TXV 77 – ปัญหาถาโถม !
TXV 77 – ปัญหาถาโถม !
เจียงหยูยี่พาเซี่ยเหล่ยเข้าไปในห้องเก็บข้อมูล เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์จากนั้นก็เข้าไปในเครือข่าย เธอหาข้อมูลเกี่ยวกับ ฮวงยี่หู่ และพบอย่างรวดเร็ว....
ทันทีที่สายตาของเซี่ยเหล่ยได้เห็นภาพของ ฮวงยี่หู่ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เขาแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ฮวงยี่หู่ ในรูปต่างจากชายคนที่กอดกับผู้หญิงตอนดูทีวีบนชั้นสองของคฤหาสน์ราวกับคนละคน
คนที่เซี่ยเหล่ยเห็นที่คฤหาสน์เมื่อคืนดูคล้าย ฮวงยี่หู่ ทั้งอายุ ความสูงและลักษณะภายนอกอื่นๆ แต่ความเหมือนนั่นยังไม่พอที่จะหลอกสายตาอันเฉียบคมของเซี่ยเหล่ยได้อยู่ดี....
งั้นเมื่อคืนนี้ก็เป็นกับดักจริงๆ !
เซี่ยเหล่ยรู้สึกดีที่เขาไม่ได้บุ่มบ่ามเข้าไปแม้ว่าจะอยากแก้แค้นมากแค่ไหนก็ตาม ไม่เช่นนั้นชีวิตเขาก็คงจบลงคืนนั้นจริงๆแน่นอน
ฮวงยี่หู่ ในแฟ้มเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียง ทั้งยังเคยเป็นรองประธานหอการค้าเมืองห่ายจู ตัวแทนทางกฎหมายของกลุ่มพระจันทร์เสี้ยวและการคมนาคมที่ใหญ่และอื่นๆอีกมากมาย ฮวงยี่หู่มีทรัพย์สินนับร้อยล้านอยู่ภายใต้ชื่อของเขา ซึ่งทรัพย์สินทั้งหมดนั้นถูกต้องตามกฎหมาย
“เหล่ย คนที่เธอต้องการตรวจสอบดูเป็นคนที่ไม่มีอะไรน่าสงสัยเลยนะ แน่ใจเหรอว่าเขาเป็นคนชั่วร้ายจริงๆ?” เจียงหยูยี่กล่าว
“เธอเป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจนี่ เคยได้ยินเรื่องอะไรเกี่ยวกับหล่าวฉี่บ้างรึเปล่า?” เซี่ยเหล่ย กล่าว
เจียงหยูยี่ยักไหล่ "ฉันเป็นแค่เจ้าหน้าที่เก็บเอกสารที่ได้แต่นั่งเล่นดินสอไปวันๆก่อนที่หลีชิงฮัวจะกลับไป ฉันอยู่ในตำแหน่งนี้มานานแล้ว ไม่รู้อะไรมากมายหรอก "
“งั้นหาชื่อเหอหล่าวฉี่บ้าง” เซี่ยเหล่ยกล่าว
เจียงหยูยี่ใส่ชื่อในคอมพิวเตอร์ แต่ก็ไม่พบข้อมูลใดๆ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับคนชื่อเหอหล่าวฉี่เลย
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นบนมุมปากเซี่ยเหล่ย “งั้นเหอหล่าวฉี่ก็เป็นแค่ตัวตนที่สมมุติขึ้น แล้ว ฮวงยี่หู่ ก็ปลอมเป็นหล่าวฉี่เพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากพวกอันธพาล จากนั้นก็ฟอกเงินในธุรกิจของเขาให้ถูกกฎหมาย เพียงแค่นี้ก็ได้เป็นมาเฟียใหญ่ที่นี่และรองประธานหอการค้าที่นั่นไปพร้อมๆกันแล้ว วิธีการหลักแหลมดีจริงๆ”
เจียงหยูยี่ย่นคิ้ว “จะสืบเรื่องนี้ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก เขาดูเป็นนักธุรกิจปกติ เธอจะทำผิดกฎหมายนะ ถ้าไปแหย่หนวดเสือแบบนั้น ถึงฉันจะไม่จับเธอ แต่ยังไงตำรวจคนอื่น ๆ ก็จับเธอแทนอยู่ดี”
“ผมจะไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย” เซี่ยเหล่ยกล่าว
เจียงหยูยี่ผ่อนคลายเล็กน้อย “ดีแล้วล่ะที่คิดแบบนั้น เธอก็ควรพยายามปล่อยวางบ้างนะ ถ้าฮวงยี่หู่ทำผิดจริงกฎหมายจะลงโทษเขาเอง มันแค่เป็นเรื่องของเวลา”
“อืม ผมเชื่อ” เซี่ยเหล่ยกล่าวแต่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น ฮวงยี่หู่ มีเงินเป็นล้าน เขาต้องชั่วขนาดไหน คนอันธพาลอย่างเขาถึงสะสมความมั่งคั่งมากมายและมาถึงจุดนี้ได้ในวันนี้ ? อย่างไรก็ตาม คนๆนี้ยังมีชีวิตที่ดี มีไวน์รสเลิศ ร่ำรวย มีรถยนต์และผู้หญิงรายล้อม คนปกติจะไม่มีโอกาสใช้ชีวิตแบบเขาตอนนี้ได้เลย ต่อให้กลับไปเกิดใหม่สักสิบชาติก็ตาม
“ยังอยากให้ฉันช่วยตรวจสอบอะไรอีกมั้ย?” เจียงหยูยี่ถาม
“ไม่แล้วล่ะ ผมแค่อยากอ่านข้อมูลของเขาต่ออีกหน่อย” เซี่ยเหล่ยกล่าว
เจียงหยูยี่ขยับออกให้เซี่ยเหล่ยหน้าคอมพิวเตอร์ในห้องเก็บข้อมูล กดเรียกดูแฟ้มข้อมูลชีวิตของฮวงยี่หู่ต่อ
เมื่อตำรวจต้องการตรวจสอบแฟ้มของใครสักคน ระบบจะดึงข้อมูลจากเครือข่ายระดับชาติของหน่วยงานรัฐและเก็บไว้ในแฟ้มที่ครอบคลุม ไม่ใช่แค่พื้นๆอย่าง สถานที่และวันเดือนปีเกิด แต่มีรวมถึงกรุ๊ปเลือด ลายนิ้วมือ อาชีพ สถานภาพการสมรสรวมทั้งทรัพย์สินและอื่น ๆ ซึ่งมีรายละเอียดเยอะมาก ก่อนหน้านี้เจียงหยูยี่มองเพียงแค่ส่วนหนึ่งของข้อมูลเท่านั้น
เซี่ยเหล่ยเลื่อนเมาส์ไปยังข้อมูลใหม่ ๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
‘แต่งงานกับ ลี่หยู่หลาน เกิดปีพ.ศ. 2523 ผู้อำนวยการหอการค้าเมืองห่ายจู มีลูกชายชื่อ ฮวงซู่ เกิดปีพ. ศ. 2543 นักเรียนชั้นปีที่ 3 ของโรงเรียนห่ายจู’ เซี่ยเหล่ยใช้ดวงตาถูกสแกนข้อมูลในแฟ้มพลางคิดว่า ‘ข้อมูลที่ฉิงเสวียงให้มาคู่สมรสคือ ฮานลี่ และลูกชายของเขาคือ เห่อเจียฮ่าว นี่ต้องเป็นสิ่งที่ ฮวงยี่หู่ กำลังใช้เพื่อสร้างความสับสนให้กับผู้คนแน่ๆ พวกอันธพาลมีคนอยากแก้แค้นอยู่นับไม่ถ้วนอยู่แล้ว ฮวงยี่หู่จึงสร้างตัวตนภรรยาปลอมๆ และลูกชายปลอมๆขึ้นมา เพื่อไม่ให้คนที่ต้องการจะแก้แค้นเขารู้ว่าภรรยาและลูกชายตัวจริงคือใคร ฮวงยี่หู่อาจพบคนที่คล้ายคลึงกับตัวเองในหมู่บ้านชาวประมงนั่น เลยใช้เขาเป็นแพะรับบาป อาชญากรรมทั้งหมดที่เขาทำไว้ก็จะถูกตรึงบนหุ่นเชิดตัวนั้น ส่วนตัวเขาเองก็กลายเป็นคนสะอาดสะอ้านไป ฮวงยี่หู่มันปั้นน้ำเป็นตัวไว้มากกว่าที่เราคิดไว้อีกนะเนี่ย’
หลังจากอ่านของ ฮวงยี่หู่ แล้ว เซี่ยเหล่ยก็อ่านแฟ้มข้อมูลของ ลี่หยู่หลาน และ ฮวงซู่ ต่อแบบผ่านๆ จากนั้นเขาก็ยืมอำนาจของเจียงหยูยี่เพื่อเข้าถึงระบบหอการค้าและโอนแฟ้มข้อมูลทรัพย์สินภายใต้ชื่อ ฮวงยี่หู่ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมงเซี่ยเหล่ยก็อ่านจบ
“ให้ฉันพิมพ์ออกมามั้ย?” เจียงหยูยี่ถาม
เซี่ยเหล่ยส่ายหัว “ไม่ต้องหรอก แค่อ่านก็พอ”
ตาข้างซ้ายของเขาบันทึกทุกอย่างเอาไว้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องพิมพ์ออกมา
“ไปส่งฉันกลับด้วยสิ” เจียงหยูยี่ส่งกุญแจรถให้เซี่ยเหล่ย
เซี่ยเหล่ยชะงัก “อะไรเนี่ย? ผมบอกว่าผมจะให้รถคุณไปไม่ใช่เหรอ?”
“รถฉันพังแล้ว แล้วเธอจะขับอะไรล่ะ? เธอมีอะไรต้องทำอีกเยอะเพราะงั้นเธอเอารถไปเถอะ ฉันยังมีพวกรถสาธารณะให้ขึ้นได้อยู่นะ ที่บอกว่าฉันอยากได้รถเธอน่ะฉันแค่ล้อเล่น แค่เลี้ยงอาหารสักมื้อก็พอ” เจียงหยูยี่กล่าว
เซี่ยเหล่ยรับกุญแจมา “ถ้าผมร่ำรวยแล้ว ผมจะซื้อรถดีๆให้นะ”
เจียงหยูยี่หัวเราะคิกคัก “ซื้อรถให้ฉัน? คุณต้องการเป็นพ่อบุญทุ่มให้ฉันรึไง ? ฉันเป็นผู้บังคับบัญชาตำรวจนะ เธอแน่ใจแล้วเหรอ?”
เมื่อจบประโยคก็ทำเอาเซี่ยเหล่ยถึงกับพูดไม่ออก....
ระหว่างทางกลับบ้าน เซี่ยเหล่ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะในหัวของเขาตอนนี้มีแต่เรื่องของ ฮวงยี่หู่ และกู๋เค่อเหวิน
อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปไม่เปิดทำการในวันรุ่งขึ้น เซี่ยเหล่ยพาจูเสี่ยวหงและคนอื่น ๆ ไปพูดอำลาหม่าเสี่ยวอันเป็นครั้งสุดท้าย ที่เตาเผาศพ เซี่ยเหล่ยเฝ้าดูร่างไร้วิญญาณของหม่าเสี่ยวอันถูกส่งเข้าไปในเปลวไฟของเตาเผา น้ำตาของเซี่ยเหล่ยไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้อีกครั้ง...
เมื่อกลับมาที่อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปซึ่งเคยเป็นร้านที่มีชีวิตชีวา ตอนนี้ได้กลายเป็นสถานที่ที่ไร้ซึ่งความสดใสไปทันที เพราะไม่มีเสียงของหม่าเสี่ยวอันอีกแล้ว
จูเสี่ยวหงใช้ผ้าเช็ดโต๊ะของหม่าเสี่ยวอันและร้องไห้ไปพร้อมๆกัน “พี่เสี่ยวอัน พี่เคยขอให้ฉันเช็ดโต๊ะให้ ตอนนี้ฉันก็ยังเช็ดโต๊ะให้พี่แม้ว่าพี่จะจากไปแล้วก็เถอะนะ...”
สิ่งที่เกิดขึ้นทำทุกคนใจสลายไปตามๆกัน
“ผมให้วันหยุด 3 วัน พักผ่อนให้เต็มที่แล้วค่อยกลับมาทำงานอีกครั้งนะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
หยางเปินฉ่ายพูดขึ้น “เราจะหยุดไม่ได้นะครับ เพิ่งมียอดสั่งซื้อมา ถึงจะไม่มากก็เถอะ แต่เราก็ทำให้ความน่าเชื่อถือของเราลดลงไม่ได้ เราทำไหวครับ วันนี้เราจะทำงานกัน”
“ใช่ๆ วันนี้เราจะทำงาน ฉันคิดว่าเสี่ยวอันจะต้องมีความสุขแน่ๆที่ได้เห็นพวกเราทำงานที่นี่”เฉินอาเจียวกล่าว
“เจ้านายเหล่ย คุณต้องอัพเกรดร้านเราให้เป็นบริษัทนะครับ ไปทำงานของคุณเถอะครับ พวกเราจัดการยอดสั่งซื้อรอบนี้ได้ พี่เสี่ยวอันคงอยากจะให้คุณจัดตั้งบริษัทของคุณโดยเร็วที่สุด” ฉิ้วหยงกล่าว
เมื่อมองไปยังใบหน้าที่คุ้นเคยของทุกคน ทั้งหมดเต็มไปด้วยความเศร้าใจ เซี่ยเหล่ยพยักหน้าทั้งน้ำตา “เอาล่ะ มาทำงานกันเถอะ ในเมื่อทุกคนเต็มใจที่จะทำงานแล้ว ผมจะตั้งบริษัทของเราโดยเร็วที่สุด วิญญาณของเสี่ยวอันจะต้องมีความสุขกับเรื่องนี้ด้วยแน่นอน”
เฉินอาเจียวเช็ดน้ำตาบนใบหน้าออก "ได้เวลาทำงานแล้ว ทำงาน ทำงาน! อย่าอู้งานๆ พี่เสี่ยวอัน...”
เซี่ยเหล่ยเองก็เช็ดน้ำตาออกไปด้วยขณะเดินออกมาจากร้าน
เฉินอาเจียวและคนอื่นๆเริ่มทำงานกันต่อ
หม่าเสี่ยวอันจากไปแล้ว แต่ชีวิตต้องเดินต่อไป งานก็คืองาน
เซี่ยเหล่ยได้รับโทรศัพท์จากหลางซือเหยาทันทีที่เขาขึ้นรถ
“คุณเซี่ย คุณบอกว่าคุณจะมาสำนักวันนี้ไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังไม่มาล่ะ?” เป็นเสียงของหลางซือเหยาพูดในโทรศัพท์
เซี่ยเหล่ยควบคุมความเศร้าของตัวเองก่อนจะตอบกลับไป “เพื่อนของผมจากไปเมื่อวานนี้ วันนี้ผมก็เลยไปส่งเขา ผมไม่มีอารมณ์จะไปที่โรงเรียนจริงๆ อาจจะไปวันอื่นนะ”
“ฉันขอโทษนะ ฉันไม่รู้...”
“ไม่เป็นไร จริงๆนะ ไม่เป็นไร”
“ตอนนี้คุณอยู่ไหน?” หลางซือเหยากล่าว “อืม ฉันไปหาคุณได้นะ… เผื่อตอนนี้คุณอยากได้ใครสักคนอยู่เป็นเพื่อน?”
เซี่ยเหล่ยกำลังจะปฏิเสธ แต่แล้วก็คิดถึงความปราถนาดีของเธอและคิดว่ามันคงไม่ดีเท่าไหร่ที่จะปฏิเสธเธอทันทีทันใดแบบนี้ เขาคิดนิดหน่อยแล้วพูดต่อว่า "ผมจะไปหอการค้าห่ายจูและสำนักงานธุระกิจ ผมจะดูว่ามีอะไรต้องทำบ้างถ้าจะลงจดทะเบียนเป็นบริษัท "
“เหล่ย คุณอยากจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทเหรอ ?”
“อือ... ถ้าคุณอยากมา เจอกันที่นั่นนะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“โอเค แล้วเจอกัน” หลังพูดจบ หลางซือเหยาก็วางสายไป
เซี่ยเหล่ยขับรถไปที่หอการค้าห่ายจูและสำนักงานธุระกิจ
มีขั้นตอนมากมายที่จะต้องดำเนินการระหว่างการมอบเอกสารการจดทะเบียนและการลงทะเบียน เช่นการตรวจสอบเงินทุน การแกะสลักแสตมป์ของบริษัท การยื่นภาษีและอื่น ๆ ซึ่งเซี่ยเหล่ยต้องทำ โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เวลา 10 วันในการดำเนินการ นั่นทำให้เขาไม่มีเวลาไปโรงเรียนหวิงชุนในช่วง 10 วันนี้
‘คงจะดี ถ้าเรามีเลขาฯที่คุ้นเคยกับขั้นตอนทั้งหมดพวกนี้ เธอจะเป็นตัวแทนเราดูแลเรื่องพวกนี้ให้ ใช่ เราต้องมีเลขาฯจริงๆนั่นแหละ หลังจากที่เราตั้งบริษัทอาชาสายฟ้าอุตสาหกรรมแล้ว เราก็จะเป็นประธานของของบริษัท มันคงดูแปลกๆถ้าเราไม่มีเลขาฯ’ จู่ๆความคิดนี้โผล่เข้ามาในหัวของเซี่ยเหล่ยในขณะที่เขากำลังเดินเข้าไปในหอการค้าและสำนักงานธุระกิจ
ทันใดนั้น เซี่ยเหล่ยก็นึกถึงหม่าเสี่ยวอันขึ้นมา ถ้าเขายังอยู่ด้วยแน่นอนว่า เขาจะต้องเลือกคนที่มีหน้าอกใหญ่ๆและก้นเด้งดึ๋งให้แน่นอน
เมื่อคิดถึงเขา ความรู้สึกเจ็บปวดเล็กๆก็กัดกินใจเซี่ยเหล่ยในทันที
เซี่ยเหล่ยตรงไปที่เคาน์เตอร์ให้คำปรึกษาและยื่นเอกสารการขึ้นทะเบียนและเอกสารของร้านจากที่ได้มาตั้งแต่เมื่อวาน เขาถามอย่างสุภาพ “เอกสารใบสมัครของผมอนุมัติผ่านมั้ยครับ? ผมไปขั้นตอนต่อไปแล้ว”
เจ้าหน้าที่ด้านหลังกระจกกั้นอ่านภาคผนวกของเอกสารการจดทะเบียนของเซี่ยเหล่ยและกล่าวว่า “ขอโทษนะคะ เอกสารใบสมัครของคุณมีปัญหา ยังไม่ได้รับการอนุมัติค่ะ”
เซี่ยเหล่ยนิ่งอึ้ง “ทำไมล่ะครับ? มีปัญหาอะไร?”
“มีคนใช้ชื่อ ‘อาชาสายฟ้าอุตสาหกรรม’ แล้ว ถ้าชื่อซ้ำกันก็ไม่สามารถอนุมัติได้ค่ะ” เจ้าหน้าที่กล่าว
“มีคนใช้แล้ว? เป็นไปได้ยังไง?” เปลวไฟแห่งความโกรธเริ่มลุกลามในใจของเซี่ยเหล่ย “คุณล้อผมเล่นใช่มั้ย?”
“คุณคะ ใจร้อนไปก็เร่งอะไรไม่ได้นะคะ ถ้าการอนุมัติไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน ที่ทำได้ตอนนี้ก็คือเปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่แล้วจดทะเบียนชื่อนั้นค่ะ” เจ้าหน้าที่กล่าว
เปลี่ยนชื่อบริษัท? เซี่ยเหล่ยจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด เพราะชื่อนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรำลึกถึง หม่าเสี่ยวอัน แล้วจะให้เปลี่ยนได้ยังไง?
“คุณยังไม่ได้ตอบคำถามผมเลยนะ ใครใช้ชื่อนี้?” สายตาของเซี่ยเหล่ยดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
เจ้าหน้าที่เองก็เริ่มไม่พอใจเช่นกัน “ฉันจะรู้ได้ยังไงคะ? อย่าทำให้ฉันมีปัญหาเลย ไปพบหัวหน้าของเราได้นะคะถ้าคุณอยาก มีคำถามอื่นมั้ยคะ? ถ้าคุณไม่มีแล้วกรุณาถอยให้คนอื่นยื่นเอกสารต่อด้วยค่ะ อย่ารบกวนคิวที่ต่อจากคุณเลย”
“หัวหน้าคุณอยู่ที่ไหน?” เซี่ยเหล่ยพยายามยับยั้งความโกรธของตัวเอง มันก็จริงที่การซักถามเอาจากเจ้าหน้าที่ธรรมดาไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้น
เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดอย่างเหลือทน “สำรักงานชั้นสองค่ะ ถ้าขึ้นไปแล้วคุณจะเห็นเอง”
เซี่ยเหล่ยหันออกมาจากเคาท์เตอร์
“คุณเซี่ย” เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น
เซี่ยเหล่ยมองไปยังต้นเสียงและเห็นหลางซือเหยาในเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงขายีนส์สั้นสีน้ำเงินอ่อน ซึ่งเผยให้เห็นขายาวซีดขาว พร้อมกับรัศมีความมีเสน่ห์ดึงดูดแบบสายวัยรุ่นที่เปล่งออกมาจากตัวเธอ..
ติดตามตอนต่อไป.........