ตอนที่ 78 ความรู้สึก
ความวุ่นวายในการแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ของศิษย์รุ่นเยาว์ได้จบลงท่ามกลางความสงสัยของเหล่าศิษย์สาวก พวกเขาตั้งรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องราวความวุ่นวายที่สิ้นคิดอย่างยิ่ง
ความวุ่นวายในครั้งนี้มีหลายฝ่ายหลายพรรคเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยครั้งนี้ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ได้เคลื่อนไหวลูกศิษย์ที่มากกว่าร้อยคน เพื่อล้อมและหยุดยั้งซูเหยียน จากสิ่งที่เกิดขึ้นยังเป็นการยืนยันความแข็งแกร่งและอำนาจที่แท้จริงของนาง
หยางไค่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในครั้งนี้กลายเป็นที่รู้จักของศิษย์สาวก มีศิษย์จำนวนมากที่นินทาหยางไค่ อิจฉาในความสัมพันธุ์ระหว่างหยางไค่และซูเหยียนและยังมีข่าวลือต่างๆมากมายเกี่ยวกับตัวเขา
ตอนนี้ หยางไค่กำลังหลับโดยไม่ได้สติ
หลังจากที่ออกมาจากคุกคุมขังในป่าลึก หยางไค่นอนหลับไปในทันที ครั้งนี้เขาถูกศิษย์แห่งหอวินัยศักดิสิทธิ์จำนวน 5 คนรุมทำร้าย แม้ว่าอาการบาดเจ็บของเขาจะไม่ถึงชีวิต แต่มันยังคงรุนแรงอย่างมาก ถ้าหากไม่เป็นเพราะเขาไม่ย่อท้อต่อความเจ็บปวดและมีเรื่องที่ต้องกังวล เขาคงหมดสติไปตั้งแต่แรก
เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างจบลง ไม่มีสิ่งที่ต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก
เมื่อหยางไค่ตื่นขึ้น เขาพบกว่าตนเองกำลังนอนอยู่บนเตียงที่เขาไม่รู้จัก ร่างกายของเขาปวดร้าวไปทั่วบริเวณ เขากวาดสายตามองไปทั่วบริเวณ พบว่าห้องนี้เป็นห้องที่เรียบง่ายและสง่างาม ในห้องไม่มีเครื่องใช้อะไรที่มากมาย มันสะอาดเงียบสงบอย่างมาก
มันคล้ายคลึงกับกระท่อมไม้ของซู่เหยียนที่อยู่ในสมาคมการค้าป่าสนวายุทะมึน
เขาพยายามลุกขึ้นมา จากการเคลื่อนไหวของเขาทำให้คนที่อยู่ด้านนอกได้ยิน ไม่นานนัก ซู่มู่เปิดประตูเข้าด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
หลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆ เดิมตาซู่มู่เข้ามาพวกเขาทั้งหมดมองไปที่หยางไค่ด้วยความโล่งอกอย่างถึงที่สุด
ศิษย์พี่หยาง ศิษย์พี่รู้สึกอย่างไร ? ซู่มู่เดินเข้าไปพยุงหยางไค่
“ข้าสบายดี” หยางไค่ค่อยๆเคลื่อนไหวพลังลมปราณ และพบว่าร่างกายของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากมาย เพียงต้องต้องพักฟื้นร่างกายให้แข็งแรงประมาณ 2-3 วัน
“ครั้งนี้เป็นศิษย์พี่หยางที่ช่วยไว้อีกแล้ว ซู่มู่ขอบคุณศิษย์อย่างยิ่ง” ซู่มู่กล่าวด้วยท่าทางที่เคอะเขิล
“ไม่เป็นไร !!” หยางไค่ยกมือเพื่อหยุดยั้งการขอบคุณจากเขา
“ใช่แล้ว นี้เป็นยาที่ผีผู้เฒ่าของจวนข้ามอบให้เจ้า มันใช้เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และใช้ในการฝึกยุทธุ์” ซู่มู่ค่อยๆหยิบขวดยาที่มากกว่า 10 ขวดออกมา และวางไว้บนหัวเตียง
“ผู้อาวุโสที่สอง ?” หยางไค่รู้สึกอึ้ง : “มันมากเกินไปหรือเปล่า ?”
“มันไม่มาก ไม่มาก ครั้งนี้เจ้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าต้องพักรักษาตัวให้หายดี !”
“ถ้าเช่นนี้ฝากศิษย์น้องขอบคุณผู้อาวุโสที่สองด้วย”
“ไม่ต้องขอบคุณ” ซู่มู่โบกมือ ใบหน้าแสดงออกด้วยความโกรธ
ครั้งนี้ซู่ซวนวู่รู้สึกว่าตนเองทำผิดต่อหยางไค่อย่างมาก ดังนั้นเขาจึงมอบยาจำนวนมากมายให้แก่เขา ถ้าหากไม่ใชเหรัญญิกปรากฏตัวออกมาพร้อมกับคำสั่งของท่านประมุข ไม่แน่ว่าหยางไค่อาจต้องเสียสละตัวเอง ซู่มู่โกรธเคืองต่อการจัดการในส่วนนี้ของเขา ดังนั้นจึงจัดการมอบยาจำนวนมากมายให้แก่หยางไค่
“แล้วศิษย์พี่ซูเหยียนล่ะ ?” หยางไค่หันหน้าไปรอบๆ และกล่าวถาม
ซู่มู่แสดงออกด้วยท่าทีที่แปลกๆ เขาได้ยินเรื่องราวการกระทำของหยางไค่จากหลี่หยุนเทียน ในเวลานั้นเขารู้หวาดกลัวและรู้สึกเคารพหยางไค่ ตั้งแต่เด็กจนโต ความรู้สึกที่ซูเหยียนให้แก่เขาไม่เหมือนพี่สาว แต่เหมือนแม่มากกว่า ต่อหน้าซูเหยียน ซู่มู่ไม่กล้าจะถอนหายใจแม้แต่ครั้งเดียว
แต่ศิษย์พี่หยางคนนี้ ช่างมีความกล้าหาญยิ่งนัก !! เขากล้าที่จะจับมือพี่สาวของเขาต่อหน้าผู้คนกว่าร้อยคน และยังกล่าวคำพูดที่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะกล้กล่าวออกมา
หลังจากที่เรื่องราวจบลงไม่เพียงแต่พี่สาวของเขาไม่จัดการหยางไค่ !! ไม่เพียงแต่ไม่จัดการ แต่พี่สาวของเขายังจัดห้องนอนของนางให้เป็นที่พักฟื้นให้แก่หยางไค่ การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง !!
ในช่วง 2 วันที่หยางไค่หมดสติ ซู่มู่ได้ครุ่นคิดถึงความน่าจะเป็นที่เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่สามารถคิดหาทฤษฏีใดๆที่จะเป็นประโยชน์ต่อเรื่องนี้
ทำไม ? มันเป็นเพราะอะไรกันแน่ ?
“อั๊ย !! ศิษย์พี่หยาง !!” ซู่มู่สูดหายใจเข้าลึกๆ ตบไปที่ไหล่ของหยางไค่ ก่อนจะพิจารณาคำกล่าวของให้ถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็ออกมา : “ความเศร้าโศก !! ต้งแต่สมัยบรรพกาล บุพผาที่งดงามที่บานสะพรั่งมักกระทำในสิ่งที่ไร้ความเมตตปราณี ศิษย์ต้องเปิดหูเปิดตาระมัดระวังในส่วนนี้ด้วย !”
หยางไค่อึ้งไปชั่วขณะและหัวเราะอย่างขมขื่นเขารู้ว่าซู่มู่เข้าใจเขาผิดไป แต่เขาไม่ได้กล่าวอธิบายและกล่าวถาม : “นางอยู่ที่ไหน ?”
ครั้งนี้เป็นเพราะนางเข้ามาช่วยเหลือเขาในช่วงเวลาที่สำคัญ มิฉะนั้นหยางไค่คงต้องใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยางฆ่าศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับพวกเขาหยางไค่ยังไม่มีโอกาสที่จะฆ่าพวกเขา ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ลงมือ แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เมื่อเขามีโอกาสและเลือกที่จะเดินทางไปถึงจุดนั้น เขาไม่มีทางที่จะเสียใจกับการตัดสินใจของเขาเอง
“หลังจากที่นางสั่งให้เจ้าพักฟื้นอยู่ที่นี้ นางก็ได้ไปที่สมาคมการค้าป่าสนวายุทะมึน” ซู่มู่กล่าวตอบ
“ขณะที่ศิษย์พี่ซู่เหยียนกลับไป นางได้กล่าวอะไรหรือไม่ ?” หยางไค่ค่อนข้างสงสัย เดิมทีเขาคิดว่าซู่เหยียนมีคำพูดที่จะกล่าวกับเขา เพราะการกระทำของเขาในในตอนนั้นค่อนข้างมากเกินไป
“ไม่มี ซู่ม่ส่ายหัวไปมา”
หยางไค่แอบชื่นชมเธอยู่ในใจ
ศิษย์พี่คนนี้มีนิสัยที่ไม่สนต่อบุคคุลอื่นๆ แม้ว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจะเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของนาง แต่นางมิได้กล่าวอธิบายความจริงให้ใครแม้แต่คนเดียวและเธอยังสามารถชำระมลทิลนี้ด้วยตัวของนางเอ !!
หลังจากทีกล่าวสนทนากับซู่มู่ได้สักพัก ในที่สุดพวกเขาก็กลับไป
ขณะที่นอนอยู่บนเตียง หยางไค่ไม่ได้คิดอะไรมาก ในเมื่อเรื่องราวต่างๆได้ผ่านพ้นไป เมื่อคิดมากไปก็มิใช่เรื่อง เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ซู่มู่นำยาวิเศษต่างๆมาให้เขา เขาต้องทดสอบว่าสิ่งที่เขาคาดเดาในวันนั้นเป็นิสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
จำนวนครึ่งหนึ่งของยาเหล่านี้เป็นยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บ อีกครึ่งที่เหลือใช้สำหรับการฝึกยุทธุ์ เมื่อคิดคำนวณมูลค่าของมัน มันมีมูลค่าที่ไม่น้อยเลย
หยางไค่กินยาที่ช่วยในการรักษาอาการบาดเจ็บเข้าไปหลายเม็ด จากนั้นจึงค่อยๆเคลื่อนไหวพลังหยางเพื่อให้ยาเหล่านั้นละลายและสัมผัสการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างละเอียด
ยังมิทันจะกล่าว ยารักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้ออกฤทธิ์ในทันที ยาเหล่านี้ได้แผ่ซ่านอยู่ในเส้นชีพจรลมปราณของเขา หลังจากนั้นมันค่อยๆแพร่กระจายรักษาอาการบาดเจ็บในตำแหน่งต่างๆ ทำให้ตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บค่อยๆบรรเทาลงอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่าหยางไค่สัมผัสได้อย่างชัดเจน ว่ายารักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้หมุนวนอยู่ที่เส้นชีพจรลมปราณ ก่อนจะพุ่งเข้าไปในกระดูกของเขา
เมื่อสัมผัสและรับรู้ถึงจุดนี้ หยางไค่ขมวดคิ้ว และยืนยันว่าสิ่งที่เขาคาดคิดอยู่ภายในใจเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
เพื่อทดสอบว่าการคาดเดาของเขาเป็นสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่ หยางไค่ใช้เวลาทั้งวันในการกินยารักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้
สุดท้ายผลลัพธี่ได้ คือ กระดูกทองคำของเขา สามารถดูกซับพลังอื่นๆ นอกจากพลังงานหยาง !!
ก่อนที่เขาจะเข้าสู่เขตแดนลมปราณแรกเริ่ม หยางไค่ตั้งสมมติฐานนี้ไว้ล่วงหน้า แต่เพราะตอนนั้นไร้ซึ่งหนทางที่จะพิสูจน์
กลยุทธุ์หยางเป็นทักษะทิ่วิเศษและทรงพลัง มันสามารถทำให้เขาฝึกฝนก่อกำเนิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางอย่างต่อเนื่อง ในการต่อสู้หยดน้ำพลังลมปราณหยางมีอานุภาครุนแรงในการฆ่า แต่การฝึกฝนทักษะในการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยางมีข้อบกพร่องที่เห็นได้อย่างชัดเจน นั้นคือสภาพแวดล้อมในการฝึกยุทธุ์ที่เข้มงวดมากเกินไป
มันต้องฝึกฝนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยพลังงานหยาง
เดิมทีหยางไค่กังวลว่าสิ่งแวดล้อมในการฝึกฝนจะเป็นอุปสรรค์ในการฝึกยุทธุ์ของเขา แต่ตอนนี้อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของกระดูกทองคำทำให้เขาหมดกังวลถึงเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง
เมื่อมีพลังงานหยางก็ฝึกฝนทักษะในการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยาง แต่ในขณะที่ไร้ซึ่งพลังงานหยางก็มิได้ส่งผลกระทบต่อตัวเขา กระดูกทองคำไม่เลือกพลัง ไม่ว่าพลังเช่นไรพลังประเภทไหนมันก็ยอมรับทุกอย่าง
ด้วยตัวเลือกทั้ง 2 อย่าง ความแข็งแกร่งในการบ่มเพาะพลังและฝึกฝนวิชายุทธุ์ของเขาจึงไม่ถูกขัดขวางจากสภาพแวดล้อมที่ไร้ซึ่งพลังงานหยาง
พลังอื่นๆที่ไม่ใชพลังงานหยางจะถูกดูดซับโดยกระดูกทองคำ ในขณะที่เขาเข้าสู่การต่อสู้ กระดูกทองคำจะส่งมอบพลังให้แก่เขา และยังเพิ่มพลังในการต่อสู้ของเขาให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
หยางไค่รู้สึกว่ากระดูกทองคำมีและกลยุทธุ์หยางมีความสัมพันธุ์บางอย่างที่ไม่ชัดเจน แต่ความสัมพันธุ์ในจุดไหนที่ไม่ชัดเจนเขามิอาจอธิบายออกมาได้
เมื่อหยางไค่ดึงสติกลับมากครั้ง ทันใดนั้นเขาตื่นตกใจอย่างกะทันหัน
เขาได้ใช้ยารักษาอาการบาดเจ็บจนหมดไป 5 ขวดโดยไม่รู้ตัว ยาทุกขวดจะมีเม็ดยา 10 เม็ด หรือจะกล่าวว่าเขากินยารักษาอาการบาดเจ็บเข้าไปทั้งหมด 50 เม็ด แม้ว่ายารักษาอาการบาดเจ็บเหล่านี้จะเป็นยาที่อยู่ในระดับสามัญ มีฤทธิ์ที่ไม่สูงมาก แต่เมื่อคนธรรมดาสามัญกินเข้าไปเป็นจำนวนที่มากมายเช่นนี้ ร่างกายของพวกเขาก็มิอาจทนรับได้
แต่ว่าตอนนี้ร่างกายของเขาไม่เกิดปฏิกิริยาต่อต้านแม้แต่น้อย อาการบาดเจ็บเริ่มบรรเทาและหายดีมากขึ้น
ในความมืด ดวงตาสองดวงของหยางไค่ประกายด้วยความสงสัย เขาจ้องมองไปที่ขวดยาที่เหลือประมาณ 7-8 ขวด ภายในใจของเขามีความคิดที่บ้าคลั่งผุดออกมา
เมื่อความคิดนี้ผุดเข้ามา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มิอาจที่จะปราบปรามมันได้
หลังจากที่ครุ่นคิดได้สักครู่ หยางไค่จึงตัดสินในที่จะพนันกับมันอีกสักครั้ง !!
เขายื่นมือออกมาหยิบขวดยา เปิดขวดยา และกลืนเม็ดยาเข้าไปโดยไม่สนว่ามันเป็นยารักษาโรคหรือยาที่ช่วยในการฝึกยุทธุ์ จากนั้นเขาหยิบยาอีกขวดขึ้นมา และเทลงไปในปากอีกครั้ง............
หลังจากที่กลืนกินเม็ดยาทั้งหมดจนเสร็จสิ้น หยางไค่จึงเลียไปที่ริมฝากปากของตนเอง !!
ถ้าหากมีคนเห็นเหตุการณ์นี้ พวกเขาคงจะตกใจจนฉี่ราดกางเกง !! แม้ว่ายาเหล่านี้ไม่ใช่ยาพิษแต่เขากินมันเสมือนกินถั่ว ต้องรู้ไว้ว่ายาเหล่านี้จะมีส่วนผสมที่เป็นพิษสกัดเข้าไปด้วยใน 1 ส่วนต่อ 3 ส่วน ไม่ว่ายาจะวิเศษเพียงใดแต่มันมีขีดจำกัดสูงสุดของมัน มิฉะนั้นมันจะหันกลับมาทำลายร่างกายของตนเอง และมันมัจะเป็นผลร้ายต่อการฝึกยุทธุอีกด้วย
แต่ว่าเมื่อสักครู่ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หยางไค่กลืนกินยารักษาอาการบาดเจ็บและยาที่ช่วยในการฝึกฝนวิชายุทธุ์เข้าไปเป็นจำนวน 7-8 ชนิด ในครั้งเดียว
ป๊าป ป๊าป ป๊าป !! หยางไค่รู้สึกว่าท้องเขาระเบิดและพองขึ้นจากการปะทะกันของยาหลายชนิดที่ปะปนกัน หลังจากนั้นไม่นานมันได้หลอมรวมเข้าไปด้วยกันก่อเกิดเป็นพลังที่น่าหวาดกลัว
หยางไค่เตรียมพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น เขารีบเปิดใช้งานทักษะในการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยาง
พลังที่น่าหวาดกลัวเสมือนมังกรตัวหนึ่งที่พุ่งออกมา มันพุ่งขึ้นไปในช่องท้องและเวียนว่ายไปมา ทำให้หยางไค่พึมพำด้วยความอึดอัด เขารู้สึกว่าช่องท้องของเขากำลังจะถูกฉีกกระจายเป็นชิ้นๆ
การไหลเวียนของกลยุทธุ์หยางมีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เสมือนว่ามีแรงดึงดูดจากภายใน ฤทธิ์ที่แตกต่างของยา 7-8 ชนิดได้แผ่ซ่านและไหลเวียนเข้าไปในเส้นชีพจรลมปราณอย่างช้าๆ
หยางไค่ไม่กล้าที่จะผ่อนปรนกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขากำลังใช้จิตใจและจิตวิญญาณในการสัมผัสความรู้สึกที่เกิดขึ้น
พลังของมังกรตัวนี้กำลังโหมกระหนำในเส้นชีพจรลมปราณอย่างรุนแรง มันไม่สามารถผสานรวมเป็นหนึ่งกับพลังลมปราณของเขา แม้ว่าพลังทั้งสองจะพยายามผสานรวมเป็นหตึ่ง แต่ไม่สามารถหลอมรวมเข้าด้วยกัน
ไม่เพียงแค่นั้น ทิศทางการไหลเวียนภายในเส้นชีพจรลมปราณของพลังทั้ง 2 ชนิดยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
พลังลมปราณหยางไหลเวียนตามเข็มนาฬิกา แต่พลังที่น่าหวาดกลัวของฤทธิ์ยากลับไหลเวียนทวนเข็มนาฬิกา พลังงานทั้งสองพุ่งปะทะกันอย่างไม่หยุดหย่อน ทุกครั้งที่ปะทะกัน พลังลมปราณของเขาจะกำจัดฤทธิ์ที่เป็นพิษออกไป เหลือไว้เพียงพลังที่บริสุทธิ์เท่านั้น
ทันใดนั้นร่างกายของหยางไค่ประกายส่องสว่างและมืดมนสลับไปมา ผิวหนังของเขากลายเป็นสีแดงก่ำ ภายใต้ผิวหนัง เส้นชีพจรงลมปราณของเขาเสมือนมีแมลงหลายพันตัวคลานคืบไปมาอย่างต่อเนื่อง กลายเป็นภาพเหตุการณ์ที่น่าตกใจอย่างยิ่ง
จากการไหลเวียนของเวลา พลังจำนวนมากมายมหาศาลถูกกำจัดออกไปพลังเหล่านี้ค่อยๆกลายเป็นหยดน้ำและไหลซึมเข้าไปในกระดูกทองคำ ทันใดนั้นกระดูกทองคำได้แปรเปลี่ยนต้นกำเนิดพลังที่หิวกระหาย มันได้ดูดกลืนพลังเหล่านี้อย่างรวดเร็ว
ภายใต้ความเจ็บปวด หยางไค่รู้สึกได้ว่าความเจ็บปวดนี้ชัดเจนยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ราวกับว่าภายร่างกายของเขามีดวงตาคู่หนึ่งที่ถือกำเนิดอยู่ภายใน มันสามมรถมองเห็นวิธีการฝึกยุทธุ์ผสมผสานของกลยุทธุ์หยาง และยังสามารถมองเห็นว่ากระดูกทองคำมีวิธีการซึมซับพลังที่ฝึกฝนจนสำเร็จอย่างไร ไม่พลาดแม้แต่รายละเอียดเดียว
เขารู้สึกและสัมผสัได้อย่างชัดเจน !!
หยางไค่นึกถึงประสบการณ์การต่อสู้ของเขาหลังจากที่ได้รับกระดูกทองคำ เต็มไปด้วยความกระหายเลือดอย่างบ้าคลั่ง ในขณะที่ร่างกายเจ็บปวดทรมาณ ความกระหายเลือดจะเพิ่มขึ้น จากความเจ็บปวดและความไม่ย่อท้อของเขา ทำให้ความแข็งแก่งของตนเองก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาสามารถฝึกฝนจนสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามที่มีความแข็งแกร่งมากกว่าเขา
โดยเฉพาะการต่อสู้เมื่อสองวันก่อนในกระท่อมลับ ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 มีเขตแดนและความแข็งแกร่งที่สูงกว่าเขาหลายขั้น และทุบตีทำร้ายเขาอย่างโหดเหี้ยม การต่อสู้ในครั้งนั้นค่อยๆชัดเจนขึ้นในจิตใจ
เมื่อเลือดของเขาเดือดพล่าน ความรู้สึกอบอุ่นที่คุ้นเคยแผ่ซ่านออกมาจากกระดูกของเขา พลังที่ถูกดูดกลืนจากกระดูกทองคำได้คืนกลับมาให้เขาอีกครั้ง พลังความแข็งแกร่งของเขาจจึงเพิ่มขึ้นในพริบตา
ไม่เพียงแค่นี้ !! หยางไค่ยังรู้สึกว่าเขาขาดบางสิ่งบางอย่าง ไม่เช่นนั้นตัวเขาเองไม่สามารถที่จะไขความลับของกระดูกทองคำนี้ได้
ยังขาดการต่อสู้ที่แท้จริง !!
เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ หยางไค่รีบกระโดดลงจากเตียง เขาหอบหายใจอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปิดประตู มองไปรอบๆ ก่อนจะเดินไปยังห้องตรงข้าม และเตะให้มันเปิดออก
หยางไค่คาดเดาว่าซู่มู่น่าจะนอนอยู่ในห้องตรงข้าม เพราะไม่นานก่อนหน้าเขาไดยินเสียงการเคลื่อนไหว เขาต้องการใครสักคนที่ต่อสู้กับเขา และซู่มู่เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับเขา
เมื่อประตูห้องเปิดออก หยางไค่มองเห็นหลังที่นวลเนียนและประกายด้วยความบริสุทธุ์ ขณะที่เขากำลังจะอ้าปากเพื่อประกาศคำท้าทาย ทำให้เขาต้องกลืนคำพูดนั้นเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ห้องนี้มีคนอาศัยอยู่จริง แต่ไม่ใช่ซู่มู่ที่หยางไค่คาดเดา แต่คือซูเหยียน !!
--------------------------------------------------------------------------------------------------