เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 114 ราชาวานร (อ่านฟรี)
เทพปีศาจหวนคืน บทที่ 114 ราชาวานร
แปลโดย iPAT
สามวันหลังจากขบวนสินค้าเดินทางกลับไป
ในป่าหินใต้พิภพที่เต็มไปด้วยแสงสีแดง
หินงอกหินย้อยขนาดใหญ่จำนวนนับไม่ถ้วนยื่นลงมาจากเพดานสร้างเป็นป่าหินสีเทาที่น่าขนลุก
ฟางหยวนกำลังล่าถอยออกมาจากการต่อสู้ในส่วนลึกของป่าหินแห่งนี้
“ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว”
ฝูงวานรหินตาหยกไล่ล่าฟางหยวนอย่างไม่ลดละ
'วิญญาณจันทร์กระจ่าง!' ฟางหยวนเรียกมันในใจขณะที่สะบัดมือกลับไปด้านหลัง
“ฟิ้ว”
ดาบแสงจันทร์สีฟ้าขนาดเท่าใบหน้ามนุษย์ตัดผ่านอากาศตรงไปยังฝูงลิง
วานรหินตาหยกที่กระโดดอยู่กลางอากาศไม่สามารถหลบหนีและถูกแยกร่างโดยดาบแสงจันทร์
ร่างกายของมันกลายเป็นหิน ดวงตาเปลี่ยนเป็นเม็ดหยกร่วงหล่นลงบนพื้น
“เพล้ง!”
ร่างหินแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ดาบแสงจันทร์ลดความสว่างลงเล็กน้อยแต่ยังพุ่งต่อไปยังลิงตัวที่อยู่ด้านหลัง
"เจี๊ยก!"
หลังจากเสียงกรีดร้องดังขึ้น ลิงอีกหกตัวก็ถูกสังหาร
"เจี๊ยก เจี๊ยก เจี๊ยก!"
เมื่อเห็นสหายของพวกมันตาย ฝูงลิงยิ่งโกรธและเพิ่มจำนวนขึ้นเป็นสองเท่า
ฟางหยวนไม่สะทกสะท้าน หัวใจของเขายังสงบนิ่ง เขาต่อสู้และถอยกลับอย่างเหมาะสม ลิงที่เข้ามาใกล้จะถูกโจมตีโดยดาบแสงจันทร์
แต่มันมีทั้งผลกระทบเชิงบวกและลบ นั่นเป็นเพราะวิญญาณจันทร์กระจ่างดูดกลืนพลังวิญญาณของฟางหยวนค่อนข้างมาก
การปลดปล่อยดาบแสงจันทร์หนึ่งครั้งต้องใช้พลังวิญญาณสิบส่วน แต่ฟางหยวนมีพลังวิญญาณเพียงสี่สิบสี่ส่วน
นั่นหมายความว่าเขาสามารถใช้ดาบแสงจันทร์ได้เพียงสี่ครั้ง
'หากข้าสามารถหลอมรวมวิญญาณสุราสี่ฤดูและใช้มันยกระดับทะเลวิญญาณ ข้าจะใช้ดาบแสงจันทร์ได้แปดครั้ง น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถหาสุรารสขมมาได้ มันขาดอีกก้าวเดียวเท่านั้น' ฟางหยวนถอนหายใจ
หลังจากปลดปล่อยดาบแสงจันทร์ไปสามครั้ง ฟางหยวนตระหนักว่าทะเลวิญญาณของเขาลดลงเหลือเพียงสิบสี่ส่วน
เพื่อความปลอดภัย เขาหยุดใช้วิญญาณจันทร์กระจ่างและเปลี่ยนเป็นวิญญาณกายาหยกขาว
ฝูงลิงที่อยู่ใกล้ที่สุดพุ่งเข้าโจมตีฟางหยวนอย่างบ้าคลั่ง
ฟางหยวนเผยรอยยิ้มเย้ยหยันและเตรียมให้หมัดสวนกลับลิงเลือดร้อนเหล่านั้น
แต่ในจังหวะนี้เขากลับเปลี่ยนความคิดและปล่อยให้ลิงโจมตีเขา
คางของเขาส่องแสงสีขาวออกมา
เสียงปะทะดังสนั่น
ศีรษะของฟางหยวนเอียงไปด้านหลังเล็กน้อยขณะที่ลิงกระเด็นกลับหลังและกลิ้งไปตามพื้นพร้อมกับกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาน
หากปราศจากวิญญาณกายาหยกขาว คางของฟางหยวนอาจแตกหักไปแล้ว แต่ความจริงก็คือเขาไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามแม้จะได้รับการปกป้องจากวิญญาณกายาหยกขาว เขาก็ยังต้องทนรับแรงปะทะ
ฟางหยวนสะบัดศีรษะสองสามครั้งก่อนที่สายตาของเขาจะกลับมากระจ่างชัดอีกครั้ง
เขาตั้งใจรับการโจมตีเพื่อปรับตัวให้คุ้นชินกับอาการมึนงงจากการปะทะ
ด้วยวิธีนี้ในอนาคตหากเขาเผชิญหน้ากับสถานการณ์แห่งชีวิตและความตาย เขาจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว สุดท้ายมันจะเพิ่มโอกาสในการมีชีวิตรอดให้กับเขา
ฟางหยวนโหดเหี้ยมกับผู้อื่นแต่โหดเหี้ยมกับตนเองมากกว่า
เขามาที่นี่เพื่อฆ่าวานรหินตาหยกทุกสามวัน
แรงจูงใจของเขาไม่ใช่เพียงการรับสืบทอดมรดกของนักบวชปีศาจสุราดอกไม้เท่านั้นแต่เขายังต้องการใช้วานรหินตาหยกเพื่อลับคมทักษะการต่อสู้ของเขาอีกด้วย
ความแข็งแกร่งทางกายภาพ ทักษะการต่อสู้ พลังวิญญาณ ประสบการณ์ และวิญญาณทุกดวง ทุกส่วนประกอบล้วนส่งผลต่อพลังการต่อสู้ในภาพรวม
มีเพียงการรวบรวมส่วนประกอบเหล่านี้เข้าด้วยกัน มันจึงจะอนุญาตให้คนผู้หนึ่งครอบครองความแข็งแกร่งอันเป็นที่สุด
ฝูงวานรหินตาหยกเหมือนกับค้อน ฟางหยวนก็คือเหล็กที่พึ่งถูกเผาออกมาจากเตา ทุกครั้งที่ถูกทุบตี เขาจะยิ่งแข็งแกร่ง ทนทาน และแหลมคมขึ้น
สิบห้านาทีต่อมาสงครามครั้งนี้ก็สิ้นสุดลง
บนพื้นเต็มไปด้วยเศษหินและเม็ดหยกหลายสิบชิ้น
‘ข้าสังหารวานรหินตาหยกไปทั้งสิ้นสี่สิบเอ็ดตัวในครั้งนี้’ ฟางหยวนนับจำนวนเหยื่ออยู่ในใจ ทุกครั้งเขาจะเก็บสถิติ ทบทวนการต่อสู้ และปรับปรุงสิ่งที่เขายังทำไม่ถูกต้อง
วิธีนี้จะทำให้เขาพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว
‘ดาบแสงจันทร์ยังเป็นปัจจัยที่มีส่วนสำคัญที่สุด ดาบแสงจันทร์สามวงสังหารวานรหินตาหยกไปสิบแปดตัว นี่เป็นครึ่งหนึ่งของทั้งหมด สำหรับที่เหลือมันตายเพราะการต่อสู้ระยะประชิด’
วิญญาณแสงจันทร์มีพลังการโจมตีไม่มากนัก แต่เมื่อมันยกระดับเป็นวิญญาณจันทร์กระจ่าง มันกลายเป็นการโจมตีที่มีประสิทธิภาพสำหรับฟางหยวนในเวลานี้
ดาบแสงจันทร์สามวงสามารถสังหารศัตรูจำนวนมากได้ในเวลาไม่กี่ลมหายใจ ขณะที่การต่อสู้ระยะประชิดของฟางหยวนยังต้องใช้เวลาถึงสิบนาที
ต้องรู้ว่าลิงเหล่านี้มีความคล่องแคล่วและสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
จุดอ่อนเดียวของพวกมันคือช่วงเวลาที่พวกมันกระโดดอยู่กลางอากาศและไม่สามารถหลบหนีได้โดยง่าย
แต่ทั้งหมดเกิดจากประสบการณ์ของฟางหยวน หากเป็นผู้ใช้วิญญาณระดับสองคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นซื่อซาน โม่เยี่ยน หรือกระทั่งฉิงซู พวกเขาจะไม่สามารถโจมตีจุดอ่อนนี้ได้ทุกครั้งเช่นฟางหยวน
ประสบการณ์ชีวิตมากมายที่ผ่านมาอนุญาตให้ฟางหยวนมีความเชี่ยวชาญในการฉวยความเปรียบระหว่างการต่อสู้ เขาสามารถเลือกวิธีการต่อสู้ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด
ย้อนกลับไปฟางเจิ้งที่ครอบครองวิญญาณกายาหยกเขียวแต่ไม่สามารถใช้ออกเป็นเพราะเขาตื่นตระหนกต่อกลิ่นอายที่เหนือกว่าของฟางหยวน
หากเปรียบเทียบกับฝูงวานรหินตาหยก ระดับการบ่มเพาะของฟางหยวนยังต่ำเกินไป เขาจึงไม่สามารถใช้กลิ่นอายสะกดข่มพวกมัน
ทุกครั้งที่เขาต่อสู้ เขายังต้องล่าถอยไปตามสถานการณ์
โชคดีที่วานรหินตาหยกมีสติปัญญาค่อนข้างต่ำ พวกมันไม่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการต่อสู้ แม้ฟางหยวนจะยิงดาบแสงจันทร์ออกไปในอากาศหลายต่อหลายครั้ง แต่พวกมันก็ยังกระโดดเข้ามาหาเขาซ้ำๆในรูปแบบเดิม
ในเวลาเดียวกัน หากพวกมันออกห่างจากบ้านของตนเองมากเกินไป พวกมันจะยอมแพ้และล่าถอยกลับไป
ฟางหยวนพึ่งพาสติปัญญาทำความเข้าใจพฤติกรรมของวานรหินตาหยกและเลือกใช้วิธีการที่ถูกต้องเพื่อเข้าไปยังจุดศูนย์กลางของป่าหิน
เขาพบหินย้อยขนาดใหญ่ที่สุดอยู่ที่นี่ มันปลดปล่อยกลิ่นอายที่ทรงพลังออกมาท่ามกลางความเงียบงันของป่าหิน
ฟางหยวนพบว่ามีฝูงลิงถึงห้าร้อยตัวอยู่ในเสาหินต้นนี้ นี่เป็นฝูงใหญ่ที่สุดที่เขาเคยพบมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ไม่ว่าจะมีวานรหินตาหยกอยู่มากเท่าใด มันก็เป็นเพียงปัญหาเล็กๆสำหรับฟางหยวน อย่างมากเขาเพียงต้องใช้เวลาและความพยายามมากขึ้นเท่านั้น
แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกกังวลคือรังที่อยู่ด้านบนสุด
‘ดูเหมือนราชาวานรหินตาหยกจะอยู่ที่นี่’ ฟางหยวนขมวดคิ้ว
นี่เป็นปัญหา
ตราบเท่าที่สัตว์อสูรอยู่รวมกลุ่มกันเป็นฝูง พวกมันย่อมมีผู้นำ มีราชาหมูป่าในฝูงหมูป่า เป็นธรรมดาที่จะมีราชาวานรในฝูงวานรหินตาหยก
ภัยคุกคามจากราชาสัตว์อสูรเหนือกว่าสัตว์อสูรทั่วไปหลายเท่า
เหตุผลก็คือภายในร่างกายของพวกมันมักมีวิญญาณอาศัยอยู่หนึ่งหรือสองดวงเสมอ
‘ราชาวานรตัวนี้ไม่แข็งแกร่งมากนัก มันอ่อนแอกว่าราชาหมูป่า มิฉะนั้นฝูงวานรหินตาหยกทั้งหมดในป่าหินจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน’ ฟางหยวนใช้ประสบการณ์วิเคราะห์และเปรียบเทียบกับราชาหมูป่า
โดยทั่วไปยิ่งสัตว์อสูรฝูงใหญ่เท่าใด ผู้นำของพวกมันยิ่งแข็งแกร่งเท่านั้น ราชาที่อ่อนแอไม่สามารถปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาจำนวนมาก
ตามการจัดแบ่งระดับของราชาสัตว์อสูรจากต่ำไปสูงเริ่มจากราชันร้อยอสูร ราชันพันอสูร และราชันหมื่นอสูร
ราชาหมูป่าที่กลุ่มเจียวซานกำจัดไปก่อนหน้าเป็นราชันพันอสูรที่ปกครองฝูงหมูป่านับพันตัว
ราชาวานรเป็นเพียงราชันร้อยอสูรที่ปกครองฝูงวานรหินตาหยกไม่กี่ร้อยตัว
เบื้องหลังคลื่นหมาป่าสายฟ้า ผู้นำของพวกมันคือหมาป่ามงกุฎสายฟ้าที่เป็นราชันหมื่นอสูร
ความแตกต่างของพลังการต่อสู้ระหว่างราชันทั้งสามมีช่องว่างขนาดใหญ่
การต่อสู้กับราชันพันอสูรต้องพึ่งพาผู้ใช้วิญญาณกลุ่มย่อยสามกลุ่มเป็นอย่างน้อยจึงจะสามารถเอาชนะได้อย่างยากลำบาก สำหรับกลุ่มของเจียวซาน พวกเขาเพียงโชคดีที่พบราชาหมูป่าขณะที่มันได้รับบาดเจ็บสาหัส
การต่อสู้กับราชันหมื่นอสูรต้องการความร่วมมือระหว่างผู้นำตระกูลกับกลุ่มผู้อาวุโสจึงจะสามารถรับมือมันได้
สำหรับราชันร้อยอสูร กลุ่มห้าคนทั่วไปสามารถกำจัดพวกมันได้โดยไม่ยากลำบากมากนัก
แต่ฟางหยวนไม่สามารถหยิบยืมพลังจากภายนอกและต้องเผชิญหน้ากับราันร้อยอสูรเพียงลำพัง
‘ทะเลวิญญาณระดับสองขั้นต้นยังไม่สามารถรับมือทัน ดูเหมือนจะถึงเวลาที่ต้องใช้วิญญาณรากพฤกษาทองแดงแล้ว’ ฟางหยวนมองเสาหินก่อนจะจากไป
หากเขาต้องเผชิญหน้ากับราชันพันอสูรเช่นราชาหมูป่า เขาจะยอมแพ้โดยไม่ต้องคิดมาก
แต่เผชิญหน้ากับราชันร้อยอสูร หากฟางหยวนก้าวเข้าสู่ระดับสองขั้นกลาง เขาจะมีโอกาสกำจัดมันได้สำเร็จ
แน่นอนว่าผลลัพธ์เป็นไปได้ทั้งสองทาง แม้เขาจะบรรลุระดับสองขั้นกลาง โอกาสประสบความสำเร็จยังมีเพียงสามสิบส่วนเท่านั้น