ตอนที่ 85 แผนการอัญชาญฉลาด
เช้าตรู่ของวันที่ 2 หน้าประตูหอแลกเปลี่ยนวิเศษ หยางไค่กำลังเคาะประตูเบาๆ
หลังจากนั้น ประตูค่อยๆเปิดออก เซี่ยหนิงฉางเดินออกมาจากด้านใน บนไหล่ของเธอยังมีถุงผ้าขนาดใหญ่ ภายในถุงผ้าบรรจุสิ่งของจำนวนไม่น้อยเลย
“ศิษย์น้องมาแล้ว” เซี่ยหนิงฉางทักทายด้วยน้ำเสียงที่อ่อนนุ่ม
“อืม” หยางไค่พยักหน้า : “เหรัญญิกเม้งล่ะ ?”
“เมื่อวานโรคเก่าของท่านอาจารย์กำเริบอย่างกะทันหัน ท่านอาจารย์ต้องได้รับการรักษา ไม่สามารถไปกับพวกเราได้” ขณะที่เซี่ยหนิงฉางกล่าวตอบ ดวงตาของเธอกระพริบอย่างไม่หยุดหย่อน
หยางไค่จ้องมองนางด้วยความสงสัย ทำให้ดวงตาของเซี่ยหนิงฉางกระพริบไปมาอย่างวุ่นวาย
“เราต้องรอเขาหรือเปล่า ?” หยางไค่คาดคิดไว้ในใจ แต่ก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
“ไม่ต้อง ข้ารู้ว่าสถานที่แห่งนั้นอยู๋ที่ไหน และตอนนี้เหลือเวลาไม่มาก ท่านอาจารย์บอกว่าไม่ต้องรอเขา” เมื่อเห็นว่าหยางไค่ไม่ได้กล่าวถามไปมากกว่านี้ ทำให้เซี่ยหนิงฉางรู้สึกผ่อนคลายความกดดันอย่างยิ่ง
“ตกลงตามนี้” หยางไค่ลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวตกลง
“ครานี้ข้าทำให้ศิษย์น้องต้องเดือดร้อนวุ่นวาย” เซี่ยหนิงฉางกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ศิษย์พี่เกรงใจมากไป” หยางไค่หัวเราะเบาๆ
ทั้งสองจึงออกเดินทางจากหอประลองยุทธุ์อย่างรวดเร็ว
ภายในห้องพักแห่งหอแลกเปลี่ยนวิเศษ เม้งวูหยากำลังหลับใหลอยู่บนโต๊ะอย่างมีความสุข บนโต๊ะมีอาหารที่ประณีตหลายอย่าง และมียังมีไหเหล้าหลายขวดวางไว้ดวย มันดูเหมือนว่าการที่เหรัญญิกเม้งหลับไหลอย่างมีความสุขน่าจะเป็นเพราะดื่มเหล้าที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างแน่นอน
อาหารเหล่านี้เป็นฝีมือของเซี่ยหนิงฉาง แต่ว่าเขาใส่เครื่องเทศที่พิเศษเข้าไปเท่านั้น เครื่องเทศที่เซี่ยหนิงฉางผู้ที่มีร่างกายจิตวิญญานบริสุทธุ์ปรุงกลั่นออกมา แม้แต่เหรัญญิกเม้งที่มีฝีมือสูงส่งก็มิอาจที่จะต่อต้านได้
การนอนหลับในครั้งนี้ คาดว่าจะใช้เวลาหลายวันจึงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้
เม้งวูหยาเป็นคนที่ชาญฉลาดอย่างถึงที่สุด แต่ไม่คิดว่าเขาจะประมาทจนตกอยู่ในเงื้อมมือของศิษย์อันเป็นที่รัก มันช่างเป็นความผิดพลาดทีน่าเกลียดชังยิ่งนัก
เมื่อเม้งวูหยาตื่นขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างจะดำเนินการจนเสร็จสิ้น
หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางมาถึงหมู่บ้านวู่เหมย พวกเขาทั้งสองซื้อม้า 2 ตัว และซื้อสิ่งของจำเป็นที่ต้องใช้ในการเดินทาง และมุ่งหน้าเดินทางไปยังจุดหมายที่ตั้งเอาไว้
ในขณะที่หยางไค่กำลังเลือกซื้อสิ่งของเขาได้สอบถามเกี่ยวกับตำแหน่งจุดหมายที่พวกเขากำลังจะไป จากคำกล่าวของเซี่ยหนิงฉาง สถานที่แห่งนั้นอยู่ห่างจากหมู่บ้านวู่เหม่ยประมาณ 10 วัน มันอยู่ภายในเทือกเขาวายุทะมึจ แม้หนทางจะยาวไกล แต่พวกเขายังเหลือเวลาค่อนข้างมากในการเดินทาง
หลังจากที่พวกเขาเดินทางออกจากหมู่บ้านได้ไม่นาน ข่าวนี้ถูกส่งผ่านไปยังเซี่ยหงเฉินอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่วันนั้นที่คุกคุมขังในป่าลึกวันที่เขาเห็นซู่เหยียนและหยางไค่ใกล้ชิดสนิทสนม เจี่ยหงเฉินดื่มเหล้าเพื่อคลายความทุกข์เป็นเวลาหลายวันด้วยความผิดหวัง ในที่สุดเมื่อวานเขาก็หันกลับมาใช้ชีวิตปกติ เมื่อมีสติและคิดไตร่ตรองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนั้นไม่ใช่อย่างที่เขาเห็น
ซู่เหยียนมีลักษณะนิสัยเช่นไร เจี่ยหงเฉินนั้นรู้ดีกว่าใคร จากพละความแข็งแกร่งที่อยู่ในระดับสูงของนาง จะชอบพอกับศิษย์คนหนึ่งที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 3 ได้อย่างไร ? นอกจากนั้น ทั้งสองยังไม่เคยไปมาหาสู๋หรือติดต่อกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักกันเท่านั้น
เมื่อคิดไตร่ตรองได้ดังนี้ วันนั้นซู่เหยียนและหยางไค่กำลังแสดงละครตบตา ตอนนั้นเขาอิจฉาด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรง ทุกสิ่งทุกอย่งปิดบังความคิดของเขาจนหมดสิ้น ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไตร่ตรองว่ามันเป็นความจริงหรือหลอกลวง
แต่เมื่อคิดทบทวนจนกระจ่าง เจี่ยหงเฉินรู้สึกมีความสุข เมื่อวานเขาไปหาซู่เหยียนเพื่อเปิดเผยสิ่งที่อยู่ในใจอย่างสง่างาม โดยไม่บ้าคลั่งและสูญเสียการควบคุมตนเองเช่นวันนั้น
แม้ว่าภายหลังเขาจะถูกซู่เหยียนไล่กลับไป แต่เขารู้สึกโล่งโปร่งจากปมในใจที่คลายหายไป
ตราบใดที่ซู่เหยียนยังไม่ได้เป็นของชายอื่น ไม่ช้าก็เร็วนางจะเป็นของตนเอง !! เจี่ยหงเฉินมั่นใจอย่างมาก เพราะเขาเป็นศิษย์สาวกชายที่โดดเด่นที่สุดของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย และซู่เหยียนเป็นศิษย์สาวกหญิงที่โดดเด่นที่สุดของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ย เมื่อทั้งสองรวมกันเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน จึงเป็นธรรมดาที่เหล่าผู้อาวุโสจะเห็นชอบด้วย
เช้าตรู๋ของวันนี้ เจี่ยหงเฉินเตรียมตัวเตรียมใจ เพื่อจะไปพบซู่เหยียนที่สมาคมการค้าป่าสนวายุทะมึน
แต่ในขณะที่กำลังจะเดินออกจากจวน ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์วิ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบอย่างกะทันหัน ก่อนจะกล่าวด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น : “ศิษย์พี่เจี่ย เมื่อสักครู่หยางไค่ออกไปจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวแล้ว”
ดวงตาของเจี่ยหงเฉินประกายด้วยความสว่าง : “เขาออกไปเพียงคนเดียว ?”
“ไม่ใช่ ออกไปกับศิษย์แห่งหอจันทรามืดมิด คนที่ชื่อเซี่ยหนิงฉาง” ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นกล่าวตอบ
“ศิษย์หนิงฉาง !!” เจี่ยหงเฉินหรี่ตา : “ข้ารู้จักนาง ความแข็งแกร่งของนางเทียบเท่ากับข้า แต่ไม่ใช่ศิษย์หลังผู้โดดเด่น หญิงสาวนางนี้ค่อนข้างประหลาด !!”
“พวกเขาไปที่ไหน ?” เจี่ยหงเฉินครุ่นคิดสักครู่ ทันใดนั้นดวงตาของประกายด้วยร่องรอยแห่งความบ้าคลั่ง ฟ้าดินช่างเมตตา เศษสวะออกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวในเวลานี้ หากสามารถฆ่าเขาภายนอกหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว มันจะเป็นการทำลายความแค้นที่อยู่ในหัวใจ
“ไม่รู้ปลายทางของพวกเขาทั้งสอง แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินทางไกล เพราะพวกเขาซื้อม้าจำนวน 2 ตัวที่หมู่บ้านวู่เหมย”
“เดินทางไกล ?” คิ้วของเจี่ยหงเฉินกระตุกไปมา : “ดีดีดี ดีมาก !!”
ทันใดนั้นเจี่ยหงเฉินจ้องมองศิษย์ผู้นั่นและกล่าวด้วยใบหน้าที่จริงจัง : “ไปหาศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเชื่อใจได้ และพลังความแข็งแกร่งของต้งอยู่ในเขตแดนผสานลมปราณ เพื่อเดินทางไปพร้อมกับข้า”
“ศิษย์พี่ ท่านต้องการจะทำอะไร ?”
“ฮึ ฮึ ข้าต้องการจะทำอะไรมันก็ชัดเจนอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง ? ถามเพื่ออะไร ?” ใบหน้าของเจี่ยหงเฉินบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด เขาต้องการไล่ตามหยางไค่เพื่อกำจัดศัตรูในหัวใจให้สิ้นซาก แม้แต่เซี่ยหนิงฉางเขาก็จะไม่ปล่อยไป เพราะหากข่าวนี้รั่วไหลออกไปอาจไม่ส่งผลดีต่อตัวเขาอย่างแน่นอน
“ศิษย์พี่ ทำเช่นนี้มันไม่ถูกต้อง” ใบหน้าของศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ค่อนข้างตื่นตระหนก หยางไค่ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขา เพราะศิษย์ฝึกหัดที่อยู๋ในเขตแดนลมปราณแรกแม้จะตายอยู่นอกบริเวณหอประลองยุทุธุ์หลิงเซี่ยวก็ไม่มีใครสนใจ แต่มันแตกต่างกับเซี่ยหนิงฉางศิษย์แห่งหอจันทรามืดมิด เบืองหลังของนางไม่มีใครทราบอย่างชัดเจน แต่เมื่ออยู่ในเขตแดนผสานลมปราณขั้นสูงสุด คงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน หากว่านางตาย ภายในสำนักเริ่มสอบสวนหาสาเหตุ คนที่ร่วมมือกับศิษย์พี่คงไม่สามารถหลีกเลี่ยงบทลงโทษไปได้
“ข้าสั่งให้เจ้าไปทำก็ไปทำตามคำสั่ง อย่ามาวุ่นวายให้มาก ?” เจี่ยวหงเฉินค่อนข้างร้อนใจ “หรือว่าจะให้ข้าไปหาเอง ?”
เพราะจิตใจที่อิจฉาทำให้เจี่ยหงเฉินไม่สามารถควบคุมจิตใจของตนเอง ในสมองของเขามีเพียงความคิดที่ต้องการฆ่าหยางไค่เท่านั้น
“ศิษย์พี่ จากเรื่องราวก่อนหน้า ผู้อาวุโสกล่าวสั่งอย่างเคร่งครัด ว่าระยะเวลาในช่วงนี้ห้ามใครก็ตามหาเรื่องเดือดร้อนให้แก่หยางไค่ ท่านลืมคำสั่งของผู้อาวุโสแล้วหรือไร ?”
เมื่อถูกเตือนเช่นนี้ เจี่ยหงเฉินจึงรู้สึกตัวและควบคุมจิตใจของตนเองได้ ใช่สิ ครั้งก่อนผู้อาวุโสที่หนึ่งประกาศคำสั่งออกมาอย่างกะทันหัน ไม่ว่าใครก็ห้ามสร้างปัญหาให้กับหยางไค่ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ แต่ว่า คำสั่งนี้ค่อนข้างลึกลับและแปลกประหลาดแต่เขาก็ไม่ได้เก็บมันใส่ใจ
แต่ว่า โอกาสที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จะปล่อยให้มันผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ?หากไม่ฆ่าหยางไค่ในตอนนี้ ต้องรอจนถึงวันไหนเดือนไหนปีไหน ? หากว่าหลังจากนี้เขาเลือกที่จะอาศัยอยู่ในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยโดยไม่ออกไปไหนล่ะ ?
ในขณะที่ยังไม่ยอมละทิ้งความคิดที่ต้องการฆ่าหยางไค่ ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้ เขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย : “ศิษย์พี่เจี่ย พวกเราลงมือไม่ได้ แต่สามารถให้ผู้อื่นลงมือแทนได้ คนที่ต้องการชีวิตหยางไค่ มีตั้งมากมาย”
“หมายความว่าอย่างไร ?” เจี่ยหงเฉินหรี่ตากล่าวถาม
ศิษย์ผู้นั่นกล่าว : “หล่งฮุย หลานชายคนเล็กของรองประมุขแห่งนิกายโลหิตหล่งไจ้เทียน 1เดือนที่ผ่านมา เขาสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับหยางไค่ตลอดเวลา”
หล่งไจ้เทียน เจี่ยหงเฉินรู้จักเขาเป็นอย่างดี เขาเป็นผู้มีชื่อเสียงและมีอำนาจในนิกายโลหิต พลังความแข็งแกร่งของเขาอยู่ในเขตแดนเทพสวรรค์ แต่หลายของเขาไม่โดดเด่นมากนัก ปีนี้เขาอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณเท่านั้น
“อืม?”เจี่ยหงเฉินกำลังสับสน : “หล่งฮุยสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งใด”
ศิษย์ผู้นั่นแสดงออกด้วยความไม่เข้าใจ : “ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องหู่เม่ยเอ่อนางมารร้ายนางนั้น หล่งฮุยไล่ตามหู่เหม่ยเอ่อมาตลอด และคิดมาตลอดว่าหู่เหม่ยเอ่อเป็นของเขา แต่ว่าความสัมพันธุ์ระหว่างหู่เหม่ยเอ่อและหยางไค่ไม่ชัดเจน หล่งฮุยกล่าวว่า สักวันหนึ่งเขาต้องฆ่าหยางไค่ เพื่อคนให้ผู้อื่นรู้ถึงผลลัพทธุ์ในการเข้ามายุ่งวุ่นวายกับหญิงสาวของตนเอง !”
“หู่เหม่ยเอ่อ!” ดวงตาของเจี่ยหงเฉินปรากฏภาพของหญิงสาวที่มีหน้าอกขนาดใหญ่ และเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ที่เย้ายวนใจ จนลมหายใจของเขาเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ
นางมารร้ายนางนี้เก่งกาญในการกระตุ้นอารมณ์ของชายหนุ่ม ศิษย์ทั้ง 3 สำนักต่างได้ยินเรื่องราวที่ทรงเสน่ห์ของนาง และเจี่ยหงเฉินเองก็เคยพบเจอกับนางครั้งหนึ่ง
“ไอ่เศษสวะไม่ใช่คนดีอย่างแท้จริง มันมีความสัมพันธุ์กับนางมารร้ายนางนี้ !!” เจี่ยหงเฉินอิจฉาจนแทบคลั่ง เขากำลังสบทสาปแช่งหยางไค่ด้วยความโกรธเกลียด
เมื่อครุ่นคิดไปมา เขากล่าวอย่างไม่ลังเล : “มันมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทำไมเจ้าถึงได้รับข่าวที่ละเอียดเช่นนี้ ?”
แม้ว่าหล่งฮุยต้องการเอาชีวิตหยางไค่ เขาคงไม่ประกาศเรื่องนี้ให้ผู้อื่นทราบอย่างกว้างไกล มันไม่ได้เป็นการทำให้หยางไค่รู้ตัวหรือไง ?หากว่าหยางไค่ได้ยินข่าวนี้ เขาจะมีความกล้าออกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวได้อย่างไร ?หากว่าหล่งฮุยยังมีสมอง เขาจะไม่ประกาศแจ้งให้ผู้อื่นรับรู้อย่างแน่นอน”
การแสดงออกของศิษย์ผู้นั้นมีการเปลี่ยนแปลงในทันที เขานิ่งเงียบโดยไม่รู้ว่าจะกล่าวตอบอย่างไร
“พูดมา !!” เจี่ยหงเฉินกล่าวสั่งด้วยใบหน้าเคร่งขรึม
“ขอรับ!!” ศิษย์ผู้นี้ไร้ซึ่งหนทาง เขาต้องกล่าวตอบโดยดี : “เมื่อไม่กี่วันก่อนในขณะที่ข้าดื่มเหล้า...........อยู่ในหอนางโลมชุนฟงซี่ยู่วแห่งหมู่บ้านวู่เหม่ย หล่งฮุยอยู่ห้องที่ถัดจากห้องของข้า ข้าได้ยินการสนทนาของหญิงสาวที่อยู่ในห้องนั้น”
“หอนางโลมชุนฟงซี่ยู่ว!” เจี่ยหงเฉินมองไปที่ศิษย์ผู้นั่นด้วยความเบื่อหน่าย สถานที่แห่งนั้นเป็นหอนางโลมแห่งหมู่บ้านวู่เหม่ย เขาไปที่นั่นทำไม แทบจะไม่ต้องกล่าวถาม เขาคงไม่ไปเพียงเพื่อดื่มเหล้าเท่านั้น
ศิษย์ผู้นั่นกล่าวต่อ : “ศิษย์พี่เจี่ย หากว่าหล่งฮุยทราบข่าวนี้ เขาคงไม่ปล่อยหยางไค่โดยง่าย พวกเราไม่ต้องลงมือด้วยตนเอง นอกจากนั้น หล่งฮุยเป็นคนที่มีนิสัยหื่นกาม หากเราบอกเขาว่าข้างกายของหยางไค่มีหญิงสาวที่งดงามอยู่ด้วย ท่านคิดว่าเขาจะทำอย่างไร ?”
ดวงตาของเจี่ยหงเฉินเป็นประกาย เขาหัวเราะด้วยความเยือกเย็น : “แผนการอันชาญฉลาด !”
แผนการการยืมมือฆ่า เป็นแผนการที่ไม่เลว หลังจากที่เขาครุ่นคิดได้สักครู่เขาจึงกล่าวตอบ : “ในเมื่อหล่งฮุยต้องการตัวเขา งั้นก็ส่งข่าวไปให้เขา แต่ว่าเรื่องนี้ต้องทำอย่างระมัดระวังและเก็บเป็นความลับ ห้ามให้ข่าวนี้รั่วไหลเป็นอันขาด นอกจากนั้น ต้องบอกหล่งฮุยไว้ว่า หญิงสาวที่อยู่กับหยางไค่อยู่ในเขตแดนผสาสลมปราณสูงสุด อย่าทำให้แผนการของตนเองต้องล้มเหลวล่ะ”
“ขอรับ !!” เมื่อศิษย์ผู้นั้นได้รับคำสั่ง เขารีบออกไปอย่างรวดเร็ว
หยางไค่ ดูซิว่าครั้งนี้เจ้าจะตายหรือไม่ แต่ว่า...........เสียดายหญิงสาวที่ชื่อเซี่ยหนิงฉาง แม้ว่านางจะสวมผ้าคลุมหน้าทุกวัน แม้ว่าจะไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง แต่เจี่ยหงเฉินมั่นใจอย่างยิ่งว่านางต้องเป็นหญิงสาวที่งดงามอย่างแท้จริง !!
หากหญิงสาวคนนั้นตกอยู่ในเงื้อมมือของหล่งฮุย ไม่ต้องสงสัยเกี่ยวกับชะตากรรมของนาง !! ทันใดนั้น เจี่ยหงเฉินรู้สึกอิจฉางหล่งฮุยอย่างมาก
หอวินัยศักดิ์สิทธิ์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยเริ่มมีการเคลื่อนไหว ในหมู่บ้านวู่เหม่ยต่างมีการเคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน
หลังจากที่หยางไค่และเซี่ยหนิงฉางขี่ม้าออกไปได้ไม่นาน กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งได้พุ่งออกมาจากที่ซ่อนอย่างกะทันหัน คนที่เป็นผู้นำเมื่อจ้องมองด้านหลังของหยางไค่อย่างไม่วางตัว : “เจ้ามั่นใจใช่ไหม ว่าคนคนนั้นคือหยางไค่?”
“มั่นใจอย่างยิ่ง เขาคือหยางไค่ ครั้งที่แล้วเขาถูกเขาทุบตีทำร้าย หลังจากนั้นศิษย์พี่เฉินเซ้าเฟิงได้ขอความช่วยเหลือจากศิษย์พี่นู่วเต๋า โดยบอกว่าจะหาโอกาสสั่งสอนมัน แต่หลังจากที่พวกเขาไปที่สมาคมการค้าวายุทะมึน พวกเขาทั้งสองไม่กลับมาอีกเลย”
นู่วหล่างแสดงออกด้วยความโหดเหี้ยม เขาโบกมือและกล่าวออกคำสั่ง : “ไปซื้อม้าเดี่ยวนี้ พวกเราจะตามมันไป !! ข้าต้องรู้ให้ได้ว่าน้องชายของข้ายังมีชีวิตหรือตายไปแล้ว แล้วเขาอยู่ที่ไหน ?”
นู่วเต๋าและเฉินเซ้าเฟิงหายตัวไปเป็นเวลากว่า 1 เดือน นู่วหล่างสืบหาข้อมูลทุกอย่าง จนสืบมาถึงตัวของหยางไค่
สถานการณ์ความจริงเป็นเช่นไร เขาต้องติดตามหยางไค่เพื่อกล่าวถามโดยละเอียด หากเกี่ยวข้องกับเขา คนที่มีฐานะเป็นพี่ชายของเขาต้องแก้แค้นให้น้องชายของเขาอย่างแน่นอน