Chapter 1 โลกใหม่หลังจากวันแห่งความหายนะ
Chapter 1 โลกใบใหม่หลังจากวันแห่งหายนะ
หลังจากฝนดาวตกที่รุนแรงทำลายล้างโลก ได้นำพาสสารแปลกปลอมที่ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของสัตว์ และโรคที่มาจากจุลินทรีย์ที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มนุษยชาติที่หลงเหลือ ก็ต้องเอาชีวิตรอดจากสัตว์กลายพันธุ์หลายชนิด และภัยคุกคามจากโรคทำให้อารยธรรมของมนุษยชาติเกิดการวิวัฒนาการถดถอยลง
ดินแดนที่กว้างใหญ่กลายมาเป็นที่ราบสูงที่รกร้าง เมืองที่ครึกครื้น สวยงาม กลายมาเป้นเมืองที่มีแต่ซากปรักหักพัง
————————
ฝางเจียวเขาจำไม่ได้เลยว่าตัวเองมีชีวิตรอดในโลกที่เกิดหายนะได้นานเท่าไหร่ และเขาได้ฝ่าฟันมานานแค่ไหน
90 ปีหรืออาจจะ 100ปีดีนะ?
เขาจำไม่ได้แล้ว
ก่อนวันหายนะเขาเป็นนักแต่งเพลงที่รู้จักกันดีในวงการเพลงที่มีชื่อเสียง เขาจำเป้นต้องเข้าร่วมสงคราม และเพื่อที่จำมีชีวิตรอดเขาต้องหลบหนีไปทุกหนแห่งเพื่อที่จะรวบรวมกองกำลังมาต่อสู้อย่างกล้าหาญ
เมื่อดินแดนที่พิชิตได้รับการฟื้นตัวขึ้นมาผู้คนต่างก็คิดว่าสงครามจะสิ้นสุดลงในไม่ช้าและจะมีช่วงเวลาที่รุ่งเรืองขึ้น แต่นี่คือตอนที่เขาสิ้นชีพลงในที่มืดก่อนรุ่งอรุณ
————————
“"ถ้าคุณไม่มีความมุ่งมั่นที่จะสู้กับความตาย แน่นอนคุณจะไม่มีวันชนะสงครามนี้“ ”นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมประชากรโลกจึงลดน้อยลงจาก 8 พันล้านเป็น 80 ล้านคน"
“ตาเฒ่าเจียวคุณเคยบอกว่าเราจะชนะสงครามนี้ใช่มั้ย”
“ใช่”
“ผมไม่กลัวความตายหรอก ผมหน่ะกลัวแค่เราจะไม่ชนะก่อนที่ผมจะตายเท่านั้นแหละ”
“เราจะชนะ”
“เยี่ยมเลย หลังจากเราชนะ ผมจะเริ่มต้นหาสถานที่ที่เหมือนในตอนเด็ก ทุ่งหญ้าสีเขียว ท้องฟ้าสีคราม.... เอาหน่าช่างเถอะ แล้วท่านหละเฒ่าเจียวหลังจากชัยชนะ ท่านจะกลับไปเป็นนักแต่งเพลงรึเปล่า?”
“เริ่มต้นใหม่หรอ? ข้าไม่เคยหยุดตั้งแต่แรกแล้วต่างหาก”
————————
จู่ๆในหัวของฝางเจียว ก็ได้มีความคิดเกี่ยวกับบทสนทนากับสหายที่ชื่อซูมูโผล่เข้ามา
เสียงร้องของชายหนุ่มที่กำลังเผชิญกับความตายที่ใกล้เข้ามาและเสียงหอนของสัตว์ที่กลายพันธุ์เริ่มจางหายไป ความเจ็บปวดที่รุนแรงจากหลายทศวรรษของการเจ็บป่วยและบาดแผลร้ายแรงได้ถูกลบออกจากความทรงจำของเขาในขณะที่ร่างกายของเขากำลังพักฟื้นตัว
หลังจากนั้นเมื่อเขามีอายุมากกว่า 100 ปีชายชราที่ผอมแห้งที่มีนิ้วมือด้วน แม้ว่าร่างกายของเขาได้กลายพันธุ์และแข็งแรงขึ้นตามระบบภูมิคุ้มกันของเขา แต่ถึงยังไงเขาก็ยังคงมีอาการการบาดเจ็บและเจ็บป่วย เขาเป็นชายชรา เขารู้สึกเหมือนเครื่องยนต์ที่ร้อนอยู่ตลอดเวลาและไม่สามารถทำให้เย็นลงได้
เมื่อฝางเจียวกำลังจะรู้สึกตัวเขารู้สึกว่าสมองของเขาถูกทำร้ายด้วยความเจ็บปวดคล้ายกับเข็มแทงและมีภาพแทรกซ้อนมากมายที่เขาไม่รู้จัก
ในขณะที่เขาค่อยๆเริ่มที่จะควบคุมร่างกายของเขาได้ ตาของฝางเจียวก็กระตุกและเขาก็ลุกขึ้นนั่งหายใจลึก ๆ การที่เขาได้ใช้สมองของเขามากเกินทำให้สายตาของเขาเบลอ แต่เมื่ออาการปวดหัวของเขาหายไปวิสัยทัศน์ของเขาก็เริ่มกลับมาและฝางเจียวก็สัมผัสได้ถึงสิ่งที่ผิดปกติอย่างรุนแรงรอบๆตัว
ด้วยสัญชาตญาณและความไวที่ได้จากการต่อสู้นับไม่ถ้วนฝางเจียวสามารถล่วงรู้ว่าเขาอยู่ในต่างประเทศได้โดยไม่ต้องมอง
ไม่ใช่
นี่ไม่ใช่สถานที่ที่ไม่รู้จัก
ภาพได้ปรากฏขึ้นในหัวของเขา และภาพพวกนี่มันดูคุ้นเคยมาก
นี่คือที่ ที่เขาเคยอยู่
เขาเคยเป็นฝางเจียว ที่ไม่ใช่ฝางเจียวในตอนนี้
เขาได้ตายในวันที่สงครามสิ้นสุดลง แต่ตอนนี้เขาได้เกิดใหม่ในร่างของคนอื่นที่มีนามว่าฝางเจียวเหมือนกัน เขารอดชีวิตมาได้
ฝางเจียวยกมือขึ้นและพบว่านิ้วของเขายังอยู่ครบ 10 นิ้วเขาแกว่งขาของเขา โดยไม่รู้สึกเจ็บปวด
นี่คือชีวิตที่หนุ่มและแข็งแรง
สมองของฝางเจียวมีความทรงจำในอดีตอย่างชัดเจน -การต่อสู้ที่นำไปสู่ความตายของเขา -การต่อสู้100ปี -การหนี
ชายหนุ่มคนนี้ชื่อ ฝางเจียว อายุเพียง 23ปีและกำลังจะจบการศึกษา
เขาคือนั่งแต่งเพลงหนุ่ม
แต่น่าเสียดาย....
หลังจากจบการศึกษา เมื่อเขาเริ่มทำงานได้ 3เดือนเขาก็ถูกคนคนหนึ่งที่เขาคิดว่าเป็นพี่ชายในสายเลือดทรยศเขาโดยการขโมยผลงานของเขาทั้ง 3เดือนไป ฝางเจียวคนเก่าเศร้าเสียใจมากจนฆ่าตัวตาย
ฝางเจียวรู้สึกงงงวยมาก โลกที่ไม่มีหายนะแล้วทำไมทุกคนถึงละทิ้งชีวิตในโลกที่สวยงามเช่นนี้?
เมื่อพิจารณาดูแล้วเรื่องทั้งหมดเป็นเพียงเพราะความเสียใจ และการทรยศหักหลังกัน
แล้วไงหล่ะ?
แล้วโลกนี้มันจะล่มสลายรึไง?
ผู้คนที่ต่อสู้เมื่อวันแห่งความหายนะต้องต่อสู้ยากลำบากเท่าไหนเพื่อที่จะอยู่รอด แต่ไอเด็กคนนี้เอาชีวิตของเขามาทิ้งเพราะเรื่องเล็กน้อยแค่นี้หรอ? คนที่มาจากแห่งความหายนะไม่เข้าใจจริงๆ
แต่เมื่อคิดดูแล้ว ความสงบสุขที่เกิดขึ้นหลังจากวันหายนะพวกนี้ ความคิดของผู้คนเกี่ยวกับความสงบก็เริ่มต่างกัน
มันก็นานมาแล้วที่มีเหตุการณ์ทะเลนองเลือดที่ทำให้ความทรงจำที่ดีของเขาต้องหมองไป แต่ช่างเถอะยังไงในตอนนี้ฝางเจียวก็ยังอยู่ในช่วงเวลาที่สงบสุข
ผู้คนในยุคสงบสุขนี้จะคิดยังไงกันนะ?
เอาเถอะ อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด
ฝางเจียวนั่งคิดเกี่ยวกับความทรงจำของเจ้าของร่างคนเก่าซึ่งมีความโกรธเกรี้ยวผสมและความน่าสงสารที่ต้องตายไป
ในกรณีที่ฝางเจียวรู้สึกว่าการแก้แค้นคือทางที่ดีที่สุดในการไขข้อข้องใจ แล้วมันคุ้มหรอที่ต้องตาย
เจ้าของร่างคนก่อนเขากลัวที่ต้องเผชิญกับเหตุการณ์ต่างๆ แต่ฝางเจียวไม่ใช่แบบคนก่อน
ผู้คนที่ต้องอดทนสู้ในวันหายนะ อารมณ์ต่างจากคนในสมัยนี้ที่อยู่ในโลกที่สงบสุข
ฝางเจียวประหลาดใจกับความทรงจำต่างๆที่ถูกค้นพบขึ้น
จริงๆแล้วในโลกใหม่
การต่อสู้ของทุกปีที่ผ่านมาและทุกปีที่มีสิ่งมีชีวิตที่ชั่วร้ายมันก็คุ้มค่า ในขณะที่ค้นหาความทรงจำของร่างใหม่ของเขาฝางเจียว ยังต้องระมัดระวังต่อสภาพแวดล้อมของเขาเช่นกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยแต่ฝางเจียวไม่สามารถพักผ่อนได้ เนื่องจากมันเป็นนิสัยเก่าตั้งแต่ในช่วงวันแห่งความหายนะซึ่งเป็นเหตุผลที่เขาสามารถอยู่รอดเป็นเวลาหลายปี
เมื่อมีเสียงดังขึ้นใกล้ๆเขา เขาก็หยุดที่จะค้นหาความทรงจำ และมองออกไปรอบๆทันที
เขาได้รับรู้ถึงรูปแบบชีวิตอีกรูปแบบหนึ่งในห้องแคบนี้ แต่ก็ไม่เป็นภัยคุกคามใด ๆ และไม่ได้แสดงเจตนาที่จะโจมตี จากประสบการณ์ของเขาตั้งแต่ตอนวันหายนะสัตว์ชนิดนี้ไม่ได้มีความรุนแรง ดังนั้นเขาจึงไม่ให้ความสนใจมาก ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอีกฝางเจียวจึงรีบหันไปมอง
มันเป็นเพียงสุนัขตัวเล็ก ๆ ที่มีขนพันกันยุ่ง ขนของมันเปื้อนไปด้วยสารที่ไม่รู้จัก มันผอมมากชนิดที่ว่าถ้าเอาขนออกสิ่งที่เหลืออยู่มีแต่ซี่โครงเลยทีเดียว สุนัขจรจัดตัวนี้เป็นของเจ้าของคนก่อน ก่อนที่จะฆ่าตัวตาย
เมื่อคืนนี้สุนัขกินอาหารแล้ว เขากินครึ่งและให้อาหารครึ่งที่เหลือแก่สุนัข – ทั้งสองอย่างผสมกับยาพิษที่เขาซื้อมาจากร้านขายยา
ชามว่างวางอยู่บนโต๊ะใกล้ ๆ ยาพิษของมันหายไป แต่จานถัดจากสุนัขถูกทิ้งไว้แบบไม่มีอะไรไปแตะ
ฝางเจียว รู้จากความทรงจำใหม่ของเขาว่าสุนัขมีสุขภาพไม่ดีเมื่อคืน เขาแทบจะยืนไม่ได้ วันต่อมามันดูดีขึ้น แต่ก็ยังมีปัญหาในการลุก มันอยู่ตรงนั้นพร้อมส่ายศีรษะเล็กน้อยหมุนคอของมันไปตามทิศทางของฝางเจียว กระดิกหางและดวงตาสีดำมองไปที่ฝางเจียว
ฝางเจียว แกว่งขาของเขา แม้ว่ามันจะอ่อนแอเขาแต่ก็สามารถเดินได้ เขาวางฝ่าเท้าของเขาบนพื้นดิน ความรู้สึกที่สุดยอดพุ่งจากเท้าของเขาไปยังสมองของเขาทำให้ใจของเขาเต้นเร็ว
ฝางเจียว เดินอย่างรอบคอบและตั้งใจ ทีละก้าว สองก้าว
เร็วๆนี้การเดินของเขาทำให้เขามีความมั่นใจมากขึ้น ราวกับว่าเซลล์ในร่างกายของเขาทุกเซลล์ทำให้เขามีชีวิตชีวาขึ้น
มันดีแค่ไหนเนี่ย ที่เขาฟื้นจากความตาย
ฝางเจียวเดินตรงไปหาหมาจากนั้นคุกเข่าหยิบถาดอาหารที่เป็นพิษและโยนลงในถังขยะ
ในขณะที่เขาทิ้งถาดอาหาร วิญญาณของสุนัขก็ได้ปรากฏขึ้นมาลืมตาเฝ้ามองฝางเจียว
อพาร์ตเมนท์ที่เขาอยู่ก็ไม่มีอาหารให้กิน ภาพจากความทรงจำใหม่ของเขาฝางเจียวหยิบเอาชามจากตู้ เขารู้สึกว่าผิวของชามมันแปลกแล้วมันไม่ใช่วัสดุที่เขารู้จัก มันดูเหมือนเซรามิก แต่จริงๆแล้วมันคือพลาสติกบางชนิดและมันเบามาก
สมองของเขามีความทรงจำที่คลุมเครือเกี่ยวกับวัสดุใหม่ ๆ แต่ฝางเจียวก็สามารถรู้ได้ว่าเป็นวัสดุที่สามารถละลายได้อย่างรวดเร็วในบางสภาวะโดยไม่ต้องใช้สารใดๆ
ฝางเจียวก็สัมผัสได้ถึงความจำใหม่ ว่ามีชามข้าวอีกครึ่งหนึ่งอยู่ที่สระน้ำ เขาจึงนำมันมาและเอาไปวางไว้ข้างหน้าของสุนัข
สุนัขลุกขึ้นด้วยความทุลักทุเล แต่สุดท้ายมันก็ยืนได้และดื่มน้ำในถ้วย ในขณะนั้นหางของมันกระดิกเล็กน้อย
แม้ว่าจะเป็นสุนัขจรจัด แต่ก็ยังคงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้มีชีวิตอยู่รอดได้
ฝางเจียวมองไปที่สุนัขตัวนั้นแล้วก็เปลี่ยนความสนใจไปที่อพาร์ตเมนท์เล็ก ๆ
ขนาด 20ตารางเมตรเล็กแออัดและสกปรก 1ในห้องนั้นมีแต่หายนะ แต่เขาก็รับรู้ถึงความทรงจำใหม่ของเขาว่า เมื่อวันก่อนไอห้องนั้นแหละเป็นห้องที่สะอาดมาก
มุมห้องเล็กๆที่ใช้พื้นที่ประมาณ 4ตารางเมตรเป็นที่เจ้าของเดิมที่เคยทำงานอยู่ เพลงทั้งหมดที่เขาแต่งในช่วงสองเดือนที่ผ่านมาก็แต่งที่มุมห้องนั้น
เครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ดูแปลกประหลาดมากสำหรับฝางเจียว เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แต่เขาก็สามารถเข้าใจทุกอย่างได้จากความทรงจำใหม่ของเขา หากเขาเข้าถึงความทรงจำใหม่ของเขาได้อย่างสมบูรณ์ โลกใบใหม่นี้ก็ง่ายมากที่เขาจะเข้าใจ
ฝางเจียวเดินตรงไปที่ผนังห้องและกดปุ่มเล็ก ๆ บนผนัง ก็ได้มีตู้โผล่ขึ้นมา มีกระจกวางอยู่ด้านบนของตู้
แต่ฝางเจียวก็ไม่ได้สนใจตู้หรือกระจกเลยสักนิด เขาสนใจแต่คนที่อยู่ในกระจก
เจ้าของร่างกายคนก่อนตดูคล้ายฝางเจียวมาก แม้ว่าฝางเจียว ไม่สามารถจำได้ว่าเขาเป็นยังไงตอนเขายังหนุ่ม เขาเห็นหน้าของเขาในกระจกอย่างเลือนลาง ราวกับว่าเห็นตัวเองในอดีตมายืนอยู่ตรงนี้
หลังจากนั้น ทั้งสองฝางเจียวก็ได้เชื่อมโยงกันด้วยพลังแห่งจักรวาลบางอย่างที่ไม่อาจเข้าใจได้
แม้ว่าฝางเจียวจะไม่ทราบว่าเขาได้ร่างกายนี้มาได้ยังไง ในตอนนี้เขาก็ได้รับทั้งร่างและความทรงจำของจำของร่างมาแล้ว แต่เขาก็ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เจ้าของร่างคนเก่าทำ
เขาจ้องมองไปที่กระจก และเขาก็พูดอย่างจริงจังว่า
"ฉันยึดครองชีวิตที่คุณสละไว้"
“ฉันจะแก้แค้นให้กับคุณ.
"ฉันจะชำระหนี้ของคุณ"
"ความฝันของคุณคือการเป็นนักแต่งเพลงที่โด่งดังระดับโลกหรอ? และนั่นฉันเคยเกือบจะทำได้มาแล้ว"
ฝางเจียว เป็นคนที่ทะเยอทะยาน แต่เขาได้มาอยู่ในโลกใหม่ที่เขาไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่เขามีความทะเยอยานมากที่จะบรรลุเป้าหมาย บางทีเขาอาจจะบรรลุความฝันที่เขาไม่สามารถทำได้ในวันแห่งความหายนะ
ทุกคนสามารถพูดโอ้อวดได้ แต่ก่อนที่จะพูดเขาต้องปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ เขาต้องคิดค้นทักษะในการพูดคุยของเขาให้ได้ก่อน
ฝางเจียวดันตู้กลับเข้าไปที่กำแพง และเขาเดินไปที่หน้าต่างและเปิดมัน
ผ้าม่านถูกเลื่อนออก ตอนนี้ก็ใกล้เที่ยงแล้วสภาพอากาศเยี่ยมมาก แต่อพาร์ตเมนท์ยังคงสลัวอยู่เพราะนี่เป็นชุมชนแออัด หรือเรียกว่า "ถนนสีดำ" นั่นเอง