงานข้าราชการในดินแดนอยางต่อเนื่อง การปรับปรุง การขยายตัว เมื่อรวมข้าราชการระดับต่ำด้วยแล้ว ตอนนี้ระบบข้าราชการพลเรือนมีขนาดใหญ่ขึ้นมาก และจะใหญ่ขึ้นไปอีก ด้วยเหตุผลนี้ ข้าเห็นว่ามันถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องจัดตั้งฝ่ายตรวจพิเศษ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแล และประเมินผลการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือน”
โอหยางพยักหน้า นี่เป็น 1 ในความกังวลที่ใหญ่ที่สุดของเขา หลังจากการปฏิรูป เขาไม่คิดว่าข้าราชการของเขาจะยังคงใสซื่อ มีระเบียบวินัย และตั้งใจปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเหลวไหล เขาต้องมีคนตรวจสอบการทำงานของข้าราชการ และความซื่อสัตว์ของพวกเขา โดยเขาต้องมีทั้งบทลงโทษ และรางวัล นั่นจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการจัดการกับมัน
ตั้งแต่สมับโบราณ กฏข้อบังคับต่างๆจะตามมาด้วยปัญหาเสนอ การลงโทษเป็นสิ่งที่ลำบากมากที่สุด ฟ่านจงหยานเสนอให้ตั้งฝ่ายตรวจสอบพิเศษ ทำให้โอหยางโชวพอใจเป็นอย่างมาก มันเป็นความคิดที่ดีของฟ่านจงหยาน เขาเหมาะกับภาพลักษณ์ผู้ที่อยู่ในระเบียบวินัยอย่างเคร่งครัด
“ข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้อย่างมาก ดังนั้น ข้าจะจัดตั้งฝ่ายตรวจสอบพิเศษ เพื่อรับหน้าที่กำกับดูและประเมินการปฏิบัติงานของข้าราชการพลเรือน โดยฝ่ายนี้จะอยู่ภายใต้กรมการบริหาร”
เมื่อถุงจุดนี้ ข้อเสนอของฟ่านจงหยานได้รับการอนุมัติแล้ว 3 เรื่อง ทุกคนตระหนักได้ถึงความทะเยอทะยานของเขา ด้วยฝ่ายตรวจสอบพิเศษนี้ เขาจะอยู่เหนือข้าราชการพลเรือนทั้งหมด พวกเขาจะไม่กล้าละเว้นหน้าที่ของเขา ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะถูกลงโทษ ไล่ออกหรือการลงโทษที่รุนแรงกว่านั้น
ในส่วนของรายละเอียดการจัดเตรียมงานของฝ่ายตรวจสอบพิเศษนั้น ไม่เหมาะที่จะพูดคุยในห้องประชุม เพราะมันซับซ้อนเกินไป หลังจากจบการประชุม โอหยางโชวค่อยพูดคุยถึงรายละเอียดในภายหลัง
หลังจากกรมการบริหาร เป็นกรมคลังวัสดุ คลังเก็บของเพิ่งจัดตั้งขึ้น และงานของพวกเขายังไม่ชัดเจน
เทียนเหวินจิงยังมีใบหน้าที่สงบ เขาพูดอย่างใจเย็นว่า “ข้ามีเพียงข้อเสนอเดียวเท่านั้น ขณะนี้มีม้า 200 ตัว และมันจะเพิ่มขึ้นอีก ดังนั้น ข้าขอเสนอให้ทำฟาร์มม้า ที่สำคัญกว่านั้น คือการเลือกพ่อพันธ์ุ และแม่พันธ์ุที่เหมาะสม เพื่อใช้พวกมันในการให้กำเนิดลูกม้าที่ยอดเยี่ยมมากขึ้น”
ข้อเสนอของเทียนเหวินจิง ทำให้โอหยางโชวระลึกได้ว่า ในชีวิตที่แล้วของเขา ลุ่มน้ำเหลียนโจวมีม้าพันธ์ดี คือ ม้าสีเขียว
ตามตำนาน ม้าสีเขียวถือกำเนิดมาจากเทพโบราณของพวกแมลงและม้า ดังนั้น ม้าสีเขียวจึงมีสายเลือดของเทพอยู่ มันวิ่งได้เร็วเหมือนพายุ และมีจิตวิญญาณที่แข็งแกร่ง มันเป็นม้าที่เหมาะมาก
“ในความเป็นจริง มีพันธ์ม้ายอดเยี่ยมในลุ่มน้ำเหลียนโจว ข้าคิดว่าพวกมันส่วนใหญ่จะอยู่ในใจกลางของลุ่มน้ำ เราต้องข้ามแม่น้ำมิตรภาพ แล้วลองค้นหาพวกมันจากฝั่งโน้นดู”
“อย่างไรก็ตาม” โอหยางเงียบชั่วครู่ ก่อนจะกล่าวต่อว่า “พื้นที่ใจกลางลุ่มน้ำมีคนอาศัยอยู่จำนวนมาก ในกลุ่มคนพวกนั้นมีเผ่าเร่ร่อนที่ทรงพลังอยู่ด้วย พวกเขามีทหาร มีความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนู ถ้าเราต้องการจับม้าสีเขียว เราคงต้องจัดการกับพวกมันก่อน”
ในเวลานั้น นายกองสานโก่วฉีแห่งฝ่ายข่าวกรองก็มีไอเดีย เขายืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “นายท่าน, ฝ่ายข่าวกรองจะรับผิดชอบเรื่องนี้เอง”
โอหยางโชวพยักหน้า แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ข้าเห็นด้วยกับการรับงานี้ของฝ่ายข่าวกรอง แต่พวกเจ้าต้องระวังให้ดี เวลานี้เราเน้นการจับม้าสีเขียว ถ้าเป็นไปได้อย่าได้ปะทะกับพวกชนเผ่าเร่ร่อน”
สานโก่วฉีพยักหน้า และพูดอย่างหนักแน่นว่า “ข้าเข้าใจแล้วนายท่าน ท่านมั่นใจได้เลย”
ณ จุดนี้ การประชุมครั้งแรกหลังจากการอัพเกรดเป็นเมืองซานไห่ได้สิ้นสุดลง หลังการประชุม โอหยางโชวได้พูดคุยกับนายทหาร เพื่อเตรียมการการขยายกองทัพต่อไป
โอหยางโชวตระหนักลึกซึ้งถึงความสำคัญของการมีทหารราบ เชากล่าวว่า “สำหรับการขยายตัวต่อไปของกองทัพ เราจะละทหารม้าไว้ก่อน แล้วเน้นไปที่ทหารราบ ข้าพร้อมที่จะขยายกองทหารราบอย่างเต็มกำลัง”
ขุนพลซีพยักหน้าตอบรับ แล้วถามว่า “ตามที่นายท่านกล่าว ใครจะรับหน้าที่ดูแลทหารราบเหล่านี้”
นอกจากหลินยี่แล้ว นายทหารคนอื่นเป็นเพียงทหารขั้น 7 พวกเขายังไม่สามารถสั่งการกองทัพได้
“กองทหารราบที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ ทหารทั้งหมดจะถูกคัดสรรโดยขุนพลซี และจะอยู่ภายใต้การดูแลของท่าน ส่วนกองทหารม้า ข้าจะให้หลินยี่เป็นผู้บัญชาการคนใหม่” โอหยางโชวประกาศอย่างสงบ
หลินยี่ แม้ว่าเขาจะอยู่เพียงวัยหนุ่ม แต่เขาก็เป็นคนใจเย็น มีความคิดที่ยืดหยุ่น และเป็นต้นกล้าที่ดี ในเวลาเพียง 1 เดือน จากหัวหมู่ กลายเป็นผู้บัญชาการ เห็นได้ชัดว่าโอหยางโชวชื่นชมและไว้ในตัวเขาเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำกล่าวของโอหยางโชว หลินยี่รู้สึกขอบคุณเขาเป็นอย่างมาก เขากล่าวว่า “ข้าขอขอบคุณนายท่านที่เลื่อนขั้นให้ข้าในครั้งนี้ ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวัง”
โอหยางโชวโบกมือ เมื่อเขามองไปที่ด้านหลัง เขาเห็นจางต้วหนิว เจ้าซีฮู และนายทหารคนอื่นๆอิจฉา เขายิ้มแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องอิจฉาเขา ข้ารับประกันได้ว่า ในหมู่พวกเจ้า ใครก็ตามที่เลื่อนเป็นทหารขั้น 9 ได้เป็นคนแรก ข้าจะเลื่อนให้เขาเป็นผู้บัญชาการกองทหารราบ”
นี่ทำให้ทุกคนประหลาดใจ โอหยางโชวประสบความสำเร็จในการทำให้ทุกคคนตกใจ เขาทำให้ทุกคนมุ่งมั่นที่จะเป็นคนแรกที่เลื่อนขั้นไปถึงทหารขั้น 9
มี 3 คนที่สามารถเข้าแข่งในครั้งนี้ได้ คือ จางต้าหนิว เจ้าซีฮู และหลี่หมิงเหลียง การที่ทั้ง 3 จะเลื่อนเป็นทหารขั้น 9 นั้น ขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้น 2 คนแรกถูกมองว่าเป็นตัวเกร็ง หลี่หมิงเหลียงด้อยกว่าพวกเขาเพียงเล็กน้อย ส่วนเล่าไค และเจ้าเฟิง ทั้ง 2 เป็นนายทหารใหม่ พวเขายังคงอยู่เพียงทหารขั้น 6 เท่านั้น
ดังนั้น เป็นไปได้อย่างมากที่ผู้บัญชาการทหารราบจะถูกตัดสินระหว่าง จางต้าหนิว เจ้าซีฮู และหลี่หมิงเหลียง
สำหรับนายกองของหมวดทหารม้าที่ 2 ที่ว่างอยู่ โอหยางโชวไม่รีบร้อนที่จะแต่งตั้งใคร เขาจะรอจนกวาจะสามารถกำหนดตัวผู้บัญชาการกองทหารราบได้
เมื่อเรื่องการขยายกองทัพเสร็จสิ้น โอหยางโชวมุ่งหน้าไปที่ตลาดเพื่อซื้อแบบแปลนสิ่งก่อสร้าง
เวลานี้ สิ่งก่อสร้างระดับหมู่บ้านทั้ง 4 แห่ง จะถูกอัพเกรดเป็นระดับเมือง ในหมู่พวกมัน ห้องน้ำสาธารณะ ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างสาธารณะ ต้องใช้เงิน 20 เหรียญทอง ในการซื้อแบบแปลน เพราะที่เป็นระดับที่สูงสุดของห้องน้ำสาธารณะแล้ว
สำหรับยุ้งฉาง ศาลบรรพบุรุษ และโรงเรียน แบบแปลนสิ่งก่อสร้างในระดับเมืองของพวกมันมีราคาฉบับละ 50 เหรียญทอง ยุ้งฉางและโรงเรียนสามารถอัพเกรดเป็นระดับเมืองได้ทันที ในขณะที่ศาลบรรพบุรุษสามารถทำได้พร้อมวัด
โอหยางโชวใช้เงินเพิ่มอีก 20 เหรียญทอง เพื่อซื้อแบบแปลนตลาดขั้นกลาง เพื่อปลดล็อกส่วนการประมูลล่วงหน้า รวมแล้ว แบบแปลนทั้ง 5 มีราคารวมกันทั้งสิ้น 190 เหรียญทอง
เมื่อคิดถึงแบบแปลนสิ่งก่อสร้าง เขานึกขึ้นได้ว่า ในถุงเก็บของของเขาก็มีอยู่บ้าง เขาได้มาจากการบุกทำลายค่ายโจร มีทั้งแบบแปลนศูนย์ศิลปะการต่อสู้ คอกม้า โรงผลิตอาวุธ และหอเตือนภัย เขานำพวกมันทั้งหมดขายให้ตลาด หลังหักภาษี 20% เขาได้รับเงิน 52 เหรียญทอง
หลังจากซื้อ-ขายเสร็จสิ้น เงินของเขาลดลงจนเหลือเพียง 372 เหรียญทอง เขาไม่ต้องการใช้จ่ายมากนัก
นอกเหนือจาก แบบแปลนสิ่งก่อสร้าง โอหยางโชวยังเตรียมที่จะซื้อของอื่นๆ ผลไม้ต้องใช้ต้นกล้าในการเพาะปลูก การใช้เมล็ดจากป่าจะทำให้คุณภาพของผลไม้ไม่ดีนัก
ออกจากตลาด โอหยางโชวมุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์ของเขา มีอีกหลายสิ่งรอให้เขาจัดการ