ตอนที่ 61 ตอบแทน
ทำไมหล่งไจ้เทียนต้องโจมตีเขา ? หยางไค่เหลือบมองไปยังหู่เหม่ยเอ่อที่แสดงออกด้วยความเสียใจและขออภัยต่อหยางไค่ ก่อนที่เขาจะเข้าใจในสิ่งที่หล่งไจ้เทียนกระทำ
เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องถาม ปล่อยให้มันผ่านไปเป็นสิ่งที่ดีกว่า
หู่เหมยเอ่อเป็นหญิงสาวที่เฉลียวฉลาด แม้ว่าหยางไค่จะเหลือบมองเธอ แต่เธอก็เข้าใจเหตุผลที่หยางไค่เหลือบมอง
“ท่านปู่หล่งไม่อนุญาตให้เจ้าเข้าไปในเหมืองแร่ ข้าเองไม่สามารถหักหน้าเขาได้ ใช้วิธีการนี้ดีกว่า ข้าจะเข้าไปเพื่อช่วยซื้อเมล็ดัพนธุ์เหล่านี้ออกมาให้แก่เจ้า เจ้ารอข้าอยู่ที่นี้” หู่เหมยเอ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“ตกลง” หยางไค่ทราบดีว่าวิธีนี้เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถทำได้ เขาจึงนำทรัพย์สมบัติที่มีค่าต่างๆของเขาออกมา จากนั้นจึงกล่าวบอกชื่อของศิษย์ที่เก็บเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นได้ ในจุดนี้ เขาค้นหาข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเมล็ดพันธุ์สามสุริยันตั้งแต่อยู่ในสมาคมใต้ดินวายุทะมึน
หู่เหมยเอ่อเข้าไปในเหมืองใต้ดิน ดวงตาของหยางไค่กวาดมองไปยังกระท่อมที่อยู่บนพื้นราบ เมื่อสักครู่หล่งไจ้เทียนเดินเข้าไปในกระท่อมเหล่านั้น เขารู้สึกและสัมผัสได้ว่า ภายในกระท่อมมีดวงตาคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเขาตลอดเวลาโดยไม่มีการละสายตาจากเขาแม้แต่น้อย
ภายในกระท่อม ชายชราและชายหนุ่มกำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างและกำลังจ้องเขม่งไปที่หยางไค่
ชายชราคือหล่งไจ้เทียนที่ลงมือต่อหยางไค่เมื่อสักครู่ ส่วนชายหนุ่มดูเหมือนจะมีอายุที่ไม่แตกต่างกับหยางไค่ เขาก็คือหลานชายของหล่งไจ้เทียน หล่งฮุย !!
หล่งฮุยจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่เย็นชา เขากล่าวด้วยความไม่พอ : “ท่านปู่ ทำไมท่านปู่ไม่ฆ่ามัน ?”
หล่งไจ้เทียนหัวเราะอย่างเย็นชา : “เมยเอ่อปกป้องมัน เจ้าจะให้ข้าฆ่ามันได้อย่างไร ?”
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ยิ่งต้องฆ่าให้เร็วที่สุด ที่ผ่านมาข้าไม่เคยเห็นน้องหญิงใส่ใจกับชายหนุ่มคนไหนมาก่อน ความสัมพันธุ์ระหว่างเมยเอ่อและไอ่เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา ถ้าหากมันยังมีชีวิตอยู่ต่อ มันต้องเป็นภัยพิบัติให้แก่นิกายโลหิตอย่างแน่นอน”
“อืม ที่ผ่านมาเมยเอ่อไม่เคยปกป้องใคร ครั้งนี้เพื่อปกป้องมันเมยเอ่อยังกล้าที่จะต่อต้านข้าที่เป็นรองประมุขแห่งนิกายโลหิต มันค่อนข้างผิดปกติยิ่งนัก” หล่งไจ้เทียนกล่าวด้วยความหงุดและขมวดคิ้วไปมา
หล่งฮุยกล่าวด้วยความอิจฉาอย่างสุดซึ้ง : “ตอนนี้เมยเอ่อเข้าไปในเหมืองใต้ดิน ท่านปู่จะลงมืออีกครั้งหรือไม่ ?”
หล่งไจ้เทียนกล่าวมองไปที่หล่งฮุยด้วยความเฉื่อยชาและกล่าวตอบแก่เขา : “ไม่มีปัญหาหากว่าปู่จะลงมืออีกครั้ง การฆ่ามันเป็นเรื่องที่ง่ายดายยิ่งนัก แต่ถ้าหากมันตายเพราะพวกเรา แล้วทำให้เมยเอ่อเกิดความโกรธแค้นต่อพวกเรา เจ้าว่ามันคุ้มหรือไม่ ?”
หล่งฮุยสะดุ้ง ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา : “ไม่คุ้ม แต่จะปล่อยให้มันสานสัมพันธุ์กับเมยเอ่อต่อไปหรือไง ? ข้าทนไม่ได้ !!”
“นี้เจ้า!!”หล่งไจ้เทียนถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ : “เรียนรู้ไถ่ถามกลยุทธุ์ต่างๆจากพี่ใหญ่ของเจ้าและดูว่าเขาปฏิบัติต่อผู้หญิงที่เขาชอบอย่างไร เจ้าต้องการเมยเอ่อ เจ้าต้องใช้ความตั้งใจที่มากกว่านี้ ปู่สามารถฆ่ามันแทนเจ้าได้ แต่ปู่คงไม่สามารถพิชิตใจหญิงสาวแทนเจ้าได้ หู่หมั่นไร้ซึ้งบุตรชาย เขามีเพียงเจียวเอ่อและเมยเอ่อทั้งสองคนนี้เท่านั้น ถ้าหากเจ้าและพี่ใหญ่ของเจ้าสามารถกุมหัวใจของพวกเธอทั้งสองได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นในอนาคตอันใกล้นิกายโลหิตจะเป็นของตระกูลหล่ง !! ตระกูลหล่งทั้ง 3 รุ่นต่างช่วยเหลือและมอบชีวิตให้แก่นิกายโลหิตมาหลายสิบปี มันถึงเวลาสมควรที่ตระกูลหล่งจะได้ลิ้มลองรสชาติของการเป็นประมุขแห่งนิกายโลหิต”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทำให้เลือดที่อยู่ในร่างกายของหล่งฮุยเดือดพล่าน เขาพยักหน้า : “ถึงเวลาที่ตระกูลหล่งต้องเป็นประมุขแห่งนิกายโลหิต เมยเอ่อไม่มีทางหลบหนีจากเงื้อมมือข้าได้ และหู่เจียวเอ่อไม่มีทางที่จะหลบหนีจากเงื้อมมือของพี่ใหญ่ไดอย่างแน่นอน”
“อืม เจ้ามีความทะเยอะทะยานเช่นนี้มันเป็นิส่งที่ดี” หล่งไจ้เทียนพยักหน้าและยิ้มให้แก่หล่งฮุ่ย
หล่งฮุยจ้องมองหยางไค่ด้วยความรู้สึกชิงชังและเกลียดแค้น ก่อนจะกล่าวด้วยความกระวนกระวาย : “ท่าปู่ แล้วคนคนนี้ ..............”
“เจ้าหาโอกาสจัดการมันซิ ความแข็งแกร่งของมันไม่สูงมาก เจ้าสามารถรับมือกับมันได้”
“ขอรับ !!” หล่งฮุยหัวเราะอย่างเยือกเย็น
แม้ว่าตอนนี้ไม่สามารถลงมือได้ เพราะหู่เหมยเอ่อจะกลับมาในไม่ช้า แต่หยางไค่เป็นศิษย์ของหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว ไม่มีทางที่เขาจะสามรถหลบหนีออกไปได้
หยางไค่รออยู่ด้านนอกสักครู่ หลังจากกลิ่นตัวที่หอมหวานของหู่เมยเอ่อได้โชยออกมา เธอเดินออกมาด้วยรอยยิ้มและในมือของเธอยังมีเมล็ดพันธุ์สามสุริยันจำนวน 4 เม็ด เธอมอบเมล็ดพันธุ์ทั้งหมดให้แก่หยางไค่ ก่อนจะกล่าวด้วยความเหน็ดเหนื่อย : “โชคดีที่ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต !!”
สิ่งที่คุณหนูแห่งนิกายโลหิตต้องการ จะมีศิษย์คนไหนที่กล้าจะไม่ขาย ?
“ขอบคุณมาก !!” หยางไค่นำเมล็ดพันธุ์ใส่ไว้ในถุงผ้าอย่างระมัดระวัง
หลังจากที่ยืนอยู่ในในตำแหน่งเป็นเวลานาน ดวงตาของหยางไค่ต่อต้านอยู่สักครู่กอ่นที่เขาจะกล่าว : “เจ้าช่วยข้า 1 ครั้ง ข้าจะตอบแทนความช่วยเหลือในครั้งนี้”
หู่เหมยเอ่อรู้สึกแปลกเขาจ้องมองหยางไค่และกล่าวถาม : “หมายความว่าอะไร ?”
หยางไค่กวักมือ : “เจ้าตามข้ามา !!”
แม้ว่าหู่เหมยเอ่อไม่รู้ว่าเขาต้องการจะทำอะไร แต่เธอก็เดินตามเขาไปอย่างเชื่อฟัง
หลังจากที่เดินไปประมาณ 30 จ้าง หยางไค่หยุดเดิน และกระทืบเท้าอย่างกะทันหัน : “เจ้าจำตำแหน่งที่ข้ายืนไว้ จากความลึกที่อยู่ใต้ดินประมาณ 70 จ้าง มันน่าจะมีสิ่งของบางอย่างที่ล้ำค่า”
หู่เหมยเอ่อเบิกตากว้างด้วยความสงสัย : “เจ้ารู้ได้อย่างไร ?”
หยางไค่กล่าวด้วยเสียงที่หนักแน่น : “ข้าฝึกฝนวิชายุทธุ์อย่างหนึ่ง เมื่ออยู่ในบริเวณที่เต้มไปด้วยพลังงาหยาง ข้าจะสามารถสัมผัสมันได้อย่างชัดเจน ใต้ดินแห่งนี้มีสมบัติล้ำที่อุดมไปด้วยพลังงานหยาง พลังที่มันแผ่นออกมาเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องและยังมีความบริสุทธุ์มากกว่าหินพลังงานหยางเหล่านั้นหลายพันเท่า”
เมื่อมาถึงตรงนี้ หยางไค่สัมผัสได้ว่าบริเวณแห่งนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติและแตกต่างจากสถานที่อื่นๆ แต่เมื่อขบคิดไตร่ตรองเป็นเวลานาน เขาตัดสินใจที่จะกล่าวบอกเรื่องนี้ให้แก่หู่เหมยเอ่อ เหตุผลประการแรกเพราะบริเวณแห่งนี้เป็นอาณาเขตของนิกายโลหิต แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่พบเจอกับสิ่งล้ำค่าเหล่านี้ เขาก็มิอาจครอบครองมันได้ ประการที่ 2 เพื่อตอบแทนบุญคุณของหู่เหมยเอ่อ วันนี้ที่เธอช่วยเหลือเขา เขามองเห็นอย่างชัดเจน
“อ่า ?” เมื่อได้ยินคำพูดของหยางไค่ หู่เหมยเอ่อตื่นตกใจไปชั่วขณะ
“เจ้าเชื่อข้าไหม ?”
“เชื่อ !!” หู่เหมยเอ่อตอบด้วยความดีใจ ทำให้หยางไค่รู้สึกหวั่นไหวอย่างมาก
“งั้นก็ดีแล้ว” หยางไค่หัวเราะเบาๆ : “แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ด้านล่าง แต่มันมีค่ามากมายมหศาล นอกจากจากสมบัติที่อุดมไปด้วยพลังงานหยาง มันยังมีสิ่งอื่นๆซ่อนอยู่ด้านล่าง แต่ข้าไม่สามารถสัมผัสได้ว่ามันคืออะไร แต่จากการคาดเดาของข้า ความลับที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง น่าจะเป็นจุดกำเนิดสิ่งแปลกประหลาดในเหมืองแร่ของนิกายโลหิต หรืออาจจะกล่าวได้ว่า เพราะมีการดำรงอยู่ของพวกมัน สถานที่แห่งนี้จึงมีเหมืองแร่ที่เปรียบเสมือนใจกลางของที่นี้”
หู่เหมยเอ่อตกตะลึงจนไม่สามารถกล่าวอะไรออกไป ถ้าหากสิ่งที่หยางไค่กล่าวเป็นความจริง ความลับที่ซ่อนอยู่ด้านล่างต้องเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง
“เจ้าเป็นหญิงที่ชาญฉลาด เจ้าน่าจะรู้ว่าต้องทำอย่างไรต่อไป” หยางไค่กล่าวบอกอย่างเข้มงวด
“ข้ารู้ !!” หู่เหมยเอ่อค่อยๆ พยักหน้า
“เอาล่ะ พวกเราไปกันเถอะ !!” หยางไค่กล้าวด้วยรอยยิ้ม
“อืม”
ในขณะที่เดินผ่านป่าลึก หู่เหมยเอ่อและหยางไค่ไมได้กล่าวสนทนากันต่อ พวกเขาทั้งสองต่างสัมผัสและซึมซับความอบอุ่นของป่าแห่งนี้
หู่เหมยเอ่อมีความสุขอย่างมาก เพราะหยางไค่กล่าวบอกข้อมุลที่สำคัญให้แก่เธอ มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าจิตใจของหยางไค่ได้เปลี่ยนทัศนคติที่มองเธอว่าเป็นผู้หญิงที่สกปรก เธอยังจำครั้งที่แล้ว เขาคิดว่าตัวเป็นเป็นผู้หญิงที่เลวร้าย ชอบยั่วยวนและสกปรกและเขายังกล่าวว่าเธอต่างๆนาๆ
แต่ครั้งนี้ช่างแตกต่างกันอย่างมาก เขาปฏิบัตต่อเธอย่างอ่อนโยน
“เราแยกกันตรงนี้ละกัน !!” หยางไค่หยุดเดินอย่างกะทันหัน หู่เหมยเอ่อตื่นตะลึง ทั้งสองมาถึงเส้นทางที่ต้องแยกจากกันโดยไม่รู้ตัว เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก !! หู่เหมยเอ่อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย
“ลาก่อน !!” หยางไค่กล่าวบาก่อนที่จะรีบกลับไปยังหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว
ช่างรีบร้อนยิ่งนัก !! หู่เหมยเอ่อหัวเราะอย่างขมขื่น