Chapter 4 ไอดอล
Chapter 4 ไอดอล
หลายคนพบกับความรักความภักดี ในชีวิตครอบครัวของพวกเขา โดยเฉพาะในช่วงวันหายนะเรื่องพวกนี้จะพบเจอได้บ่อยมาก แต่ถ้าเกิดการทรยศกันภายในครอบครัว มันจะกลายเป็นกลายชังกันเรียกได้ว่าแค้นฝันหุ่นเลยทีเดียว
ฝางเจียวต้องการที่จะล้างแค้นให้เจ้าของร่างคนก่อน แต่ในตอนนี้เขาต้องเร่งแต่งเพลงใหม่ให้ Silver Wing Media เพราะถ้าเขาแต่งไม่ทันในตอนนี้ เขาจะไม่มีเงินพอที่จะใช้ชีวิตอยู่
ในช่วงสิ้นเดือนพฤษภาคม จะมีการแข่งขันประกวดความสามารถซึ่งจะจัดขึ้นทุกๆสามเดือน
เป็นการประกวดของสมาชิกใหม่ทุกคน ซึ่งมีการรวบรวมผู้เข้าแข่งขันทุกๆ1เดือน และในปีนี้จะมีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดเนื่องจากค่ายเพลงสำคัญๆต่างก็ส่งสมาชิกที่เก่งเข้ามาประกวดด้วย
ชื่อเสียงและความร่ำรวยเป็นรางวัลของผู้ที่ชนะ ผลงานของพวกเขาจะได้รับการออกอัลบั้ม แต่มันก็ไม่แน่เสมอไปถ้าผลงานไม่ดีก็จะไม่ได้รับการยอมรับและโดนถอนสิทธิ์ทันที
ฝางเจียวคนก่อนเคยเข้าร่วมประกวดอย่างจริงจัง อีก2วันที่เหลือก่อนจะถึงมิถุนายน ฝางเจียวมีเวลาไม่มากนักที่จะแต่งเพลงมาแข่งกับฝางเซิงที่ขโมยเพลงของเขาไป3เพลง และนั่นทำให้เขาพลาดโอกาสที่จะผงาดเฉิดฉายขึ้นมา
------------
หลังจากนั้นฝางเจียวก็ไปที่ร้านขายยาพร้อมๆกับสุนัขของเขา แต่ว่ายาพิษที่เขาได้เคยซื้อไปนั้น เขาไม่สามารถซื้อได้ที่ร้านขายยาเพราะเขาต้องมีใบสั่งยา แต่ว่าที่ถนนดำมีกฎหมายที่ต่างกันเขาเลยสามารถซื้อได้
ร้านขายยามีขนาดไม่ใหญ่มากนัก แต่ภายในร้านก็ไม่มีลูกค้าอื่นเลย ฝางเจียวเห็นชายคนนึงใส่ชุดกราวนอนหลับอยู่ที่เก้าอี้ เมื่อฝางเจียวเดินเข้าไปหา สัญญานเครื่องตรวจจับก็ดัง ทำให้เขาตื่นและออกมาดูที่ทางเข้า และเมื่อเขาเห็นฝางเจียวเขาตกใจมากและยืนนิ่งไป เพราะเขายังจำได้ว่าชายหนุ่มคนเดียวกันที่เมื่อวานหดหู่ต้องการที่จะตาย แต่วันนี้กับสดใส ร่าเริง เขาสองคนก็ได้พยายามคุยกันให้เข้าใจ แต่คุณหมอก็บอกมาว่ามีผู้คนที่หายไปเป็นจำนวนมากในพื้นที่ถนนสีดำ ซึ่งมีผู้คนจำนวนมากท้อแท้กับชีวิตตัวเองและฆ่าตัวตายในที่สุด
คุณหมอเริ่มสงสัยว่า เขาจะไม่ได้ซื้อยาพิษไปกินเอง
แต่มันแปลกมากเลยนะที่จู่ๆคนอยากจะฆ่าตัวตายมาซื้อยา แต่กับเปลี่ยนใจไม่ฆ่าตัวตาย
ความตกใจทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่
หมอจึงถามว่า “เอ่อแล้วนี่มาหายาไรหรอ”ฝางเจียว “อ๋อเป่ลา แค่อยากจะรบกวนให้ช่วยตรวจสุขภาพของสุนัขให้ได้รึเปล่า”ฝางเจียวก็ได้มอบสุนัขให้หมอ
หมอ “ผมไม่ใช่สัตวแพทย์นะ”
ฝางเจียว “แค่ดูให้ไม่ได้จริงๆหรอ แถวนี้ไม่มีคลินิกสัตว์เลย ถ้ามีก็ไกลแถมแพงด้วย”
จู่ๆเขาก็มีความทรงจำใหม่เข้ามาว่า หมอร้านนี้เคยช่วยชีวิตนก
หมอ “อ่อ เดียวจะพยายามนะ ไหนๆก็ว่างอยู่พอดี จะช่วยตรวจให้ละกันนะถ้าอย่างงั้น”
คุณหมอมีอุปกรณ์ที่จำเป็นในการตรวจสอบ เขาอาจจะไม่ได้ช่วยแค่ดูผ่านๆ แต่อาจจะตรวจขั้นพื้นฐานให้เลยก็ได้
ฝางเจียวได้สำรวจดูอุปกรณ์ ตามความทรงจำใหม่ของเขา ทำให้เขาเห็นว่าอุปกรณ์สมัยก่อนที่มีขนาดใหญ่ล้าหลัง แต่เดียวนี้ทันสมัยแล้วอุปกรณ์ทั้งหลายใช้ง่ายถึงแม้จะไม่ได้เป็นหมอก็ตามและยังมีขนาดเล็กพกพาสะดวกอีกด้วย
จากผลตรวจของคุณหมอ สุนัขแข็งแรงดีอุดมสมบูรณ์
ส่วนมากผู้คนในโลกใหม่ชอบที่จะเลี้ยงสุนัขตัวโต ในยุควันหายนะได้มีสุนัขบ้าหันมาเป็นศัตรูกับมนุษย์ ในแต่ละกลุ่มก็ได้ฝึกสุนัขเพื่อใช้ต่อสู้เคียงข้างมนุษย์ และเมื่อตอนอุปกรณ์อิเลคทรอนิคไม่สามารถใช้การได้ พวกสุนัขนี่แหละที่ช่วยมนุษย์ได้มากที่สุด บางที่ก็มีการสร้างอนุสรณ์เพื่อเชิดชูสุนัขที่ยอมตายแทนมนุษย์ ในหน่วยของฝางเจียวก็มีสุนัขอยู่ด้วยเช่นกัน
หมอจึงถามฝางเจียวว่า “สรุปเธอจะทำอะไรกับสุนัขไร้ค่านี้ จะเลี้ยงมันต่อหรอ?”
ฝางเจียวจึงมองไปที่สุนัข และเห็นว่าบางทีเจ้าสุนัขนี้อาจจะเข้าใจที่เราพูด เพราะมันทำท่าไม่พอใจกระดิกหาง
ฝางเจียว “ผมคิดว่าจะเลี้ยงมันต่อ” เพราะว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตแรกที่ เขาตื่นขึ้นมาแล้วเห็นมัน
ถึงแม้ว่ามันจะเปลืองเงินก็เถอะ แต่ฝางเจียวก็มั่นใจในคำตอบของเขา แต่เขาก็ไม่สามารถจะใช้ชีวิตได้ เพราะว่าเงินที่ฝางเจียวคนก่อนมีไว้มันน้อยเหลือเกิน
หมอก็ไม่ได้พูดอะไร เพราะมันเป็นเรื่องของฝางเจียว จากนั้นเขาก็มองไปที่สุนัขและพูดว่า “ขนของมันพันกันไปหมดแล้ว ไม่มีใครรู้เลยว่ามันใช้ชีวิตเรร่อนมานานแค่ไหน คุณไม่อยากจะเอามันไปอาบน้ำหรอกเพราะมันแพงมาก ผมคิดตัดขนน่าจะโอเคกว่า”
ฝางเจียว “งั้นคุณหมอช่วยตัดขนมันให้หน่อยได้มั้ย”
หมอ “ค่าตรวจสอบ 50 ค่าตัดขน 100 นะ แต่เห็นเธอไม่ค่อยมีเงินเลยจะลดค่าตัดขนให้เหลือแค่ 50 รวมเป็น 100ดอลลาร์นะ”
หมอตัดสินใจลดราคาให้เนื่องจากว่า หายากมากที่ผู้คนบนถนนดำจะมีจิตใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และโดยเฉพาะกับฝางเจียวมันคุ้มค่ามาก เพราะเขาไม่อยากทำให้ฝางเจียวเศร้าจนต้องตัดสินใจฆ่าตัวตายอีกครั้ง
ฝางเจียวใช้ค่าใช้จ่ายกับอาหารแค่ 10ดอล แต่กับสุนัข 100 เขาก็ยอมจ่าย เพราะว่าเขามีความสุขที่จะมีสุนัขอยู่ด้วยตลอดเวลา
ฝางเจียวได้จ่ายค่ารักษาด้วยกำไลของเขา และหมอบอกเขาว่าใช้เวลาตัด 1 ชม. เขาจึงปล่อยสุนัขไว้กับหมอและออกไปเดินเล่นข้างนอกต่อเพื่อที่จะเรียนรู้โลกใหม่ให้ดีขึ้นกว่านี้
หลังจากฝางเจียวออกมาจากร้านหมอเขาก็ได้ขึ้นลิฟท์ไปที่ชั้น 50 จากนั้นเดินไปเรื่อยๆจนสุดทางและเขาได้เห็นสถานีรถไฟที่ผู้คนกำลังต่อแถวกันอยู่
เขาเห็นเส้นทางรถไฟพวกนี้มันกระจายอยู่ทั่วรอบตัวเมืองคล้ายกับใยแมงมุม
เสียงรถไฟดังขึ้น
และรถไฟสาธารณะกำลังชะลอเพื่อจอดที่สถานี
ภาพในความทรงจำของเขาก็ผุดขึ้นว่า เขาได้เอากำไลของเขาแตะไปที่ประตูรถไฟ และเขาก็เดินเข้าไปในรถไฟ เห็นที่นั่งและหน้าต่างมากมาย
ในตอนบ่าย 2 ไม่ค่อยมีผู้โดยสารมากนัก ผู้คนหายไปหมดจนแทบจะว่างเลยแหละ
ขณะรถไฟกำลังเร่งตึกต่างๆก็ดูเบลอไปหมดเลย
สถานที่พวกนี้เต็มไปด้วยตึก ที่สร้างใกล้ๆกันอย่างมีระเบียบเพื่อใช้พื้นที่ให้ประหยัดที่สุด ยังไงก็ตามแทบจะไม่มีถนนดำเลย และเมื่อรถไฟได้ออกจากถื่นที่เขาอยู่ แสงอาทิตย์ก็ได้สาดส่องเขามาในรถไฟผ่านทางช่องหน้าต่าง
มีป้ายคนดังกำลังโฆษณาสินค้าต่างๆ
หลังจากพ้นช่วงวันหายนะเทคโนโลยีได้ก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดเช่นเดียวกับวงการบันเทิง ทำให้เขาแทบจะไม่เห็นร่องรอยของหายนะอยู่เลย
“ดูสิ นั่นหมียู่”
“สุดยอดเลย”
“ไอดอลของผม”
“ฉันได้ยินว่าหมียู่ กำลังจะแสดงคอนเสิร์ต”คุณเคยซื้อตัวออนไลน์บ้างไหม มันแพงมากเลยแหละ”
ตรงข้ามที่ฝางเจียวนั่งเมื่อมองผ่านหน้าต่างออกไปมีป้ายที่ผู้หญิงสองคนกำลังนั่งคุยกันอยู่และเธอสวยทุกมุมมอง และหุ่นสวยเซ็กซี่มาก มีสเน่ห์สุดๆ ใครๆเห็นก็จะต้องหลงใหลเลยที่เดียว
เธอสุดยอดมาก สุดยอดจริงๆ ฝางเจียวรู้สึกอย่างนั้น
ในช่วงยุคหายนะผู้ชายหรือผู้หญิงที่อยุ่รอด ไม่มีใครมีเวลามากนักหรอกที่จะมาดูแลตัวเองให้สวยจนน่าตกหลุมรักขนาดนี้ความทรงจำใหม่ก็แทรกเข้ามาอีกว่า
“นั่นไม่ใช่คนจริงๆ”
ฝางเจียวก็เลยจ้องมองที่ป้ายต่อไปจนกว่าจะมองไม่เห็น
“ไอดอลเสมือนจริง”
“นั่นเป็นการแต่งภาพ”
ไอดอลเสมือนจริงมันไม่ใช่คน ไม่มีเลือดเนื้อไม่มีชีวิตชีวา แต่มันคือการสร้างออกแบบมาจากเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ไอดอลเสมือนจริงเกิดมาจากโลกไซเบอร์พวกเขาดูไม่ต่างกับชีวิตคนจริงๆเลยซึ่งดารามากมายต่างก็พ่ายแพ้ให้กับไอดอลเสมือนจริงนี้เพราะว่า พวกเขาต้องแก่และเปลี่ยนไปตามกาลเวลา ผู้คนส่วนมากจึงเลือกที่จะใช้ไอดอลเสมือนจริงให้มาเป็นตัวโปรโมทสินค้า
เจ้าพ่อผู้สนับสนุนดาราดัง เคยเห็นว่าไอดอลเสมือนจริงจะเป็นปีศาจในโลกไซเบอร์ ตราบที่พวกดารายังไม่ปรับตัวให้ดีกว่า
ไอดอลเสมือนจริงนี่แหละที่จะเป็นบทลงโทษของพวกเขา