ตอนที่แล้วTWO Chapter 47 พิธีเปิด ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTWO Chapter 49 เทียนเหวินจิง

TWO Chapter 48 ชัยชนะเล็กๆ


TWO Chapter 48 ชัยชนะเล็กๆ

หลังจากพิธีเปิดจบลง ทุกคนก็แยกย้ายกันไป

มู่ฉิงซีไม่ได้ออกไป เธอดึงโอหยางโชวเข้าไปในธนาคาร เดินตรงไปที่เคาท์เตอร์ มอบตั๋วที่เธอเพิ่งได้รับให้กับพนักงาน แล้วกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ข้าต้องการแลกเปลี่ยนเงินเหล่านี้”

พนักงานที่เคาท์เตอร์เป็นชายหนุ่ม เขากำลังคิดว่า ‘ธนาคารเพิ่งเปิดกิจการ และไม่รู้ว่าธนาคารพร้อมที่จะดำเนินงานแล้วหรือไม่?’ เงินของธนาคารนั้น โอหยางโชวเพิ่งจะใส่ลงไปในคลัง และยังไม่มีใครรู้ หนักงานหนุ่มกำลังคิดว่าจะแลกเปลี่ยนให้เธอได้อย่างไร ความวิตกกังวลและความอับอาย ทำให้หน้าของเขากลายเป็นสีแดง

โอหยางโชวไม่ได้หยุดมู่ฉิงซี เขาอยากรู้ว่าพนักงานหนุ่มจะตอบสนองอย่างไร ขุ่ยหยิงหยูเห็นโอหยางโชวเงียบๆ เธอก็เข้าใจในความตั้งใจของเขาทันที เธอพูดคุยกับชายหนุ่ม บอกให้เขาเข้าไปในคลัง และหยิบเงินออกมา

ในเวลาไม่ถึง 10 นาที มู่ฉิงซีได้ใช้ตั๋วแลกเงิน เแลกเงิน 20 เหรียญเงิน เธอยิ้มกว้างขณะที่เธอใส่เงินไว้ในถุงเก็บเงินน่ารักของเธอ เมื่อรวมกับเหรียญทองก่อนหน้านี้ เธอกลายเป็นเด็กสาวที่ร่ำรวยไปในทันที

โอหยางโชวยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้าด้วยความพึงพอใจกับบริการของธนาคาร

กลับมาที่คฤหาสน์ มู่ฉิงซีมอบเตั๋วธัญพืชและตั๋วเนื้อสัตว์ให้กับกู่สานเหนียง หลังจากการปฏิรูป นอกจากโอหยางโชวแล้ว ทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์จะต้องจ่ายค่าเช่า และค่าอาหาร ซึ่งมู่ฉิงซีเข้าใจประเด็นนี้เป็นอย่างดี

ดังนั้น ในวันรุ่งขึ้น กู่สานเหนียงจะต้องไปที่ร้านขายเนื้อ และร้านขายธัญพืช เพื่อซื้อวัตถุดิบในการทำอาหาร เธอไม่สามารถไปรับโดยตรงจากฝ่ายคลังวัสดุได้อีก โอหยางโชวหวังว่า การทำเช่นนี้จะเป็นแบบอย่างให้คนอื่นๆทำตาม

ตอนนี้ฝ่ายต่างๆ ยังคงตั้งสำนักงานอยู่ในคฤหาสน์ของลอร์ด หลังจากมีการอัพเกรดดินแดนอีกครั้ง ฝ่ายต่างๆจะเริ่มย้ายออกไปตั้งสำนักงานเป็นของตัวเอง โอหยางโชวไม่ต้องการให้มีการผสมของส่วนตัวและส่วนสาธารณะไว้ด้วยกันในหมู่บ้านซานไห่ของเขา

ผู้ที่อยู่อาศัยในคฤหาสน์ของลอร์ด นอกจากเอ่อหว้าฉีแล้ว  ทุกคนได้รับค่าตอบแทนที่ดี โดยขุ่ยหยิงหยูจะเป็นคนรับผิดชอบค่าครองชีพให้กับเขา

ตอนนี้มีเพียงโอหยางโชวเพียงคนเดียวเท่านั้นในดินแดนนี้ ที่ไม่มีเงินเดือน แทนที่เขาจะได้รับการสนับสนุนโดยตรงจากดินแดน แต่กลายเป็นว่าเขาเป็นผู้สนับสนุนดินแดน นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ดี เพราะมันต้องใช้ระบบในการรักษาอำนาจของลอร์ด และในเกมส์ก็ยังเป็นสังคมโบราณ เขาต้องปฏิบัติตามกฎพื้นฐานของเกมส์ เขาจึงไม่สามารถใช้ระบบประชาธิปไตยกับเกมส์ได้

กู่สานเหนียงอยู่กับโอหยางโชวมานาน เธอตระหนักถึงเรื่องนี้ และเข้าใจมัน เธอไม่ได้พยายามที่จะปฏิเสธตั๋วจากมู่ฉิงซี เธอยิ้มแล้วกล่าวว่า “ขอบคุณสำหรับตั๋วทั้ง 2 นี้ มันจะช่วยได้มากทีเดียว”

มู่ฉิงซีเป็นที่รักของกู่สานเหนียง ซึ่งความสำพันธ์ของพวกเธอ ใกล้เคียงกับความสำพันธ์ของมู่ฉิงซีกับขุ่ยหยิงหยู มู่ฉิงซีหยิกแขนเธอ แล้วกล่าวว่า “พี่สาวกู่กำลังทำอะไร ข้าไม่เข้าใจเลย”

โอหยางโชวมองไปที่การกระทำของเธอที่เหมือนเด็กๆ เขาส่ายหัวและหัวเราะออกมา เมื่อไหร่เธอจะโตซักที เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย “ฉิงซี เจ้าได้รับเงินแล้ว เจ้าไม่เตรียมที่จะซื้อร้านตัดเย็บของเจ้าหรือ? ตอนนี้เจ้าเป็นช่างตัดเย็บเพียงคนเดียวของดินแดนก็จริง แต่ถ้ามีคนซื้อมันไปก่อน อย่ามาร้องไห้ให้ข้าฟังทีหลังล่ะ”

“อ๊า!!! ข้าลืมไปเลย ข้าจะไปเดี๋ยวนี้แหละ!” โดยไม่ได้สนใจท่าทางล้อเลียนของโอหยางโชว มู่ฉิงซีรีบวิ่งไปที่สำนักงานของฝ่ายก่อสร้าง เพื่อพูดคุยกับเจ้าเต๋อหวังในทันที

โอหยางโชวมองไปที่ลิงตัวน้อยที่วิ่งออกไป แม้ว่าเขาต้องการจะโกรธเธอแค่ไหน เขาก็โกรธเธอไม่ลง ขุ่ยหยิงหยูยืนอยู่ข้างเขาเงียบๆ จากนั้นพวกเขาก็เดินไปที่สำนักฝ่ายก่อสร้างด้วยเช่นกัน

ในสำนักงาน เจ้าเต๋อหวังกำลังคำนวณมูลค่าร้านตัดเย็บของมู่ฉิงซี “ตามราคารที่กำหนด ราคาร้านตัดเย็บอยู่ที่ 56 เหรียญเงิน เจ้าจะชำระเงินในครั้งเดียว หรือจะผ่อนชำระเป็นรายเดือน”

“ราคาแพงจัง” มู่ฉิงซีกำลังพึมพำด้วยความตกใจ เธอเอาเหรียญทองออกมาจากถุงเก็บเงินของเธอ มอบมันให้กับเจ้าเต๋อหวัง แล้วกล่าวว่า “ข้าต้องการชำระเงินในครั้งเดียว!”

เจ้าเต๋อหวังมองไปที่เหรียญทองด้วยความขุ่นเคือง เขาไม่สามารถแลกเปลี่ยนมันได้ เห็นเช่นนั้น โอหยางโชวก็เข้ามาช่วยเหลือ เขาหยิบเหรียญทองนั้นเก็บไว้ในถุงเก็บของของเขา จากนั้นก็หยิงเงิน 100 เหรียญเงินออกมาแทน

เจ้าเต๋อหวังเอาเงินไป 56 เหรียญเงิน ส่วนที่เหลือคืนให้มู่ฉิงซี จากนั้นเขาก็หยิบเอกสารบนโต๊ะขึ้นมา แล้วประทับตราลงไป ใส่ข้อมูลของผู้เป็นเจ้าของของอสังหาริมทรัพย์นั้นลงไปอย่างจริงจัง หากปราศจากการฝึกอบรมในชั้นเรียนผู้ใหญ่ มันคงเป็นเรื่องอย่างที่้เขาจะเขียนมันได้

มู่ฉิงซีหยิบสัญญาขึ้นมาอย่างภูมิใจ โอหยางโชวส่ายหัวและตีศีรษะเล็กๆของเธอเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ดูแลมันให้ดี จะดีมากหากเจ้าไม่ทำมันหลุดมือ ไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะไม่มีโอกาสได้รับมันอีก”

มู่ฉิงซีลูบศีรษะของตัวเอง เธอมองอย่างโอ้อวดไปที่โอหยางโชว และเดินไปข้างๆข่วยหยิงหยู

โอหยางโชวมองไปที่เจ้าเต๋อหวัง “จากที่ข้าเห็น ข้าคิดว่าควรจะมีพนักงานของฝ่ายก่อสร้างอยู่ในธนาคาร เพื่อให้ชาวบ้านสามารถซื้อบ้านและขอรับเงินกู้ได้ในเวลาเดียวกัน มันจะช่วยประหยัดเวลาที่จะต้องวิ่งไปมา”

“อ่า นายท่านรอบคอบมาก ข้าะตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะสามารถทำมันได้อย่างถูกต้อง” เจ้าเต๋อหวังรับคำสั่งของเขา

โอหยางโชวพยักหน้า แล้วออกจากสำนักงานฝ่ายก่อสร้างไป

เมื่อเวลา 17.00 น. กองทหารม้าก็กลับมาจากการบุกโจมตีค่ายโจร เมื่อโอหยางโชวได้รับข่าวนี้ เขาก็ขี่ม้าออกไปพร้อมกับเจ้ากรมการบริหาร เพื่อต้อนรับนักรบของเขา

ขุนพลซีเป็นผู้นำทัพ เมื่อเขาเห็นโอหยางโชว เขาลงจากม้าแล้วคุกเข่าข้างหนึ่งทันที “ขุนพลซีคำนับนายท่าน!”

ด้านหลังเขา ทหารคนอื่นๆรีบลงจากหลังม้า และคุกเข่าลงข้างหนึ่ง แล้วพูดโดยพร้อมเพรียงกันว่า “คำนับนายท่าน!!!”

โอหยางโชวยิ้ม และพูดกับขุนพลซี “ดูเหมือนกองทัพจะทำอย่างอย่างหนักนะ”

หลินยี่รับผิดชอบในการคุ้มครองสินค้าที่ยึดได้ ซึ่งจะถูกส่งต่อไปยังกรมการบริหาร ฝ่ายการเงิน และฝ่ายคลังวัสดุ โอหยางโชวขี่ม้าไปกับขุนพบซี กลับไปที่คฤหาสน์ของเขา เพื่อฟังรายงานการบุกโจมตีค่ายโจรในครั้งนี้

หลังจากนั่งลง ขุนพลซีก็เริ่มรายงาน “ครั้งนี้เราได้ใช้แผนการเดียวกับที่นายท่านใช้ในการบุกโจมตีค่ายโจรในครั้งก่อน ส่งคนของเราไปล่อพวกโจรออกมา เมื่ออยู่นอกค่าย ทหารม้าก็จะสามารถจัดการพวกมันได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว”

“เราไม่คิดว่าหัวหน้าค่ายโจรจะระวังตัวมาก ถึงอย่างนั้น ในระหว่างที่เรารอคอย พวกเขาก็ส่งโจร 12 คนไล่ตามมา หลังจากเราจัดการโจรพวกนั้นแล้ว พวกเราก็บุกเข้าไปในค่ายโจร แต่พวกเราประสบปัญหาการต่อสู้ระยะประชิดพอสมควร”

โอหยางโชวพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม “ดูเหมือนว่าในการขยายกองทัพครั้งต่อไป เราจำเป็นต้องฝึกอบรมทหารราบ เพราะการโจมตีฐานที่มั่น ไม่ใช่งานถนัดของทหารม้า และจะกลายเป็นเสียเปรียบศัตรู”

“โชคดีที่ในครั้งนี้ศัตรูของเราไม่แข็งแกร่งมากนัก ทหารของเราต่อสู้อย่างกล้าหาญ และด้วยบารมีของนายท่าน พวกเราจึงสามารถทำลายค่ายโจรได้สำเร็จ”

โอหยางโชวตระหนักว่า การสู้รบในสงครามขณะนี้ ไม่สามารถผ่อนคลายได้ เขาเงียบซักพัก แล้วถามว่า “มีผู้บาดเจ็บล้มตายเท่าใดบ้าง”

“ครั้งนี้มีทหารมม้าจากกองทัพเข้าร่วมทั้งสิ้น 122 นาย มีผู้เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บสาหัส 5 นาย และบาดเจ็บเล็กน้อย 24 นาย”

เมื่อได้ยินว่ามีผู้เสียชีวิต โอหยางโชวก็ตกใจ “มีผู้เสียชีวิตด้วยหรือ? แล้วมีคนไปแจ้งครอบครัวของเขาแล้วหรือไม่?”

“ทหารคนนี้เป็นกำพร้า เขาไม่มีครอบครัวในหมู่บ้านซานไห่เลย”

โอหยางโชวพยักหน้าเงียบๆ มันไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชายแดน ที่ผู้พลัดถิ่นส่วนใหญ่จะอยู่ลำพัง คนที่อยู่เป็นครอบครัวนั้นมีน้อยมาก

มากกว่า 120 คน ได้รับบาดเจ็บ 30 คน เกือย 1 ใน 4 ของทั้งกองทัพ ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นเพียงชัยชนะเล็กๆ

โอหยางโชวรู้ว่าขุนพลซีเป็นนักรบที่บ้าคลั่ง และชัยชนะก็คือเป้าหมายแรกของเขา การเสียชีวิตของทหารเป็นเรื่องปกติ และเขาไม่ได้สนใจ ดังนั้น ในแผนการรบของเขา เขาจึงไม่ได้ระมัดระวังทหารทั่วไปในสงครามมากนัก

ครั้งนี้ โอหยางโชวปล่อยให้ขุนพลซีเป็นผู้นำในการบุกโจมตี มันเป็นความผิดพลาดครั้งสำคัญของเขา ถ้าเขาอยู่ที่นั่น เขาจะไม่ให้ทหารบุกโจมตีค่ายโจรตรงๆ

ยังไงซะ ขุนพลซีก็ได้รับชัยชนะกลับมา เขาจึงไม่ต้องการวิพากษ์วิจารณ์ในเวลานี้ จากนั้น ขุนพลซีก็ขอตัวกลับค่ายทหารไป

เมื่อขุนพลซีไปแล้ว โอหยางโชวก็ไปที่โรงหมา เพื่อไปเยี่ยมผุ้ที่ได้รับาดเจ็บ

มีผู้บาดเจ็บเกือบ 30 ราย เข้ามาในเวลาเดียวกัน ทำให้หมอซ่งยุ่งมาก โชคดีที่ทหารส่วนใหญ่ไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง เพียงเย็บแผลก็หมดปัญหา ที่สำคัญคือ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสทั้ง 5 คน บางคนขาหัก บางคนแขนขาด บางคนต้องรอดูอาหารว่าจะรอดคื้นนี้ไปได้หรือไม่

ออกจากโรงหมอ โอหยางโชวสีหน้ามืดมน เขามีข้อข้องใจกับขุนพลซี กองทหารของเขาเปรียบได้กับสมบัติล้ำค่า เขาเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับทหารของเขา

แน่นอนว่าเขาเป็นผู้ปกครองที่แท้จริง และเขาไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนั้น ถ้าใครเห็นเขาเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงคิดว่าเขาเป็นผู้ปกครองที่อ่อนโยนและอ่อนแอ

หลังจากทานอาหารเย็น หมู่บ้านซานไห่ก็จัดพิธีศพให้กับทหารที่ในจตุรัสหน้าคฤหาสน์ นอกเหนือจากทหารที่ตายในสนามรบ ยังมีทหารที่ตายเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหวอีก 1 ราย สร้างความเจ็บปวดให้กับโอหยางโชวอย่างมาก

เนื่องจากดินแดนของเขายังอยู่ในระดับหมู่บ้าน จึงยังไม่มีสุสาน ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะเผาคนที่ตาย และจัดเก็บขี้เถ้าของพวกเขาไส้ในศาลบรรพบุรุษไปก่อน เมื่อดินแดนอัพเกรดเป็นเมือง เขาจะสร้างสุสานให้กับพวกเขา

ชาวบ้านชุมนุมกันที่จตุรัส เพื่อร่วมกันส่งวิญญาณวีรบุรุษของพวกเขา โอหยางโชวจุดไฟด้วยตัวเอง มันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เผาไหมทุกสิ่งหายไปในเวลาไม่นาน ขณะที่ไฟยังลุกไหม้ การแสดงออกของโอหยางโชวเงียบขรึม ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด