ตอนที่ 4 ทุกสิ่งมันขึ้นอยู่กับความดูดี
หลิน ฮวง ก้มมองดูร่างกายเขา เขาสามารถมองเห็นคริสตัลการ์ดอีก3ใบที่เพิ่มเข้ามานอกเหนือจากการ์ดสีดำที่มีแต่แรกในกงล้อชีวิตเขา
การ์ดใหม่ของเขามันอยู่ข้างๆการ์ดสีดำ การ์ดมันมีสีขาวคริสตัลซึ่งมีภาพของเขาอยู่ด้านหน้า มันดูคล้ายกับเขา แม้กระทั่งเครื่องแต่งกายเองก็เหมือนกัน
ที่ด้านหลังของการ์ดมีข้อความ
“เจ้าของ: หลิน ฮวง”
“เพศ : ชาย”
“อายุ : 15”
“ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ : ไม่มี(เกินขีดจำกัดการประเมิน)”
“ทักษะ : ไม่มี (เชี่ยวชาญในทักษะพื้นฐาน – เกินขอบเขตของการประเมิน)
“สิทธิ์ในการอัญเชิญ : เปิดใช้งาน”
“จำนวนอสูรอัญเชิญ : 1”
“หมายเหตุ : คุณอ่อนแอมาก!”
การ์ดใบที่สองเองก็เป็นสีขาวคริสตัล มีดาวเหล็ก3ดวงอยู่ด้านบนขวาของการ์ด ภาพของการ์ดเป็นแวมไพร์ที่มีดวงตาแดงก่ำ ดูเหมือนว่ามันจะมีอายุเช่นเดียวกับ หลิน ฮวง
“มอนสเตอร์การ์ด”
“ความหายาก : ปกติ”
“ประเภทของมอนสเตอร์ : แวมไพร์”
“ระดับการต่อสู้ : เหล็ก3ดาว(ทองแดง3ดาว)”
“ทักษะ1 : พลังโลหิต (ระดับ2)”
“ทักษะ2 : การฟื้นฟู (ขั้นพื้นฐาน)”
“สถานะ : สามารถอัญเชิญได้”
“หมายเหตุ : สิ่งนี้มันไร้ประโยชน์!”
“เสี่ยว เฮย(แก้จาก เสี่ยว ไห่) ขึ้นอยู่กับระดับความหายากนี้ มันมีกี่ระดับกัน?”หลิน ฮวง คิดถึงระดับที่มันควรจะเหมือนกับเกมส์’MasterXX’ ที่คนบนโลกเล่นกันซึ่งแบ่งออกเป็นระดับ ‘N’ ‘R’ ‘SR’ และ ‘SSR’
“ระดับความหายากของมอนสเตอร์การ์ดจะเรียงจากต่ำไปสูงดังนี้ ปกติ(การ์ดคริสตัลสีขาว) หายาก(การ์ดคริสตัลสีเขียว) สุดยอด(การ์ดคริสตัลสีฟ้า) ตำนาน(การ์ดคริสตัลสีม่วง) และโบราณ(การ์ดคริสตัลส้ม)
หลิน ฮวง ไร้คำพูด
“ในเกมส์’Master XX’ มันได้มอบการ์ด’SR’ให้ในตอนเริ่มต้น มันเลวร้ายอย่างมากในโลกนี้เพราะฉันได้รับการ์ดระดับ’N’ซึ่งต่ำที่สุดในตอนเริ่ม......เรื่องจากระดับความหายากที่แตกต่างของพวกมัน ไม่ใช่ว่ามันมีช่องว่างขนาดใหญ่ในพลังอำนาจของพวกมัน?”
“สำหรับการ์ดมอนสเตอร์ที่มีระดับการต่อสู้เดียวกัน ระดับหายากจะแข็งแกร่งกว่าระดับปกติ3-5เท่า”
“แล้วระดับสุดยอดและตำนานละ?”
“ท่านมีสิทธิ์การเข้าถึงแบบจำกัด!ไม่สามารถเรียกค้นหาได้!”
“หากฉันสุ่มมอนสเตอร์การ์ดจากแก ระดับหายากขึ้นไปมันมีโอกาสได้กี่เปอร์เซ็น?”จากที่เสี่ยว เฮย อธิบาย และเพราะเขามีโอกาสสุ่มหนึ่งครั้ง หลิน ฮวง จึงรู้สึกตื่นเต้น
“มันขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ของตัวท่าน”
“อะไรนะ ขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ของฉัน?ไม่มีเปอร์เซ็นโดยประมาณ?”หลิน ฮวง คิดว่ามันไร้สาระ ในฐานะที่เขามักจะดวงอับอยู่เสมอ เขาจึงไม่พอใจกับคำตอบนัก
“ไม่ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ของท่าน”
“นั่นมัน...”หลิน ฮวง วางฝ่ามือไว้บนหน้าผากเขา“ฉันได้เลิกเล่นเกมส์การ์ดที่ฉันเคยเล่น แต่ในโลกนี้ เปอร์เซ็นของการสุ่มการ์ดหายากกลับขึ้นอยู่กับรูปลักษณ์ของฉัน....”
หลิน ฮวง สงบสติลงและมองไปยังหน้าเพจ ในไม่ช้า เขาก็พบกับบางสิ่งที่เขาสงสัย
“เหตุใดจึงมีวงเล็บอยู่ที่ด้านหลังระดับการต่อสู้ของมอนสเตอร์การ์ด?”
“เมื่อความสามารถของท่านไม่เพียงพอ ระดับของการ์ดจะตกลงโดยอัตโนมัติระดับในวงเล็บคือระดับดั้งเดิม”
“สถานะของการ์ดมันบอกว่า’สามารถอัญเชิญได้’ ดังนั้น หมายความว่าฉันสามารถอัญเชิญแวมไพร์มายังโลกจริงนี้ได้?”
หลิน ฮวง รู้สึกตื่นเต้นและอยากจะลองทำมัน
ทันใดนั้น เขาก็มองเห็นนกตรวจสอบที่เต็มไปด้วยขนสีขาวและเกาะอยู่บนหลังคาบ้านใกล้ๆเขา
เขาไม่สามารถบอกได้เมื่อนกปรากฏขึ้น ดังนั้นเขาจึงเก็บความคิดที่จะอัญเชิญแวมไพร์ไว้ก่อน
นกตรวจสอบมันถูกเรียกว่าวิหคสามตา เนื่องจากมันมีดวงตาสามดวง พวกมันมีมุมมอง360องศา โดยไม่มีจุดบอด
พวกมันสามารถมองได้ไกลถึง30กิโลเมตร ตาที่สามบนหน้าผากของพวกมันทำหน้าที่เป็นเครื่องฉายภาพและมันจะฉายสิ่งที่มันเห็นอย่างแม่นยำและชัดเจน
ด้วยคุณสมบัติเหล่านั้น มนุษย์ที่มีความสามารถหลายคนจึงจับพวกมันเอาไว้เพื่อเลี้ยง และวางพวกมันไว้ในสถานที่ปลอดภัยเพื่อตรวจสอบ
หลิน ฮวง ไม่ต้องการให้ใครรู้เกี่ยวกับนิ้วทองคำของเขา
เขาก้มลงและตรวจสอบว่ามีอะไรที่มีคุณค่าบนตัวแวมไพร์หรือไม่
ขณะที่เขาคิดถึงตรงนั้น เขาก็ถามเบาๆ “เสี่ยว เฮย ใครเป็นคนให้หมายเหตุบนการ์ด?”
“มันเป็นข้า!”
“เอาละ งั้น....”
หลิน ฮวง ไร้คำพูดชั่วขณะหลังจากได้รับคำตอบ เขาอับเฉาเกินพอ สิ่งที่เลวร้ายยิ่งกว่าอาจจะเกิดขึ้นหากเขาโต้เถียงนิ้วทองคำมันเป็นการ์ดคริสตัลทอง มีบันไดสีทองอยู่ด้านหน้าและมีคำอธิบายอันเรียบง่ายอยู่ด้านหลัง
“การ์ดเลื่อนขั้น”
“คุณสมบัติ : อัพเกรดมอนสเตอร์การ์ด การ์ดอุปกรณ์ และการ์ดทักษะได้!”
“หมายเหตุ : สามารถใช้ซ้อนทับได้ หากการ์ดไปถึงระดับสูงสุด การอัปเกรดจะไร้ประโยชน์”
“เสี่ยว เฮย ฉันสามารถใช้การ์ดเลื่อนขั้นนี่เพื่ออัปเกรดการ์ดแวมไพร์ที่ฉันมีจากปกติเป็นโบราณได้ใช่มั้ย?”หลิน ฮวง ถามหลังจากอ่านคำอธิบาย
“ถูกต้อง”
หลิน ฮวง คิดในขณะที่มองไปยังการ์ดแวมไพร์ อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินใจที่จะเก็บความคิดในการใช้การ์ดเลื่อนขั้นไปก่อน
หลิน ฮวง ไม่ได้พบอะไรอื่นจากแวมไพร์แม้ว่าเขาจะใช้เวลาในการค้นหาสักพัก
เขาลุกขึ้นยืนและพร้อมที่จะจากไปเมื่อเงาสีขาวปรากฏตรงหน้าเขา
มันเป็นชายหนุ่ม เขามีรูปลักษณ์ที่ดีและอยู่ในวัยประมาณ20ปี เขาสวมชุดสูทสีขาว ผมของเขานั้นถูกหวีมาอย่างดี
“หลงตัวเอง!”หลิน ฮวง นินทาเขาในใจ
โดยปกติ คนส่วนใหญ่จะไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองในสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นทางการ ผู้คนมักจะเลือกใช้สิ่งที่สะดวกสบายและเขาคิดว่าเหล่าคนที่แต้งกายเช่นนี้มักจะเป็นพวกหลงตัวเอง
ในไม่ช้า หลิน ฮวง ก็ให้คำนิยามกับคนตรงหน้าว่า –ไอขี้เก๊ก
ชายคนนี้สวมเน็คไทสีแดง เน็คไทมันมีลวดลายรูปแหวนทองคำบนมัน แหวนดูเหมือนจะทำมาจากเศษทองเล็กๆ
ขณะที่หลิน ฮวง กำลังตรวจสอบชายคนนั้น เขาก็ได้หันกลับมาตัดสิน
“ยินดีที่ได้รู้จัก ฉัน หลี่ หลาง คุณฆ่าแวมไพร์ตนนี้?”เขากล่าวขณะที่ดวงตาเขาเหลือบมองไปที่ปืนพกในมือหลิน ฮวง และบาดแผลบนหัวแวมไพร์
“ผมเดาว่า เขาถูกปนเปื้อนด้วยพิษบั่นทอนก่นหน้านี้ โชคของผมนั้นดีมาก”สิ่งที่หลิน ฮวง กล่าวคือความจริง เขาไม่กล้าที่จะโกหกเพราะไม่รู้ว่ามีนกตรวจสอบกี่ตัวที่บันทึกภาพเอาไว้
“มันเป็นเธอที่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ?”หลี่ หลาง สามารถจดจำเสียงของเขาได้
“ครับ คุณ หลี่”หลิน ฮวง หัวเราะอย่างเก้อเขินและพยักหน้า เขาไม่คาดหวังว่าหลี่ หลาง จะรับรู้ถึงเขา
“เนื่องจากเธอไม่ได้เป็นนักล่า ฉันจะกำจัดศพนี้ให้เธอ เธอได้ฆ่าแวมไพร์ตนนี้ ดังนั้น ฉันจะตายงานเรื่องนี้ต่อสมาคมนักล่า เธอจะได้รับรางวัลของเธอ”
หลิน ฮวง ไม่กลัวว่าหลี่ หลสง จะขโมยรางวัลเขาขณะที่นกตรวจสอบอยู่ที่นั่นและมันดูเหมือนว่าหลี่ หลาง จะไม่ต้องการรางวัลเป็นเงิน
หลังจากที่ได้รับคำยืนยันจาก หลิน ฮวง หลี่ หลาง ก็หยิบกระเป๋าหนังออกมา มันยาว2เมตรและทำจากหนังสัตว์ประหลาดที่วาววับ หลี่ หลาง ใส่ถุงมือและจ่อมันไปที่ศพ จากนั้น เขาก็รูปซิปเปิดกระเป๋าและเก็บมันไว้ในกระเป๋ามิติ
“เช่นนั้น....เนื่องจากคุณได้จัดการแล้ว งั้นผมจะไปหาน้องสาวผม เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของผม”
“ให้ฉันไปกับเธอ ฉันสามารถมองไปที่ความเสียหายและเตรียมรายงานเรื่องความเสียหายได้ ไม่ใช่ว่ามอนสเตอร์มันก่อให้เกิดความยุ่งเหยิง?”รายงานความเสียหายเป็นเรื่องเล็กๆ ซึ่งไม่ได้อยู่ในขอบเขตงานของนักล่ามืออาชีพ หลี่ หลาง แค่อยากจะรู้ว่าหลิน ฮวง ฆ่าแวมไพร์ได้ยังไง
“ผมไม่ต้องการรบกวนคุณ พรุ่งนี้ ผมจะใช้เวลาเพื่อบันทึกวิดิโอและส่งมันไปยังรัฐบาลเขต7และพวกเขาจะส่งคนมาตรวจสอบที่บ้านเรา”หลิน ฮวง รู้ขั้นตอนการรายงานความเสียหาย มันเป็นเรื่องแปลกสำหรับนักล่าระดับเงินที่จะอาสามายังบ้านเขาเพื่อรายงานความเสียหาย เช่นนั้น เขาจึงรู้ว่าหลี่ หลาง มีบางอย่างแอบแฝง
“ฉันชอบที่จะทำให้ทุกสิ่งเสร็จสิ้นในครั้งเดียว เนื่องจากฉันอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะรู้สึกไม่สบายใจหากฉันไม่ได้ช่วยเหลือเรื่องรายงาน เธอไม่จำเป็นต้องรายงานความเสียหาย ฉันจะบันทึกการตรวจสอบและส่งไปยังสภาเอง เธอลืมไปงั้นหรือว่าสมาคมนักล่าก็เป็นส่วนหนึ่งของสภามนุษย์?พวกเราไม่ควรที่จะเสียเวลาโดยการส่งใครบางคนมาที่นี่ นี่คือวิธีที่เธอจะสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนได้ด้วย”หลี่ หลาง กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลิน ฮวง ลังเลอยู่สักพักแต่เนื่องจาก หลี่ หลาง ดูเหมือนจะไม่ยอม เขาจึงตกลง
“ไปกันเถอะ!”หลี่ หลางกล่าวเมื่อเขาเห็นหลิน ฮวง พยักหน้า จากนั้น เขาก็พาไปยังบ้านเขาที่อยู่ไม่ไกลจากแสงไฟ
“มันไม่ใช่ทางนั้น มันคือทางนี้”หลิน ฮวง พึมพำและชี้ไปทางอื่น