ตอนที่ 73 ความจริงใจของศิษย์ที่มีให้แก่ข้า
ดวงตาคู่แล้วคูเล่าจ้องเขม่งไปยังซูเหยียนที่ช่วยพยุงหยางไค่ อารมณ์แห่งความอิจฉาริษยากำลังคลุกกรุ่นอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดบรรยากาศที่น่าอึดอัดในทันที
ก่อนหน้าที่จะมาถึงวันนี้ พวกเขาไม่เห็นซูเหยียนใกล้ชิดหรือสนิทสนมกับชายหนุ่มเช่นนี้ แม้แต่บรรดาศิษย์สาวกที่โดดเด่น ก็มิได้รับความสนใจจากนางแม้แต่น้อย
วิชายุทธุ์ที่ซูเหยียนฝึกฝนคือดวงใจน้ำแข็ง (ปราณจิตเย็น) หัวใจที่ปิดผนึกจากความเยือกเย็นมาหลายสิบปี โดยปกติไม่เคยมีใครเห็นนางเข้าใกล้กับชายหนุ่ม แม้แต่พูดคุกยังเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยาก
ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์ทุกคน ไม่ว่าจะมีความแข็งแกร่งที่สูงต่ำมากแค่ไหน ไม่ว่าพวกเขาจะมีฐานที่สูงส่งแค่ไหน เมื่ออยู่ต่อหน้าพวกเขาทุกคนต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เพราะเกรงว่าจะทำลายความงดงามที่อยู่ตรงหน้า แต่ในตอนนี้เธอกลับพยุงชายหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 3 มือเรียวที่ขาวเนียนเสมือนหยกที่บริสุทธุ์วางอยู่บนเอาของชายหนุ่ม ใบหน้าขาวผ่องดุจหิมะถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงระเรื่อยจากความเขิลช่างเป็นภาพที่งดงามน่าหลงใหลอย่างถึงที่สุด
โดยเวลาทั่วไปหญิงงามสูงศักดิ์ที่มิอาจเข้าถึง แต่ตอนนี้เสมือนว่าระยะห่างนั้นเริ่มเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
แต่ หัวใจของศิษสาวกชายแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยตางแหลกสลายกลายเป็นเศษละเอียด พวกเขารู้สึกราวกับว่านางเซียนน้อยที่อยู่ในก้นบึ้งหัวใจ ถูกชายอื่นแย่งชิงจากพวกเขาไป
คนที่แย่งชิงนายเซียนผู้งดงามจากพวกเขาไป อยู่ตรงหน้าพวกเขา นางเซียนน้อยกำลังพยุงเขาอย่างอ่อนโยน เขากำลังสูดดูมกลิ่นหอมจากร่างกายของนางเซียน กำลังสัมผัสความอ่อนนุ่มของมือที่เรียวสวยของนางเซียน แลเพลิดเพลินกับการดูแลปรณิบัติจากนางเซียน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่อาจจะได้สัมผัส
“มีกลิ่นอายแห่งการฆ่า” มุมปากของหยางไค่แสะยิ้มอย่างประหลาด เขาแสดงออกอย่างสงบ มองไปยังทิศทางซูเหยียนมองออกไป ซึ่งมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งที่แปลกปลอมแผ่กระจายเข้ามา
ด้านหน้าปรากฏเงาของคนคนหนึ่ง ทันใดนั้นชายหนุ่มที่มีรูปร่างสง่างามมีมีผิวเนียนดั่งหยกแห่งสวรรค์ล้ำค่า และใบหน้าที่อ่อนโยนกำลังยืนขวางอยู่ตรงหน้าของหยางไค่และซูเหยียน ชายหนุ่มคนนี้จ้องมองซูเหยียนด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่อ่อนหวานแต่กลับซอ่นความรู้สึกที่ไม่พอใจและความอิจฉาอยู่ภายใน
ซูเหยียนหยุดเดินอย่างกะทันหัน นางเงยหน้ามองฝ่ายตรงข้าม
“ถอยไป” เสียงที่เต็มด้วยความเยือกเย็นประดุจหิมะน้ำแข็ง ไร้ซึ่งความรู้สึก ไร้ซึ่งอารมณ์โดยที่ไม่สามารถคาดเดาวัตถุประสงค์ของคนที่กล่าวพูดว่าต้องการอย่างไรดังขึ้น
ชายหนุ่มหัวเราะด้วยความขมขื่นและส่ายศีรษะไปมา : “ศิษย์น้อง ทำไมต้องบังคับศิษย์พี ศิษย์พี่ทำตาหน้าที่ของตนเองเท่านั้น !!”
ชายหนุ่มคนหนึ่งคือผู้เชี่ยวชาญอันดับที่สองของยุวชนรุ่นเยาว์ เจี่ยหงเฉิน
“ถอยไป” ซูเหยียนกล่าวคำนี้เพียงคำเดียว เธอไม่เอ่ยคำพูดอื่นนอกจากนี้
เจี่ยหงเฉินกล่าวอย่างไร้ซึ่งหนทาง : “ศิษย์น้อง คนเหล่านี้ไม่สามารถออกไปจากที่นี้ พวกเขาทำผิดกฎของสำนัก หากยังไม่มีการตัดสินจากผู้อาวุโส ไม่ว่าใครก็ห้ามพาพวกเขาออกไปจากที่นี้”
“กฎของสำนัก ?” หยางไค่ก้าวเดินไปข้างหน้า และหัวเราะเยาะ : “ขออภัยศิษย์พี่ท่านนี้ที่ข้าบังอาจกล่าวถาม ข้าและคนอื่นๆทำผิดกฎของสำนักตรงไหน ?”
เจี่ยหงเฉินมองหยางไค่ด้วยสายตาที่รังเกียจและกล่าวสบท : “รวมกลุ่มต่อสู้ ฆ่าคน ดูหมิ่นกฎแห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในความผิดเหล่านี้สามารถจะขับไล่พวกเจ้าออกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว”
“รวมกลุ่มต่อสู้?” ซูเหยียนกล่าวต่อ : “ต่อสู้กับใคร ?หากว่าเป็นการรวมกลุ่มเพื่อต่อสู้ ควรมีฝ่ายตรงข้ามใช่ไหม ? ทำไมหอวินัยศักดิ์สิทธิ์จึงจับพวกเขาเพียงฝ่ายเดียว ?คนของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน?”
ใบหน้าของเจี่ยหงเฉินแดงก่ำ เขาไม่กล้าที่จะกล่าวออกไปว่าคนของฝ่ายตรงข้ามเป็นคนของเหว่ยจวาง พวกเขาจะกล้าจับกุมพวกเขาได้อย่างไร ?
“ฆ่าคน ?” แล้วศพที่ถูกฆ่าอยู่ที่ไหน ?
เจี่ยหงเฉินฝืนหัวเราะอย่างขมขื่น ก่อนจะรีบกล่าวอธิบาย : “พยายาม พยายามฆ่า แต่โชคดีทีการพยายามฆ่าถูกหยุดจากศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ จึงสามารถหลีกเลี่ยงความวุ่นวายนั้นได้ !!”
“การแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ของศิษย์สาวก ความเป็นความตายเป็นสิ่งที่พวกเขาต้องรับผิดชอบ แต่เมื่อเป็นอย่างที่เจ้ากล่าวมา การประลองยุทธุ์เพื่อแลกเปลี่ยนวิชายุทธุ์ในทุกครั้งๆคือการพยายามฆ่าฝ่ายต่อข้ามใช่ไหม? ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากมายที่อยู่ตรงนี้ พวกเจ้าทั้งหลายไม่มีเรื่องอื่นให้กระทำ ทำไมไม่จับกุมศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์ไปทั้งหมดล่ะ ?” ซูเหยียนแสดงออกอย่างเฉยชา สุ้มเสียงที่เปล่งออกมาเยือกเย็นยิ่งนัก : “ส่วนการดูหมิ่นกฎแห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากหอวินัยศักดิ์สิทธิ์มีการตัดสินที่ยุติธรรม จะมีใครกันล่ะที่กล้าดูหมิ่นกฎที่ศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้า ? ข้ากลัวว่ามีใครบางคนนำชื่อเสียงของหอวินัยศักดิ์มาเป็นเครื่องมือในการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจของตนเอง ตนเองเป็นคนทำลายชื่อเสียงของตนเอง มันไม่น่แปลกใจที่จะถูกผู้อื่นเหยียบย่ำซ้ำไปซ้ำมา”
“ศิษย์น้อง” รอยยิ้มของเจี่ยหงเฉินแห้งเหือด ใบหน้าที่หล่อเหล่าแสดงออกอย่างหมดความอดทน : “ต้องให้ข้ากล่าวความจริงใช่ไหม ?”
“จริงหรือเท็จ เจ้ารู้อยู่แก่ใจ”
เจี่ยหงเฉินแสดงออกอย่างมืดมัว เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ : “ศิษย์น้อง ข้าให้ความจริงใจกับเจ้าจนหมดหัวใจ ทำไมเจ้าต้องบังคับให้ข้าต้องลำบากใจเช่นนี้?”
ซูเหยียนกล่าวอย่างเย็นชา : “หากคำพูดนี้ของศิษย์พี่ได้ยินโดยศิษย์น้องจ้าวเฟยเซี่ย ไม่รู้ว่านางจะรู้สึกอย่างไร ?”
จ้าวเฟยเซี่ย และเจี่ยหงเฉิน และซู่เหยียนต่างเป็นศิษย์ที่โดดเด่นและศิษย์ที่แข็งแกร่งแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว แต่ว่าความสัมพันธุ์ระหว่างหญิงสาวคนนี้กับเจี่ยหงเฉินไม่ชัดเจนเสมอมา
ร่างกายของเจี่ยหงเฉินสั่นเทา เขาจ้องมองซูเหยียนอย่างลึกซึ้ง ใบหน้าแสดงออกด้วยความโศกเศร้า แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรต่อไป ดังนั้นเขาจึงจ้องมองไปที่หยางไค่ ดวงตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นความเกลียดชังอย่างถึงที่สุดในทันที
หยางไค่ยังคงแสดงออกอย่างสงบนิ่ง เขาจ้องมองตอบโดยไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย
“เจ้าชื่อหยางไค่ ?” เจี่ยหงเฉินระงับความคับแค้นภายในใจและกล่าวถาม ไม่ว่าชายคนใดเมื่อมองเห็นหญิงสาวที่ตนชอบให้ความสนิทสนมกับชายอื่น มันคงสร้างความเจ็บปวดให้แก่พวกเขาไม่น้อย
“ศิษย์พี่มีสิ่งใดกล่าวสอนหรือไม่ ?”
“ข้ารู้ว่าเหตุการณ์ที่วุ่นวายเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะเจ้า ถ้าหากไม่มีเจ้า คงไม่มีเรื่องราวที่วุ่นวายเช่นนี้ หากว่าเจ้าไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ศิษย์น้องซู๋ จงกลับไปที่ห้องคุมขังเช่นเดิม และมันจะช่วยให้ข้าไม่ต้องลงมือต่อพวกเจ้า” เจี่ยหงเฉินกล่าวออกคำสั่งอย่างเฉยเชา เพราะเขาไม่สามารถเกลี่ยกล่อมซู่เหยียน และไม่สามารถลงมือต่อซูเหยียน เขาจึงต้องหาช่องโหว่จากหยางไค่
หยางไค่ยิ้มอย่างแห้งเหือด
“เจ้ายิ้มทำไม ?” เจี่ยหงเฉินกล่าวถามด้วบใบหน้าที่ขมวคดิ้ว
เวลานี้ร่างกายของหยางไค่เต็มไปด้วยเลือดที่แห้งเกรอะและบาดแผลจำนวนมากมาย มันน่าเวทนาและอึดอัดใจสำหรับผู้พบเห็น แต่เขากลับหัวเราะ ในขณะที่เขาหัวเราะเขาค่อยๆยื่นมือของตนเองออกไป จับมือของซูเหยียนที่พยุงประคองเขาไว้ จากนั้นจึงวางไว้บนฝ่ามือและตบเบาๆอย่างอ่อนโยน เขาหันหน้ามองซูเหยียน และกล่าวต่อเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนหวาน : “ข้าไม่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ศิษย์พี่ แต่ความจริงใจที่ศิษย์พี่มอบให้แก่ข้า ข้าไม่สามารถทำลายมันได้ ข้าจึงต้องให้นางทำในสิ่งที่นางต้องการ”
ใบหน้าของเจี่ยหงเฉินซีดขาว ซู่เหยียนตะลึงนิ่งอยู่กับที่ ใบหน้าแสดงออกด้วยความมึนงง
ตอนนี้ขากรรไกของหลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆเกือบจะสัมผัสกับพื้น ลำคอของพวกเขามีเสียงที่แปลกประหลาดดังออกมา แต่พวกเขาก็มิอาจกล่าวอะไรออกไปได้แม้แต่คำเดียว
ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยคนที่ล้อมรอบอยู่บริเวณนั้น ต่างรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาแตกสลายในทันที พวกเขาต่างยืนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“ศิษย์พี่ ใช่หรือไม่ ?” หยางไค้กระทำราวกับกว่าไม่เข้าใจสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น เขากลับราดน้ำมันลงบนกองไฟที่ร้อนระอุอีกครั้ง
เจี่ยหงเฉินมองไปที่ซู่เหยียนด้วยความกระวนกระวายใจ เขากลัวว่านางจะกล่าวตอบในสิ่งที่เขาไม่อยากได้ยิน
ซูเหยียนรีบดึงสติของเธอกลับคืนมา
ตั้งแต่เด็กจนถึงตอนนี้ เธอไม่เคยถูกชายหนุ่มคนไหนแตะเนื้อต้องตัวมาก่อน มือข้างหนึ่งของตนเองกลับถูกเขาจับไว้ในฝ่ามือ มือที่หยาบกรานของเขาถูไปมาบนผิวหนังของนาง นำพามาซึ่งความรู้สึกเจ็บจากการถูกทิ่มแทง และยังมีความรู้สึกที่อบอุ่น
ซูเหยียนโกรธเคืองอย่างยิ่งนางต้องการโจมตีหยางไค่ให้ลอยกระเด็นออกไปในทันที แต่เมื่อหวนคิดกลับมา นางเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าหยางไค่คิดอะไร เธอระงับความไฟแห่งความโกรธ ค่อยพยักหน้าอย่างช้าๆ ก่อนจะกล่าวตอบอย่างตรงไปตรงมา : “ใช่”
ขณะที่กล่าวตอบ เธอได้เคลื่อนไหวพลังปราณและส่งมันเข้าไปในเส้นชีพจรลมปราณของหยางไค่อย่างเงียบๆ
หยางไค่กระอักด้วยเสียงที่ตำทุ้ม จมูกของเขามีเลือดสีแดงไหลอออกมา
“ทำไมเลือดของเจ้าไหลออกมา?” ซูเหยียนกล่าถามและหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวบริสุทธุ์ออกมาและเช็ดให้แก่หยางไค่อย่างอ่อนโยน
“ไม่เป็นไรไม่ได้หนักหนาสาหัสอย่างที่เจ้าคิด” หัวใจของหยางไค่มีความรู้สึกที่หนาวเย็นพุ่งออกมา เขากล่าวพึมพำอยู่ในใจ : “แม้ว่าศิษย์พี่ท่านนี้จะมีนิสัยที่เย็นชา แต่เมื่อกระตุ้นให้นางเคืองโกรธจนถึงขีดสูดของบรรทัดฐาน นางก็สามารถลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม”
“พวกเจ้า..............” เจี่ยหงเฉินหึงหวงอย่างบ้าคลั่ง หากว่าซูเหยียนยอมรับก่อนหน้านั้น เขาจะไม่เชื่อสายตาของตนเอง แต่เมื่อมองเห็นภาพตรงหน้าทำให้เขาไม่สามารถที่จะไม่เชื่อความรู้สึกของซูเหยียนได้
เขาไม่เคยเห็นซูเหยียนปฏิบัติต่อชายหนุ่มคนไหนอย่างอ่อนโยนเช่นนี้ เขาไม่เคยเห็นมือของซูเหยียนอยู่ในมือของชายหนุ่มคนอื่นๆโดยเต็มใจและไม่ต่อต้าน
หรือว่านางจะยอมด้วยความเต็มใจ แต่จากความแข็งแกร่งของซูเหยียน หยางไค่คนนี้สามารถเอาชนะความรู้สึกของนางได้อย่างไร ?
“ศิษย์น้อง เจ้าเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์และความอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ ทำไมเจ้าถึงชื่นชอบเศษสวะเช่นนี้ ?”
“เจ้าว่าคือใครเศษสวะ?” หยางไค่และซูเหยียนหันหน้าไปพร้อมกัน สีหน้าของพวกเขาอึมครึมเสมือนพายุฝนที่รุนแรง