ตอนที่แล้วตอนที่ 61 ตอบแทน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 63 เจ้าคล้ายศิษย์พี่ของข้า

ตอนที่ 62 การตัดสินใจของเซี่ยหนิงฉาง


ณ คุกคุมขังมังกร หยางไค่ตั้งใจกับการฝึกยุทธุ์ของเขา

 

ไม่ไกลจากที่เขา ต้นสามสุริยันกำลังเจริญเติบโตและผลิผล ต้นที่ใหญ่ที่สุดได้ผลิผลออกมาเป็นจำนวน 3 ลูก ต้นที่เล็กที่สุดเพิ่งโผล่พ้นออกมาจากพื้นดิน

 

หลังจากที่ออกจากเหมืองแร่แห่งนิกายโลหิต หยางไค่ฝึกฝนวิชายุท์อยู่ที่นี้ตลอดวเวลา เขาฝึกฝนจนลืมเวลาพักผ่านเวลากินข้าว การกระทำที่ไร้ซึ่งเหตุผลของหล่งไจ้เทียนทำให้เขาต้องเก็บความแค้นไว้ในจิตใจเสมอมา เขาต้องการจะฝึกฝนวิชายุทธุ์ให้แข็งแกร่ง ความอัปยศในครั้งนั้นไม่ว่าจะช้าหรือเร็วเขาต้องแก้แค้นเอาคืนกลับมาด้วยมือของตนเอง

 

หลังจากที่ฝึกฝนวิชายุทธุ์ด้วยความลำบากกว่า 10 วัน เขตแดนกายาเริงอารมณ์ขึ้นที่ 9 กำลังจะถึงขีดจำกัดสูงสุดของมัน ดูเหมือนว่าเขากำลังจะก้าวข้ามเขตแดนนี้ แต่ก็ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่ขัดขวางเอาวไ ทำให้หยางไค่รู้สึกสิ้นหวังอย่างมาก

เขารู้ดีว่าการก้าวข้ามเขตแดนที่แข็งแกร่งจำเป็นต้องมีโอกาสที่โชคดี มันไม่ใช่เรื่อง่ายเหมือนกับการก้าวข้ามเขตระดับต่ำ แม้ว่าร่างกายของเขาจะมีพลังลมปราณที่ไหลเวียนอย่างเพียงพอ แต่เขาจำเป็นต้องค้นหาโอกาสทีเหมาะสมเพื่อทำความเข้าใจกับในสิ่งที่ต้องเข้าใจ

การฝึกฝนวายุทธุ์หลายวันที่ผ่านมาทำได้อย่างราบรื่น เขาไม่จำเป็นต้องไปกวาดทำความสะอาดในทุกๆวัน ทำให้มีเวลามากขึ้นในการฝึกยุทธุ์ ต้นหญาสลายวิญญานและดอกสามใบเถาถูกใช้จนหมดตั้งแต่หลายวันที่แล้ว เมื่องมีกลิ่นหอมจากกระถางธูปกดดันการฝึกยุทธุ์ ทักษะการต่อสู้แห่งพลังงานหยางมีการไหลเวียนที่รวดเร็วขึ้นอย่างมาก ทำให้หยางไค่สามารถดึงดูดพลังงานหยางที่อยู่ที่เบื้องล่างได้มากขึ้น

แต่หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่ก่อกำเนิดขึ้นจากการฝึกยุทธุ์ ต่างถูกใช้กับเมล็ดพันธุ์สามสุริยัน ดังนั้นในจุดตันเถียนของเขาจึงไม่มีหยดน้ำพลังลมปราณหยางดำรงอยู่แม้แต่หยดเดียว

พลังหยางก่อตัวรอบๆบริเวณร่างกายของหยางไค่ มันรอเวลาที่หยางไค่จะก้าวเข้าสู่เขตแดนลมปราณแรกเริ่มแล้วมันจะพุ่งผสานรวมเป็นหนึ่งกับร่างกายของหยางไค่ เพื่อชำระสิ่งสกปรกที่อยู่ภายในร่างกาย แต่หยางไค่ที่นั่งฝึกฝนวิชายุทธุ์เป็นเวลานายก็มิอาจประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามเขตแดนนั้นไปได้

จนกระทั่งตอนนี้ผ่านไป1 วัน 1 คืน หยางไค่ยังนั่งฝึกยุทุธุ์อยู่ที่เดิมโดยไม่มีการเคลื่อนไหว แม้ว่าจิตใจจะไม่รู้สึกกังวลหรือรีบร้อน แต่เขาไม่สามรถปลดปล่อยจากห่างที่ผูดมัดร่างกายของเขาเอาวไ ทำให้เขาเกิดความรู้สึกที่แปลกประหลาด

คำคืนที่มืดมน ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดาวที่ส่องแสงประกายเป็นจำนวนมากมาย ถัดจากคุกขุมขังมังกร ทันใดนั้นหยางไค่ตกอยู่ในห้วงอารมณ์ที่เป็นกังวล พลังลมปราณในร่างกายเริ่มมีความผิดปกติ มันยุ่งเหยิงและวุ่นวายไปหมด ใบหน้าของหยางไค่ยังแสดงออกถึงความเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณ

ไม่ไกลจากคุกคุมขังมังกร เซี่ยหนิงฉางที่เฝ้าดูหยางไค่ส่งเสียงออกมาอย่างกะทันหัน แม้ว่าระยะทางที่ห่างกันอย่างมาก แต่เซี่ยหนิงฉางสามารถสัมผัสได้ถึงความผันผวนที่ผิดปกติของพลังลมปราณ พลังลมปราณที่ผันผวนยังเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บและความชั่วร้าย !!

 

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ ? นี้เป็นสัญญานที่ชัดเจนว่าเขากำลังจะเดินทางเข้าไปในห้วงแห่งความชั่วร้าย เมื่อสักครู่เขากำลังจะก้าวข้ามเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 9 แล้วทำไมถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?

 

หรืออาจจะกล่าวได้ว่า ผู้ฝึกยุทธุ์ที่มีความแข็งแกร่งระดับต่ำเช่นหยางไค่ เขาไม่มีคุณสมบัติที่จะฝึกยุทธุ์จนเข้าสู่ความชั่วร้าย เมื่อเขาอยู่ในเขตแดนที่สูงกว่านี้ จึงจะสามารถฝึกยุทธุ์จนก่อเกิดเป็นสถานการณ์เช่นนี้

 

แต่ว่าตอนนี้ สถานการณ์เหล่านี้กับเกิดขึ้นกับหยางไค่

 

เซี่ยหนิงฉางขมวคิ้วที่โค้งงอนอย่างรุนแรง เข้าไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

 

เหตุผลที่เธออยู่ที่นี้ เพราะเธอเดินเข้ามาเอง เพราะเธอได้เฝ้าดูหยางไค่อย่างเงียบๆมากว่า 2 ปี มันจึงกลายเป็นนิสัยและความเคยชินอย่างหนึ่ง หลายวันที่ผ่านมาหยางไค่หายตัวไปอย่างฉับพลัน ทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวอ้างว้างเวลาที่อยู่ตัวคนเดียว ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็ไร้ซึงอารมณ์ไร้ซึ่งความสุข เธอจึงค้นหาหยางไค่ ในที่สุดเธอก็ได้พบกับหยางไค่ในคุกคุมขังมังกร ทำให้เธอสามารถปลดปล่อยความหนักอึ้งที่อยู่ในจิตใจ

 

หลังจากที่มาถึงที่นี้ เซี่ยหนิงฉางรู้ว่าหยางไค่กำลังจะประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามเขตแดน หลังจากที่เฝ้าดูเฝ้ารอคอยมา 1 วัน หยางไค่ยังไม่สามารถประสบความสำเร็จ และตอนนี้ยังเกิดเรื่องที่แปลกประหลาด ทำไมเธอจะไม่สงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ในขณะที่เซี่ยหนิงฉางกำลังกังวลและกระวนกระวาย ทันใดนั้นร่างกายของหยางไค่ได้มีกลิ่นอายแห่งความร้อนที่เข้มข้นและบริสุทธุ์แผ่ออกมาอย่างกะทันหัน จากกลิ่นอายที่แผ่ออกมา ร่องรอยแห่งการเข้าสู่ห้วงแห่งความชั่วร้ายมลายหายไปในพริบตา พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายของหยางไค่ที่ผันผวนเมื่อสักครู่ได้สงบลงในทันที

“พลังงานหยางที่แท้จริง” เซี่ยหนิงฉางอ้าปากค้าง ดวงตาคู่งามกระพริบไปมา ก่อนที่จะกล่าวด้วยความประหลาดใจ : “ทำไมมันถึงบริสุทธุ์เช่นนี้”

พลังความร้อนที่บริสุทธุ์ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเป็นพลังลมปราณหยาง ศิษย์สาวกแห่งหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว มีจำนวนไม่น้อยที่สามารถฝึกฝนทักษะการต่อสู้แห่งพลังเปลวไฟและพลังงานหยาง ร่างกายของพวกเขาจึงมีพลังลมปราณที่ร้อนระอุ แต่ไม่ว่าจะเป็นศิษย์คนไหน พลังลมปราณที่บริสุทธุ์ของพวกเขาก็มิอาจเทียบกับหยางไค่ได้

 

พลังความร้อนนี้ไม่เข้มข้นและหนาแน่นมากนัก แม้ว่าความแข็งแกร่งของหยางไค่ไม่สูงมาก แต่มันกลับสะอาด บริสุทธุ์ ไม่มีสิ่งสกปรกอยู่ในนั้นแม้แต่น้อย เสมือนว่าเป็นสายน้ำที่ไม่เคยได้รับการปนเปื้อนจากสิ่งสกปรกภายนอก

 

ยังไม่ทันที่จะตอบสนองกับสิ่งที่เกิดขึ้น เซี่ยหนิงฉางพบว่าหยางไค่ได้เข้าสู๋ห้วงแห่งความชั่วร้ายอีกครั้ง กลิ่นอายที่เยือกเย็นเสมือนปีศาจกำลังแทนที่กลิ่นอายพลังความร้อนนั้น มันกำลังแพร่กระจายไปยังร่างกายของหยางไค่อย่างช้าๆ

 

หลังจากนั้นสักครู่ พลังความร้อนที่บริสุทธ์ได้แผ่ออกมาอีกตรั้ง และได้ปราบปราพลังเยือกเย็นแห่งปีศาจนั้นลงไป ทำให้หยางไค่สามารถฟื้นฟูพลังลมปราณอีกครั้ง

มันเป็นเช่นนี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายครั้ง เซี่ยหนิงฉางจ้องมองอย่างตะลึงจนอ้าปากค้าง !! เธอไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์ที่แปลกประหลาดขณะที่ผู้ฝึกยุทธุ์กำลังจะก้าวเขตแดน

 

กล่าวอีกนัยหนึ่ง การก้าวข้ามเขตแดนกายาเริงอารมณ์เข้าสู่เขตแดนลมปราณเริ่มแรกจะมีพลังจากฟ้าดินคอยช่วยเหลือ แต่ว่าเขตแดนนี้อยู่ในเขตแดนที่ระดับต่ำ เพียงแค่พยายามก็จะสามารถทะลุทะลวงก้าวข้ามเขตไปยังเขตแดนที่สูงกว่า แต่สถานการณ์ของหยางไค่กับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การต้านทานจากอุปสรรค์ของเขายิ่งใหญ่มากกว่าคนอื่นๆ มันยากลำบากและต้องทนทุกข์ทรมาณเช่นเดียวกับเธอในขณะที่ก้าวข้ามเขตแดนระดับสูง

ตอนนี้หยางไค่กำลังเจ็บปวดทรมาณกับสิ่งที่เกิดขึ้น หยางไค่สัมผัสได้ถึงร่องรอยแห่งความน่าอัศจรรย์ เหลือเพียง 1 ก้าวเขาจะสามารถก้าวเข้าไปยังประตูแห่งเขตแดนลมปราณแรกเริ่ม แต่ทันใดนั้นเอง กระดูกที่อยู่ภายในร่างกยได้แผ่พลังที่ชั่วร้ายออกมาอย่างกะทันหัน ทำให้ตัวเขาเองเกือบจะสูญเสียสติของตนเอง แต่โชคดีที่มีพลังลมปราณหยางได้ระเบิดออกมาอย่างรุนแรง ทำให้ตนเองสามารถดึงสติที่เกือบจะหลับใหลกลับมาได้

 

ขณะนี้ ในร่างกายของเขามีพลังสองชนิดที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือด พลังอย่างแรกคือพลังงานหยางที่เขาฝึกฝนออกมา ส่วนพลังอีกอย่างคือพลังแห่งความชั่วร้ายที่ผุดออกมาจากกระดูกของเขา ทั้งสองต่างต่อสู้ดิ้นรนไปมาอย่างบ้าคลั่ง พวกมันทั้งสองใช้ร่างกายของตนเองเป็นสนามรบ เมื่อพลังความชั่วร้ายครอบงำจิตใจ มันทำให้จิตใต้สำนึกของเขาเริ่มลืมทุกสิงทุกอย่าง สติค่อยๆ เลือนหายไป ความรู้สึกแห่งความตื่นเต้นความกระหายเลือดได้วิ่งพล่านอยู่ภายในจิตใจของเขา เขาเกลียดแค้นจนต้องฆ่าใครสักคน

ความรู้สึกเช่นนี้เป็นความรู้เช่นเดียวกับตอนที่ตนเองถูกทุบตีจนได้รับบาดเจ็บจากการประลองยุทธุ์ แต่มันก็ยังมีจุดเล็กๆที่แตกต่างกัน ในขณะที่ตนเองกำลังต่อสู้แล้วได้รับบาดเจ็บแม้ว่าตนเองจะรู้สึกเกลียดแค้นและกระหายเลือด แต่จิตใต้สำนึกและสิตของเขาอย่างคงชัดเจน

 

แต่เมื่อพลังงานหยางครอบงำจิตใจของเขา ทำให้เขามีจิตใต้สำนึกและสติที่ชัดเจน และยังทำให้ร่างกายรู้สึกสบายปลอดโปร่งและเป็นอิสระ

 

เมื่อพลังความชั่วร้ายและพลังงานหยางต่อสู้ไปมาโดยไม่มีที่สิ้นสุด โดยไม่สามารถแยกแยะได้ว่าฝ่ายไหนจะเป็นผู้ชนะและผู้พ่ายแพ้

หยางไค่รู้สึกทรมาณถึงที่สุด

 

เซี่ยหนิงฉางโผบินอยู่ภายในหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว เธอสวมใส่เสื้อผ้าสีดำที่รัดแน่น แสดงให้เห็นเรือนร่างที่งดงาม เอวเล็กที่บางเบา สองขาที่เรียวยาว ทำให้ผู้พบเห็นคิดเป็นอื่นไกล ผมสีดำขลับผูกไว้ด้านหลังอย่างสง่า ใบหน้าปกคุลมด้วยผ้าคลุมสีดำ เธอรีบวิ่งเข้าไปหาหยางไค่อย่างตื่นตระหนก

เธอจ้องมองจากตำแหน่งของเธอเป็นเวลานาน เธอรู้สึกกังวลแทนหยางไค่ เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดเธอจึงตัดสินใจที่จะช่วยเขา โดยปกติแล้ว ไม่ควรที่จะรบกวนคนคนหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังจะก้าวข้ามเขตแดน แต่เพราะเซี่ยหนิงฉางสัมผัสได้ถึงการต่อสู้ที่รุนแรงและแข็งแกร่ง ซึ่งเกิดขึ้นภายในร่างกายของหยางไค่!! นั่นคือการต่อสู้ที่กระหายเลือด โหดเหี้ยม บ้าคลั่ง และมันต้องการทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างให้หมดสิ้น !!

มีการต่อสู้เพียงอย่างเดียว ที่จะช่วยปลดปล่อยเขาออกจากพันธนานี้ และยังสามารถช่วยเหลือเขาออกจากหุบเหวแห่งอันตายที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้

 

ดังนั้นเซี่ยหนิงฉางจึงกลับไปที่บ้านของเธอ เพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าของเธอ ไม่เช่นนั้นเขาอาจจะรู้ว่าเธอเป็นใคร เพราะก่อนหน้านั้นเขาและเธอเคยพบเจอกับมาก่อน

 

เธอรีบไปรีบกลับมาอย่างรีบร้อน ขณะที่เธอกลับมาถึงคุกคุมขังมังกร หยางไค่ยังอยู่ท่ามกลางความทุกข์ทรามาณ และดูเหมือนว่าเขาจะได้รับความทุกข์ทรมาณยิ่งกว่าก่อนหน้านั้น

 

เซี่ยหนิงฉางกระโจนเข้าไปหายางไค่โดยไม่ลังเล เธอพ่งฝ่ามืออกไปอย่างรุนแรง ดวงตาเต็มของเธอยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งการฆ่าที่หนักหน่วง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด