ตอนที่ 63 เจ้าคล้ายศิษย์พี่ของข้า
ในเมื่อตัดสินใจที่จะช่วยเขา ทำให้เซี่ยหนิงฉางไม่กล้าที่จะทำผิดพลาด มีเพียงการบังคับให้หยางไค่ใช้ความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมด จึงจะสามารถช่วยให้เขาก้าวข้ามเขตแดนไปได้
ดังนั้น เซี่ยหนิงฉางจึงใช้ความแข็งแกร่งที่รุนแรงพุ่งฝ่ามืออกไปซึ่งการโจมตีครั้งนี้เต็มไปด้วยเจตนาแห่งการฆ่าที่แท้จริง
ความแข็งแกร่งของหยางไค่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 9 เซี่ยหนิงฉางจึงใช้ความแข็งในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 3 เท่านั้น
ในช่วงเวลาสำคัญ จิตใจของหยางไค่สัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติ มันเป็นกลิ่นอายแห่งความเยือกเย็นที่ถาโถมเข้ามาโดยไม่มีเวลาให้ตอบสนอง และจิตใจของเขายังก่อเกิดความรู้สึกแห่งวิกฤตที่เกี่ยวกับพันกับความเป็นความตายของตนเองอย่างบ้าคลั่ง
ขณะที่กำลังสงสัย ทันใดนั้นเสียงฝ่ามือแหวกว่ายผ่านสายลมดังมาจากด้านหลังของเขา
มีคนแอบโจมตีเขา !! หยางไค่รู้สึกตัวอย่างกะทันหัน เขาไม่หวาดกลัวแต่กลับชื่นชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น เขารีบกระโดดกลับหลังจากตำแหน่งเดิม และหันไปมองอย่างดุดัน ก่อนจะพุ่งหมัดออกไป
จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ของเขาถูกปลูกให้ตื่นขึ้นม ในขณะที่มันยังไม่รู้ว่าจะปลดปล่อยพลังที่อยู่ในร่างกายอย่างไร แต่กลับมีคนเสนอตัวเข้ามาโดยไม่คาดคิด !! ใครคือคนที่ต้องการโจมตีเขา สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในห้วงแห่งความคิดของเขา ตอนนี้เขาต้องการที่จะต่อสู้ ต้องการการต่อสู้ที่สมบูรณ์ให้สาสมกับความต้องการของเขา !!
ปัง !!! เสียงปะทะกันดังสนั่น พลังลมปราณสั่นสะท้านไปทัวบริเวณ หยางไค่ถอยหลังออกไปหลายก้าว เซี่ยวหนิงฉางลอยตัวม้วนตัวกลับและเหยียบย้ำพื้นดินอย่างมั่นคง ดวงตาของเธอยังประกายด้วยความตื่นตะลึง
แม้ว่าตัวเธอเองใช้ใช้พลังความแข็งแกร่งในเขตแดนลมปราณแรกเริ่มขั้นที่ 3 แต่ไม่ใช่พลังความแข็งแกร่งที่เขาจะสามารถรับมือกับมันได้ การโจมตีของเธอต้องประสบความสำเร็จ มันต้องปราบปรามหยางไค่ที่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 9 ถึงจะเป็นเรื่องที่ถูกต้อง
หลังจากที่ปะทะหัน หยางไค่ใช้แสงจันทร์เพื่อดูรูปร่างลักษณะของฝ่ายตรงข้าม เป็นสตรี แต่เพราะใบหน้าของเธอปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าสีดำ ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเธอ
“ทำไมถึงเป็นสตรี !!” หยางไค่ขมวดคิ้ว และกล่าวพึมพำด้วยความไม่พอใจ
เมื่อเซี่ยหนิงฉางไดยินคำพูดเหล่านี้ ทำให้เซี่ยหนิงฉางโกรธจนตัวสั่น เธอลอยตัวบินพุ่งผ่านอากาศ เงื้อฝ่ามือ เคลือ่นไหวพลังลมปราณ กลายเป็นเงาแห่งฝ่ามือที่ปกคลุมท้องฟ้า และพุ่งไปที่ศีรษะของหยางไค่
คำพูดเหล่านั้นทำให้เธอเกรี้ยวโกรธอย่างมาก !!
หยางไค่ตะโกนคำราม เขาปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมา หมัดทั้งสองมีพลังงานหยางทีร้อนระอุไหลเวียนออกมาตลอดเวลา ก่อนที่เขาจะพุ่งหมัดทั้งสองเพื่อต่อสู้กับเซี่ยหนิงฉาง แม้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นสตรี แต่หยางไค่มิได้ผ่อนปรนแม้แต่น้อย เพราะความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด และเขาพุ่งโจมตีด้วยเจตนาแห่งการฆ่าที่รุนแรง ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทแม้แต่น้อย
แสงสว่างประดุจสายฟ้าและเปลวเพลิงพุ่งปะทะไปมาอย่างรุนแรง การต่อสู้ของหยางไค่และเซี่ยหนิงฉางไม่สามารถแยกแยะได้ว่าใครกำลังเสียเปรียบและใครเป็นผู้เหนือกว่า แต่สถานการณ์ในตอนนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นผลดีต่อหยางไค่ แม้ว่าพลังของเขาจะแข็งแกร่งและเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าทำลายที่รุนแรง แต่ไม่สามารถเทียบเคียงกับความว่องไวของเซี่ยหนิงฉาง ถ้าเขาโจมตี 2 กระบวน เซี่ยหนิงฉางจะสามารถโจมตี 3 กระบวนท่าควบคุมการเคลื่อนไหวที่ว่องไวของเธอ จากการเคลื่อนไหวได้ทุกทิศทางเสมือนสายลมที่พัดโชยมาอย่ารวดเร็วทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังหยอกล้อกับหยางไค่
เมื่อเป็นเช่นนี้มันทำให้หยางไค่รู้สึกเกรี้ยวโกรธ !! เขาสามารถสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าเขาเพียงเล็กน้อย แต่เขาไม่คิดว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นซ่อนพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริงในขณะที่ต่อสู้กับเขา เมื่อพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งเช่นนี้ การที่จะสามารถโจมตีพวกเขาได้ถือเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์อย่างยิ่ง !
ภายใต้ผ้าคลุมหน้าสีดำ เซี่ยหนิงฉางแสะยิ้มอย่างโหดเหี้ยม เธอกล่าวคิดในใจ : “ใครให้เจ้ากล่าวคำพูดเหล่านั้น สมควรที่จะโดนทุบตี !!”
หลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ หยางไค่ถูกโจมตีทุบตีจนเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย จากความเจ็บปวดที่คุ้นเคย ทำให้เลือดที่อยู่ในร่างกายเดือดพล่านและรู้สึกหิวกระหาย มันพุ่งออกมาเสมือนสายน้ำขนาดใหญ่ เมื่อตั้งใจฟังอย่างสงบเงียบจะได้ยินเสียงคลื่นกระทบไปมาอย่างรุนแรง ความอบอุ่นในร่างกายแผ่ซ่านออกมา พลังความแข็งแกร่งค่อยๆเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของเซี่ยหนิงฉางประกายด้วยความตกใจ เธอพบว่าพลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายของศิษย์น้องคนนี้เริ่มแข็งแกร่งมากขึ้น มากขึ้น ความแข็งแกร่งที่อยู่ในร่างกายค่อยๆ ก้าวข้ามเขตแดนกายาเริงอารมณ์ และก้าวข้ามไปยังเขตแดนลมปราณแรกเริ่ม และมันยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดนิ่ง มันค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง
หมัดที่ชะโลมด้วยพลังงานหยางที่ร้อนระอุมีความรวดเร็วในการโจมตีขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเขาโจมตีออกไปมันยิ่งหนักหน่วงและแข็งแกร่ง ทำให้เซี่ยหนิงฉางตัดสินใจไม่สามารถรับมือกับการโจมตีของหยางไค่ต่อไป จิตใต้สำนึกของเธอคิดที่จะเปิดใช้ความแข็งแกร่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ แต่เธอก็ยังลังเล ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจที่จะอดทนต่อไปอีก
“ใครสั่งให้เจ้ามาฆ่าข้า ?” ในขณะที่กำลังต่อสู้ หยางไค่กล่าวถามด้วยใบหน้าที่ดุดันและสุ้มเสียงที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
เซี่ยหนิงฉางไม่ได้กล่าวตอบ เธอใช้ความตั้งใจทั้งหมดแยกแยะกระบวนท่าของหยางไค่
เมื่อต่อสู้ไปมาจนกระทั่งถึงตอนนี้ ความแข็งแกร่งของหยางไค่เทียบเท่ากับความแข็งแกร่งของเธอ ทำให้เธอไม่ได้เปรียบแม้แต้น้อย เมื่อเธอปะทะกับหมัดของหยางไค่ ทำให้เธอต้องแบ่งจิตใต้สำนึกออกมาอีกหนึ่งส่วนเพื่อทำลายพลังลมปราณที่รุกรานเข้าสู่ร่างกายของเธอ
จิตใจของเซี่ยหนิงฉางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว เธอพบว่าเธอประเมินระดับความแข็งแกร่งของพลังลมปราณที่บริสุทธุ์ต่ำไป ความบริสุทธุ์นี้ ไม่ใช่วิชายุทธุ์ทั่วไปที่จะสามารถฝึกฝนออกมาได้
เมื่อต้องปะทะกันอีกครั้ง ฝ่ามือของหยางไค่และเซี่ยหนิงฉางปะทะกัน โดยที่ไม่มีใครก้าวถอยหลังแม้แต่คนเดียว
หยางไค่หรี่ตาจ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตางหน้าอย่างละเอียด สายตาของหยางไค่จับจ้องไปที่หน้าผากของเธอ เธอพบว่ามีมันมีรอยประทับแห่งอัญมณี หยางไค่แสดงออกอย่างตกใจ และกล่าวออกมา : “ข้าพบว่า............เจ้าคล้ายคลึงกับศิษย์พี่ของข้าคนหนึ่ง !!”
เซี่ยหนิงฉางกำลังป้องกันการรุกรานของพลังลมปราณหยาง เมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ ทำให้เธอสูญเสียสมาธิและตกใจกับสิงที่เกิดขึ้น เธอคิดในใจว่ามีส่วนไหนของเธอที่เปิดเผยออกมาให้เขารู้ ?เธอไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะรอยประทับจางๆที่อยู่บนหน้าผากของเธอ จึงทำให้หยางไค่สงสัย
หยางไค่จำหน้าผากของศิษย์พี่เซี่ยได้ หน้าผากของศิษย์พี่มีอัญมณีสน้ำเงิน และมันก็คือตำแหน่งแห่งรอยประทับนี้
ดวงตาของเซี่ยหนิงฉางกระพริบไปมาด้วยความกังวล ขนตาที่ยาวสลวยกระพริบไปมอย่างต่อเนื่อง หยางไค่หัวเราะเสียงดัง ทันใดนั้นเขาได้ยื่นมืออุดปากของเธออย่างกะทันหัน จากนั้นจึงดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอด ก่อนจะยื่นมือฉีกผ้าคลุมหน้าของเธอจนฉีกขาด
เมื่อถึงตอนนี้ เซี่ยหนิงฉางจึงสามารถตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอไม่ต้องการที่จะใช้ใบหน้าแท้จริงพบเจอกับเขา ประการแรกคือต้องการเพิ่มความกดดันให้แก่หยางไค่ ประการที่ 2 มันรู้สึกเขิลอาย เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่น่าอึดอัดใจ แล้วเธอจะยินยอมให้เขาถอดผ้าคลุมหน้าของเธอออกได้อย่างไร ?
ในช่วงเวลาที่หมดหวัง เธอไม่สนใจกับกับเก็บซ่อนพลังความแข็งแกร่งที่แท้จริง ทันใดนั้นพลังลมปราณที่แข็งแกร่งระเบิดขึ้นมาอย่างรุนแรง หยางไค่ตะโกนด้วยเสียงแปลกๆ และถูกผลักจนกระเด็นลอยออกไปไกลและยังล้มเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดินหลายครั้ง
หลังจากที่เขาคลานลุกขึ้น เขามองไม่เห็นแม้แต่เงาของหญิงสาว ?ฝ่ายตรงข้ามได้หนีออกไปตั้งแต่แรกแล้ว
เมื่อเขาพยายามคลานขึ้นผู้หญิงจะยังอยู่ที่นั่นได้อย่างไร? เธอหนีไปนานแล้วที่พระเจ้ารู้ที่
“หรือมันจะเป็นเรื่องจริง ?” หยางไค่ครุ่นคิด เมื่อสักครู่เขากล่าวออกมาอย่างเลื่อนรอย แต่ไม่คาดคิดว่าฝ่ายตรงขึ้นจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างรุนแรงเช่นนี้ นอกจากนั้น พลังลมปราณที่ระเบิดออกมาครั้งสุดท้าย ทำให้หยางไค่พบว่าความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าเขาอย่างมาก ถ้าหากว่าเธอต้องการฆ่าตนเองจริง มันเป็นเรื่องง่ายเฉกเช่นการยกมือขึ้น ไม่จำเป็นที่ต้องต่อสู้กับเขาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเช่นนี้ ?
ใช่หรือไม่ไม่ได้มึความสำคัญต่อเขาอีกต่อไป ภายใต้การกระตุ้นความแข็งแกร่งจากการต่อสู้ที่รุนแรงทำให้เขาสามารถทำลายขีดจำกัดสูงสุดของร่างกาย ทำให้เขาสามารถก้าวข้ามเขตแดน เขารีบนั่งลง เพื่อสัมผัสพลังของฟ้าดินอย่างละเอียด
หลังจากนั้น พลังฟ้าดินเริ่มเคลื่อนไหว ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาหาหยางไค่อย่างรุนแรงและบ้าคลั่ง
หยางไค่สูดหายใจเข้าลึกๆ รูขุมขนบนร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย เสมือนว่ากำลังดูดซับน้ำที่บริสุทธุ์ ก่อนที่จะค่อยๆดูดซับพลังฟ้าดินเข้าสู่ร่างกายอย่างสุดความสามารถ เพราะพลังฟ้าดินที่ดูดซับเข้ามาสามารถไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายและยังช่วยชำระล้างทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในร่างกายทั้งหมด
นี้คือโอกาสอันน่าอัศจรรย์ที่ผู้ฝึกยุทธุ์คนหนึ่งจะได้รับเมื่อก้าวข้ามเขตแดนที่ยิ่งใหญ่ เมื่อได้ประโยชน์จากอากาสอันน่าอัศจรยย์นี้ จะขึ้นอยุ่กับความพยายามของผู้ฝึกยุทธุ์
ห่างจากบริเวณคุกคุมขังมังกรประมาณ 100 จ้าง ใบหน้าของเซี่ยหนิงฉางแสดงออกด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าหยางไค่จะรู้ตัวตนที่แท้จริงของเธอ แต่เธอก็ยังสามารถช่วยเหลือเขาจนก้าวข้ามเขตแดน ถึงเป็ฯการช่วยเหลือที่ไม่เสียเปล่า
ในขณะที่กำลังตื่นตระหนก เงาของคนๆหนึ่งได้โผล่ออกมาทันใดนั้นชายชราคนหนึ่งที่แต่งตัวธรรมดาทั่วไปได้ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชายชราคนนี้มีผมสีชาว และลักษณ์ที่เป็นมิตร
เมื่อมองเห็นใบหน้าของคนที่มาเยือน เซี่ยหนิงฉางรีบกล่าวทักทายอย่างสุภาพ : “ศิษย์กล่าวทักทายอาจารย์อา !!”
ชายชรายิ้มอย่างเป็นมิตร : “เจ้าไม่ใช่ศิษย์แห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น !!”
เซี่ยหนิงฉางกล่าวเบาๆ : “แต่ท่านประมุขเป็นสหายคนสนิทของอาจารย์ ดังนั้นท่าประมุขจึงเป็นอาจารย์อาของข้าด้วย !!”