ตอนที่ 70 1 ต่อ 5
คำกล่าวของเม้งวูหยาค่อนข้างโศกเศร้า แต่มันคือคำกล่าวที่มาจากความรู้สึกที่แท้จริง เซี่ยหนิงฉางจึงสามารถรับรู้ความเศร้าโศกของคำกล่าวนี้อย่างชัดเจน
หรือว่าอาจารย์เคยผ่านเรื่องราวที่น่าเจ็บปวดเช่นนี้ ? ในขณะที่เธอคิดและกำลังจะกล่าวถาม เม้งวูหยาหายไปจากสายตาของเธอทันที
ในช่วงเวลาเดียวกัน ณ สมาคมใต้ดินป่าสนวายุทะมึน ที่พักอาศัยอของผู้พิทักษ์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยเหงื่อแห่งความเหน็ดเหนือยวิ่งเข้ามาอย่ารวดเร็ว เขาค่อยๆเคาะประตูกระท่อมเบา ก่อนจะสงบลมหายใจของเขาและกล่าวเรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบา : “ศิษย์พี่ซู !!”
“มีเรื่องอะไร ?” ด้านในมีเสียงที่เย็นยะเยือกแว่วออกมา สุ้มเสียงนี้น่าพิสมัย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกเยือกเย็นที่ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามาใกล้
เหงื่อที่อยู่บนร่างกายของชายหนุ่มค่อยๆกลายเป็นหยดเหงื่อและเสมือนว่าหยดเหงื่อเหล่านี้กำลังต่อสู้ในถ้ำหิมะน้ำแข็ง : “นายน้อยซู่ถูกโจมตีทำร้ายจนหมดสิต คนของเขาทั้งหมดถูกศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์จับตัวไปและถูกกักขังอยู่ในคุกคุมขังในป่าลึก”
ทันทีที่คำพูเหล่านี้กล่าวจบ ประตูกระท่อมเปิดอ้าอย่างกะทันหัน หญิงสาวที่สวมใส่ชุดสีขาวได้ปรากฏอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่ม
ชายหนุ่มรีบถอยหลังออกไปสองก้าว เขาลดศีรษะลง ไม่กล้ามองหน้าที่งดงามและไร้ฐิติของนาง
“กล่าวให้ชัดเจน เกิดอะไรขึ้น ?” ซู่เหยียนกล่าวถามอย่างเย็นชา แต่ภายในกระท่อมและรอบๆบริเวณเต็มไปด้วยความหนาวเย็นที่กำลังครอบคลุมทุกพื้นที่ พื้นดินด้านล่างมีสุ้มเสียงดังขึ้นมา มันคือเสียงของน้ำแข็งที่กำลังเกาะกุมพื้นดินด้านล่าง !!
ชายหนุ่มเล่าระเอียดอย่างรวดเร็วและกระชับมากที่สุด หลังจากที่กล่าวจบ นางไม่มีปฏิกิริยาการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน ชายหนุ่มทนต่อไปไม่ไหวจึงกล่าวเรียกด้วยเสียงที่แผ่วเบา : “ศิษย์พี่ซู่ ?”
หลังจากที่กล่าวเรียกออกไปแต่ก็ไม่มีการตอบสนอง ชายหนุ่มจึงค่อยๆยกศรีษะขึ้นเพื่อจ้องมองใบหน้าของเธอ แต่เขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของซูเหยียน เขาไม่รู้ว่าเธอจากไปตั้งแต่ตอนไหน !!
“เอื้อก !!!!” ร่างกายของศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยวซวนเซ ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงจนล้มลงไปที่พื้น
ศิษย์พี่หญิงท่านนี้ เยือกเย็นอย่างยิ่ง !! หลังจากนี้หากใครรับนางเป็นภรรยา แม้ว่าในฤดูร้อนก็คงต้องห่มผ้านวมเวลาหลับนอนจึงจะมีชีวิตรอดต่อไปได้ แต่ว่าคนอย่างศิษย์พี่ซู่ที่สูงส่งประดุจน้ำแข็งหยกที่ล้ำค่า ในใต้หล้าคงไร้ซึ่งชายหนุ่มที่ควรคู่กับนาง !!
ไม่มีใครคาดคิดว่า การกระทบกระทั่งของศิษย์รุ่นเยาว์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว จะก่อให้เกิดเป็นคลื่นพายุขนาดใหญ่ที่รุนแรงเช่นนี้
ภายในคุกคุมขังในป่าลึก หยางไค่ หลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆยังคงถูกกักขัง พวกเขาถูกนำถูกกักขังในคุกแห่งนี้เป็นเวลากว่า 1 ชั่วยาม แต่ด้านนอกยังมีความเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
หลี่หยุนเทียนและคนอื่นๆเริ่มมีความกังวลใจ พวกเขาไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงตอนนี้ซู่มู่ยังไม่มาช่วยพวกเขา แต่เมื่อหวนคิดกลับ ตอนนั้นซู่มู่ถูกทำร้ายจนหมดสติ และยังไม่รู้ว่าเขาจะฟื้นหรือยัง ถ้าหากยังไม่ฟื้น เขาก็มิอาจจะมาช่วยเหลือพวกเขาได้
ขณะที่กำลังกระวนกระวาย ประตูแห่งคุกคุมขังถูกเปิดออก ตามมาด้วยสุ้มเสียงฝีเท้า มีศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่งเดินมาถึงหน้าประตูคุกคุมขังและกล่าวตะโกน : “ใครคือหยางไค่ !!”
หยางไค่กล่าวตอบ : “ข้าเอง !!”
“ไปกับข้า !!” ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์กล่าวออกคำสั่ง : “ใครบางคนอยากพบเจ้า !!”
การแสดงออกของหยางไค่เปลี่ยนแปลง เขาหัวเราะอย่างเย็นชาและก้าวเดินออกไปโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว
“ศิษย์พี่หยาง !! อย่าออกไป รอให้นายน้อยซู่มาช่วยพวกเรา” หลี่หยุนเทียนตะโกนด้วยความตื่นตระหนก และฉุดรั้งหยางไค่เอาไว้
“ปล่อย !!” ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์กล่าวตะโกนด้วยความโกรธ : “ใครก็ตามที่กล้าจะต่อต้านมันผู้นั่นกำลังเป็นศัตรูต่อหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าคงรู้อย่างชัดเจนเกี่ยวกับผลลัทธิ์จะที่ตามมา”
หยางไค่กล่าวต่อหลี่หยุนเทียน : “ข้าออกไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าไม่ตังกังวล !!”
หลี่หยุนเทียนปล่อยมือและกล่าวด้วยเสียงที่สั่นเครืออย่างสุดซึ้ง : “ศิษย์พี่หยาง โปรดระวังตัว !!”
“ฮึ !!” ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์หัวเราะเยาะอย่างสะใจ : “ไม่เจียมตัว !!”
เมื่อเดินออกจากคุกคุมขัง ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ล็อคประตูอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะนำตัวหยางไค่ออกไป
หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขามาถึงกระท่อมไม้หลังหนึ่ง ชายคนหนึ่งเปิดประตู และกล่าวเสียงหัวเราะที่แปลกประหลาด : “เชิญ !”
หยางไค่หันหน้ากลับไปมองและหัวเราะอย่างเยือกเย็นโดยไม่หยุดยั้งก่อนจะเดินเข้าไปโดยไม่ลังเล
ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์เดิมตาหลัง และปิดประตูอย่างเสียงดัง
ทันทีที่ประตูกระท่อมถูกปิดลง หยางไค่หมุนตัวอย่างรุนแรง พุ่งฝ่ามือไปย์หน้าอกของศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ที่เดินตามหลังมา พลังหยางที่ร้อนแรงแทรกแซงเข้าไป ทำให้เขากรีดร้องด้วยน้ำเสียงที่เวทนา และกระแทกไปที่ผนังกระท่อม
เขาไม่คิดว่าหยางไค่จะกล้าลงมือโจมตีเขาเช่นนี้ จึงทำให้เขาโดนโจมตีโดยไม่ได้ตั้งตัว รู้สึกเจ็บปวด จนไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกาย
“ช่างกล้าหาญยิ่งนัก !!” ภายในกระท่อมมีเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธตะโกนออกมา ทันใดนั้นมีเงาร่างของมนุษย์ 3-4 คนกำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและพวกเขากำลังพุ่งเข้าโจมตีหยางไค่อย่างฉับพลัน
หยางไค่สามารถป้องกันการโจมตีจากพวกเขาเพียง 1 คน เวลาต่อมาเขาถูกประชิดตัว และถูกโจมตีจนทรุดลงไปที่พื้น ทันทีที่เขาล้มลงไปที่พื้นการโจมตีด้วยหมัดการเตะจากเท้าได้ถาโถมเข้าปะทะกับร่างกายของเขาอย่างรุนแรง
ท่ามกลางความวุ่นวาย หยางไค่คำรามด้วยเสียงที่เกรี้ยวโกรธ มุมปากของเขาเต็มไปด้วยเลือดสีแดงสด กลิ่นคาวหวานแห่งเลือดทำให้หยางไค่เกิดความตื่นเต้น เลือดที่อยู่ในร่างกายของเขาถูกกระตุ้นจนเดือดพล่าน พลังงานกำลังเคลื่อนไหวปะทุอยู่ในจุดตันเถียนอย่างรวดเร็ว กระดูกของเขาได้แผ่ความรู้สึกที่ร้อนระอุไปทั่วร่างกายของเขา ทำให้ผิวหนังของหยางไค่กลายเป็นสีแดงแห่งเปลวเพลิงในทันที
พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากกระดูกทองคำในครั้งนี้ ดูเหมือนว่าจะรุนแรงและแข็งแกร่งกว่าครั้งที่แล้ว
“โคร่ง !!! หยางไค่ที่ถุกรุมโจมตีอย่างรุนแรงกำลังทนต่อความเจ็บปวดที่น่าตื่นเต้น การกระทำของเขาค่อยๆรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นเขากระโจนลอยตัวขึ้นกลางอากาศ สองเท้าเตะออกไป ซึ่งมันได้โจมตีไปที่ศีรษะของศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์จำนวน 2 คน ตามมาด้วยเสียงร้องแห่งความเจ็บปวด ก่อนที่พวกเขาจะสดุดล้มและถอยกลับไป”
แต่ยังไม่ทันที่เท้าของหยางไค่จะแตะลงที่พื้น ไดมีร่างเงาของคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าปรากฏตัวออกมา สองมือของเขาจับสองเท้าที่พุ่งออกมาของหยางไค่ไว้แน่น เขาออกแรงเหวี่ยง เสมือนโยนฟผ้าแพรที่เบาหวิว หยางไค่ถูกเหวี่ยงกระแทกกับกำแพง เขาคำรามด้วยความเจ็บปวดเสมือนว่าอวัยวะภายในของเขากำลังจะแตกละเอียดเป็นปุยผง
หยางไค่พยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้น เขาค่อยๆเช็ดเลือดที่อยู่มุมปาก จากแสงสว่างที่สลัวภายในห้อง ทำให้หยางไค่มองเห็นสถานการณ์ภายในกระท่อม
ภายในกระท่อมเป็นห้องลับที่ปิดผนึกอย่างดีเยี่ยม ภายในกระท่อมมีศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมด 5 คน พลังลมปราณที่ไหลเวียนเคลื่อนไหวจากการต่อสู้กับพวกเขา ความแข็งแกร่งของพวกเขาอยู่ในขอตเขตลมปราณแรกเริ่ม ศิษย์ที่เหวี่ยงเขาจนลอยกระเด็นออกไป แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาอยู่ในเขตแดนก่อเกิดลมปราณ
1 ต่อ 5 !! นอกจากช่องว่างระดับเขตแดนยังแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การต่อสู้ในครั้งนี้ลิขิตอย่างชัดเจนว่าผู้ชนะไม่มีวันได้รับชัยชนะ !
แต่หยางไค่่ยังหัวเราะด้วยความตื่นเต้น ในสถานการณ์ที่ไร้ซึ่งความหวัง จิตใจของหยางไค่เริ่มก่อเกิดจิตวิญญิานในการต่อสู้ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้ากล้าลงมือทำร้ายผู้อื่น !!” ศิษย์แห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในเขตแดนก่อเกิดลมปราณกล่าวด้วยเสียงหัวเราะที่เย้ยหยัน : “เหิมเกริมยิ่งนัก !!”
ศิษย์ที่เหลือ 4 คนยืนอยู่ด้านหลังของเขา และจ้องมองหยางไค่ด้วยใบหน้าที่เย้ยหยันเช่นเดียวกัน
พวกเขาได้รับคำสั่งจากเฉาเจิงเหวิน ให้สั่งสอนสอนหยางไค่อย่างสาสม แต่ห้ามทำร้ายจนถึงตาย แต่ไม่มีใครคิดว่า หยางไค่จะลงมือโจมตีในทันที เขาโจมตีศิษย์คนนั้นจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสร้างความอับอายให้แก่พวกเขาอย่างมาก
“ฮึฮึ !!” หยางไค่หันหน้าเข้ากำแพง ก้มศีรษะลงต่ำ นัตย์ตาสีเลือดจ้องเขม่งไปยังศิษย์ทั้ง 5 และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น : “พวกเจ้าต้องการโจมตีทำร้ายข้า แล้วทำไมข้าถึงไม่สามารถตอบโต้ได้”
ใบหน้าของศิษย์ุแห่งหอวินัยศักดิ์สิทธิ์แปรเปลี่ยนอย่างกะทันหัน เขาหัวเราะด้วยน้ำเสียงที่ชั่วร้าย : “เจ้าฉลาดอย่างมาก ที่ล่วงรู้ถึงแผนการของพวกเรา เจ้าอยากต่อต้านพวกเราเลย ยอมให้พวกเราทุบตีอย่างสะสมใจ เพื่อผ่อนปรนความเกลียดชังและความโกรธแค้นของนายน้อยเหว่ยจวาง ถ้าหากเจ้ากล้าต่อต้าน ไม่แน่ว่าจะอาจจะต้องสูญเสียขาหรือแขนไปข้างหนึ่ง !!”
“เจ้าเข้ามาทดสอบสิ !!” หยางไค่จ้องมองเขาอย่างเย็นชา
“หุบปากซะ !! พวกเราลงมือ !!”
สิ้นเสียงคำสั่ง ศิษย์ทั้ง 5 เคลื่อนไหวอีกครั้ัง !! พวกเขาลงมือโดยไร้ซึ่งความเมตตา จากความแข็งแกร่งของพวกเขา การต่อสู้แบบตัวต่อกับหยางไค่ก็สามารถจัดการหยางไค่จนถึงรากถึงโคน แต่ตอนนี้พวกเขาทั้ง 5 พุ่งโจมตีพร้อมกัน พวกเขาต้องการสั่งสอนหยางไค่ ดังนั้นพวกเขาจึงโจมตีโ่ดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย