ตอนที่แล้วตอนที่ 75-76 การมาถึงของเหรัญญิกเม้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 78 ความรู้สึก

ตอนที่ 77 ปล่อยตัว


“เสียสละหยางไค่ เพื่อปกป้องซูเหยียน เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าเลือกถูกต้องที่สุด ?” เหรัญญิกเม้งกล่าวด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ

ซู่ซวนวู่รู้สึกอับอายอย่างยิ่งเขาคิดว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังวิจารณ์การตัดสินในของเขา

 

เม้งวู่หยา : “หากเจ้าตัดสินในที่จะทำเช่นนี้ จะสามารถช่วยซูเหยียนออกมาจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างปลอดภัย แต่.........เมื่อซูเหยียนรับรู้เรื่องนี้ในภายหลัง นางจะรู้สึกอย่างไร ?”

ซู่ซวนวู่ตะลึงไปชั่วขณะ ทันใดนั้นหน้าผากของเขามีเหงื่อเย็นผุดออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์นี้ไดอย่างกะทันหัน

 

“เจ้าทำเช่นนี้ เพียรแต่สร้างความรู้สึกผิดภายในจิตใจให้แก่นาง !! วิชายุทธุ์ที่นางฝึกฝนคือดวงใจน้ำแข็ง เมื่อจิตใจของนางถูกครอบครองด้วยความรู้สึกผิดและแปรเปลี่ยนเป็นจิตใจแห่งมาร ผลทีตามมาท่านรู้ดียิ่งกว่าใคร” เสียงของเม้งวูหยากังกระซิบอยู่ข้างหูของซู่ซวนวู่ ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าโดนฟ้าผ่าอย่างเจ็บปวด และความสำนึกผิดก่อเกิดขึ้นในจิตใจ

 

เขาคิดแต่เพียงผลประโยชน์ที่ได้ในระยะสั้น แต่ไม่คิดว่าจะสร้างผลร้ายให้แก่ซูเหยียนในระยะยาว เป็นเรื่องจริง ที่เขาเสียสละหยางไค่และสามารถปกป้องซูเหยียน แต่ตราบใดที่นางยังมีชีวิต นางจะคิดถึงเรื่องราวในวันนี้ การที่นางสามารถมีชีวิตรอดอย่างปลอดภัยเป็นเพราะการเสียงสละของหยางไค่ ถ้าหากนานวันต่อไปเรื่อยๆ จิตใจของนางจะถูกทรมาณจากความรู้สึกนี้ เมื่อจิตใจไม่สงบ แล้วจะสามารถฝึกฝนวิชายุทธุ์ให้ก้าวหน้าต่อไปได้อย่างไร ?

 

“ขอบคุณเหรัญญิกเม้งที่ตักเตือน !!” ซู่ซวนวู่กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ

 

“ฮ่าฮ่า” เม้งวูหยาหัวเราะเบาๆ : “แม้ว่าข้าไม่พูด เจ้าก็สามารถคิดได้ แต่มันอาจจะสายเกินไปเท่านั้น !!”

ผู้อาวุโสที่หนึ่งยืนอยู่ข้างๆด้วยใบหน้าที่ต้องเผชิญกับความผันผวน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่เขาจะหาโอกาสในการเอาชนะผู้อาวุโสที่สอง เรื่องราวดีๆเกือบจะสำเร็จต่อหน้าเขา แต่ตอนนี้เหรัญญิกเม้งกลับปรากฏตัวออกมากล่าวตักเตือน แล้วผู้อาวุโสที่สองจะยอมแพ้ต่อเขาได้อย่างไร ? เพื่ออนาคตในวันข้างหน้าของซู่เหยียน แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมรับผลตัดสินในวันนี้ !

 

เมื่อตระหนักถึงจุดนี้ เหว่ยซิตงลดใบหน้าที่เคร่งขรึมลงและกล่าว : “เหรัญญิกเม้ง สถานที่แห่งนี้เป็นหอเกียรติยศแห่งผู้อาวุโส หากไม่มีการอนุญาตจากผู้อาวุโส ไม่ว่าใครก็ห้ามเข้ามา เจ้าเดินเข้ามาจากตรงไหนข้าก็ขอให้เจ้าออกไปจากตรงนั้น...........”

 

เม้งวู่หยาเหลือบมองเขา เขาโบกมือและโยนป้ายคำสั่งของผู้อาวุโสออกไป จากนั้นร่างกายของเขาประกาย เขาได้ปรากฏอยู่บนที่นั่งสูงสุดของหอเกียรติยศ

 

“เหิมเกริม !!” เหว่ยซิตงตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ผู้อาวุโสคนอื่นๆต่างแสดงออกด้วยความโกรธเช่นเดียวกัน พวกเขาต่างมองเหรัญญิกเม้งด้วยใบหน้าที่หยาบกระด้าง

เหตุผลไม่ได้อยู่ที่ตัวเขา แต่เพราะที่นั่งที่ว่างและอยู่บนจุดสูงสุดของหอเกียรติยศเป็นที่นั่งของประมุขแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว นอกจากประมุข ไม่มีใครที่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะก้าวขึ้นไป ผู้อาวุโสหลายท่านต่างดิ้นรนต่อสู้กันมาหลายปีเพราะที่นั่งที่ว่างอยู่นั้น แม้ว่าจะเป็นผู้อาวุโสที่หนึ่ง ก็มิกล้าที่จะครอบครองตำแหน่งนั้น

 

แต่ตอนนี้ เหรัญญิกแห่งหอแลกเปลี่ยนวิเศษที่ไม่รู้ต้นกำเนิดและที่มาของเขากลับกล้าที่จะขึ้นไปบนที่นั่งของประมุข แล้วเหล่าผู้อาวุโสจะไม่โกรธได้อย่างไร ? เพรามันเป็นการดูหมิ่นหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวอย่างแท้จริง !!

 

“ฮ่ฮ่า ทุกคนอย่างเพิ่งเกรี้ยวโกรธข้าไปเลย” เม้งวูหยาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะลูกเคราของตัวเองและกล่าว : “ข้าเป็นตัวแทนของประมุขของพวกเจ้า มาเพื่อถ่ายทอดคำกล่าวเท่านั้น !!”

 

“ตัวแทนของประมุข ?” ผู้อาวุโสทั้งห้าต่างแสดงออกอย่างตื่นตกใจในทันที

หลายสิบปีที่ผ่านมา แม้ว่าผู้อาวุโสทั้งห้าต้องการที่จะพบกับประมุขก็เป็นเรื่องยากเสมือนการปืนป่ายขึ้นไปยังทรวงสวรรค์ แต่ไม่คิดว่าเม้งวูหยากลับสามารถพบกับเขา นอกจากนั้นคำกล่าวและน้ำเสียงของเขาเหมือนว่าเป็นเพราะเหตุการณ์ในวันนี้ประมุขจึงต้องการกล่าวบางสิ่งบางอย่างแก่พวกเขา

มันเกิดอะไรขึ้น ? ในวันทั่วแม้ว่าหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวจะวุ่นวายจนแทบพลิกแผ่นดิน ประมุขจะไม่เข้ามาแทรกแซงแม้แต่น้อย แต่วันนี้เป็นเพราะความขัดแย้งระหว่างศิษย์รุ่นเยาว์กลับกระตุ้นการเคลือ่นไหวของประมุข

 

“นี้คืออะไร พวกเจ้าทุกคนต่างทราบอย่างชัดเจนว่ามันคือสิ่งใด ?” ในมือของเหรัญญิกเม้งถือป้ายหยกสีม่วง

 

“ป้ายหยกของประมุข !!”

 

ป้ายหยกนี้เป็นสัญลักษณ์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว มันเป็นสิ่งที่มิอาจปลอมแปลงได้

 

“รู้ก็ดี” เหรัญญิกเม้งยิ้มเบาๆ

 

ความขุ่นเคือง: "ขอให้ฉันกล้าถามว่า Head ต้องการให้คำแนะนำแก่คุณได้อย่างไร?"

เหว่ยซิตงกล่าวถามด้วยความขุ่นเคือง : “ขอถามเหรัญญิกเม้ง ไม่ทราบว่าประมุขกล่าวแก่เจ้าอย่างไร ?”

 

แม้ว่าประมุขจะไม่ได้ดูแลเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในหอประลองยุทธุ์กว่าสิบปี แต่อำนาจของประมุขของเขากลับไมได้ลดเลงแม้แต่น้อย

 

เม้งวูหยากล่าว : “ประมุขของพวกเจ้ากล่าว่า เรื่องใหญ่ในวันนี้ ให้มันกลายเป็นเรื่องเล็ก เรื่องเล็กให้มันมลายหายไป เพราะมันเกี่ยวข้องกับชื่อเสียงของุทกคน !! การต่อสู้ของศิษย์รุ่นเยาว์ พวกเจ้าที่เป็นผู้อาวุโสแก่ชราจนเจียนตายจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวข้องทำไม ?มันไร้ยางอายสิ้นดี !!”

 

เหว่ยซิตงตกใจกับคำกล่าว ก่อนจะกล่าวถามอย่างตะกุกตะกัก : “ประมุข.....ประมุขกล่าวเช่นนี้ ?”

 

“โอ้ว คำกล่าวสุดท้ายเป็นคำกล่าวของข้าเอง ประมุขของพวกเจากล่าวเพียงครึ่งแรก !!” เม้งวูหยากล่าวตอบอย่างเฉื่อยชา

เหล่าผู้อาวุโสโกรธเคืองจนแทบจะกระอักเลือด !! การกล่าวด่าในครั้งนี้ มันเป็นความจริงและตรงไปตรงมา !! จะโต้เถียงกลับไปก็มิใช่เรื่องที่สมควร

“นอกจากนั้น หยางไค่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่ม พวกเจ้าควรเลื่อนให้เขาเป็นศิษย์สามัญเสียที เขาจะอยู่ในสถานะศิษย์ฝึกหัดตลอดไปก็มิใช่เรื่อง”

 

“คำกล่าวนี้..........เป็นคำกล่าวของเจ้าใช่ไหม ?” เหว่ยจวางกล่าวถามอย่างไม่วางใจ

 

“เป็นคำกล่าวขอประมุขของพวกเจ้า” เม้งวูหยางหัวเราะอย่างสะใจ : “คำกล่าวได้ถ่ายทอดออกไปเรียบร้อย พวกท่านจัดการตามความเหมาะสมด้วย !!”

 

หลังจากที่กล่าวจบ เขาเดินลงมาจากที่นั่งด้านบน ก่อนจะเดินออกไปจากหอเกียรติยศแห่งผู้อาวุโส

 

ผู้อาวุโสทั้งห้าต่างมองหน้ากันไปมา ก่อนจะนิ่งและไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ในเมื่อประมุขถ่ายทอดคำสั่งมา ยังต้องเจรจาหารืออะไรกันอีก เดิมทีมันไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ แต่ความุวุ่นวายเกิดขึ้นเพราะพวกเขาเป็นคนที่ยกประเด็นขึ้นมาถถเถียงเพื่อแสดงอำนาจของตนเอง การที่จะจบเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก

ซู่ซวนวู่กล่าวสบทอย่างเย็นชา เขาโบกมือและเดินออกไป เมื่อมีคำสั่งของประมุข เขาไม่จำเป็นต้องทะเลาะโต๊ะเถียงอีกต่อไป เมื่อเดินมาถึงด้านล่าง เขาและซู่มู่ได้หายตัวไปอย่างรวดรเร็ว

 

เมื่อผู้อาวุโสที่สองเดินออกไป ผู้อาวุโสที่สามเห่อเป่ยซุยก็ได้เดินออกไปเช่นเดียวกัน ในหอเกียรติยศจึงเหลือเพียงกลุ่มของผู้อาวุโสที่หนึ่งเท่านั้น

 

ผู้อาวุโสที่ห้ากล่าด้วยความลังเล : “ผู้อาวุโสที่หนึ่ง มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง เรื่องนี้ไม่มช่เรื่องใหญ่ แต่มันกลับกระตุ้นท่านประมุข อาจมีการสวมรู้ร่วมคิดอยู่หรือเปล่า ?”

ผู้อาวุโสที่สี่พยักหน้า : “หรือว่าท่านประมขต้องการส่งคำเตือนพวกเราว่าเขายังคงเฝ้าดูหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ?”

 

คำพูดนี้ก็เป็นการคาดเดาของผู้อาวุโสที่หนึ่งเช่นเดียวกัน แต่ว่าเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับ ตอนนี้มันถูกกล่าวขึ้นจากปากของผู้อาวุโสที่สี่ ทำให้หัวใจของเขาเปล่งเสียงที่หนักอึ้งออกมา

 

“ไม่ว่จะอย่างไร ครั้งนี้พวกเราต้องถอยหนึ่งก้าว เรื่องที่เราจะทำในวันข้างหน้าต้องระมัดระวังมากยิ่งขั้น” ผู้อาวุโสที่หนึ่งกล่าวด้วยเสียงต่ำ : “แต่ว่า พวกเราสามารถทดสอบความคิดของท่านประมุขอีกครั้ง ดูว่าท่านประมุขคิดอะไรอยู่ในใจ ถ้าหากเขาต้องการที่จะออกจากการเก็บตัวเพื่อดูแลหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว พวกเราจะเป็นผู้ช่วยของเขา แต่ถ้าหากเขาเพียงแค่แวะมา......หอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวไม่สามารถเป็นเช่นนี้อีกต่อไป ควรมีใครสักคนที่จะเป็นผู้นำของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว”

 

“ถูกต้อง !! แต่ว่า !! พวกเราจะทดสอบอย่างไร ?” ผู้อาวุโสที่สี่กล่าวถามเบาๆ

"

“ท่านประมุขกล่าว่า หยางไค่สามารถเลื่อนเป็นศิษย์สามัญ พวกเราสามารถเริ่มจากตรงนี้ !”

 

“เป็นเช่นนี้ !!” ผู้อาวุโสที่สี่และผู้อาวุโสที่ห้าตื่นตัวขึ้นมาทันที

 

คุกคุมขังในป่าลึก ซู่เหยียนและคนอื่นๆที่เหลือต่างเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน ไม่มีใครกล้าที่จะเคลื่อนไหว

 

สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไปกว่าครึ่งชั่วยาม รัศมีความเย็นจากร่างกายของซู่เหยียนเริ่มหนาแน่นและเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากไม่เป็นเพราะทักษะการต่อสู้แห่งพลังหยางของหยางไค่ที่ระงับดวงใจน้ำแข็งที่เยือกเย็นของนาง ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะถูกแช่แข็งกลายเป็นรูปปั้นอยู่ที่นี้

 

ขณะที่พวกเขากำลังเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์วิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบและกล่าวตะโกน : “มีคำสั่งจากเหล่าผู้อาวุโส ให้ปล่อยพวกเขา !!”

 

“อะไรน่ะ ?” เซี่ยหงเจี่ยตะลึงจนตัวแข็งทื่อ

ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์กล่าวด้วยใบหน้าที่ขมขื่น : “ศิษย์พี่เจี่ย เหล่าผู้อาวุโสต่างกล่าวออกคำสั่งให้เรื่องนี้ให้จบเพียงเท่านี้ ไม่ว่าใครก็ห้ามสืบสวนต่อไป ไม่เช่นนั้นจะถูกลงโทษตามกฎขอสำนัก !!”

 

เซี่ยหงเจี่ยจ้องมองหยางไค่ด้วยใบหน้าที่เกลียดแค้น เขารอให้ซู่เหยียนลงมืตลอดเลา เพราะเมื่อซูเหยียนลงมือ เขาจะมีโอกาสกำจัดหยางไค่ !! แต่ซู่เหยียนไม่ให้โอกาสนี้แก่เขา เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้อาวุโส ทำให้เขาไร้ซึ่งความหวังและโอกาสที่จะกำจัดหยางไค่

 

เขากัดฟันแน่นและกล่าวด้วยความโกรธแค้น : “ปล่อยพวกเขา !!”

 

ซู่เหยียนยังคงพยุงดูแลหยางไค่ นางเดินนำหลี่หยุนเทียนและคนอืนๆ ค่อยๆเดินออกไปอย่างช้าๆ ภายใต้การจ้องมองของเจี่ยหงเซี่ยที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด