ตอนที่แล้วChapter 2 ถนนสีดำ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 4 ไอดอล

Chapter 3 เพื่อน นายทำได้!


Chapter 3 เพื่อน นายทำได้!

ดวงอาทิตย์กำลังสาดส่องแสง ความมืดมิดและความหนาวเย็นของถนนดำค่อยๆจางหายไป

ยูชิง เจ้าของร้านก็ได้ย้ายเก้าอี้ไปที่หน้าร้านด้วยเพื่อนอนอาบแดดและหลับไป เขาไม่ค่อยได้ทำอะไรมากในแต่ละวัน

ถนนสีดำมักจะคึกครื้นในเวลากลางคืนจึงทำให้เขาไม่ค่อยได้นอนในตอนกลางคืนมากนักและนี่แหละคือช่วงเวลาที่เจ้าของร้านส่วนใหญ่ใช้เวลาพักผ่อนกัน

-------------------------

ฟางเจียวก็ได้ทานติ่มซำลูกใหญ่2ลูกพร้อมกัน ในขณะที่ติ่มซำทั้ง2ลูกคาอยู่ในปากของเขา เขาก็ได้มองไปที่เจ้าสุนัขที่นั่งอยู่ตรงเท้าของเขา เขาก็เห็นสุนัขกำลังกินติ่มซำอยู่เช่นกัน

ในความอิ่มเอมใจของเจ้าสุนัขนี้ ทำให้ฝางเจียวรู้สึกชอบมันมากขึ้นทุกวินาที

และฝางเจียวก็ได้นั่งมองท้องฟ้า ท้องฟ้ามีแถบสีฟ้าสวยงามสดใส ดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างไสวมองเห็นทิวทัศน์ที่สวยงาม นี่มันไม่มีร่องรอยของวันแห่งความหายนะหลงเหลืออยู่เลย ฝางเจียวได้นั่งพร่ำเพ้อคิดอยู่คนเดียว

นี่มันดีมากเลยหละ

วันแห่งความหายนะไม่ได้เอาทุกอย่างไป

แต่พวกคนบนโลกใหม่นี้จะเรียกวันแห่งความหายนะว่าอะไรกันนะ

หลังจากที่โลกได้ผ่านสถานการณ์เลวร้ายมาก็ได้มีสิ่งมีชีวิตใหม่ๆเกิดขึ้นบนโลกเต็มไปหมด

โลกได้กลับมาในยุคที่รุ่งเรืองอีกครั้ง

โลกไม่ได้สงบสุขอย่างนี้มานานแล้วนะ คาดไม่ถึงจริงๆ

หลังจากนั้นฝางเจียวก็เอามือวางบนหน้าตักเบาๆ แต่ก็ไม่รู้หรอกว่าทำไปทำไม

ยูชิงตื่น และมองมาที่ฝางเจียว แต่เขาก็ไม่รู้หรอกว่าฝางเจียวกำลังทำอะไร ถึงแม้ว่ายูชิงจะเป็นทหารผ่านศึกที่ได้รับวิชาการถอดรหัส รหัสลับมาต่างๆมากมาย

หลังจากจ้องมองอยู่นาน เขาก็ยอมแพ้และนอนอาบแดดต่อไป

บางคนก็กระดิกนิ้วของพวกเขาระหว่างที่คิดโดยไม่รู้ตัว

แต่ผู้คนต่างกันรู้ว่าถ้าฝางเจียวกระดิกนิ้วคือเขาเริ่มที่จะมีแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง และเขาจะแต่งมันด้วยแรงบันดาลใจที่มี แต่ในช่วงสงครามเขาไม่เคยมีเวลาหรือความสงบสุขที่จะเกิดแรงบันดาลใจในการแต่งเพลงเลย กระดาษ ปากกาที่ว่างเปล่า

ดังนั้นฝางเจียวจึง คิดค้นเทคนิคส่วนตัวในการแต่งตัวโน้ต แต่งเพลง และโดยใช้ความทรงจำที่พิเศษของเขา มาคิดว่ามันเป็นรหัสลับ และมีแค่ฝางเจียวเท่านั้นที่ไขรหัสลับนี้ได้

--------

ดวงอาทิตย์ที่สาดส่องมาที่ถนนสีดำในเวลาเที่ยงวันเป็นเวลา 1ชม. ก็ได้จากไป

เมื่อดวงอาทิตย์จากไป ถนนสีดำก็กลับมาหนาวเย็นเหมือนเดิม

จนถึงปลายเดือนพฤษภาคมสภาพอากาศในอันโจวจะไม่หนาวมากนัก จึงทำให้คนแก่ ไม่กลับไปบ้านของพวกเขา และมานั่งคุยกับเพื่อนเก่าแทน นี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของวัน

จากนั้นฝางเจียวก็ได้นำเก้าอี้และถาดอาหารไปคืนที่ร้าน

ในขณะนั้นเองก็มีเสียงผู้คนพูดดังขึ้นมาว่า มีเสียงเครื่องบิน

ยูชิง เงยหน้าขึ้นและหัวเราะอย่างจริงใจ และชี้ไปที่ท้องฟ้าและพูดว่า “ในที่สุดเพื่อนพวกนายทำได้”

นั่นรถบินได้

ฝางเจียว ก็เห็นเหมือนกัน

รถบินเป็นสินค้าที่หรูหราและแพงมากสำหรับผู้คนที่อาศัยในถนนสีดำ โดยเฉพาะเชื้อเพลิงที่เป็นเชื้อเพลิงพิเศษซึ่งมีราคแพงมาก

ทุกครั้งที่มีรถบินผ่านมา จะต้องเป็นอภิมหาเศรษฐีหรือใครสักคนที่รวยมากๆคนแก่ต่างก็รู้สึกสงสัยกับรถบินได้นี้ จึงหยุดพูดและก็จ้องมองไปที่รถบินได้กันทุกคน พวกเขาอยากรู้ว่าเป็นใครกันถ้าเป็นคนรู้จัก พวกเขาจะได้โม้ไป 10วันหรือมากกว่านั้น

ผู้คนต่างก็แหวกทางให้รถบินได้มาลงจอดอย่างปลอดภัย

รถบินได้มีลวดลายที่สายงานสีสดสวยสดใสถึง7สี ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่รู้จักกันแพร่หลายในอันโจวมันมีสัญลักษณ์ของบริษัท Neon Culture

โชคดีจริงๆ ใครกันนะ

ใครบางคนในพวกเราชาวถนนสีดำที่ได้ทำงานในบริษัทใหญ่ๆ 3แห่ง เขาจะเป็นใครกันนะ แต่ถึงยังไง เขาก็รวยมากกลุ่มบริษัทชั้นนำ 3แห่ง ในอันโจวประกอบด้วย Silver Wing Media, Neon Culture, Tongshan True Entertainment

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นรถของบริษัท แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องรวยมากเพราะทำงานกับบริษัทใหญ่เชียวนะ

ในความมคิดของประชาชนในถนนสีดำคือ วงการบันเทิงเป็นแหล่งหาเงินที่ดีที่สุด นั่นหมายถึงการเข้าร่วมกับ Neon Culture จะต้องรวยมากแน่ๆ

------------

ฝางเจียวคนก่อนได้เข้าร่วมกับ Silver Wing Media ในฐานะนักศึกษาฝึกงาน 6เดือนก่อนจะจบการศึกษาแต่ในตอนเด็กนั้น โรงเรียนของเขาไม่มีนักเรียนมากนัก และโรงเรียนของเขาไม่ได้มีชื่อเสียงใน สถาบันดาตรีราชวงศ์ฉีเขาจึงไม่เข้ารับการศึกษา

แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผู้คนเปลี่ยนไป

ขณะที่ฝางเจียวมองคนที่กำลังออกมาจากรถบิน ความคิดในหัวของเขาก็ผุดขึ้นมาอีกแล้วว่า ฝางเจียวเคยมีเพื่อนในวัยเด็กพวกเขาเป็นเพื่อนที่ไม่เคยมีความลับต่อกัน พวกเขาเข้าไปฝึกงานที่ Silver Wing ในตำแหน่งศิลปินไม่ก็ผู้ช่วย แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เข้าไปทำงานจริงเพราะว่าถูกหักหลังโดยเพื่อนของเขา

-------------

จากตอนนั้นที่ฝางเซิงได้ขโมยผลงานของฝางเจียวและได้นำไปใช้ในการเจรจาต่อทาง Neon Culture โดยการส่งเพลงของฝางเจียวให้บริษัท และดูเหมือนทางบริษัทจะชอบเพลงของเขาอีกด้วย จึงทำให้ได้รถของทางบริษัทมาใช้

ขณะที่ฝางเซิงออกมาจากรถบิน เขาเห็นสายตาผู้คนมากมายมองมาที่เขา ราวกับว่าเป็นดาราดังเลยที่เดียว เขารู้สึกมีความสุขมาก

และในขณะเดียวกันเขาก็เห็นฝางเชียวเดินออกมาจากหน้าร้านขายของพอดี มันทำให้เขารู้สึกงงมากแทน เพราะว่าฝางเชียวควรที่จะตายไปแล้วหนิ แต่ว่าเขาก็ยังไม่ตาย ฝางเซิงจึงรีบกลับห้องของเขาและคิดถึงเรื่องในตอนนั้น ในการแข่งขันบ้านั่น ว่าทำไมมันยังอยู่ที่นี่ มานั่งอาบแดดอยู่ตรงนี้

และถ้าไอนักแต่งเพลงบ้านี่มันหายตัวไปหละ?

แต่ที่น่าแปลกใจคือฝางเจียว ไม่ได้ได้รู้สึกสิ้นหวัง ความโกรธ หรือกดดันอะไรสักอย่างเลย ทั้งที่เขาถูกขโมยผลงานไป แต่ทุกอย่างกับดูปกติมากมันเกิดอะไรขึ้นกับฝางเจียวหนะ?

ในขณะนั้นเขาทั้งสองได้สบตากัน ซึ่งสายตาของฝางเจียวในขณะนั้นดูสงบเยือกเย็นมาก นี่มันทำให้ฝางเซิงรู้สึกกลัวไปเลยแหล่ะ

แต่ทางด้านฝางเซิง ก็ฟอมว่าเขาไม่ได้ทำไรผิด เขาก็เลยทำเป็นมองอย่างไม่คิดอะไร

ฝางเซิงก็คิดในใจว่า “กำลังมองอะไรรีบไปเก็บของและกลับไปที่ออฟฟิศกันเถอะ อย่ามาเสียเวลาอยู่ที่นี่เลย”

--------------

หลังจากที่ฝางเซิงขโมยผลงานทั้ง3ผลงานของฝางเจียวไปเขาก็ได้เข้าทำงานที่ Neon Culture และทางบริษัทยินดีอย่างมากที่ได้รับฝางเซิงเข้ามาทำงานและได้จ่ายเงินให้เขาล่วงหน้าพร้อมกับให้ที่อยู่ใหม่ ฝางเซิงถึงต้องกลับไปที่ถนนดำเพื่อย้ายข้าวของออก ซึ่งที่ถนนดำฝางเซิงได้อาศัยอยู่ที่ชั้น 5 แต่ฝางเจียวอยู่แค่ชั้นสองซึงทั้งสองชั้นไม่ต่างกันมากนัก ทั้งมืดมิด สกปรกเหมือนกัน เมื่อเก็บของเสร็จฝางเซิงก็รีบกลับไปที่รถทันที

ความคิดของฝางเซิงหมกมุ่นถึงแต่เรื่องของฝางเจียว ในขณะนั้นเขาได้มองกลับไปที่ร้านขายของแต่เขาก็ไม่เห็นฝางเจียวเสียแล้ว เขาเลยอุ่นใจว่าต่อจากนี้จะไม่ต้องมากลัวฝางเจียวอีกแล้ว แต่เขาก็ยังมีความกังวลใจเหลืออยู่ที่ว่า กลัวฝางเจียวจะมาเล่าความจริงเกี่ยวกับผลงานของเขา แต่ก็ไม่เปนไรเพราะว่าฝางเซิงได้ออกอัลบั้มทั้ง 3เพลงในชื่อของเขาเป็นผลงานของเขาแล้วถึงแม้ว่าฝางเจียวจะอยากฟ้องร้องแต่ว่าเขาไม่มีหลักฐาน เขาจะฟ้องร้องได้ยังไง

และอีกอย่างฝางเจียวก็ไม่มีเงินที่จะฟ้องร้อง เขามีเงินพอแค่ซื้อข้าวและเสื้อผ้าใส่ไปวันๆ บางทีในเดือนหน้าเขาอาจจะไม่มีค่าเช่าห้องด้วยซ้ำ แต่ช่างเถอะยังไงเราก็ต้องยึดติดว่าตัวเองเป็นคนเขียนเพลงทั้ง3ขึ้นเองทั้งหมด

ก่อนที่เขาจะออกจากถนนดำ เขาก็ยังหันกลับมามองห้องของฝางเจียวที่ชั้น2อีกครั้งแต่มันก็มืดเหลือเกินเขาไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีใครอยู่ข้างในมั้ย

ฝางเซิงสูดหายใจเข้าอย่างลึก และพูดกับตัวเองว่า “ต่อจากนี้เขาไม่ต้องกลับมาในย่านถนนดำนี่อีกแล้ว ลาก่อนความยากจน สวัสดีความร่ำรวย” ไม่ว่าจะเป็นถนนสีดำหรือฝางเจียว เขาก็ไม่ต้องกลับมาเจออีกแล้ว เขาจะได้ไปมุ่งมั่นในการประกวดเพลงในงานครั้งหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด