เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 116 ฆ่าราชาวานร (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 116 ฆ่าราชาวานร
แปลโดย iPAT
'พลังวิญญาณสิบเอ็ดส่วน นี่หมายถึงดาบแสงจันทร์สองเล่ม แต่พึ่งพาเพียงวิญญาณจันทร์กระจ่างหรือวิญญาณกายาหยกขาวยังไม่สามารถทำสิ่งใด ข้าต้องรอโอกาสให้ราชาวานรลอบโจมตีเข้ามาก่อนจะส่วนกลับและฆ่ามันทันที' ฟางหยวนคิดกลยุทธ์ที่เหมาะสม
วานรหินตาหยกไม่ถูกพิจารณาว่ามีการป้องกันที่โดดเด่น โดยเฉพาะเมื่อมันเลือกใช้วิธีลอบโจมตี สิ่งนี้บอกได้ว่าการป้องกันของมันคือจุดอ่อน
ดาบแสงจันทร์หนึ่งเล่มสามารถสังหารวานรหินตาหยกทั่วไปครั้งละห้าหรือหกตัว แต่มันไม่สามารถสังหารราชาวานร
‘ลิงตัวนี้มีความฉลาดแกมโกง มันยังไม่ลงมือเพราะต้องการให้พลังวิญญาณของข้าหมดก่อน เช่นนั้นข้าก็จะพึ่งพาวิญญาณกาลเวลาอีกครั้งและเดิมพันกับโอกาสนี้’ ฟางหยวนตัดสินใจ
เขายืนอยู่ในตำแหน่งเดิม เขาทิ้งแขนทั้งสองลงแต่ถือเสื้อคลุมเอาไว้ในมือ จากนั้นเขาก็ปิดเปลือกตา แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือเขาปลดเกราะหยกขาวออกจากร่างกาย
วิญญาณกายาหยกขาวหยุดดูดกลืนพลังวิญญาณของฟางหยวนขณะเดียวกันฟางหยวนก็ไม่ได้รับการคุ้มกันจากมัน
เสียงการต่อสู้ของฝูงลิงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ฟางหยวนสัมผัสถึงทุกสรรพเสียงได้อย่างชัดเจน
หัวใจของเขาสงบนิ่งรวมถึงความคิดของเขา
เขารอคอยราชาวานรอยู่อย่างเงียบๆ
จังหวะที่มันโจมตีเข้ามา นั่นคือเวลาตัดสิน
รอ...
รอ...
ทันใดนั้นวิญญาณกาลเวลาพลันส่งเสียงขึ้นอย่างกะทันหัน
"ฟิ้ว"
เพียงเมื่อฟางหยวนได้ยินเสียงลม ราชาวานรก็ปรากฏตัวขึ้นด้านซ้ายของเขาอย่างฉับพลัน
'วิญญาณกายาหยกขาว!' แสงสีขาวส่องประกายขึ้นบนร่างกายของเขาในพริบตา
"ปัง!"
ราชาวานรโจมตีฟางหยวนด้วยพละกำลังที่แทบจะทำให้เขาล้มลง
เมื่อราชาวานรตระหนักว่าการโจมตีของมันไม่สามารถสังหารฟางหยวน มันพยายามหลบหนี
ฟางหยวนไม่มีเวลาโจมตีสวนกลับแต่ยังสามารถสะบัดเสื้อคลุมออกไป
เสื้อคลุมไม่ได้ทำจากเหล็กแต่ฟางหยวนก็ไม่ได้คิดจับกุมมัน ตรงข้ามฟางหยวนปล่อยมือเพื่อให้เสื้อคลุมลอยห่างออกไป
"ตอนนี้!" ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายเย็นเยียบ นี่คือโอกาสที่เขารออยู่
ไม่ว่าอย่างไรราชาวานรก็เป็นสัตว์ป่า เมื่อใบหน้าของมันถูกปิดคลุม มันกลายเป็นตื่นตระหนก
มันส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่งเพื่อเรียกฝูงของมันให้เข้ามาช่วย ขณะเดียวกันเสื้อคลุมของฟางหยวนก็ลอยไปรอบๆอย่างไร้ทิศทาง
เป็นเพียงเวลานี้ที่ดาบแสงจันทร์สีฟ้าพุ่งเข้าปะทะร่างของราชาวานรและทำให้มันกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
มันมีรูปลักษณ์เหมือนวานรหินตาหยกทั่วไปแต่มีร่างกายใหญ่โตกว่าสามเท่า ขณะที่ดวงตาของมันส่องแสงสีแดงเลือดออกมา
บาดแผลกรีดเป็นทางยาวลงมาจากหน้าอกจนถึงขาซ้ายของมันพร้อมทั้งเลือดที่ทะลักไหล
แม้มันจะไม่ตายแต่ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส อย่างไรก็ตามขณะนี้ร่างของมันเลือนหายไปอีกครั้งเสื้อคลุมของฟางหยวนถูกตัดขาดและร่วงหล่นลงบนพื้น
แต่ร่องรอยของหยดเลือดยังบ่งบอกได้ว่ามันกำลังล่าถอยกลับไปและไม่ต้องการเผชิญหน้ากับฟางหยวนอีก หากมันไม่จัดการบางอย่างกับบาดแผลของมัน ชีวิตของมันจะจบสิ้นอย่างแน่นอน
ฟางหยวนล่าถอยกลับไปยังห้องลับที่สองเช่นกัน พลังวิญญาณของเขาแทบไม่เหลือ พลังการต่อสู้ของเขาลดลงอย่างเห็นได้ชัด
แม้การต่อสู้อาจดูเหมือนเสมอ แต่แท้จริงแล้วเป็นฟางหยวนที่ได้รับชัยชนะ
อาการบาดเจ็บของราชาวานรไม่สามารถฟื้นฟูได้เร็วๆนี้ ยิ่งเลือดไหลมากเท่าใด มันก็ยิ่งอ่อนแอลงเท่านั้น
แต่ฟางหยวนสามารถใช้หินวิญญาณเพื่อกู้คืนพลังวิญญาณทั้งหมด
แม้จะไม่มีวิญญาณเร้นกายหรือวิญญาณที่สามารถโจมตีในวงกว้าง แต่ด้วยประสบการณ์และการแจ้งเตือนของวิญญาณกาลเวลา ฟางหยวนจึงสามารถพลิกสถานการณ์
‘ลิง จิ้งจอก หมาป่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้มีสติปัญญาสูงกว่าสัตว์ชนิดอื่น แต่เพราะเหตุนี้พวกมันจึงสูญเสียความกล้าหาญและจะล่าถอยเมื่อได้รับบาดเจ็บ หากเป็นหมูป่าหรือวัวกระทิง พวกมันจะบุกโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ดูเหมือนราชาวานรจะมีวิญญาณเพียงดวงเดียวอยู่ในร่างกาย แม้มันจะสามารถพรางตัว แต่มันไม่สามารถปกปิดรอยเลือด หากการคาดเดาของข้าถูกต้อง มันควรเป็นวิญญาณศิลาแห่งความลับ’ ฟางหยวนคิด
"ผลการต่อสู้ถูกตัดสินแล้ว" ฟางหยวนเติมเต็มพลังวิญญาณอย่างรวดเร็ว
หลังจากพลังวิญญาณของเขากลับมาเต็มเปี่ยมอีกครั้ง เขาก็กลับเข้าไปในป่าหินอีกหน
ในป่าหินยังวุ่นวายแต่มันยังดีกว่าก่อนหน้า
"หลังจากสงครามใหญ่ครั้งนี้ ฝูงลิงจะจับกลุ่มใหม่อีกครั้ง เมื่อเวลานั้นมาถึงเส้นทางเดิมของข้าจะถูกทำลาย"
เขาต้องสังหารราชาวานรก่อนที่เส้นทางของเขาจะถูกทำลาย
หากไม่มีเส้นทางปลอดภัยสายนั้น เขาต้องใช้เวลาอีกมากก่อนจะสามารถเข้าถึงตัวราชาวานร เวลานั้นบาดแผลของมันอาจฟื้นฟูเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามเขาเลือกที่จะไล่ล่าและฆ่าล้างศัตรูด้วยความกล้าหาญ ฟางหยวนมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ถูกเปิดออก หากลิงตัวใดเข้ามาบนเส้นทางของเขา เขาจะฆ่าล้างพวกมันทุกตัว
หลังจากสิบห้านาที ฟางหยวนกลับมายังรังหินของราชาวานรอีกครั้ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือร่างของราชาวานรกลายเป็นหินนอนอยู่บนพื้น มันตายแล้ว!
วานรหินตาหยกตัวหนึ่งเหยียบอยู่บนซากศพของมันและส่องเสียงกรีดร้องออกมา
ราชาตัวใหม่ยึดครองอำนาจ นี่เป็นเรื่องธรรมดาของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะไม่ว่าจะเป็นลิงหรือมนุษย์
'นี่ช่วยข้าได้มาก' ฟางหยวนค่อยๆเดินเข้าไปใกล้มันอย่างช้าๆ
ในจังหวะนี้วิญญาณในร่างอดีตราชาวานรลอยออกมาจากซากศพของมันและไปหาราชาตัวใหม่
วิญญาณจันทร์กระจ่าง!
ฟางหยวนยิงดาบแสงจันทร์ไล่ราชาวานรตัวใหม่ออกไปก่อนจะคว้าจับวิญญาณดวงนั้นเอาไว้อย่างรวดเร็ว
วิญญาณดวงนี้ดูเหมือนหินสีเทาธรรมดา ผิวของมันไม่สม่ำเสมอและไม่แม้แต่จะเป็นทรงกลมหรือวงรี หากหินก้อนนี้หล่นอยู่บนท้องถนน จะไม่มีผู้ใดให้ความสนใจมัน
นี่คือการปกป้องจากธรรมชาติ
แม้มันจะดูเหมือนวัตถุไร้ชีวิต แต่แท้จริงแล้วมันเป็นสิ่งมีชีวิตและมีสติปัญญาเป็นของตนเอง
ดังคาด มันคือวิญญาณศิลาแห่งความลับ!
มันพยายามดิ้นรนออกจากมือของฟางหยวน
'วิญญาณกาลเวลา'
เพียงหนึ่งความคิด วิญญาณกาลเวลาปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาสะกดข่มวิญญาณศิลาแห่งความลับเอาไว้ทันที
ขณะเดียวกันพลังวิญญาณสีแดงของฟางหยวนก็แทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมันอย่างรวดเร็ว
วิญญาณอีกหนึ่งในกระเป๋า!
วิญญาณศิลาแห่งความลับถูกเก็บไว้ในทะเลวิญญาณของฟางหยวน มันจมลงไปใต้มหาสมุทรและนอนอยู่เคียงข้างวิญญาณกายาหยกขาว
ราชาวานรตัวใหม่จ้องมองเหตุการณ์นี้ด้วยความโง่งม มันเริ่มกระโดดไปมาและกรีดร้องอย่างไม่หยุดยั้ง
มันพึ่งได้รับตำแหน่งดังนั้นมันจึงไม่สามารถควบคุมฝูงลิงทั้งหมด
ดาบแสงจันทร์อีกหนึ่งเล่มสังหารลิงไปสามตัวทำให้ลิงที่อยู่รอบๆราชาวานรตัวใหม่รีบแยกย้ายหลบหนีไปในพริบตา
ราชาวานรตัวใหม่กัดฟันแน่น
"ไป!" ฟางหยวนกล่าวเสียงเย็นขณะที่การแสดงออกของเขาราวกับภูเขาน้ำแข็ง
ราชาวานรตัวใหม่ตระหนักถึงจิตสังหารที่รุนแรงแผ่พุ่งออกมาจากร่างของฟางหยวน มันจ้องมองฟางหยวนด้วยความโกรธก่อนจะหลบหนีไปในที่สุด
หลังจากไล่ลิงเหล่านั้นออกไป ฟางหยวนเริ่มสำรวจเสาหิน
เมื่อเขาเข้าไปใกล้มัน เขาพบว่ามีถ้ำอยู่ด้านล่างเสาหิน
ถ้ำมีขนาดไม่ใหญ่นักและมีหินยื่นออกมาเป็นบันไดวนขนาดเล็กนำทางลงไปยังชั้นใต้ดินที่มืดมิด
ฟางหยวนไม่มีวิญญาณสายตรวจสอบดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่ามีสิ่งใดรออยู่
เผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่ไม่แน่ชัด ฟางหยวนยังไม่บุกเข้าไปทันที เขาย้อนกลับไปยังห้องลับที่สองเพราะร่างกายของเขาไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
“ความรีบร้อนไม่ได้ช่วยให้ประสบความสำเร็จ ข้าพบเงื่อนงำต่อไป นี่ถือว่าข้าบรรลุเป้าหมายแล้ว ข้าจะกลับมาคราวหน้า” ฟางหยวนควบคุมความอยากรู้อยากเห็นของตนก่อนจะเดินทางกลับหมู่บ้าน
เวลาโบยบินไปอย่างรวดเร็ว ฤดูร้อนเข้ามาแทนที่ฤดูใบไม้ผลิในที่สุด
ฟางหยวนใช้เวลาทุกวินาทีกับการบ่มเพาะ รากพฤกษาทองแดงทำให้เขาสามารถไล่ทันความเร็วในการบ่มเพาะของฟางเจิ้ง
เขาไม่มีวิญญาณที่สามารถปกปิดกลิ่นอายของผู้ใช้วิญญาณระดับสองขั้นกลาง ดังนั้นหลังจากสังหารราชาวานรและยืดครองวิญญาณศิลาแห่งความลับ ข่าวเรื่องการยกระดับการบ่มเพาะของเขาก็แพร่สะพัดออกไปทันที
เป็นเพียงเวลานี้ที่ผู้คนสามารถคาดเดาได้ว่าผู้ครอบครองวิญญาณรากพฤกษาทองแดงที่แท้จริงก็คือฟางหยวน
ในเวลาเดียวกันเขาก็ปล่อยข่าวเกี่ยวกับการครอบครองวิญญาณหมูดำออกไป
ฟางหยวนขายทรัพย์สินมหาศาลเพื่อวิญญาณหมูดำและวิญญาณรากพฤกษาทองแดง หลายคนไม่เข้าใจความคิดของเขาและเรียกเขาว่า คนโง่ คนบ้า หรือคนสายตาสั้น
ด้วยสายตาที่เพ่งเล็งมา ฟางหยวนจึงต้องชะลอการรับสืบทอดมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้ออกไป
เขายังคงบ่มเพาะเพื่อมุ่งสู่ระดับสองขั้นสูง ขณะเดียวกันเขาก็ออกไปหาส่วนผสมในการหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดูด้วยความช่วยเหลือจากวิญญาณศิลาแห่งความลับและยังไม่ลืมขายใบไม้แห่งชีวิตเพื่อเก็บเกี่ยวหินวิญญาณ
ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะมาเยือนอีกครั้ง
เนินเขาใกล้กับหมู่บ้าน วิญญาณระดับห้าปรากฎตัวขึ้นอย่างกะทันหัน มันทำให้หมู่บ้านแสงจันทร์บรรพกาลเกิดความโกลาหลขึ้นทันที