TXV 75 – สอดแนมศัตรู
TXV 75 – สอดแนมศัตรู
รถพยาบาลพาร่างหม่าเสี่ยวอันจากไป แต่นั่นเป็นแค่ขั้นตอนเท่านั้น เพราะเขาจะไม่กลับมาอีกแล้ว
ทั้งตำรวจและตำรวจจราจรมาถึงคนขับรถบรรทุกเองก็ถูกตำรวจจราจรจับกุมตัวไปแทน พวกเขาคิดว่านี่เป็นเพียงแค่อุบัติเหตุบนท้องถนน ไม่ใช่คดีฆาตกรรม ซึ่งนั่นทำให้เซี่ยเหล่ยและเหล่าพนักงานของอาชาสายฟ้าเวิร์คช็อปรู้สึกท้อกับความยุติธรรม แต่กฎหมายก็ต้องเป็นกฎหมาย จะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือใช้อารมณ์ในการพิจารณาคดีไม่ได้
เซี่ยเหล่ยอาศัยรถตำรวจเดินทางไปโรงพยาบาลพร้อมกับพวกเขา เซี่ยเหล่ยมองหม่าเสี่ยวอันในที่เก็บศพ เขาเอาแต่ยืนมองอยู่เงียบๆ มองใบหน้าที่ขาวซีดราวกับกระดาษนั้น เซี่ยเหล่ยนิ่งไม่ขยับอยู่เป็นเวลานาน....
เจียงหยูยี่รีบตามมาทันทีที่รู้ข่าว เธอเองก็ร้องไห้อยู่นานพอสมควร หม่าเสี่ยวอันเป็นเพื่อนของเธอเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ได้สนิทกับเธอมากเท่าเซี่ยเหล่ย หลังจากนั้น เธอก็พาเซี่ยเหล่ยกลับบ้าน
เจียงหยูยี่ทำอาหารสำหรับ 2 คนมากินกับเซี่ยเหล่ย แต่เขาเพียงแค่มองมันโดยไม่เคลื่อนไหวใดๆ
“กินอะไรหน่อยสิ” เจียงหยูยี่พยายามทำให้เซี่ยเหล่ยดีขึ้นแม้ว่าตัวเองก็เจ็บปวด “จะมีชีวิตต่อไปแบบนี้น่ะเหรอ? กินอะไรหน่อยสิ อย่างน้อยก็ให้อะไรตกถึงท้องบ้าง”
เซี่ยเหล่ยยังนั่งนิ่งๆเช่นเคย มองจานอาหารโดยไม่ขยับเขยื้อนด้วยสีหน้าที่ไม่สามารถอ่านได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่
เจียงหยูยี่ขมวดคิ้ว “จะกินหรือไม่กินเนี่ย? ถ้าไม่กิน ฉันป้อนเอง” ทันทีที่พูดจบ เจียงหยูยี่ก็ตักอาหารขึ้นมาจ่อเอาไว้ที่ริมฝีปากของเซี่ยเหล่ย ออกแรงเล็กน้อยให้อีกคนยอมเปิดปากกิน
เซี่ยเหล่ยหันหน้าหนี "หยูยี่ เชื่อผมมั้ยว่าหม่าเสี่ยวอันถูกฆ่าแบบตั้งใจ? ”
“ฉันเชื่อ กินได้แล้ว” เจียงหยูยี่กล่าว
“งั้นไปจับคนขับรถบรรทุกนั่นกันเถอะ สอบสวนเขา แล้วเขาจะบอกเธอว่าหล่าวฉี่คือคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด หล่าวฉี่ตั้งใจจะฆ่าผม แต่หม่าเสี่ยวอันผลักผมออกมา แล้วเขาก็.....” เซี่ยเหล่ยพูดต่อไม่ออก น้ำตาเริ่มไหลรินออกมาอย่างควบคุมไม่ได้อีกครั้ง
ความรู้สึกแย่จากการสูญเสียย้อนกลับมาหาเจียงหยูยี่อีกครั้ง เธอวางตะเกียบลง มองเซี่ยเหล่ยเงียบๆ เธอเองก็ไม่ได้อยากอาหารมากไปกว่าเซี่ยเหล่ยเท่าไหร่ แต่เพราะไม่อยากให้เขาเศร้าจึงทำพยายามทำอาหารมาเบนความสนใจ แต่ดูเหมือนตอนนี้ความพยายามจะไร้ประโยชน์อีกแล้ว
“ไปจับคนขับรถบรรทุกนั่นกันเถอะ ไปกัน ตอนนี้เลย !” เซี่ยเหล่ยพูดราวกับว่าเขาเสียสติไปแล้ว...
เจียงหยูยี่จับมือเซี่ยเหล่ยเอาไว้แล้วพูดเสียงนุ่มนวลว่า “เหล่ย เสี่ยวอันตายแล้ว ฉันรู้ว่าเธอเสียใจ แต่ช่วยใจเย็นๆก่อนได้มั้ย?”
“จะให้ผมใจเย็นได้ยังไง?” เซี่ยเหล่ยขึ้นเสียง
“เมื่อตอนบ่าย ฉันโทรไปหาศูนย์ควบคุมอุบัติเหตุจราจรแล้ว เบรกของรถบรรทุกคันนั้นไม่ทำงาน ระบบนำทางก็มีปัญหา ส่วนคนขับก็ไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้ยาเสพติดอะไรด้วย เธออยากให้ฉันไปจับเขา แต่จะให้ฉันจับข้อหาอะไรล่ะ หรือต่อให้เรามีข้อหา เธอคิดว่าเราจะจับตัวเขาไว้ได้นานแค่ไหนกัน?” เจียงหยูยี่กล่าว
เครื่องยนต์รถบรรทุกคันนั้นทำงานผิดปกติ คนขับเองก็ไม่ได้ดื่มเหล้าหรือใช้ยาใดๆ และไม่รู้จักหม่าเสี่ยวอันมาก่อน จากหลักฐานทั้งหมดนี้ทำให้เขาหลบหนีจากการลงโทษของกฎหมายได้ คนขับรถบรรทุกยังไม่จำเป็นต้องชดใช้ค่าเสียหายใดๆทั้งนั้นเพราะเป็นส่วนรับผิดชอบของบริษัทประกันภัยที่ต้องเข้ามาดูแล นี่แหละ โลกของความเป็นจริงที่โหดร้าย....
เรื่องราวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ฉายซ้ำในภาพความคิดของเซี่ยเหล่ย เขากำลังรถโปโลไปกับหม่าเสี่ยวอัน มุ่งหน้าไปยังอาชาสายฟ้าเวิร์คช็อป หัวเราะและพูดคุยกัน ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะมองเห็นรถบรรทุกขับตามจี้มาติดๆผ่านกระจกมองหลัง เขาจึงหักพวงมาลัยหลบอย่างรวดเร็วเพื่อหลบรถบรรทุกคันนั้น เมื่อมองเข้าไปใกล้ๆ หม่าเสี่ยวอันกำลังยื่นหัวออกมานอกหน้าต่างแล้วตะโกนก่นด่ารถบรรทุกนั่นอยู่
ตาข้างซ้ายของเซี่ยเหล่ยกลับมาเป็นปกติ ภาพนิ่งของเหตุการณ์นั้นยังคงฉายค้างอยู่ในภาพความคิดเขา รถบรรทุกคันนั้นปรากฏอยู่บนกระจกมองหลังของรถโปโล เซี่ยเหล่ยมองเห็นคนขับอย่างชัดเจนผ่านกระจกหน้ารถบรรทุก ผิวซีดขาว รอยยิ้มไร้ความปรานีบนริมฝีปาก รอยสัก และใบหน้าของเขา ทุกอย่างชัดเจนราวกับว่าเขาไปนั่งข้างๆคนขับรถบรรทุก
รถบรรทุกคนนั้นเป็นคันเดียวกันกับที่ฆ่าหม่าเสี่ยวอัน คนขับก็เป็นคนเดียวกันด้วย ซึ่งนี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่นอน แต่เป็นการฆาตกรรม แต่ฆาตกรที่ตั้งใจจะฆ่าเซี่ยเหล่ยแต่ดันพลาดไปฆ่าหม่าเสี่ยวอันแทน.....
“คิดอะไรอยู่น่ะ เหล่ย?” เจียงหยูยี่ถามพร้อมกับน้ำตาที่เอ่อคลอดวงตา “อย่าเป็นแบบนี้สิ รู้มั้ยว่าฉันเป็นห่วงเธอแค่ไหน?”
เซี่ยเหล่ยไม่ได้พูดอะไรต่อ เขานั่งนิ่งราวกับร่างไร้วิญญาณดูไม่มีชีวิตชีวาแต่ภายในใจของเขา ไฟแค้นกำลังโหมกระหน่ำเซี่ยเหล่ยคิดว่า ‘คนขับรถนั่นก็คงจะเป็นหนึ่งในพวกสุนัขรับใช้ของหล่าวฉี่นั่นแหละ คนที่ชักใยอยู่เบื้องต้องเป็นหล่าวฉี่ไม่ก็กู๋เค่อเหวินแน่ๆ พวกนั้นอยากจะฆ่าเราแต่หม่าเสี่ยวอันต้องมาตายแทนผมจะล้างแค้นให้เอง เสี่ยวอัน! ’
“เหล่ย พูดอะไรหน่อยสิ เป็นอะไรไปน่ะ?” ใบหน้าของเจียงหยูยี่เต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ทันใดนั้น เซี่ยเหล่ยก็เงยหน้าขึ้น แล้วสบตาเธอ “กินข้าวกันเถอะ”
เจียงหยูยี่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง
“กินข้าวกันๆ กองทัพต้องเดินด้วยท้องนะ” เซี่ยเหล่ยตักอาหารคำใหญ่ส่งเข้าปากไปพร้อมๆกับพูดด้วยเสียงอู้อี้ “อื้ม รสชาติไม่เลวเลยนะ ทำไมไม่เคยบอกล่ะว่าเธอทำอาหารอร่อย ?”
เจียงหยูยี่พูดขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่พักหนึ่ง “เหล่ย เป็นอะไรรึเปล่า?”
“แล้วเธอล่ะ? เธอเพิ่งบังคับให้ผมกินไปนะ? ผมก็เลยกินนี่ไง อยากให้กินหรือไม่อยากให้กินกันแน่เนี่ย?” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“อ- อืม.. กิน ใช่ กินข้าวกันเถอะ” เจียงหยูยี่ตักอาหารใส่จานตัวเองบ้าง
หลังจากกินเสร็จ เจียงหยูยี่ก็เอาจานไปล้าง ส่วนเซี่ยเหล่ยนอนพักในห้องนั่งเล่น เมื่อเจียงหยูยี่เดินออกมาจากห้องครัวหลังจากล้างจานเสร็จแล้ว เซี่ยเหล่ยก็เริ่มกรนพอดี
“หลับเหมือนหมูเลยนะ แต่ก็ดีเหมือนกัน ดีกว่าปล่อยให้คิดฟุ้งซ่านตอนตื่นนั่นแหละ” เจียงหยูยี่พึมพำ ก่อนจะปิดประตูให้สนิท แล้วเดินจากไป
เซี่ยเหล่ยลืมตาขึ้นมาทันทีที่เจียงหยูยี่ออกไป เขาเดินมายืนที่ระเบียงมองเธอเดินลงบันไดไป หลังจากนั้นก็เดินออกมาจากห้องเมื่อเห็นว่าไฟในห้องของเจียงหยูยี่เปิดแล้ว
เมื่อออกมาด้านนอกแล้ว เซี่ยเหล่ยก็โบกมือเรียกแท็กซี่ มุ่งหน้าไปยังชานเมือง ก่อนจะลงจากรถใน 40 นาทีต่อมาแล้วเดินตรงไปยังหมู่บ้านชาวประมง
หมู่บ้านชาวประมงอยู่ใกล้กับทะเลซึ่งมีคฤหาสน์ที่สวยงามตั้งอยู่ตรงกลาง และนั่นเป็นคฤหาสน์ของหล่าวฉี่
หล่าวฉี่มีบ้านอยู่ในเมืองด้วย แต่คนในเมืองรวยๆไม่ชอบใช้ชีวิตอยู่ในเมือง ไม่มีใครรู้เลยว่าหล่าวฉี่มีเงินเท่าไหร่ เขามีเงินเป็นสักสิบๆล้านแหละ
เซี่ยเหล่ยดีงปีกหมวกเบสเบลลงมาปิดหน้าผากและสันจมูก แล้วจึงเดินเข้าไปยังคฤหาสน์ช้าๆ
หล่าวฉี่มีบอดี้การ์ด 4 คนคอยติดตามอยู่ใกล้ๆไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนออกไปข้างนอก หรืออยู่ที่บ้าน ทั้ง4คนเป็นคนมีความสามารถที่ติดตามหล่าวฉี่มาเป็นปี พวกเขาต่อสู้และฆ่าคนได้สบายๆทั้งยังเป็นที่รู้จักในหมู่มาเฟียหรือพวกอันธพาลอีกด้วย
และนี่คือข้อมูลที่เซี่ยเหล่ยได้มาจากฉิงเสวียง
กลางคืนคืบคลานลงปกคลุมหมู่บ้านชาวประมง ในหมู่บ้านไม่มีโคมไฟถนนจึงค่อนข้างมืด ทำให้ เซี่ยเหล่ยเข้าใกล้คฤหาสน์ได้ง่ายขึ้น แสงไฟในคฤหาสน์สว่างและสามารถมองเห็นได้ชัดเจนจากระยะไกล เขาสามารถมองเห็นได้ว่าคนในคฤหาสน์กำลังทำอะไรอยู่บ้าง มีคนอยู่บนระเบียงชั้น 3 กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ชายหาดและสูบบุหรี่ขณะมองลงไปที่มุมมองทะเลตอนกลางคืน สองคนนอนบนเตียงชั้นสองกำลังดูโทรทัศน์ เป็นผู้ชายและผู้หญิง หนึ่งคนอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นหนึ่งที่ดูโทรทัศน์โดยการสุ่มกดปุ่มบนรีโมทคอนโทรลไปเรื่อยๆ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี และมีอีกคนสองคนอยู่ในสวนกำลังคุยกันเบาๆ
เซี่ยเหล่ยมองเห็นทุกอย่างหลังจากใช้ตาข้างซ้ายมองทะลุเพียงครั้งเดียว
เซี่ยเหล่ยหยุดใช้ตาซ้ายแล้วคิดว่า ‘2 คนบนชั้น 2 อาจจะเป็นหล่าวฉี่กับฮานลี่ภรรยาเขาก็ได้?’
ภรรยาของหล่าวฉี่ ชื่อ ฮานลี่และลูกๆของพวกเขาชื่อเห่อเจียฮ่าวซึ่งข้อมูลพวกนี้ก็มาจากฉิงเสวียงอีกเช่นเคย แต่โชคร้ายที่ตาซ้ายของเซี่ยเหล่ยวิเคราะห์รูปภาพไม่ได้ จึงไม่มีอะไรยืนยันว่า ทั้ง 2 คนบนชั้น 2 จะเป็นหล่าวฉี่และ ฮานลี่จริงๆตามที่เซี่ยเหล่ยสงสัย
เซี่ยเหล่ยเดินออกมาจากถนนใหญ่และเปลี่ยนมาเข้าใกล้คฤหาสน์จากถนนเล็กๆแทน
แม้ว่ารอบๆคฤหาสน์จะมืดแค่ไหน เซี่ยเหล่ยก็ยังสังเกตเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่บนผนังด้านบนสุดของคฤหาสน์ได้ กล้องทั้งหมดถูกติดตั้งเอาไว้ในมุมที่ตรวจจับได้ครอบคลุมทั่วบริเวณจนไม่เหลือจุดอับสายตาให้เข้าไปเลย.....
เซี่ยเหล่ยเห็นคนอีกกลุ่มเมื่อเข้ามาใกล้ยิ่งขึ้น พวกเขาอยู่ในห้องที่ชั้นหนึ่งกำลังเล่นไพ่กันอยู่ มีเงินสดกองรวมกันอยู่บนโต๊ะรวมทั้งสารผงบางชนิด พวกเขาใส่ตุ้มหู ผมย้อมสีทองและมีรูปรอยสักปีศาจบนตัว มองเพียงครั้งเดียวเซี่ยเหล่ยก็บอกได้ว่าพวกเขาเป็นคนแบบไหน
เซี่ยเหล่ยคิดว่า ‘คนที่เล่นไพ่พวกนี้ก็เป็นลูกน้องของหล่าวฉี่ด้วยงั้นเหรอ? ถ้านับ 4 คนนี้ด้วยคฤหาสน์นี่ก็มีบอดี้การ์ด 10 คนเลยนะ บ้าเอ๊ย ระวังตัวดีจริงๆนะหล่าวฉี่ เป็นอันธพาลยังไงถึงได้กลัวความตายขนาดนี้กัน ?’
เซี่ยเหล่ยเปลี่ยนไปมองบอดี้การ์ดบนชั้น 3 แทน ใช้ตาซ้ายวิเคราะห์รายละเอียด บอดี้การ์ดคนนั้นมีปืนที่เอว เซี่ยเหล่ยมองไปที่บอดี้การ์ดที่ 3 คนที่ไม่ได้เล่นไพ่อยู ซึ่งพวกเขาก็มีปืนเหมือนกัน เซี่ยเหล่ยกลับไปมองกลุ่มที่เล่นไพ่อยู่เป็นกลุ่มสุดท้าย ถึงจะดูน่ากลัว แต่พวกเขาไม่มีปืน มีเพียงแค่อาวุธ เช่น มีดล่าสัตว์ มีดบาลิซอง เซี่ยเหล่ยเกือบแน่ใจแล้วว่าพวกที่ไม่ได้เล่นไพ่คือบอดี้การ์ดหลักทั้งสี่คนของหล่าวฉี่ ส่วนคนที่เล่นไพ่น่าจะเรียกได้ว่ามาช่วยปกป้องหล่าวฉี่มากกว่า....
เฉินฉัวหูพาพวกอันธพาลหลายคนไปทำลายอาชาสายฟ้าเวิร์คช็อป แต่ทุกคนก็ถูกเซี่ยเหล่ยอัดจนน่วม ทั้งยังถูกส่งโรงพยาบาลอีกเกือบๆ 10 คน หล่าวฉี่ส่งคนมาฆ่าเซี่ยเหล่ยเพิ่มอีกคน แต่เป็นหม่าเสี่ยวอันที่ถูกฆ่าแทน หล่าวฉี่ถึงต้องมีบอดี้การ์ดคอยล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อป้องกันไม่ให้เซี่ยเหล่ยมาลอบฆ่าแก้แค้น จึงไม่แปลกเลยที่คฤหาสน์ตอนนี้จะมีการป้องกันอย่างแน่นหนา
‘บอดี้การ์ดมีปืนของหล่าวฉี่ทุกคนคอยปกป้องเขาอยู่แล้วตอนเรามาถึง ถ้ารีบหุนหันเข้าไป เราคงติดกับเขาแน่ๆ เราสู้เป็นก็จริง แต่คงไม่มีประโยชน์เลยถ้าคู่ต่อสู้มีปืน’ เซี่ยเหล่ยมาที่นี่พร้อมกับความโกรธแค้นก็จริง แต่ในที่สุดเขาก็สงบลงเมื่อพบว่าพวกบอดี้การ์ดมีปืนอยู่
‘10 ปีไม่นานเกินไปสำหรับการแก้แค้นของสุภาพบุรุษ ! ’ แต่เซี่ยเหล่ยไม่จำเป็นต้องรอให้ถึง 10 ปี!
ก่อนจะไป เซี่ยเหล่ยมองทะลุห้องบนชั้น 2 จดจำใบหน้าของผู้ชายและผู้หญิงทั้ง 2 คนบนที่นอน แล้วเดินตามทางเล็กๆอ้อมไปด้านหลัง
เมื่อเซี่ยเหล่ยเดินออกมาจากหมู่บ้านชาวประมง แสงสีขาวสว่างก็ส่องมาที่เขาจากข้างถนนทันที
เซี่ยเหล่ยไม่ได้ส่งมือขึ้นบังแสงท่าส่องเข้าตาแต่อย่างใด ตาซ้ายของเขามองทะลุผ่านแสงไปยังคนที่ยืนอยู่ทางต้นแสงเป็นฉิงเสวียงนั่นเอง
ฉิงเสวียงขมวดคิ้วพลางนั่งลงบนรถมอเตอร์ไซค์ของเขา “ผมรู้อยู่แล้วว่าคุณต้องมาที่นี่ อย่างน้อยก็มีสติดีนะที่ไม่รีบบุ่มบ่ามเข้าไปน่ะ อีกอย่าง ถ้าเข้าไปเลยล่ะก็ คุณต้องตายคืนนี้แน่ๆ พวกบอดี้การ์ดของหล่าวฉี่เป็นนักแม่นปืน คุณคงเดินออกมาจากคฤหาสน์แบบมีชีวิตไม่ได้หรอก ต่อให้เป็นบรูซ ลี กลับชาติมาเกิดก็ไม่มีทาง”
เซี่ยเหล่ยเดินเข้าไปหาฉิงเสวียง “แต่คุณก็มา ทั้งๆที่คิดว่าผมจะต้องตายน่ะเหรอ?”
“เราเป็นเพื่อนกันนะ คุณเพิ่งเสียเพื่อน แต่ผมไม่อยากเสียเพื่อนไปเหมือนคุณหรอก อีกอย่างคุณเองก็สัญญาไว้นี่ว่าจะช่วยให้ผมรอดจากเงื้อมมือของหล่าวฉี่ ถ้าคุณตาย งั้นจะเหลือใครมาช่วยล่ะ?” ฉิงเสวียงกล่าว
เซี่ยเหล่ยถอนหายใจ “ไปกันเถอะ พาผมออกไปจากที่นี่ที”
ฉิงเสวียงสตาร์ทรถ “ขึ้นมาเลย ไปหาอะไรดื่มกัน”
เซี่ยเหล่ยปีนขึ้นไปนั่งบนมอเตอร์ไซค์ยามาฮ่า ก่อนที่ฉิงเสวียงจะบิดคันเร่ง ทั้งสองคนก็หายไปในความมืดในพริบตาเดียว
ติดตามตอนต่อไป......