ตอนที่ 72 ความวุ่นวายที่ยิ่งใหญ่
เสียงกลืนน้ำลายของศิษย์ทั้ง 5 ดังขึ้น
“ศิษย์พี่ ทำอย่างไรต่อไป ?” ศิษย์คนหนึ่งกล่าวถามด้วยความตื่นตระหนก ถ้าหากยังโจมตีต่อไป พวกเขาต้องโจมตีจนหยางไค่ถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน
“มันเป็นตัวประหลาดชัด!!” ศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณจ้องมองด้วยดวงตาที่สั่นเท่า เขากัดฟันแน่นและสบทด่าหยางไค่ : “ช่างมัน ถ้าหากมันยังกล้าที่จะเดินเข้ามา !! ครั้งนี้ พวกเราต้องโจมตีจนให้มันหมดสติอยู่ตรงนี้ !!”
“ได้ ตกลง !!” ศิษย์อีก 4 คนที่เหลือกล่าวตอบด้วยความอึดอัดใจ
ในขณะที่พวกเขาทั้ง 5 กำลังระมัดระวังตัว ความเยือกเย็นได้ก่อเกิดขึ้นในจิตใจโดยไม่ทันตั้งตัว หลังจากนั้นความร้อนระอุภายในกระท่อมได้ลดลงอย่างมาก
เสียงดังคากก !! แว่วมาจากทุกสารทิศ ศิษย์ทั้ง 5 หันหลังกลับไปมองด้วยความตื่นตกใจ พวกเขามองเห็นผนังภายในกระท่อมลับกลายเป็นชั้นน้ำแข็งสีขาว แม้แต่พื้นดินด้านล่างยังถูกเกาะกุมด้วยน้ำแข็งสีขาวที่หนาวเหน็บ
“เกิดอะไรขึ้น” ศิษย์คนหนึ่งกล่าวถามด้วยความสงสัย
“ปัง !!!” ประตูกระท่อมลับถูกเตะจนจากผู้อื่นจนเปิดออก
“ใคร!!” ศิษย์ที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณกล่าวถาม เมื่อเขาหันหน้ากลับไปมอง เขาอึ้งจนอ้าปากค้าง ตัวแข็งทื่อ
แม้ว่าอุณหภูมิภายในกระท่อมจะลดลงอย่างรวดเร็วจนเหมือนอยู่ในฤดูหนาวที่หนาวเย็น แต่ศีรษะของเขากลับมีเหงื่อเย็นไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง เขาจ้องมองหญิงสาวที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าประตู และกล่าวอย่างตะกุกตะกัด : “ซู........ศิษย์พี่ซูเหยียน !!”
“ศิษย์พี่ซูเหยียน ?” ใบหน้าของศิษย์ที่เหลืออีก 4 คนแปรเปลี่ยนอย่างมาก พวกเขาหันหน้ามองกลับไป และมองเห็นหญิงสาวที่มีหน้าตางดงาม แต่แสดงออกอย่างเยือกเย็น นางสวมใส่ชุดกระโปรงสีขาวที่ยาวสลวยและยืนอยู่ที่หน้าประตู
นางเปรียบเสมือนบัวหิมะสีขาวบริสุทธิ์ที่บานสะพรั่งอยู่บนยอดเขาหิมะอย่างนิรันดร์ นางมาพร้อมกับความเหน็บหนาว สง่า สูงส่ง ล้ำค่า บริสุทธุ์ เยือกเย็น ที่ครอบครองจิตใจของคนในใต้หล้า ทันใดนั้นดวงตาคู่งามของเธอกวาดสายตาไปทั่วบริเวณ จิตใจของศิษย์ทั้ง 5 ก่อเกิดความรู้สึกที่ละอายใจอย่างกะทันหัน พวกเขาต่างลดศีรษะโดยไม่รู้ตัว
ซูเหยียนรีบออกมาจากสมาคมใต้ดินป่าสนวายุทะมึน ยังมิทันที่นางจะตรวจสอบสถานการณ์เรื่องราวที่เกิดขึ้น นางก็คิดว่าซู่มู่ถูกคุมขังอยู่ในคุกคุมขังในป่าลึกเช่นกัน นางจึงรีบร้อนวิ่งเข้าไปในคุกคุมขังในป่าลึก แต่ระหว่างทางนางรู้สึกว่ามีร่องรอยแห่งการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้นที่นี้ ดังนั้นนางจึงรีบเข้ามาที่นี้แทน
หลังจากประตูเปิดออก สิ่งที่เธอมองเห็นทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว
ภายในกระท่อมมีคนทั้งหมด 6 คน 5 ใน 6 คนเป็นศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์คนหนึ่งอยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณขั้นที่ 2 ที่เหลือ 4 คนอยู่ในเขตแดนลมปราณแรกเริ่ม 1 และยังมีอีก 1 คนที่ร่างกายถูกชโลมด้วยเลือดสีแดงสด เสื้อผ้าของเขาฉีกขาดจนหลุดลุ่ย เขายืนอยู่ที่นั่นอย่างซวนเซไปมา แต่ว่าดวงตาของเขายังประกายด้วยความไม่ย่อท้อต่อความเจ็บปวดในครั้งนี้
คนคนนี้..........นางเคยพบเจอกับเขา !!
หยางไค่ !! มีครั้งหนึ่งที่ซู่มู่พาเขาเข้ามาที่สมาคมใต้ดินป่านสนวายุทะมึน เขาก็คือศิษย์ฝึกหัดทีสามารถเอาชนะเฉิงเซาเฟิง !!
เธอปลดปล่อยความรู้สึกแห่งจิตวิญญาณ เพื่อตรวจสอบ ซึ่งทำให้ซูเหยียนตะลึงอย่างมาก เธอสามารถสัมผัสได้ถึงอาการบาดเจ็บทั่วร่างกายของหยางไค่ แม้ว่อาการบาดเจ็บเหล่านี้จะไม่เพียงพอที่จะเอาชีวิตเขา แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเขามิอาจที่ยืนหยัดได้เช่นนี้ เขาน่าจะหมดสติไปตั้งแต่แรก
ต้องมีความเข้มแข็งแค่ไหนจึงสามารถทนต่ออาการบาดเจ็บที่หนักหนาสาหัสและยังสามารถยืนหยัดได้เช่นนี้ ?
ในระยะเวลาสั้นๆ ซู่เหยียนเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นในกระท่อมแห่งนี้อย่างชัดเจน เธอไม่เคยมีอารมณ์ที่โกรธเกรี้ยว แต่ครั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้หัวใจของร้อนระอุจากเปลวไฟที่แผดเผาโดยไม่รู้ตัว
ร่างกายของนางกระพริบ เพียงพริบตาเธอมาถึงด้านข้างของหยางไค่ มือข้างหนึ่งพยุงเขาไว้ ลมปราณที่หนาวเหน็บไหลเวียนเข้าไปในร่างกาย และควบคุมอาการบาดเจ็บภายในและภายนอกของเขา
มันน่าแปลกอย่างยิ่ง เมื่อความรู้สึกที่เย็นเฉียบทิ่มแทงเข้ามา ร่างกายที่เต็มไปด้วยพลังแห่งความร้อนระอุได้ผ่อนคลายลงจนกลายเป็นปกติ สติของเขาก็ได้เลือนหายไปเช่นกัน
กลิ่นหอมที่เย็นฉ่ำแตะปลายจมูกของหยางไค่ หยางไค่หันหน้าไปมองซูเหยียนที่อยู่ข้างเขา ใบหน้าที่โกรธเคืองมลายหายไปจนหมดสิ้น ศิษย์พี่คนนี้ไม่สูงมาก นางเตี้ยกว่าประมาณ 1 ศีรษะ แต่เมื่ออยู่เคียงข้างเช่นนี้ หยางไค่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่เงียบสงบที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เสมือนว่าร่างกายของเขาอยู่บนยอดเขาที่เต็มไปด้วยหิมะที่บริสุทธ์ุ มีเพียงความรู้สึกของสายลมที่เย็นฉ่ำพัดโชยไปมาอย่างละมุน มันขจัดเสียงแห่งความวุ่นวายจากโลกภายจนหมดสิ้น ทันใดนั้นหยางไค่มีความคิดที่ต้องการจับมือของเธอและหนีเข้าไปอาศัยอยู่ในป่าลึกอย่างสันโดษโดยไม่รู้ตัว
“ใครทำร้ายเขา ?” ซูเหยียนกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
ร่างกายของศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 5 สั่นสะท้าน พวกเขามองซึ่งกัน ลดศีรษะลงและกล่าวตอบ : “พวกเราทุกคน !!”
ต่อหน้าซูเหยียน การโกหกเปรียบเสมือนการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของนาง ศักดิ์ศรีของนาง ส่งสูงสง่างามซึ่งเป็นสิ่งที่มิอาจละเมิด ทำให้พวกเขาต้องกล่าวความจริงออกมาทั้งหมด
ซูเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย : “ดีมาก !!”
หลังจากที่กล่าวจบ นางค่อยพยุงหยางไค่หันหลัง และกล่าวเดินออกไปจากกระท่อมลับแห่งนี้
หลังจากที่รอให้ซูเหยียนเดินจากไปจนมองไม่เห็นแม้แต่เงา พวกเขาทั้ง 5 จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก เสมือนว่ามีชีวิตรอดจากความตายอีกครั้ง
แต่ยังมิทันที่พวกเขาทั้งห่างจะยินดีกับความโชคดีในครั้งนี้ ทันใดนั้นพวกเขาทั้ง 5 ต่างรู้สึกเย็นเฉียบที่หน้าอก พวกเขาก้มศีรษะลงมอง พวกเขาพบว่าเศษน้ำแข็งชิ้นเล็กๆเกาะอยู่บนหน้าอกของพวกเขา ต่อจากนั้น เศษน้ำแข็งได้ขยายตัวเรื่อยๆ เพียงพริบตามันได้กลายเป็นเกล็ดหิมะที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ
“ฮวาก !!” เกล็ดหิมะทั้ง 5 ได้ระเบิดกลายเป็นเศษละเอียด ทันใดนั้นพวกเขารู้สึกแน่นที่หน้าอก พวกเขาทรุดตัวลงจนคุกเข่าอยู่บนพื้น ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด พวกเขารู้สึกเพียงว่าพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายได้มลายพร้อมกับเกล็ดหิมะที่ระเบิดจนแหลกละเอียด นอกจากนั้นร่างกายของพวกเขายังได้รับบาดเจ็บร่างกายภายนอกยังเต็มไปด้วยบาดแผลที่มากมาย
“แข็งแกร่งยิ่งนัก !! ไม่แปลกใจเลยที่นางเป็นที่ 1 ของทั้้ง 3 สำนัก !!” ใบหน้าของศิษย์ที่อยู่เขตแดนก่อเกิดลมปราณซีดขาวยิ่งกว่าใคร เขาถูกตรึงแช่ด้วยความเหน็บหนาวจนรางกายสั่นเท่า ใบหน้าของเขายังแสดงออกด้วยความหวาดกลัวสุดขีด
เขามองไม่เห็นว่าซูเหยียนลงมือตอนไหน นางลงมือโจมตีโดยที่ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าแม้แต่คนเดียว
ถ้าหากว่าศิษย์พี่หญิงคนนี้มีนิสัยใจร้อย เรื่องราวในวันนี้คงไม่จบลงโดยที่พวกเขาได้รับบาดแผลเพียงเล็กน้อย จากความแข็งแกร่งของนาง การที่นางจะเอาชีวิตพวกเขาก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับนาง เสมือนว่าเป็นการทำลายเปลือกหอยทากที่ง่ายดายยิ่งกว่าสิ่งไหน
ภายนอกกระท่อม หยางไค่พยายามก้าวน้ำไปข้างหน้า เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวที่ดังมาจากด้านหลัง เขาจึงหันหน้ามองซูเหยียนและกล่าวถาม : “เจ้าลงมือโจมตีพวกเขา ?”
ขนตาที่ยาวสลวยของนางกระพริบไปมา : “อืม เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม ?”
“ไม่เป็นไร” หยางไค่พยักหน้า : “ใช่แล้ว เจ้านำตัวหลี่หยุนเทียนและคนอื่นออกมาจากคุกคมขังด้วยซิ”
“ซู่มู่ล่ะ ?” ซูเหยียนกล่าวถาม
“ไม่รู้” หยางไค่ส่ายหัวไปมา : “เขาไม่ถูกคุมขัง น่าจะถูกส่งกลับไปที่จวน คนเหล่านั้นไม่กล้าที่จะทำร้ายซู่มู่ !”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซูเหยียนจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ทั้งสองเดินเข้าไปในคุกคุมขังในป่าลึก หลังจากนั้นไม่นานพวกเขามาถึงที่คุกขังหลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดมองเห็นหยางไค่และซูเหยียนที่ดูสนิทสนมกัน ทำให้พวกเขาตกตะลึงจนดวงตาเกือบจะร่วงสู่พื้นดิน และลืมแม้กระทั่งวิธีการหายใจ
โอ้ว ฟ้าดิน !! ถ้าหากข้าสามารถสนิทสนมกับศิษย์พี่ซูเหยียนเช่นี้ แม้จะถูกทุบตีจนตายก็จะไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย !! หลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆต่างอิจฉาหยางไค่อย่างสุดซึ้ง
“พวกเจ้าออกมาได้แล้ว !!” ซูเหยียนโบกมือทำลายกลอนประตูในทันที
“โอ้ว……….” กลุ่มคนเหล่านั้นทำตามโดยไม่ไม่รู้ตัว จากนั้นจึงเดินออกไปอย่างมึนงง ดวงตากว่า 10 คู่ต่างจ้องมองไปที่หยางไค่และซูเหยียนอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้ว่าการแสดงออกของซูเหยียนจะเย็นชาเพียงใด แต่เมื่อถูกมองเช่นนี้ ทำให้การแสดงออกของเธอดูไม่เป็นธรรมชาติ
“ตามข้ามา ข้าจะพาพวกเจ้าออกไป” ซูเหยียนยังแสดงออกด้วยใบหน้าที่เยือกเย็น นางพยุงหยางไค่เดินอยู่ด้านหน้า หลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆเดิมตามหลัง
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาทั้งหมดเดินออกจากคุกคุมขัง แต่ทันใดนั้นแสงสว่างที่เจิดจ้าสะท้อนเข้ามาหาพวกเขา พวกเขาทั้งหมดต่างหรี่ตาลง ด้านนอกคุกคุมขัง ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์กว่าร้อยคนยืนตั้งทัพอยู่ด้านหน้า พวกเขาต่างล้อมรอบพวกเขาไว้ทั้งหมด
“ช่างเป็นการตอ่สู้ที่ยิ่งใหญ่ !!” หยางไค่หัวเราะอย่างเฉยชา : “ศิษย์พี่หญิง พวกเขาเหล่านี้น่าจะใช้ในการต่อกรกับท่าน ?”
ซูเหยียนไม่กล่าวตอบ นางกว่าสายตากลุ่มคนทั้งหมด ก่อนจะพยุงหยางไค่และก้าวเดินไปข้างหน้า
ระหว่างทางที่นางเดินผ่าน ไม่มีใครกล้าขวาง ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ุทั้งหมดต่างแสดงอาการตื่นตกใจและหลีกทางให้นางอย่างรวดเร็ว