บทที่ 76 ค่ายกลกระบี่เสริมสร้างสังขาร
ค่ายกลกระบี่!
ของสิ่งนี้เป็นค่ายกลกระบี่จริงๆ ! บัดซบเอ้ย ไฉนอาจารย์ลุงโยนมันทิ้งไว้ในค่ายกลกระบี่? ทันใดนั้นจั่วม่อพลันฉุกคิดถึงม้วนหยกในมือ หากกล้ามเนื้อบนใบหน้ามันไม่ได้แข็งทื่อ สีหน้ามันตอนนี้คงซีดเผือดดุจคนตาย!
เสริมสร้างสังขาร!
ใช้ค่ายกลกระบี่ช่วยฝึกฝนกายา เสริมสร้างสังขาร เป็นผู้ใดคิดเรื่องบัดซบพรรค์นี้ขึ้นมาได้? จั่วม่อรู้สึกอยากฆ่าคนเหลือเกิน มันไม่ได้โง่ อันที่จริงพอนึกถึงวัชรสูตรน้อยในมือ มันก็เข้าใจในทันที ปราณกระบี่จากสายหมอกเหล่านี้มีขนาดเล็กจ้อยและไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่หากโดนเข้าเมื่อใด เป็นต้องเจ็บปวดจนแทบร้องขอชีวิต
‘กระบี่บินทั่วไปยากจะทำร้ายให้เกิดบาดแผล...’
จั่วม่อจู่ๆ ก็คิดถึงวลีนี้ขึ้นมา หัวใจน้อยๆ ของมันสั่นสะท้าน ขั้นแรกจำเป็นต้องให้กระบี่บินนับไม่ถ้วนแทงใส่ร่าง เพื่อเสริมสร้างผิวหนังให้เหนียวแน่นคงทน แล้วจากนั้น ใช่ฝึกฝนจนถึงขั้น‘กระบี่บินทั่วไปยากจะทำร้ายให้เกิดบาดแผล’ด้วยหรือไม่? ทันใดนั้นความคิดที่น่ากลัวนี้แทบจะทำให้มันล้มทั้งยืน แต่มันสังหรณ์ใจอย่างเลือนรางว่าความคิดนี้น่าจะตรงกับความจริงมากที่สุด
ภายใต้คลื่นกระบี่ระลอกแรก จั่วม่อรับประทานเข้าไปทั้งหมดเจ็ดกระบี่ เจ็บปวดรวดร้าวจนร้องระงมแทบขาดใจ
โชคดีที่ค่ายกลกระบี่ยังให้เวลาพักหายใจ หมอกเบาบางกระจายตัวสลายไป แต่จั่วม่อไม่ได้ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย มันรีบหยิบวัชรสูตรน้อยออกมา หากเดาไม่ผิด พายุกระบี่ระลอกต่อไปจะมาถึงในระยะเวลาอันกระชั้นสั้น นิสัยใจคอของอาจารย์ลุงซินหยานก็ไม่ต่างอันใดจากกระบี่ของมัน มันจะไม่ให้ผู้ใดได้มีโอกาสหายใจหายคอ
โชคไม่ดีที่จั่วม่อเดาได้ตรงเผง!
มันเพิ่งเริ่มอ่านเนื้อความได้เล็กน้อย ห่าพิรุณกระบี่ระลอกที่สองก็เริ่มต้นขึ้น
โดยไม่ใส่ใจอื่นใด จั่วม่อทะยานร่างขึ้นอย่างฉับพลัน สองมือจี้ดรรชนีรัวเร็ว ปราณกระบี่พวยพุ่งออกมาไม่ขาดสาย
แม้ว่ามันจะเข้าใจเจตจำนงกระบี่ก็ตาม แต่คลื่นพิรุณกระบี่ระลอกที่สองนี้ยังคงรับไปอีกสิบสองกระบี่
คราวนี้มันไม่เสียเวลาคร่ำครวญ ในใจสาปแช่งอาจารย์ลุงเป็นวรรคเป็นเวร แต่ก็เริ่มฝึกวัชรสูตรน้อยอย่างไม่ลังเล ถ้าไม่มีความก้าวหน้าสักขั้นก่อนที่พายุกระบี่ระลอกที่สามจะมาถึง มันคงสุกได้ที่พอดี เพียงคลื่นกระบี่ระลอกที่สองมันยังรับไว้ไม่ได้ สิบสองกระบี่ เจ็บปวดถึงกระดูกดำเลยทีเดียว
โชคยังดีที่เคล็ดความของวัชรสูตรน้อยเรียบง่ายตรงไปตรงมา ง่ายต่อการฝึกปรือ ก่อนพายุกระบี่ระลอกที่สามจะโหมพัด จั่วม่อในที่สุดโคจรพลังตามวัชรสูตรน้อยสำเร็จหนึ่งรอบ สีทองจางๆ ปรากฏขึ้นบนชั้นผิวหนัง ยังไม่ทันจะได้ชมเชยตัวเอง คลื่นกระบี่ระลอกที่สามก็เข้าประชิดตัวอย่างเงียบเชียบ
ประหนึ่งหยาดฝนตกกระทบใบไม้ เกิดเป็นเสียงเพี๊ยะพะไม่รู้จบ จริงดังคาด อาการเจ็บปวดลดน้อยลงกว่าเดิม อย่างไรก็ตาม คลื่นกระบี่ระลอกที่สามก็หนาแน่นรุนแรงกว่าสองระลอกก่อนหน้า แม้ว่าจั่วม่อจะมีร่างทองวัชร ยังคงถูกทุบตีจนซึมเซา
ไม่ทราบว่าถูกทิ่มแทงไปกี่กระบี่ ในความเลอะเลือนมึนงง มันได้ยินเสียงหัวร่ออันแสนจะรื่นเริงบันเทิงใจของผูเยา
เมื่ออาจารย์ลุงซินหยานหอบหิ้วจั่วม่อผู้ถูกทุบตีจนบวมปูดเหมือนหัวหมูกลับไปยังลานน้อยลมตะวันตก บรรดาศิษย์ฝ่ายนอกตามรายทางที่ได้เห็นฉากนี้ล้วนมีสีหน้าเหมือนกัน ศิษย์พี่จั่วม่อน่าสงสารมาก! หลังจากที่พวกมันเห็นศิษย์พี่จั่วม่อทรมานตัวเองบนทางขึ้นเขาอยู่ทุกวี่วัน พวกมันก็ไม่ประหลาดใจอีกต่อไปแล้ว
ข่าวลือเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ตามธรรมชาติ อย่างเช่นศิษย์พี่จั่วม่อล่วงเกินอาจารย์อาซินหยาน ดังนั้นอาจารย์อาโกรธมากเป็นพิเศษ และลงโทษมันด้วยตัวเอง หรืออีกข่าวลือหนึ่ง เล่าว่าศิษย์พี่จั่วม่อกำลังฝึกปรือเคล็ดวิชาในตำนานซึ่งโหดเหี้ยมอำมหิตเป็นพิเศษ แน่นอนว่าเรื่องนี้เหล่าศิษย์สตรีเรือนขิงหอมล้วนสามารถยืนยันได้
จั่วม่อในที่สุดก็ลืมตาฟื้นขึ้นมาในลานน้อยของมัน สิ่งแรกที่ทักทายมันคือสายตาเห็นอกเห็นใจของห่านจะงอยเทาบนหลังคา จั่วม่อตะกายลุกขึ้นพลางเยาะเย้ยตัวเอง ในที่สุดก็ได้พักผ่อนเสียที ก่อนจากไปอาจารย์ลุงซินหยานบอกว่าจะกลับมาภายในห้าวัน เห็นได้ชัดว่าค่ายกลกระบี่ไม่เหมาะที่จะใช้งานทุกวัน นอกจากนี้มันยังต้องการเวลาในการฝึกฝนวัชรสูตรน้อย หากยังไม่ก้าวหน้าขึ้นก่อนการฝึกครั้งต่อไป มันจะตายอย่างน่าอนาถ
วัชรสูตรน้อยมีสรรพคุณทางการรักษาอยู่บ้าง หลังจากโคจรพลังครู่หนึ่ง จั่วม่อรู้สึกร่างกายอุ่นสบายขึ้น ซึ่งทำให้มันประหลาดใจเล็กน้อย ในบรรดาเคล็ดวิชาที่มันฝึกปรือมาทั้งหมด วิชาที่ให้ความรู้สึกสุขสบายมากที่สุดคือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด ความรู้สึกไร้เขาไร้เรา ว่างเปล่าและไร้ตัวตนนั้น ยากจะบ่งบอกบรรยายได้ ส่วนความรู้สึกเวลาฝึกวัชรสูตรน้อย แม้ไม่น่าหลงใหลเท่าฝึกปรือเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิด แต่จั่วม่อในสภาพได้รับบาดเจ็บ ความรู้สึกอบอุ่นสบายไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหมาะสมยิ่งกว่า
ที่สำคัญ เนื่องจากง่ายดายต่อการฝึกปรือ วัชรสูตรน้อยไม่มีปัญหาคอขวด ไม่ได้เป็นเช่นเคล็ดบำเพ็ญสูดปราณก่อนกำเนิดที่มักจะทำให้มันต้องกระอักเลือดเป็นประจำ
หลังจากฝึกปรือเป็นเวลาสองชั่วยาม ร่างกายผ่อนคลายอย่างน่าอัศจรรย์ รอยแผลบนร่างก็จางหายไป จั่วม่อเบิกบานใจมาก
จั่วม่อเดินไปยังท้องทุ่งปราณภายในหุบเขา เมื่อเห็นเหล่าพืชปราณในทุ่งก็รู้สึกเจ็บปวดใจ มันไม่ได้ดูแลทุ่งปราณมาหลายวันแล้ว พืชปราณบางส่วนที่มีความอ่อนไหวมากเริ่มจะเหี่ยวเฉา จั่วม่อขบกราม หักใจเก็บเกี่ยวหญ้าปราณที่มีความอ่อนไหวและใกล้ครบกำหนดเก็บเกี่ยวทั้งหมด มันตัดสินใจขายหญ้าปราณเหล่านี้ทิ้ง หลงเหลือไว้เพียงพืชปราณที่มีความทนทานกว่า
ยากนักที่อาจารย์ลุงจะมีเมตตา ด้วยเวลาพักห้าวัน จั่วม่อในที่สุดสามารถหายใจหายคอสะดวกขึ้นบ้าง แม้ว่ามันจะทราบดีว่าช่วงเวลาผ่อนปรนนั้นแสนสั้น และอีกไม่นานต้องกลับเข้าสู่ฝันร้ายอีกครั้งหลังจากห้าวันนี้ผ่านไป มันยังคงตั้งใจที่จะใช้เวลาห้าวันนี้ให้เพลิดเพลิน
ฟังอินกุย จั่วม่อครวญเพลงเสียงเล็กเสียงน้อย นั่งเท้าคางอ่านม้วนหยกที่ผู้อาวุโสเว่ยหนานทิ้งไว้
ทันทีที่หัวใจผ่อนคลาย ก็อดคิดถึงวิธีทำกำไรจิงสือไม่ได้! ระยะนี้ไม่มีหนทางใดเลย เมื่อต้องอาบน้ำยาสมุนไพรทุกวี่วัน จั่วม่อก็อยู่ท่ามกลางหนี้สินมหาศาล มีหนี้สินค้างชำระกับซือฟู่เป็นจำนวนมาก มิหนำซ้ำยังถูกห้ามเข้าสู่ห้องหลอมกลั่น มันไม่อาจผลิตเม็ดยาอีกาทองคำและไม่มีรายได้ ไม่เพียงเท่านั้น มันยังไม่มีความคืบหน้าในกระบวนการสร้างโอสถปราณชนิดใหม่อีกด้วย
จั่วม่อฉุกคิดถึงวิธีการหลอมกลั่นด้วยน้ำที่บรรยายไว้ในม้วนหยกของผู้อาวุโสเว่ยหนาน ขึ้นมาอย่างกะทันหัน
วิถีทางแห่งวิชาหลอมกลั่นในโลกหล้ามีจำนวนเหลือคณานับ วิธีการหลอมกลั่นด้วยไฟแพร่หลายที่สุด วิธีหลอมกลั่นที่เกี่ยวข้องกับน้ำและไม้นั้นลี้ลับมากกว่า ความรอบรู้ของผู้อาวุโสเว่ยหนานกว้างขวางมาก อีกทั้งมันยังมีทักษะในการนำสิ่งที่มีอยู่รอบข้าง มาสร้างให้เกิดมูลค่าสูงสุด จั่วม่อเลื่อมใสในจุดนี้มาก หลายครั้งที่ผู้คนมักตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดมากมาย และข้อจำกัดเหล่านี้ส่วนมากไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ดังนั้นภายใต้สถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวยยังสร้างผลลัพธ์ที่ดีได้ นี่ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามีความรอบรู้ลึกล้ำเพียงใด
มีตาน้ำพุเย็นอยู่ในห้องศิลา เป็นสถานที่ที่ดีในการหลอมกลั่นด้วยน้ำ ส่วนใหญ่ของเม็ดยาที่สามารถหลอมกลั่นด้วยน้ำโอนเอียงไปทางหยินเย็นเยือก นี่คือข้อจำกัดของวิธีการหลอมกลั่นด้วยน้ำ แต่สำหรับจั่วม่อแล้วย่อมไม่มีทางเลือกอื่น
ในม้วนหยกของผู้อาวุโสเว่ยหนานมีตำรับโอสถมากมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำ จั่วม่อกวาดตาอ่านลวกๆ และเลือกเม็ดยาสองสามชนิดที่สามารถทำได้ในตอนนี้ออกมา จดจำไว้ในใจ
ดูเหมือนว่ามันจำเป็นต้องไปตงฝูสักครา
แม้ว่ามันจะมีหนี้สินท่วมหัว แต่ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายคืนในทันที ดังนั้นจั่วม่อยังคงมีจิงสือติดตัวจำนวนหนึ่ง หากมันขายหญ้าปราณซึ่งไม่ได้วางแผนให้สำนักช่วยขายให้ ก็จะได้รับจิงสือเพิ่มเติม มันมีวันหยุดพักผ่อนเพียงห้าวัน หากปล่อยให้สำนักขายให้จะใช้เวลามากเกินไป และจะให้ผู้ใดทราบไม่ได้ว่ามันไปยังตงฝูเพื่อซื้อหาวัตถุดิบ หากซือฟู่ทราบว่ามันลอบหลอมกลั่นโอสถ ‘ฮึ่มฮึ่ม!’ ของซือฟู่คงได้ฤกษ์สำแดงฤทธิ์ขึ้นมาจริงๆ แล้ว จากนั้นผลลัพธ์เป็นอย่างไร มันไม่อยากคิดถึงเรื่องนี้
ปลอมตัวเปลี่ยนรูปโฉมและปิดบังซ่อนเร้นร่องรอย จั่วม่อกลายเป็นชำนาญวิชาความรู้ทั้งสองแขนงนี้ไม่น้อย
ผลลัพธ์จากการถูกเคี่ยวกรำมาหลายวันเห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง จั่วม่อเร่งรุดดุจเหินบิน ไม่เหลือเงาเจ้าผีดิบอ่อนแอในอดีต คราวนี้มันเปลี่ยนโฉมหน้าเป็นบุรุษหน้าตาพื้นเพธรรมดาผู้หนึ่ง
จั่วม่อรู้จักตงฝูดี หญ้าปราณที่มันพกมาคราวนี้แม้คุณภาพไม่ดีเท่าที่ควร แต่จะอย่างไรมันก็เป็นเกษตรกรปราณผู้หนึ่ง สิ่งที่ไม่ได้คุณภาพของมันยังดีงามกว่าของที่ผู้ฝึกตนสามัญปลูกมาก ดังนั้นขายออกไปทั้งหมดแทบจะในทันที จากนั้นมันหาซื้อวัตถุดิบบางอย่างสำหรับใช้ในการหลอมกลั่นด้วยน้ำ
หลังจากเสร็จธุระที่จำเป็นต้องทำ จิตใจมันค่อยผ่อนคลายลง เริ่มเดินเที่ยวเล่นไปรอบๆ
เสี่ยวหวนกังวลมาก ทุกวันนางปักหลักอยู่ที่ตลาดเสรี เฝ้ารอคนผู้นั้นที่ขายไข่มุกหยินให้แก่นาง ต่อมานางถึงกับเช่าแผงลอยแห่งหนึ่ง จ่ายด้วยราคาแพงลิบ และแขวนป้าย ‘รับซื้อไข่มุกหยินในราคาสูง’ นางเชื่อว่าหากชายหน้าเหลืองผู้นั้นเห็นป้าย มันจะต้องมาเสาะหานางเอง
นางหวั่นเกรงว่าคุณหนูของนางจะได้รับอันตราย เมื่อได้ทราบว่าคุณหนูเอาชีวิตรอดมาได้ด้วยการพึ่งพาไข่มุกหยินที่นางซื้อไปคราวก่อน หากนางสามารถซื้อไข่มุกหยินได้เพิ่มอีกสักหน่อย คุณหนูของนางจะสามารถหลอมสร้างมุกหยินอสนีบาตได้มากขึ้น ทีนี้นางก็ไม่ต้องคอยกังวลมากถึงเพียงนี้แล้ว นางเศร้าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่คราวนั้นไม่ได้ซื้อไปมากกว่านี้
เสี่ยวหวนเฝ้ารออยู่ที่นี่ทุกวี่วัน แต่นางไม่เคยพบพานชายหน้าเหลืองผู้นั้นอีกเลย
นางอดมองไปยังแผงลอยด้านข้างมิได้ เจ้าของแผงลอยเป็นบุรุษหนุ่มผู้หนึ่ง ป้ายของมันก็ขึ้นไว้ว่า ‘รับซื้อไข่มุกหยินในราคาสูง’ เช่นเดียวกัน เสี่ยวหวนขุ่นเคืองยิ่ง นางย่อมรู้จักคนผู้นี้ดี มันเป็นศิษย์ของเหวินเถี่ยซ่านเหริน
หลายคนได้เห็นคุณหนูของนางใช้มุกหยินอสนีบาต และที่มาของไข่มุกหยินลูกนั้นก็หาใช่ความลับไม่
อวิ๋นเสียเซียนจื่อไม่ได้เป็นคนเดียวที่ทราบวิธีหลอมสร้างมุกหยินอสนีบาต แม้กลวิธีควบกลั่นไข่มุกหยินได้สูญหายไปนานแล้ว แต่วิธีหลอมสร้างมุกหยินอสนีบาตกลับไม่ได้หายากกระไรนัก นอกจากนี้ไข่มุกหยินยังใช้ทำอย่างอื่นได้มากมาย ไม่ใช่แค่เพียงหลอมสร้างเป็นมุกหยินอสนีบาตเท่านั้น
สามพันปีก่อน มีสำนักแห่งหนึ่งมีฝีมือในการควบกลั่นไข่มุกหยินเป็นพิเศษ เรียกว่าสำนักภูตหยิน ทั้งยังมีความสามารถหลอมสร้างไข่มุกหยิน ให้เป็นมุกเทพหลากหลายชนิด นอกจากมุกหยินอสนีบาตแล้ว ยังมีมุกหยินเพลิงพิโรธ และมุกเทพอื่นๆ อีกมากมาย แต่สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของสำนักภูตหยินเป็นค่ายกลภูตหยินเก้าสวรรค์ ค่ายกลภูตหยินเก้าสวรรค์นี้สร้างขึ้นจากมุกหยินหลากชนิด จำนวนสามพันหกร้อยเม็ด ก่อตั้งเป็นค่ายกลสังหาร ว่ากันว่าค่ายกลอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงนี้ สามารถสังหารได้แม้แต่ยอดคนด่านฝ่านซูเลยทีเดียว
ในครานั้น สำนักภูตหยินนอกจากขายไข่มุกหยินแล้ว ยังขายมุกเทพหลากหลายชนิดที่หลอมสร้างแล้วเสร็จ รวมถึงเวทวิชาง่ายๆ ที่ใช้หลอมสร้างมุกเทพหลายชนิด ดังนั้นสิ่งของเช่นมุกหยินอสนีบาตก็ค่อยๆ แพร่กระจายออกไป เนื่องจากพลังอำนาจอันร้ายกาจของมุกหยินอสนีบาต ทั้งยังหลอมสร้างได้ง่ายดาย ซิวเจ่อจำนวนมากมักจะพกพาติดตัวไว้จำนวนหนึ่ง
ในมหาสงครามเมื่อสามพันปีที่แล้ว สำนักภูตหยินถูกทำลายล้างเกือบสูญสิ้นทั้งสำนัก กรรมวิธีควบกลั่นไข่มุกหยินหายสาบสูญไป แต่วิธีหลอมสร้างมุกหยินอสนีบาตยังคงสืบทอดต่อๆ กันมา
อันที่จริง นอกจากเหวินเถี่ยซ่านเหรินแล้ว ผู้อื่นก็ล้วนพยายามจะซื้อไข่มุกหยินกันทั้งนั้น แต่ผู้อื่นไม่ตรงไปตรงมาเท่าเหวินเถี่ยซ่านเหรินเท่านั้น ส่วนใหญ่ลอบจ้างให้ชาวบ้านในพื้นที่คอยซื้อไข่มุกหยินให้
เมื่อเห็นศิษย์ของเหวินเถี่ยซ่านเหรินใช้สายตาดูหมิ่นเหยียดหยามมองนาง เสี่ยวหวนยิ่งขุ่นแค้นกว่าเดิม
“ไร้ยางอาย!” นางก่นด่าไม่ทราบว่ากี่ครั้งแล้ว แต่เนื่องจากพลังบำเพ็ญเพียรของผู้อื่นสูงส่งกว่านาง นางจะไปทำอะไรได้
จู่ๆ ปรากฏผู้คนกลุ่มใหญ่ที่ต้องการซื้อหาไข่มุกหยินด้วยราคาแพง เป็นธรรมชาติที่จะดึงดูดความสนใจของเหล่าผู้มีอิทธิพลในตลาดเสรี แต่ไม่ว่าพวกมันจะพยายามสืบหาสักเพียงใด ยังคงไม่ทราบว่าไข่มุกหยินเป็นสิ่งของเยี่ยงไร มีบางคนกล้าหาญชาญชัย นำไข่มุกบางชนิดมาปลอมเป็นไข่มุกหยิน ผลลัพธ์ที่ได้คือพวกมันถูกทุบตีจนแทบพิกลพิการ
เพียงแค่ไม่กี่วันให้หลัง เหล่างูเจ้าถิ่นล้วนทราบว่าผู้คนกลุ่มนี้ยากตอแย จึงไม่มีผู้ใดแส่หาที่ตายอีก
ดังนั้นเมื่อจั่วม่อเดินเที่ยวเล่นมาจนถึงตลาดเสรี และพบเห็นกลุ่มป้ายทอดยาวเป็นทิวแถวราวกับป่าที่กล่าวว่า ‘รับซื้อไข่มุกหยินในราคาสูง’ ทันใดนั้นก็ตะลึงลาน ยืนเหม่อมองอย่างโง่งมอยู่ตรงนั้นเอง