TWO Chapter 44 พังทลาย
TWO Chapter 44 พังทลาย
อีก 3 วัน ต่อมา การจัด 10 อันดับแรกในประเทศจีนของอัพเกรดหมู่บ้านเป็นระดับ 3 ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ
ชุนเซิ่นจุน และพันธมิตรของซีอ๋องป้าได้สร้างพายุขึ้น ช่วงบ่ายวานนี้ ทรราชย์แห่งหานตานได้แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม อย่างเป็นทางการ กลุ่มแรกประกอบไปด้วย ตี่เฉิน จานหลาง เฟิงฉิวฮวง และซาโพจุ่น สร้างเป็นพันธมิตรหานตานใหม่ ขนานนามว่า ‘หานตาน 4 เซีย(Handan Four Xia...)’ ซึ่งเป็นคำพ้องเสียง ศักดิ์ศรีของตี่เฉินถูกลบหลู่อย่างมาก และโอหยางโชวที่ไม่ได้ทำอะไร ก็ถูกตี่เฉินประนามและเกลียดชัง
ชุนเซิ่นจุนประสบความสำเร็จในการดึงตัวเฟิงฉิงหยาง หลังจากเป็นพันธมิตรกับซีอ๋องป้า และเวทย์มนต์หลงทาง ในที่สุดพวกเขาก็ก่องตั้งพันธมิตรชุนฉิว(Chunqiu)ขึ้นมา และชุนเซิ่นจุนยังประสบความสำเร็จในการขึ้นเป็นผู้นำพันธมิตรอีกด้วย
สำหรับการที่เฟิงฉิงหยางเข้าร่วมพันธมิตรนี้ โอหยางโชวไม่ประหลาดใจเท่าใดนัก ในฐานะลูกหลานของตระกูลผู้ใช้ศิลปะการต่อสู้ เฟิงฉิงหยางมีส่วนแบ่งผลประโยชน์น้อยที่สุดใน 6 ทรรราชย์แห่งหานตาน ดังนั้น การที่เขาแยกตัวจากพวกเขาจึงเป็นเรื่องง่าย
แต่การที่ซาโพจุ่นยังคงอยู่ในพันธมิตรเดิมนั้นทำให้เขาประหลาดใจ ซาโพจุ่นเป็นตัวแทนของกองกำลังใต้ดิน โดยทั่วไปแล้วเขาจะไม่ติดต่อกับทรราชย์คนอื่นๆ ที่เป็นครอบครัวทางการเมือง หรือตระกูลโบราณ เหตุผลเดียวที่เขาอยู่ข้างตี่เฉิน อาจเป็นไปได้ว่า เขาและเซิ่นจุนได้ชิงดีชิงเด่นกันในบางเรื่อง จนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
สิ่งที่แต่งต่างจากชีวิตก่อนของเขาคือ ในชีวิตก่อนนั้นซีอ๋องป้าและเวทย์มนต์หลงทางป็นพันธมิตรกัน แต่ในครั้งนี้ ซีอ๋องป้านำเวทย์มนต์หลงทางเข้าพันธมิตรชุนฉิว มันเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างแท้จริง มันเหมือนซีอ๋องป้าแอบอยู่ด้านหลังชุนเซิ่นจุนในที่มืด จริงๆแล้วเขาเป็นจิ้งจอกเฒ่าตัวจริง
ด้วยการเคลื่อนไหวเหล่านี้ การครอบงำเซิร์ฟจีนของ 6 ทรราชย์แห่งหานตานได้เปลี่ยนเป็นพันธมิตรหานตานและพันธมิตรชุนฉิวในทันที ยังมีหมู่บ้านซานไห่และหมู่บ้านสอดคล้องที่เป็นพันธมิตรกันอย่างลับๆอีกด้วย พวกเขาอาจถูกพิจารณาว่าเป็นเสาหลักสามต้น สำหรับการท้าทายความเป็นเจ้าโลกในเซิร์ฟจีน
แม้ว่าโอหยางโชวได้เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ดั่งทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก แต่เขาก็ไม่คิดว่า การเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงขนาดนี้
แม้สถานการณ์ด้านนอกเปลี่ยนไปอย่างมาก โอหยางโชวยังคงไม่กังวล เขาหมกมุ่นอยู่กับกิจการในดินแดนในทุกๆวัน เขาไม่คิดเรื่องของตี่เฉินเลย เขาไม่ได้ต้องการกระตุ้นให้เกิดปัญหา ไม่ได้หมายความว่าเขากลัวปัญหา เมื่อ 6 ทรราชย์แห่งหานตานแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ก็ไม่มีมหาอำนาจใดเป็นอันดับ 1 ในประเทศจีนอีกต่อไป โดยไม่ตั้งใจ โอหยางโชวกลายเป็นผู้ชนะที่ได้ประโยชน์มากที่สุดในเรื่องนี้
เมื่อวานนี้ คลื่นผู้อพยพกลับมาสู่สภาวะปกติ มีคลื่นผู้อพยพเป็นเวลา 5 วันติดต่อกัน หมู่บ้านซานไห่ได้มีชาวบ้านเพิ่มขึ้นถึง 255 คน ซึ่งช่วยประหยัดเวลาได้ถึง 12 วัน จากการอพยพปกติ
เนื่องจากผู้อพยพจำนวนมากมาจากดินแดนของผู้เล่นลอร์ดคนอื่น จำนวนแรงงานที่มีฝีมือจึงมีเป็นจำนวนมาก ไม่เพียงแต่ผู้มีความสามารถพิเศษขั้นต้น เช่น ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง คนเหมือง และอื่นๆเท่านั้น ยังมีช่างต่อเรือขั้นกลาง และอดีตข้าราชการพลเรือนอีกด้วย
ช่างต่อเรือขั้นกลางชื่อว่า เหอเหมี่ยว(He Miao) เป็นชายหนุ่มวัย 23 ปี โอหยางโชวส่งเขาไปอู่ต่อเรือขั้นกลาง โดยให้เขารับหน้าที่ผู้ช่วยของเจิ้งต้าไห่โดยตรง ตอนนี้ อู่ต่อเรือของเขาสามารถสร้างเรือประมงที่สามารถจุคนได้ถึง 10 คน และยังมีเรือรบขนาดเล็ก แต่น่าเสียดายที่หมู่บ้านซานไห่ไม่มีทหารเรือ ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงยังไม่มีโอกาสได้ใช้เรือรบ
ชื่อของอดีตข้าราชการพลเรือนคือ ซูเฉ่อ(Su Ze) เดิมโอหยางโชวต้องการส่งเขาไปยังฝ่ายคลังวัสดุ เพื่อทำหน้าที่หัวหน้าฝ่าย แต่ซูเฉ่อทำให้เขาประหลาดใจ เขาเคยผ่านตำแหน่งทางการเมืองมาแล้ว และไม่ต้องการเป็นข้าราชการพลเรือนอีกต่อไป โอหยางโชวไม่มีทางเลือก เขาเคารพการตัดสินใจของซูเฉ่อ และส่งเขาไปที่วิทยาลัยเหลียนโจว ทำหน้าที่เป็นอาจารย์สอนที่นั่น เขายินดีมากที่จะได้มอบความรู้ให้ผู้คน
ชื่อ : ซูเฉ่อ(ระดับทอง)
อัตลักษณ์ : ชาวบ้านซานไห่, อาจารย์แห่งวิทยาลัยเหลียนโจว
อาชีพ : ข้าราชการพลเรือน(อดีต)
ความจงรักภักดี : 75
ความเป็นผู้นำ : 25
กำลัง : 15
สติปัญญา : 55
การเมือง : 65
ความเชี่ยวชาญ : ผู้ให้การศึกษา(คุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในดินแดน เพิ่มขึ้น 10%)
การประเมิน : กวีที่มีความรู้เกี่ยวกับบทกวีและวรรณกรรมคลาสสิก เกษียณเนื่องจากเหนื่อยกับการขึ้ง-ลงของตำแหน่งทางการเมือง
ด้วยการเพิ่มเข้ามาของซูเฉ่อ และการก่อสร้างมหาวิทยาลัยเหลี่ยนโจว ดัชนีวัฒนธรรมของซานไห่ได้เพิ่มขึ้นเป็น 30 จุด ซึ่งผ่านเงื่อนไขขั้นต่ำ สำหรับการอัพเกรดเป็นเมืองขนาดเล็กแล้ว
ในความเป็นจริง ตัวฟ่านจงหยานอาจจะสามารถผลักดันดัชนีทางวัฒนธรรมของหมู่บ้านซานไห่ได้ถึง 30 จุดได้ แต่น่าเสียดายเขามีหน้าที่ในการบริหารกรมการบริหาร และตำแหน่งในวิทยาลัยเหลียนโจวของเขานั้นเพียงพาร์ทไทม์เท่านั้น แต่เมื่อซูเฉ่อเข้าไปในวิทยาลัยเหลียนโจวในฐานะอาจารย์ ความสามารถของเขาได้ผลักดันดัชนีวัฒนธรรมของดินแดนให้พัฒนาขึ้น
ในตอนนี้ ดัชนีทั้ง 4 ดัชนีทางเศรษฐกิจยังไม่ผ่านเงื่อนไขขั้นต่ำ ด้วยความค่อยเป็นค่อยไปของการปฏิรูปของเขา โอหยางโชวเชื่อว่าดัชนีทางเศรษฐกิจถึงจะเพิ่มเป็น 30 จุดในไม่ช้า
เวลา 10.00 น. โอหยางโชวอยู่ในสำนักงานของเขา ฟ่านจงหยาน เจ้าเต๋อหวังและเจ้าโหยวฟาง ได้เข้ามาหารือเรื่องการซื้อขายวัสดุ
ในฐานะรักษาการหัวหน้าฝ่ายคลังวัสดุ เจ้าโหยวฟางกล่าวเป็นคนแรก “ในช่วง 3 เดือนแรก อาหาร เสื้อผ้า และวัสดุอื่นๆ สามารถซื้อขายผ่านตลาดขั้นต้นเท่านั้น ความเห็นของเหล่าหัวหน้าฝ่ายคือ วัตถุดิบควรถูกซื้อขายโดยฝ่ายคลังวัสดุเท่านั้น จนกว่าดินแดนจะพึ่งพาตนเองได้ จนกว่าดินแดนจะพึ่งพาตนเองได้ เมื่อถึงเวลานั้น ตลาดจะเปิดกว้างอย่างสมบูรณ์”
โอหยางโชวพยักหน้า “ในกรณีนี้ เราไม่เพียงแต่ต้องสร้างร้านเบเกอรี่ ร้านขายเนื้อ และร้านขายเสื้อผ้าเท่านั้น แต่เราต้องสร้างคลังสินค้า เพื่อจัดเก็บสินค้าด้วย นอกจากนี้ เรายังต้องฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้พวกเขาสามารถทำงานในร้านเหล่านั้นได้”
“ร้านทั้ง 3 จะถูกดำเนินการโดยฝ่ายคลังวัสดุโดยตรง เราพร้อมที่จะรับสมัครงานจากชาวบ้านแล้ว” โอหยางโชวหยุดก่อนจะกล่าวต่อ “เจ้าต้องระวังเกี่ยวกับการจัดเตรียมพนักงานให้ดี ข้าไม่ต้องการให้พนักงานร้านค้า รวมเข้ากับคนในฝ่ายคลังวัสดุ ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการทุจริต”
โอหยางโชวยอมรับว่า การปฏิรูปในครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่ความโลภจะหยั่งรากลงในระบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายคลังวัสดุ ยิ่งกำไรสูง ก็ยิ่งมีโอกาสเกิดการทุจริตสูง
“นอกจากนี้ วัสดุอื่นๆถูกจัดการแล้ว ยกเว้นปลาที่ยังไม่ได้ดำเนินการใดๆ ฝ่ายคลังวัสดีคิดจะทำอย่างไร? ซื้อมาและขายไป?” โอหยางโชวไม่ค่อยพอใจกับความคิดนั้น เขาคิดว่ามันเข้มงวดมากเกินไป
เมื่อฟังคำพูดของโอหยางโชว เจ้าโหยวฟางก็ตื่นตระหนก เขาคิดว่า โอหยางโชวไม่พอใจกับการทำงานของเขา เขาไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
โชคดีที่ฟ่านจงหยานแนวทางการแก้ปัญหาของเขา เขาจึงเริ่มยิ้มได้ “ในเวลานี้ การซื้อขายปลาในดินแดนมีปริมาณน้อยมาก ส่วนใหญ่จะใช้สำหรับส่งออก ข้าคิดว่าเราไม่ควรสร้างตลาดปลาใดๆ เพียงแค่ตั้งแผงปลา 2-3 แผงไว้ในร้านขายเนื้อ และอนุญาติให้ชาวประมงเช่าได้ ทำให้พวกเขาสะดวกในการขาบปลามากขึ้น และยังสะดวกในการเก็บภาษีโดยฝ่ายการเงินอีกด้วย”
โอหยางโชวยิ้มเพื่อนผ่อนคลายบัญญากาศ เขาหันไปหาเจ้าเต๋อหวังแล้วถามว่า “ราคาของสิ่งก่อสร้างที่ฝ่ายก่อสร้างกำหนดขึ้นเป็นอย่างไร?”
“ช่วงบ่ายวานนี้ ฝ่ายก่อสร้างและฝ่ายการเงินได้พูดคุยเกี่ยวกับระดับค่าจ้าง และการกำหนดราคาสำหรับวัสดุต่างๆ เราต้องให้นายท่านอนุมัติก่อนถึงจะเริ่มดำเนินการได้”
ได้ยินเจ้าเต๋อเสี้ยนพูดถึงปัญหาค่าจ้าง โอหยางโชวยิ้มโดยไม่ตั้งใจ ในการเสนอร่างการกำหนดค่าจ้าง และการกำหนดระดับราคาวัสดุในครั้งนี้ กรมการบริหารไม่ได้พูดอะไรมากนัก ส่วนฝ่ายการเงินได้ผ่านร่างแล้ว
เมื่อฟ่านจงหยานส่งร่างข้อเสนอไปยังฝ่ายการเงินครั้งแรก ขุ่ยหยิงหยูปฏิเสธพวกเขาอย่างไม่สุภาพ ระดับค่าจ้างสูงเกินไป ฟ่านจงหยานโกรธมากจนหายใจแทบไม่ออก
ทั้งสองอยู่ตรงข้ามกัน ฝ่ายหนึ่งกังวลเกี่ยวกับทุกเรื่องที่ส่งผลต่อผลประโยชน์ของประชาชน ในขณะที่อีกฝ่ายดูแลการเงินอย่างเข้มงวด เพื่อใช้จ่ายอย่างฉลาด
มันไม่สามารถประนีประนอมกันได้ โอหยางโชวได้คุยกับขุ่ยหยิงอยู่ เกี่ยวกับการปฏิเสธร่างขอเสนอแรกของกรมการบริหาร และมันทำให้เขาอารมณ์เสีย
บางสิ่งที่ฟ่านจงหยานต้องการในข้อเสนอของเขา อาจนำมาซึ่งความไม่พอใจ ถ้าเขาได้ทำตามความต้องการของเขา หลังจากนั้นไม่นาน โอหยางโชวก็คงได้กินและดื่มเพียงอากาศเท่านั้น เขาไม่สามารถช่วยได้ นักวิชาการมักกังวลเกี่ยวกับประชาชนมากจนเกินไป เขาปฏิบัติกับทุกคนอย่างเช่นสมบัติ และข้าราชการดั่งสิ่งสกปรก
นี่เป็นครั้งแรกที่โอหยางโชวแสดงอารมณ์ของเขา เขายกเลิกสิทธ์ในการดำหนดค่าครองชีพและค่าจ้างของฝ่ายการบริหาร และขีดเส้นให้พวกเขากลับไปหารือกับฝ่ายการเงิน
หลังจากผ่านการทดสอบนี้ ฟ่านจงหยานตระหนักว่า โอหยางโชว ไม่ยอมรับสิ่งที่เขาเสนอแบบสุ่มสี่สุ่มห้าเหมือนเด็ก ไม่ว่าคุณจะมีความสามารถมากแค่ไหน ถ้าคุณสูญเสียเหตุผลไป คุณก็ไม่มีทางประสบความสำเร็จ สุดท้ายแล้วหมู่บ้านซานไห่ก็เป็นดินแดนส่วนตัวของโอหยางโชว ไม่ใช่ประเทศในอุดมคติและเพ้อฝัน
เห็นอารมณ์ที่ไม่ดีของโอหยางโชว ฟ่านจงหยานก็ละอายอย่างชัดเจน
โอหยางโชวรู้ว่าเขาเสียสติ และยิ้มอย่างขอโทษ ไม่ว่าในกรณีใด เขายังเคารพคนของเขา ตราบเท่าที่พวกเขาทำงานร่วมกัน และพบขีดจำกัดของอีกฝ่าย พวกเขาสามารถกลับมาทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และสิ่งต่างๆจะดำเนินไปอย่างราบรื่นยิ่งขึ้น
โอหยางโชวหันไปทางเจ้าเต๋อหวัง “นี่เป็นความคิดที่มีดีมาก การประกาศราคาของอสังหาริมทรัพก่อนหน้านี้ จะช่วยลดความสงสัยของชาวบ้าน และทำให้ทุกคนมั่นใจขึ้น”