TXV – 70 หมอจำเป็น !
TXV – 70 หมอจำเป็น !
เซี่ยเหล่ยเองก็ต้องไปให้การที่สถานีตำรวจด้วย แม้เรื่องนี้จะเป็นกรณีป้องกันตัว แต่ทุกอย่างก็ต้องเขียนเป็นรายงานและต้องมีการสอบปากคำด้วย พวกตำรวจต้องดูว่าใครรับผิดชอบอะไร ต้องพาใครไปโรงพยาบาล และใครต้องถูกโยนเข้าคุกบ้าง ซึ่งกว่าเรื่องพวกนี้จะเสร็จสิ้นต้องใช้เวลานาน เมื่อเซี่ยเหล่ยออกมาจากสถานีตำรวจ ตอนนั้นก็ดึกซะแล้ว
แต่แทนที่จะกลับบ้าน เซี่ยเหล่ยขับรถไปยังอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปแทน
อาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปยังไม่ปิด ดวงไฟยังคงเปิดอยู่ เซี่ยเหล่ยเห็นจูเสี่ยวหงกำลังจัดการกับขยะในร้านอยู่ตอนที่เขาลงมาจากรถ ถังขยะข้างถนนก็เต็มไปด้วยเศษอิฐ เศษของแตกและเศษแก้วกองพะเนิน
จูเสี่ยวหงกำลังกวาดพื้นร้านอย่างระมัดระวังอยู่ใต้แสงไฟ เธอดูปกติดีตอนยืนอยู่นิ่งๆ แต่เมื่อต้องเดิน เธอจะเดินกะเผลกอย่างเห็นได้ชัด…
เซี่ยเหล่ยก็นึกได้ทันทีว่าเธอถูกอันธพาลพวกนั้นตีที่ต้นขาด้วยท่อเหล็กจึงเริ่มรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา เซี่ยเหล่ยรีบเดินตรงเข้าไปในร้านแล้วถามด้วยความกังวล “เสี่ยวหง เธอเจ็บขานี่ ยังทำงานอยู่อีกเหรอ?”
จูเสี่ยงหงเพิ่งรู้ตัวว่าเซี่ยเหล่ยมาที่นี่ก็ตอนที่เขาพูด จึงรีบวางไม้กวาดและที่ตักขยะลง “อ้าว พี่เหล่ย ฉันไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้นะ”
แต่เซี่ยเหล่ยคว้าตัวเธอเอาไว้แล้วพาไปนั่งลงบนเก้าอี้ “นั่งตรงนี้แหละ ผมไม่หิวน้ำหรอก พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวผมทำความสะอาดต่อเอง”
“ไม่ได้นะคะ ฉันต้องเป็นคนทำงานนี้สิคะ” จูเสี่ยวหงกล่าว
เธอกำลังจะยืนขึ้น แต่เซี่ยเหล่ยกดเธอให้นั่งลงด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียว พูดพลางหัวเราะเล็กน้อย “ยังมีงานอะไรอีกล่ะที่ผมไม่เคยทำ ? ผมก็เหมือนคุณนั่นแหละ ทำทั้งงานยากและงานหนักเพื่อหาเงิน นั่งตรงนี้เลย จะให้ผมทำเองหรือจะให้ผมโกรธดีล่ะ”
มันได้ผล ! จูเสี่ยวหงยอมฟังและนั่งนิ่งๆมองเซี่ยเหล่ยทำความสะอาดต่อแต่โดยดี
เธอทำความสะอาดใกล้เสร็จแล้วตอนที่เซี่ยเหล่ยมาถึง เหลือแค่ตามมุมร้านบางมุม ซึ่งเซี่ยเหล่ยก็จัดการจนเสร็จใน 10 นาที
เซี่ยเหล่ยเดินตรงทางข้างจูเสี่ยวหงแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “ไปหาหมอรึยังล่ะเสี่ยวหง?”
เธอส่ายหน้า “ยังค่ะ เมืองนี้ค่ารักษาแพงเกินไป...” เธอหัวเราะด้วยความเขินอาย “ฉันไม่กล้าใช้เงินด้วยซ้ำ”
เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้ว “เจ้าบ้า เธอเห็นเงินสำคัญกว่าชีวิตรึไง ? ถ้าสมมุติว่าเธอบาดเจ็บหนักแล้วไม่ไปรักษาให้ทันเวลา งั้นเธอจะมีเงินไปทำไมในเมื่อเราไม่มีชีวิตให้ใช้เงินแล้วน่ะ?”
“ก็ให้แม่กับพ่อได้ใช้ชีวิตสบายๆ แล้วก็ให้น้องชายฉันได้เรียนต่อค่ะ” จูเสี่ยวหงดูร่าเริงขึ้นมากเมื่อพูดถึงครอบครัว
“งั้นใส่ใจตัวเองมากกว่านี้อีกหน่อยไม่ได้เหรอ?”
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆค่ะพี่เหล่ย ฉัน...” จูเสี่ยวหงขยับ แต่การเคลื่อนไหวนั้นทำเอาขาเธอเจ็บหนักจนพูดไม่ออก
เซี่ยเหล่ยถามต่อด้วยความกังวล “เป็นอะไรมั้ย? เจ็บมากเลยเหรอ?”
จูเสี่ยวหงพยายามไม่แสดงออกแล้ว แต่เสียงร้องเพราะความเจ็บปวดกลับเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปาก
“นั่นไงล่ะ ให้ผมพาไปโรงพยาบาลเถอะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“ไม่ๆ ฉันไม่เป็น... อ๊ะ...” จูเสี่ยวหงดูเหมือนจะยิ่งเจ็บมากกว่าเดิม
เซี่ยเหล่ยไม่พูดอะไรอีก เขาใช้พลังมองต้นขาข้างซ้ายของจูเสี่ยวหง โดยมองทะลุผ่านชุดทำงานสีฟ้าของเธอ เผยให้เห็นรอยช้ำบนขาแก่ตาข้างซ้ายของเขาในทันที
บริเวณโคนขาของจูเสี่ยวหงแดงและบวม จุดที่โดนท่อเหล็กตีก็เป็นแผลฉีก ทั้งแดงและอักเสบอย่างเห็นได้ชัด เซี่ยเหล่ยขมวดคิ้วแน่นขึ้นอีก อาการบาดเจ็บแบบนี้ไม่อันตรายนัก แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รีบรักษาก็อาจจะติดเชื้อได้เร็วขึ้น และที่แย่กว่านั้นก็อาจจะกลายเป็นเนื้อร้ายหรือบาดทะยักได้เลย
“เจ็บหนักเลยนี่นา ยังจะพูดแบบนั้นอีกเหรอ?” เซี่ยเหล่ยกล่าว
“พี่ไม่เห็น... แผลสักหน่อย รู้ได้ยังไงว่าหนัก?” จูเสี่ยวหงมองเซี่ยเหล่ยด้วยความประหลาดใจ
เซี่ยเหล่ยเพิ่งนึกได้ว่าเขากำลังทำให้จูเสี่ยวหงรู้สึกสงสัย “ก็เธอดูเจ็บมากจนไม่ต้องดูก็รู้นี่ เอาแบบนี้มั้ย? นี่ก็ดึกแล้ว หมอก็คงเลิกงานกันหมดแล้วด้วย เดี๋ยวผมจะไปร้านขายยา ซื้อยาล้างแผลกับผ้าพันแผลมานะ อ้อ แล้วก็ยาฆ่าเชื้อด้วย เธอต้องกินยาป้องกันการติดเชื้อนะ”
จูเสี่ยวหงยิ่งสงสัยมากกว่าเดิม “พี่เหล่ยรู้ได้ยังไง?”
“อ่านจากหนังสือน่ะ ถ้าเธอมีเวลาว่างก็ต้องอ่านเยอะๆเหมือนกันนะ อ่านพวกเรื่องที่มีประโยชน์ เอาล่ะ รอที่นี่นะ ผมจะไปร้านขายยาใกล้ๆแล้วซื้อยามาให้”เซี่ยเหล่ยขับรถออกจากอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อปแล้วเดินตรงไปยังร้านขายยาที่ใกล้ที่สุด
ความรู้เรื่องยาของเซี่ยเหล่ยได้มาจากการอ่านหนังสือก็จริง แต่ก็เป็นแค่ความรู้เบื้องต้น เพราะเขาไม่เคยคิดจะเป็นหมอและไม่เคยอยากจะเป็น เซี่ยเหล่ยจึงไม่ได้ศึกษาอะไรแบบเจาะลึกนัก
ร้านขายยาในปัจจุบันขายยาหลายประเภท เราสามารถซื้อยาอะไรก็ได้ตราบเท่าที่จ่ายเงินหรือรูดบัตรเครดิต เซี่ยเหล่ยรีบซื้อยาที่จำเป็นต้องใช้ ก่อนจะพบว่าจูเสี่ยวหงหายไปแล้วเมื่อเขากลับมายังอาชาสายฟ้าเวิกค์ช็อป
เซี่ยเหล่ยเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูของห้องภายในร้าน แล้วพูดขึ้น “เสี่ยวหง อยู่นี่รึเปล่า?”
“อื้ม ฉันอยู่นี่ค่ะ เข้ามาเลย” เสียงของจูเสี่ยวหงดูแปลกไปเล็กน้อย
เซี่ยเหล่ยเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ห้องที่คับแคบสว่างไสวด้วยแสงระยิบระยับ จูเสี่ยวหงนอนอยู่บนเตียงพับได้พร้อมกับผ้าห่มบาง ๆ คลุมขาของเธอแต่เว้นผิวเรียบเนียนบริเวณขาที่เป็นแผลเอาไว้พร้อมกับถอดถุงเท้าออก ใบหน้าเธอเห่อแดงใต้แสงไฟ ดูเขินอายและกังวลไปพร้อมๆกัน
เซี่ยเหล่ยยืนนิ่งมองเธออยู่ครู่หนึ่งพร้อมกับถือถุงยาในมือ เพราะกำลังอยู่ในจุดที่ทำอะไรต่อไม่ถูก....
“พี่เหล่ย พี่บอกว่า... พี่จะช่วยฉันทำแผล ฉั- ฉันถอดกางเกงออกไม่ได้ถ้าพี่จะทำแผลให้ข้างนอกร้าน ก็ ก็เลยเข้ามาข้างในนี่แหละค่ะ” จูเสี่ยวหงหน้าแดงยิ่งกว่าเดิมเมื่อต้องอธิบาย จนไม่มีจุดไหนบนใบหน้าเลยที่ไม่ได้แดงตอนเธอพูดจบ
เซี่ยเหล่ยที่ดึงสติกลับมาได้จึงกระแอมแห้งๆ แล้วเดินไปยังเตียงตรงหน้า สาวบ้านนอกคนนี้อายเกินกว่าจะถอดกางเกงออกตอนที่อยู่ด้านนอกได้ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่เธอเดินเข้ามาด้านในแล้วถอดมันออก ตอนนี้คนไข้พร้อมได้รับการรักษาแล้ว เซี่ยเหล่ยในฐานะหมอจำเป็นจะปล่อยเวลาให้ล่วงเลยไปเฉยๆไม่ได้ ต้องรีบทำแผลให้เธอด่วน
เซี่ยเหล่ยดึงผ้าห่มออกอย่างเบามือเผยให้เห็นขาขาวนุ่ม แผลบนขาจูเสี่ยวหงปรากฏชัดเจน ซึ่งเป็นบริเวณไวต่อการสัมผัส ใกล้กับชุดชั้นในของเธอ เซี่ยเหล่ยตั้งใจจะมองไปยังแผล แต่ก็เผลอมองจุดสำคัญของจูเสี่ยวหงอย่างช่วยไม่ได้ เซี่ยเหล่ยเริ่มรู้สึกอึดอัดและเริ่มอยากถอนคำพูดที่ว่าจะช่วยเธอทำแผลก่อนหน้านี้แล้วถ้าทำได้ จริงๆถ้าเขาพาเธอไปหาหมอตั้งแต่จะดีกว่าการมาเผชิญสถานการณ์น่าอายตอนนี้อีก....
“เอ่อ ขอโทษที ผมกำลังคิดอยู่ว่าจะทำแผลยังไงน่ะ” เซี่ยเหล่ยพูดอย่างเคอะเขิน
“คิดเสร็จรึยังคะ?” รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนมุมปากของจูเสี่ยวหง เธอไม่ได้คิดมากหรือรังเกียจอะไรเลย
“เสร็จแล้วๆ” เซี่ยเหล่ยหยิบยาฆ่าเชื้อออกมา แล้วฉีดลงบนแผลของจูเสี่ยวหง 2 ครั้ง
น้ำยาฆ่าเชื้อสีขาวเปียกชุ่มไปทั้งต้นขาและเสื้อผ้าของเธอ
“อ๊ะ อ๊า! เจ็บ! ฉันเจ็บ!” จูเสี่ยวหงร้องออกมาด้วยความแสบพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมาเมื่อยาฆ่าเชื้อสัมผัสกับบาดแผล
“ผู้ใหญ่แบบเธอยังกลัวเจ็บอยู่อีกเหรอ ? ทนหน่อยนะ ผมล้างแผลเกือบเสร็จแล้ว” เซี่ยเหล่ยปลอบโยนเธอในขณะที่ใช้ก้านสำลีทำความสะอาดแผลไปด้วย
จูเสี่ยวหงกัดฟันแน่นพลางมองเซี่ยเหล่ยทำแผลต่อกับน้ำตาที่คลอเอ่ออยู่ในดวงตา เธอประทับใจจริงๆที่เซี่ยเหล่ยดูแลเธอขนาดนี้
หลังจากทำความสะอาดแผลเสร็จ เซี่ยเหล่ยทายาป้องกันการติดเชื้อลงบนแผล แล้วใช้ผ้าพันแผลพันรอบ แต่ในขณะที่กำลังพันผ้าอยู่ เซี่ยเหล่ยออกแรงดึงมากไปหน่อย ต้นขาของเธอจึงถูกดึงลงเล็กน้อย จนเกิดช่องว่างที่มองเห็นส่วนเหนือต้นขาอยู่ใต้ผ้าห่มนั้น
ทั้งสองคนนิ่งเงียบในทันที นั่นทำให้บรรยากาศเริ่มดูแปลกไป
“อืม โอเค ผมจะกลับแล้ว พักผ่อนเถอะ ผมให้หยุดพักสัก 2-3 วัน ค่อยกลับมาทำงานตอนแผลเริ่มหายก็แล้วกันนะ” เซี่ยเหล่ยกล่าว ตอนนี้เขาเริ่มไม่กล้าอยู่ในห้องต่ออีก
“พี่เหล่ย ฉันยังทำงานไหวค่ะ จริงๆนะ ไม่ต้องหยุดงานหรอกค่ะ” จูเสี่ยวหงดูกระวนกระวาย
เซี่ยเหล่ยดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้จูเสี่ยวหง ตบไหล่เธอเบาๆ “ดื้ออีกแล้วเหรอ ? พักเถอะ เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง”
เซี่ยเหล่ยเดินออกมา จูเสี่ยวหงกอดผ้าห่มเอาไว้แล้วหัวเราะคิกคัก
‘เดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง’ จูเสี่ยวหงมีความสุขทุกครั้งที่เซี่ยเหล่ยพูดแบบนี้กับเธอ
เซี่ยเหล่ยปิดประตูหน้าต่างแล้วจึงขึ้นรถ ขับตรงกลับบ้าน ก่อนจะเปลี่ยนใจเมื่อมาถึงทางแยกแล้วเลี้ยวรถไปทางร้านทำผมของฉิงเสวียงแทน
เฉินฉัวหู่เป็นคนที่หล่าวฉี่ส่งมา ไม่รู้ว่าหล่าวฉี่จะลืมเขาไปแล้วรึยัง ตั้งแต่เฉินฉัวหูโดนตำรวจจับ
‘เราอาจจะเหมือนคนธรรมดาสำหรับหล่าวฉี่ แต่วันนี้เราก็จัดการพวกลูกน้องของเฉินฉัวหูไปตั้งเยอะ เขาจะยังมองว่าเราเป็นคนธรรมดาอยู่อีกมั้ยนะ? ครั้งต่อไปเขาจะส่งเศษสวะอย่างเฉินฉัวหูมาอีกรึเปล่า ? ไม่หรอก เขากำลังตามล่าเรา แถมเราก็ยังไม่มีเบาะแสอะไรที่บ่งบอกได้เลยว่าเขาเป็นใคร...’ เซี่ยเหล่ยครุ่นคิดระหว่างขับรถ
ตอนนี้ สิ่งเดียวที่เขารู้เกี่ยวกับหล่าวฉี่ก็คือชื่อเท่านั้น ซึ่งนั่นมันไม่เพียงพอ..
ใครคือหล่าวฉี่? เขาอยู่ที่ไหน? ทำงานกับใคร? เซี่ยเหล่ยต้องการคำตอบของคำถามพวกนี้ แต่จะให้ไปถามคนตามข้างทางถนนเอาก็ไม่ได้ ซึ่งไม่ว่าเขาจะคิดยังไง ฉิงเสวียงก็เป็นคนที่ดีที่สุดที่น่าจะให้คำตอบเขาได้
เซี่ยเหล่ยเคยไปที่ร้านของฉิงเสวียงแล้วครั้งหนึ่งโดยบังเอิญ แต่เขาก็จำทางได้อย่างแม่นยำ รถโปโลเคลื่อนตัวเข้าใกล้ตัวร้านมากขึ้น ก่อนที่เซี่ยเหล่ยจะจอดในระยะห่าง 500 เมตร ยื่นหน้าออกไปนอกหน้าต่าง เพื่อมองสถานการณ์ในร้านจากไกลๆ
คนทั่วไปคงจะมองเห็นแค่ภาพมัวๆไม่ชัดเจนจากระยะ 500 เมตรนี่ แต่สำหรับเซี่ยเหล่ยชัดเจนราวกับห่างเพียง 5 เมตร เขามองเห็นทุกอย่างชัดในระยะนี้ หรือแม้แต่พวกผลิตภัณฑ์เสริมความงามตรงหน้าต่างนั่น !
ทันใดนั้นเซี่ยเหล่ยก็เห็นฉิงเสวียงกำลังทำผมให้ลูกค้าผู้หญิงคนหนึ่ง พร้อมคู่หู เอ๋หลานของเขากำลังทำเล็บให้ลูกค้าคนนั้นอยู่ ทั้ง 3 คนกำลังคุยกันอย่างอบอุ่น ลูกค้าคนนั้นก็ดูเหมือนจะเป็นลูกค้าประจำของร้านด้วย
เซี่ยเหล่ยปิดตาข้างขวาเอาไว้ แล้วใช้ข้างซ้ายเพ่งมองไปที่ริมฝีปากของฉิงเสวียง การขยับของริมฝีปากมันชัดเจนราวกับเป็นช่วงกลางวันที่มองเห็นได้ทุกอย่างเลยทีเดียว
“พี่ฮัว นี่ไม่ได้ประจบพี่นะ แต่ผิวพี่เนี่ยดีมากเลย ดีกว่าผมอีก ถ้าพี่ลดถุงใต้ตาได้ พี่จะดูเด็กลง 5 ปีทันทีเลย สามีพี่คงรีบมาตะครุบพี่แบบหมาป่าที่หิวโหยเลยล่ะ” ฉิงเสวียงเยินยอลูกค้าเจ้าประจำ “ผมเพิ่งนำเข้าผลิตภัณฑ์ความงามมาใหม่จากเกาหลี พี่อยากลองใช้หน่อยมั้ย?”
เซี่ยเหล่ยลดมือข้างที่ปิดตาลง ตอนนี้จะอ่านปากเขาต่อไปก็คงไม่มีประโยชน์สักเท่าไหร่ เซี่ยเหล่ยทำให้ตาข้างซ้ายกลับมาเป็นปกติแล้วพักสายตาเล็กน้อย
การมาสอดแนมฉิงเสวียงคงไม่ช่วยอะไรไปมากกว่านี้ เซี่ยเหล่ยต้องหาหนทางอื่นแล้ว
ติดตามตอนต่อไป...