Eternal Martial Sovereign ตอนที่ 33 – ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าได้อย่างไรกัน?
Chapter 33 – ข้าจะไว้ชีวิตเจ้าได้อย่างไรกัน?
ด้วยการโจมตีเดียวที่ฟันไปยังคอของฝางหรุย ได้สังหารเขาในทันที!
เคร้ง!
ทั่วทั้งหุบเขาเงียบเป็นพิเศษ ความเงียบนี้มาพร้อมกับการแสดงออกที่ตกใจของคนตระกูลฝาง เช่นเดียวกันกับหัวใจที่เต้นแรงของพวกเขา
ผู้เชี่ยวชาญในขอบเขตต้นกำเนิดขั้นปลายเพิ่งตายแบบนั้นอยู่ข้างหน้าดวงตาพวกเขา นี่ไม่ใช่บางสิ่งที่คนทั่วไปจะยอมรับได้อย่างง่ายดาย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ฆ่าเขาก็ถูกบังคับให้เข้าสู่ความสิ้นหวังโดยพวกเขา!
เพียงแค่ผ่านไปวันเดียวเท่านั้น เหตุใดสถานการณ์จึงเปลี่ยนไปมากเช่นนี้?
วูซ!
สายตาของเซี่ยวหยุนกวาดไปรอบๆเหมือนใบมีดที่แหลมคมและเย็นชาลงบนผู้ฝึกตนตระกูลฝางที่เหลือ สายตาของเด็กหนุ่มทำให้หัวใจของพวกเขาสั่นสะท้านและจิตใจส่งเสียงหึ่งๆ เจตนาสังหารที่ถูกปล่อยออกมานั้นน่ากลัวอย่างมาก
ผู้ฝึกตนตระกูลฝางต่างก็ตกใจโดยสมบูรณ์และสองผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิดก็ได้แต่สั่นสะท้านอย่างช่วยไม่ได้
ก่อนหน้านี้ พวกเขาเตรียมที่จะร่วมมือกับฝางหรุยเพื่อสังหารเด็กหนุ่มคนนี้ อย่างไรก็ตาม หลังจากเห็นทักษะของเซี่ยวหยุน พวกเขาได้สูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ ดวงตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและความเสียใจ หวังว่าพวกเขาจะสามารถออกไปจากที่นี่โดยเร็วที่สุด!
เซี่ยวหยุนเมินเฉยต่อความหวาดกลัวของผู้ฝึกตนตระกูลฝางอย่างสมบูรณ์ขณะที่เขาเดินไปด้วยการแสดงออกที่เย็นชา
“นายน้อยเซี่ยวหยุน พวกเราถูกบังคับให้ทำแบบนี้ ได้โปรดไว้ชีวิตเราด้วย”
กลิ่นอายของพลังที่เด็กหนุ่มปลดปล่อยออกมาขณะที่เดินผ่านไป เจตนาสังหารของเขาทำให้หัวใจของพวกเขาเต้นอย่างรวดเร็ว สองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดของตระกูลฝางก้าวถอยไปข้างหลังขณะที่พวกเขาอ้อนวอนต่อเซี่ยวหยุนด้วยการแสดงออกที่หวาดกลัว
“เจ้าถูกบังคับให้พยายามสังหารข้า?” รอยยิ้มที่เย็นชาปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยวหยุน ย้อนกลับไปตอนนั้น เขาได้บ่มเพาะอยู่ในหุบเขาและไม่เคยตอแยคนเหล่านี้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังติดสินใจที่จะสังหารเขาในทันทีและบังคับให้เขาเข้าสู่สถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาไม่ได้ครอบครองทักษะที่เขามี เขาจะมีเอาชีวิตรอดภายใต้การโจมตีผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดเหล่านี้ได้อย่างไร?
“ทั้งหมดเป็นเพราะฝางหรุย มิฉะนั้นพวกเราก็ออกไปแล้ว” ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดคนอื่นกล่าว
“ฝางหรุย?” รอยยิ้มอันหนาวเย็นของเซี่ยวหยุนขยายตัวกว้างขึ้น มันดูเหมือนว่าคนเหล่านี้ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มไร้เดียงสาและคิดว่าพวกเขาสามารถหลอกเขาได้อย่างง่ายดาย เซี่ยวหยุนได้เป็นผู้ใหญ่อย่างรวดเร็วหลังจากที่เขาได้อดทนต่อประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด – ดังนั้นเขาจะสามารถถูกหลอกอย่างง่ายดายได้อย่างไร?
ในขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดทั้งสองได้ทำการโจมตี วางแผนที่จะปิดบัญชีเซี่ยวหยุนขณะที่เขากำลังฟุ้งซ่าน
สองไฟแลบของเหล็กส่งประกายขณะที่พวกเขาแทงผ่านอากาศไป ผู้ฝึกตนทั้งสองคนนี้อยู่ในขั้นกลางขอบเขตต้นกำเนิด สำหรับพวกเขาที่ลงมือการโจมตีกะทันหันร่วมกัน มันเป็นไปได้แน่นอนสำหรับพวกเขาที่จะสังหารผู้ฝึกตนขั้นต้นขอบเขตต้นกำเนิด
อย่างไรก็ตาม มันช่างน่าเสียดายที่เซี่ยวหยุนไม่ใช่คนธรรมดา
“แม้แต่ตอนที่เผชิญหน้ากับความตาย พวกมันก็ยังคงเหมือนเดิม!” ดวงตาของเซี่ยวหยุนมีแสงวูบผ่านขณะที่เขาส่งพลังวิญญาณออกมาเหมือนกับคลื่นที่ไร้จุดสิ้นสุดซึ่งดูเหมือนจะปกคลุมไปทั้งท้องฟ้า
บุซ!
ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดทั้งสองรู้สึกราวกับว่าจิตใจของพวกเขาได้ระเบิดออก และราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาได้ถูกโจมตีอย่างหนัก
ชวิ้ง!ชวิ้ง!
ตามมาด้วยกระบี่ของเซี่ยวหยุนที่กวาดออกมารวดเร็วอย่างไม่เน่าเชื่อ สองแสงกระพริบอันหนาวเย็นของเหล็กที่ฟันออกมาและหายไปทันที
ในวินาทีถัดไป ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดทั้งสองก็ได้ฟื้นตัว แต่ก็รู้สึกว่าหัวใจได้บิดด้วยความเจ็บปวด พวกมองลงไปและพบว่าหัวใจของพวกเขาได้ถูกแทง
“อ๊ากก!”
สองผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดร้องออกมาขณะที่พวกเขาล้มลงพร้อมๆกัน
“พวกเขาตายแล้ว?” ผู้ฝึกตนขั้นหลอมร่างกายที่เหลือตะลึงงัน
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที สามผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดได้ล้มลง หากข่าวเรื่องนี้แพร่กระจายไป มันก็เพียงพอแล้วที่จะสั่นคลอนทั่วทั้งเขตเมฆาม่วง
หลังจากดูแลผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิด เซี่ยวหยุนได้หมุนและมองไปยังผู้ฝึกตนขอบเขตต้นกำเนิด
“นายน้อยเซี่ยวหยุน เราเพียงแค่ทำตามคำสั่งเท่านั้น!”
“นายน้อยเซี่ยวหยุนได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ” ฝูงชนได้หวาดกลัวโดยสมบูรณ์และรีบที่จะเว้าวอนขอความเมตตา
ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตต้นกำเนิดทั้งหมดได้ตายลงไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงไม่มีความแข็งแกร่งใดๆที่จะต่อสู้ได้
“ไว้ชีวิตเจ้า?” เซี่ยวหยุนยกคิ้วของเขาแล้วพูดต่อ “เพื่อให้เจ้าย้อนกลับไปและหาเซียนขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริงมาจัดการกับข้า?”
“ไม่ เราจะไม่ทำเช่นนั้นแน่นอน” พวกเขารีบตอบ
“ข้าเชื่อใจสุนัขมากกว่าพวกเจ้าทุกคน” เซี่ยวหยุนกล่าวด้วยสายตาอันหนาวเย็น “ตระกูลฝางของเจ้าพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะกำจัดข้า ถ้าเจ้าต้องการที่จะตำหนิใครสักคน ก็จงตำหนิตัวเจ้าเองที่เกิดมาในตระกูลฝาง ตระกูลฝางของพวกเจ้าคิดว่าพวกเขาสามารถข่มเหงรังแกใครก็ได้ที่พวกเขาต้องการ? พวกเขาคิดว่าการมีฝางเฮ่านั้นหมายความว่าพวกเขาจะสามารถครองโลกได้?”
หลังจากพูดเช่นนี้ เขาก็ส่งคลื่นพลังวิญญาณออกมา
“ไม่!!” ผู้ฝึกตนขั้นหลอมร่างกายร้องออกมา ตามด้วย พวกเขาถูกตัดออกมาขณะที่พวกเขาสั่นสะท้านโดยพลังวิญญาณของเซี่ยวหยุน และพวกเขาบางคนก็ตายทันทีขณะที่จิตวิญญาณของพวกเขาพังทลายและกระจายออกไป ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็จบสิ้นโดยดาบของเซี่ยวหยุน
เซี่ยวหยุนไม่ใช่คนที่รักการสังหาร แต่เขาก็จะไม่ยอมไว้ใช้ชีวิตคนเหล่านี้ที่พยายามจะบังคับให้เขาตายครั้งแล้วครั้งเล่า
“เด็กคนนี้ค่อนข้างเด็ดขาดและแน่วแน่” เมื่อเห็นเช่นนี้ นกกระจอกกลืนกินสวรรค์สะท้าน โชคดีที่มันยังมีค่าต้องเด็กหนุ่มอยู่ มิฉะนั้นมันอาจจะถูกกำจัดเช่นนี้ไปแล้วก็ได้ เมื่อคิดเช่นนี้ มันก็ไม่กล้าแม้แต่จะพิจารณาถึงการทรยศเซี่ยวหยุนอีกต่อไป
หลังจากจัดการกับคนเหล่านี้แล้ว เซี่ยวหยุนมองไปรอบๆ และเตรียมพร้อมที่จะออกไป เขาได้อยู่ที่ภูเขาเมฆาม่วงค่อนข้างเป็นเวลานานแล้วและมันก็กลายเป็นที่นี่ค่อนข้างวุ่นวายที่ ถ้าเขาอยู่เกินกำหนด เขาจะถูกบังคับให้วิ่งเข้าสู่ปัญหา
“ถึงเวลาหาโอสถประเภทไฟสำหรับน้องสาวแล้ว” เซี่ยวหยุนกล่าวขณะที่ส่งพลังวิญญาณของเขาออกไป
ด้วยประจวบเหมาะกับการกวาดล้าง เซี่ยวหยุนได้ค้นพบว่ามีพืชจิตวิญญาณค่อนข้างน้อยอยู่รอบๆ มันมีผลไม้แก่นแท้แห่งไฟสีม่วงเช่นเดียวกับโสมแก่นแท้แห่งไฟที่ได้อาศัยอยู่มาเป็นเวลาหลายร้อยปี
ในช่วงเวลานี้ เซี่ยวหยุนได้ค้นพบว่ามีกลุ่มคนค่อนข้างน้อยบนภูเขาเมฆาม่วง นอกเหนือจากนักผจญภัยบางคน ก็มีบางคนที่มีอำนาจใกล้ๆเขตเมฆาม่วง หลังจากที่ตรวจพบพวกเขาแล้ว เขาได้หลีกเลี่ยงพวกเขาอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะไม่ได้พบเจอกับปัญหาที่ไม่จำเป็น
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ยังมีคนไม่กี่คนที่ต้องการจะสังหารเขาเช่นเดียวกับตระกูลฝาง!
เซี่ยวหยุนได้มาถึงหุบเขาที่เงียบสงบที่ซึ่งมีห้วยน้ำที่ส่งอย่างต่อเนื่องและไหลงสู่ทะเลสาบขนาดใหญ่ มีกลุ่มคนได้รวมตัวกันใกล้กับทะเลสาบและดูจากชุดของพวกเขา พวกเขาดูเหมือนจะเป็นนักผจญภัย
ที่ขอบของฝูงชน มีผู้หญิงผิวขาวอยู่ กลิ่นอายของนางได้อ่อนแออย่างน่าเหลือเชื่อและมีเลือดอยู่ที่มุมปากของนางขณะที่นางนอนอยู่บนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บจากคนเหล่านี้
“ฮ่าฮ่า หญิงสำส่อนตัวน้อย เจ้าไม่เคยโหดร้ายมาก่อน? เจ้ากระทั่งไม่มีแม้แต่ความแข็งแกร่งที่จะต่อสู้กลับไปอีกต่อไปแล้ว” ชายวัยกลางคนที่มีลักษณะความประสงค์ร้ายในดวงตาของเขา กล่าวขณะที่เขายิ้มอย่างอุบาทว์ออกมา มีรอยฟันที่หน้าอกของเขา ซึ่งมันสามารถมองเห็นกระดูกของเขาได้ตลอด และเสื้อผ้าของเขาก็ถูกย้อมไปด้วยเลือดของเขา
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาไม่ค่อยสนใจ กลับกัน เขามองไปยังผู้หญิงผิดขาวด้วยสายตาที่เผาไหม้ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆทั้งหมดก็ได้มีไฟเผาไหม้ในดวงตาของพวกเขาและน้ำลายก็เกือบจะเริ่มไหลออกมาจากปากของพวกเขาแล้ว
ผู้หญิงคนนี้มีความสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ – คุณสมบัติของนางละเอียดอ่อนและสง่างาม แล้วคิ้วของนางและดวงตาก็ดูราวกับภาพวาดที่สวยงาม ในความจริงนางดูเหมือนว่าจะเป็นเทพธิดาที่เดินออกมาจากภาพวาด รูปลักษณ์และกลิ่นอายที่นางปลดปล่อยออกมาทำให้ผู้คนต้องการที่จะบ้าและอยากจะใกล้ชิดกับนาง
“เจ้ามันขยะไม่ละอายใจ”
ผู้หญิงผิวขาวจับกระบี่ของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ อย่างไรก็ตาม นางไม่มีความแข็งแกร่งเหลือพอและไม่สามารถแม้แต่จะยืนขึ้นได้ เลือดได้ไหลอกมาจากปากของนางอย่างต่อเนื่อง – เห็นได้ชัดว่านางได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส
“ขยะไร้ยางอาย? ฮึ่ม อย่าพยายามทำทุกอย่างที่มีเกียรติ ไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นคนที่โจมตีนกกระจอกกลืนกินสวรรค์ขณะที่มันกำลังผ่านภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์?” ชายผู้ที่ได้บาดเจ็บตอบกลับด้วยรอยยิ้มอุบาทว์ก่อนที่จะพูดต่อ “ฮ่าฮ่า เจ้าดูเหมือนกับเซียน ดังนั้นข้ามั่นใจว่าเจ้ามีสมบัติมากมายอยู่กับตัว หลังจากสังหารเจ้า แน่นอนว่าข้าจะสามารถทำลายห่วงที่ผูกมัดข้าได้และจะทะลวงผ่านไปยังขอบเขตแก่นแท้ที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ด้วยการมอบความสวยงามของเจ้า ข้าอาจจะให้เจ้าเป็นเมียน้อยของข้าเช่นกัน ฮ่าฮ่า ตราบเท่าที่เจ้าทำหน้าที่ให้เจ้าของเจ้าอย่างดี ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”
หลังจากพูดเช่นนี้ ชายคนั้นเริ่มเดินไปยังหญิงสาวผิวขาว
“อย่าเข้ามา หรือจะให้ข้าฆ่าตัวตายตอนนี้” ดวงตาของหญิงสาวผิวขาวกลายเป็นตายซากขณะที่นางยกกระบี่ขึ้นมาที่คอของนาง พร้อมที่จะกรีดคอของตัวเอง มีร่องรอยของความเด็ดเดี่ยวภายในดวงตาที่สูงส่งและสง่างามเหล่านี้
มันดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้ยอมตายดีกว่ามีมลทิน!
“บุคลิกของเจ้าค่อนข้างดุร้าย อ่า? ข้าชอบมัน อย่างไรก็ตาม เจ้าคิดว่าเจ้ายังคงควบคุมความเป็นตายของเจ้าจริงๆ?” ชายคนนั้นหัวเราะอย่างเย็นชาขณะที่เขาก้าวออกมา แก่นแท้แห่งปราณกระเพื่อมอยู่ในฝ่ามือของเขาขณะที่มันกวาดออกไปยังหญิงสาว
ตู้ม!
หลังจากโดนแก่นแท้แห่งปราณ มือของหญิงสาวก็สั่นและกระบี่ของนางก็ร่วงหลนลงจากมือที่จับแน่นของนาง
“เจ้า!” หญิงสาวเริ่มตื่นตกใจและเตรียมพร้อมที่จะกัดลงไปบนลิ้นของนางทันที
“เจ้ายังคงพยายามที่จะตาย?” ร่างของชายคนนั้นปรากฏขึ้นด้านของหญิงสาวในทันทีขณะที่มือของเขาเลื้อยไปยังแก้มของหญิงสาวและยึดลงบนข้อต่อของนาง ไม่ว่านางจะพยายามมากแค่ไหน หญิงสาวก็ไม่สามารถกดลงบนลิ้นของนางได้ ทำให้นางสูญเสียความหวังทั้งหมด
“ข้าไม่สามารถทำได้แม้แต่ตาย?” นางคิดขณะที่น้ำตาได้ไหลลงมาบนใบหน้าของนาง นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะตกลงอยู่ในทุกข์ยากลำบากที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้
“ฮึ่ม ถ้าเจ้าต้องการจะตาย เจ้าจะต้องขออนุญาตจากท่านปู่ของเจ้าก่อนเป็นอันดับแรก” ชายคนนั้นทำเสียงฮึ่มเย็นชาขณะที่ฉีกแถบเสื้อผ้าของเขาออกและยัดมันเข้าไปในปากของหญิงสาวเพื่อป้องกันไม่ให้นางกัดลิ้นได้ สายตาของเขาคล้ายกับหมาป่าที่หิวโหยขณะที่เขาจ้องมองนาง
“ฮ่าฮ่า เจ้าก็ยังคงเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็ก มันจะดีที่สุดที่จะพาเจ้ากลับไปเป็นเมียน้อยของข้า” นักผจญภัยคนอื่นจ้องมองขณะที่น้ำลายของพวกเขาไหล
“อย่ากังวล หัวหน้าคนนี้จะไม่ลืมสัญญากับพวกเจ้าเช่นกัน” ชายคนนั้นหันไปและกล่าวกับพี่น้องของเขา
“ขอบคุณหัวหน้า” ได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของผู้ฝึกตนด้านหลังเขาส่องสว่างขณะที่พวกเขายิ้มอย่างตื่นเต้น ชายคนนั้นยิ้มเย้ยขณะที่เขายืดมือใหญ่ของเขาออกและคว้าไปยังหญิงสาว
หญิงสาวผิดขาวไม่มีกำลังพอที่จะต่อต้านอีกต่อไปและดวงตาของผู้ทั้งหมดก็เต็มไปด้วยตัณหาและความหื่น หลังจากเรื่องนี้ หัวหน้าจะให้รางวัลกับพวกเขาแน่นอน
น้ำตาได้ไหลลงมาอย่างต่อเนื่องจากดวงตาของหญิงสาวผิวขาว หัวใจของนางรู้สึกราวกับว่ามันกำลังถูกแทง
เมื่อไหร่กันที่นางเคยได้รับความอัปยศมาก่อน? นางจะกลายมาเป็นภรรยาน้อยของไอ้เวรนี้จริงๆ?
“เจ้าสวยงามเท่ากับเทพธิดาบนสรวงสวรรค์และผิวของเจ้าก็สมบูรณ์แบบมาก” การแสดงออกของชายคนนั้นกลายเป็นลามกขณะที่เขากลืนน้ำลายลงไป เตรียมพร้อมที่จะเริ่มต้น
หญิงสาวผิวขาวได้สูญเสียความหวังทั้งหมดขณะที่ขนตาของนางสะท้านและก็ปิดตาของนางลงอย่างแน่นหนา
“หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเดรัจฉาน!” ในขณะนี้ได้มีเสียงหนาวเย็นตะโกนออกมา
“มันเป็นใครกัน? ใครกล้าที่จะขัดจังหวะนายท่านผู้นี้?” ตัวหัวหน้าคำรามดัง มันหันไปและเห็นเด็กหนุ่มพุ่งมา – เห็นได้ชัดว่าไอ้เด็กนี้ตะโกนออกมา และทำให้เกิดเจตนาสังหารแผ่ออกมาจากดวงตาของเขา
“ไอ้เด็กสารเลวนี้มาจากไหนกัน? มันอยากตาย?” นักผจญภัยคนอื่นขมวดคิ้วขณะที่พวกมันกล่าวอย่างเย็นชา
“คนที่มันอยากตายคือพวกเจ้าต่างหาก” การแสดงออกของเซี่ยวหยุนเย็นเยียบอย่างยิ่งขณะที่เขาเหลือบมองไปยังหญิงสาวผิวขาวที่มองดูน่าสงสารและขมวดคิ้วลึก เขาจำได้ว่าน้องสาวตัวน้อยของเขาก็ดูเหมือนกันเมื่อปราณเย็นของนางแผ่ขึ้นมา และหัวใจของเขามันเจ็บปวดมากที่เห็นนางเป็นเช่นนั้น