ตอนที่ 55 ชาชั้นยอด
แต่ทำไมเขาถึงมาหาเธอที่นี้ ? แม้ว่าหู่เหมยเอ่อไม่เชื่อคำพูดของพี่สาว แต่ในใจของเธอก็รู้สึกสงสัยเช่นเดียวกัน
เมื่อมองเห็นทางที่สงสัยของเธอ หู่เจียวอ่อถอนหายใจและกล่าว : “ความลุ่มหลงเข้าครองงำจิตใจ สุดท้ายต้องพาลพบกับความเสียใจ !!”
หู่เหมยเอ่อกล่าวด้วยความรำคาญ : “ข้าจะไม่คุยกับท่านพี่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เขามาหาข้าถึงที่นี้ เขาต้องมีเรื่องรีบร้อนอย่างแน่นอน ข้าจะไปถามเขาดู”
ในขณะที่เธอกำลังจะลุก เธอกลับถูกพี่สาวดึงตัวไว้ หู่เจียวเอ่อหมุนดวงตาไปมา และกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ : “น้องเล็ก ข้าจะเดิมพันกับเจ้า เจ้าว่าอย่างไร?”
“เดินพันอะไร ?” หู่เหมยเอ่อกล่าถามด้วยความสงสัย
“เดิมพันว่าเขาเป็นชายเจ้าเสน่ห์ที่มีนิสัยหน้าซื้อใจคดหรือเปล่า !! ถ้าหากเขาเป็นคนอย่างที่เจ้าพูด ข้าจะอยู่อย่างสงบโดยไม่ระรานพวกเจ้า แต่ถ้าหากเขาไม่ใช่ น้องเล็กอย่ากล่าวโทษพี่ว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมและไร้ความเมตตา !!” ขณะที่หู่เจียวเอ่อกล่าว ดวงตาของเธอได้ประกายแสงแห่งความเยือกเย็นออกมาอย่างรุนแรง
หลายปีที่ผ่านมา หู่เมหยเอ่อใช้ชีวิตอยู่ด้านนอกโดยฝ่าลมฝ่าฝน แต่เธอก็ยังสามารถรักษาความบริสุทธุ์ของเธอไว้เนื่องจากพี่สาวคนนี้ของเธอ บรรดาชายหนุ่มชั่วร้ายที่ต้องการบังคับหู่เหมยเอ่อ ต่างตายโดยไม่ทราบสาเหตุ
วิธีการลงมือที่โหดเหี้ยมของพี่สาว หู่เหมยเอ่อเข้าใจมากกว่าใคร เมื่อมองเห็นทัศนคติต่อหยางไค่เช่นนี้ เธอร็อย่างแน่นอนว่าพี่สาวของเธอกำลังวางแผนที่น่ารังเกียจ
“ท่านพี่ ท่านพี่จะทำอะไร ?” หู่เหมยเอ่อกล่าวถามด้วยความตื่นตกใจ
“เจ้านั่งชมก็พอ หึม !!” หู่เจียวเอ่อสะบัดมือของเธอ ทันใดนั้นกลุ่มควันกลุ่มหนึ่งได้โชยออกมาและปกคลุมร่างกายของหู่เหมยเอ่อ ทำให้ร่างกายของหู่เหมยเอ่อค่อยๆ จางลง และหายไปจากการมองเห็นทันที
“ท่านพี่ท่านอย่าทำอะไรวู่วาม !!” หู่เหมยเอ่อใช้แรงทั้งหมดทุบตีไปยังอากาศที่ว่งเปล่า เสียงของเธอไม่เล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อย เธอไม่สามารถเดินออกจากบริเวณที่ถูกปกคลุมไว้ได้ เธอมองเห็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกระท่อม ทำให้เธอรู้สึกตื่นกลัวอย่างยิ่ง
ด้านนอก หยางไค่รู้ได้สักพักยังมองไม่เห็นหู่เหมยเอ่อมาเปิดประตู เขาจึงถอยหายใจด้วยความผิดหวัง
ดูเหมือนว่าวันนี้เขาคงทำให้เธอไม่พอใจอย่างมาก การที่เธอจะโกรธถึงเพียงนี้ก็สมควร ถ้าหากเป็นหญิงสาวคนอื่นๆ ถูกเขากล่าวว่าด้วยคำพูดเหล่านั้น คงไม่มีทางปฏิบัตต่อเขาอย่างสงบเช่นหู่เหมยเอ่อ
ช่างมัน เดิมทีเขาไม่หวังว่าเธอจะช่วยเหลือ การที่เขามายังที่นี้เพราะต้องการทดสอบเสี่ยงโชคเท่านั้น ตอนนี้หู่เหมยเอ่อไม่ต้องการที่จะคุยกับเขาก็เป็นเรื่องของเธอ เขาไม่มีสิทธิ์บังคับให้เธอทำในสิ่งที่เธอไม่ต้องการ
ขณะที่เขากำลังหันหลังกลับ ภายในกระท่อมไดมีเสียงของหู่เหมยเอ่อดังแว่วออกมา : “เข้ามาได้ !!”
หยางไค่อึ้งอยู่ชั่วครู่ เขาบ่นพึมพำกับตนเองก่อนที่จะเปิดประตูเข้าไป
เขาเดินเข้ามาในกระท่อมและเปิดประตู เสียงแห่งความวุ่นวายพลันเงียบหายไปในทันที และถูกแทนด้วยเสียงแห่งความสงบ
หยางไค่สังเกตภายในกระท่อมอย่างถี่ถ้วน เขาพบว่าขนาดความกว้างของกระท่อม ใกล้เคียงกับกระท่อมของซูเหยียน แต่ว่าเครื่องตกแต่งของกระท่อมหลังนี้มากกว่ากระท่อมของซูเหยียน กระท่อมของซู่เหยียนไม่มีอะไรเลย มันเป็นเพียงกระท่อมที่เรียบง่าย เสมือนความเยือกเย็นที่เป็นตัวตนของเธอ
แต่กระท่อมหลังนี้ มีโต๊ะ 1 ตัว เก้าอี้ 2 ตัว และยังมีเตียงนอนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจ 2 เตียง บนเตียงยังแขวนผ้าม่านสีชมพูบางๆ บนเตียงยังมีหมอนหนุนที่ปักด้วยลวดลายที่ละเอียดลออ ภายในกระท่อมเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของหญิงสาว
สถานแห่งนี้ เป็นเสมือนโลกสองโลกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หู่เจียวเอ่อนั่งลงบนโต๊และหันหน้าไปยังทิศทางที่หยางไค่กำลังเดินเข้ามา เธอเผยรอยยิ้มที่อ่อนหวาน ดวงตาที่มีเสน่ห์ประกายด้วยเสียงกระพริบที่แพรวพราวจ้องมองเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆ มุมปากของเธอยังเผยรอยยิ้มที่ซ่อนความตั้งใจไว้ภายใน พวงแก้มของเธอแดงก่ำ เธอช่างดูน่าหลงใหลมยิ่งนัก
เธอเผยให้เห็นแขนเรียวยาวที่ขาวเนียนดุจหิมะ ผิวสีชมพูของเธอเสมือนผิวของทารกที่อ่อนนุ่ม เธอสวมรองเท้าไม้คู่เล็กเผยให้เห็นเท้าคู่เล็ก เล็บของเธอถูกแต่งแต้มดวยสีแดงและสีม่วง ซึ่งเผยให้เห็นความงามที่เสมือนนางพญาแห่งบุพผา
หัวใจของหยางไค่เต้นแรง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร หู่เหมยเอ่อในวันนี้ถึงมีเสน่ห์ที่มากมายเพียงนี้ เธอดูมีเสน่ห์ยิ่งกว่าหลายวันที่แล้วที่เขาได้พบเจอกับเธอ
แต่รอยยิ้มของเธอทำให้หยางไค่รู้สึกอึดอัใจ เขารู้สึกว่าหู่เหมยเอ่อกำลังเยาะเย้ยเขา
ตอนนี้ มือเล็กของหู่เหมยเอ่อยังถือพัดอันเล็กและเธอกำลังพัดไปมา จากลมที่พัดออกไปทำให้เส้นผมของเธอปลิวไสว มันทำให้เธอดูสง่างามอย่างยิ่ง
บนพัดนั้นยังภาพวาดของหญิงสาวที่เปลื้องเสื้อผ้าจนเกือบหมด ทำให้ผู้ที่ไดพบเห็นรู้สึกถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที
หยงไค่จ้องมองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าและคิดอยู่ในใจว่าเธอช่างกล้าและอุกอาจยิ่นัก หญิงสาวคนอื่นๆเมื่อมองเห็นภาพที่อยู่บนพัดพวกเธอจะเขิลอายในทันที แต่หญิงสาวคนนี้กลับถือพันไว้ในมือ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ธรรมดา
แต่ว่า……….ระยะเวลาเพียงครึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอกัน ทำไมหูเหม่ยเอ่อถึงมีการเปลี่ยนแปลงที่มากมายเช่นนี้?
แม้ว่าจะเธอจะจ้องมองตนเองตลอดเวลา แต่หยางไค่มิได้เกรงกลัว เขาเดินเข้าไปหาเธอและสบตาเธอโดยไม่มีความคิดที่จะถอยหนี พฤติกรรมที่น่าอับอายในวันนั้นหยางไค่เห็นมันทั้งหมด เสมือนว่าเขาดึงผมของเธอเอาไว้ ตอนนี้ต้องเผชิญหน้ากับเธอ หยางไค่จะหวาดกลัวเธอได้อย่างไร ?
เมื่อถูกมองเช่นนี้ หู่เจียวเอ่อที่ปลอมตัวเป็นหู่เหมยเอ่อรู้สึกว่าตนเองไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป เขามีจิตใจที่กล้าหาญ มีบุรุษคนใดที่จะสามารถเผชิญหน้าและอดทนต่อความงดงามเช่นนี้ได้ ? เขาไม่รู้สึกหลบสายตา มันจะมากเกินไปแล้ว !!
แต่ว่า……….สายตาของเขาดูสะอาดบริสุทธุ์และชัดเจน ไม่มีสายตาแห่งความลามกอนาจารแม้แต่น้อย
เมื่อมาถึงข้างโต๊ะ หยางไค่กล่าวอย่างล้อเล่น : “แม่นางเหมยเอ่อ ไม่เจอกันกว่า 10 วัน เจ้าดูมีเสน่ห์และน่าหลงใหลอย่างมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทำให้หู่เจียวเอ่อหัวเราะเยาะและกล่าวตอบ : “เจ้ารู้จักประจบผู้อื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ ?”
เรื่องที่เกี่ยวข้องกับหยางไค่ หู่เหมยเอ่อกล่าวให้เธอฟังทั้งหมด ดังนั้นหู่เจียวเอ่อจึงรู้ว่าต้องตอบโต้อย่างไร เธอไม่กังวลว่าตัวเองจะเปิดเผยอะไรออกไปแม้แต่น้อย
หยางไค่หัวเราะ : “ข้าแค่พูดความจริงเท่านั้น”
ในขณะที่เขากล่าวเขานั่งลงตรงข้ามกับเธอโดยไร้ซึ่งความเกรงใจ ความอึดอัดได้หายไปจนหมดสิ้น ดูเหมือนว่าหญิงสาวคนนี้ไม่ได้โกรธเคืองเขา
“แม่นางเหมยเอ่อ จุดประสงค์ที่ข้ามาครั้งนี้……..” หยางไค่ตัดสินใจที่จะกล่าวเป้าหมายของเขาโดยตรง เมื่อเป็นเช่นนี้จะทำให้ดูจริงใจมากขึ้น
“อย่างเพิ่งรีบกล่าว” หู่เหมยเอ่อวางพัดลง เธอลุกขึ้น ยกกาน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ เดินไปด้านข้างของหยางไค่เพื่อเทน้ำชาให้หยางไค่และกล่าวต่อ : “อากาศด้านนอกช่างร้อนอบอ้าว เจ้าดื่มชาให้ชุ่มคอ พักผ่อนสักครู่แล้วค่อนกล่าวก็ยังไม่สาย”
“ก็ดี !!” หยางไค่พยักหน้า เพลิดเพลินกับความเป็นมิตรที่อบอุ่นของฝ่ายตรงข้าม เขาดื่มชาเข้าไป แต่ทันใดนั้นใบหน้าของเขาแสดงออกมาอย่างแปลกประหลาด
หู่เจียวเอ่อกลับไปนั่งที่ของตน เธอวางมือลงบนแก้ม สงบสติอารมณ์ของเธอไม่ให้ฟุ้งซ่านและกล่าวถามต่อหยางไค่ : “ศิษย์น้องหยาง เจ้าคิดว่าชาชาสของชานี้เป็นอย่างไร ?”
หยางไค่กำลังคิดถึงเรื่องอื่น เขาเงยหน้าจ้องมองหู่เจียวเอ่อด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง ก่อนจะกล่าวตอบ : “ใบชานี้มีลักษณะที่เล็กเรียว แต่มันมีรสชาติที่หอมหวานละเอียดอ่อน สีของน้ำชามีสีเขียวใสมรกต มันเป็นชาชั้นยอด”
หู่เจียวเอ่อรู้สึกอึ้ง เธอจ้องมองหยางไค่ด้วยสายตาที่ประหลาดใจก่อนที่จะกล่าวถาม : “เจ้าเข้าใจ ?”
แม้แต่เธอยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของชา เธอนำมันมาดื่มเท่านั้น แต่ไม่คิดว่าหยางไค่จะสามารถกล่าวได้อย่างถูกต้องและชัดเจน จึงทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจ
หยางไค่ส่ายหัว : “เล็กน้อย ข้าไมเก่ง”
“แล้วถ้าหากชานี้เปรียบเทียบกับข้าล่ะ เจ้าคิดว่าอย่างไร ?” หู่เจียวเอ่อจ้องมองหยางไค่ เธอหายใจอย่างลนลาน เพราะมีเพียงโต๊ะเล็กๆ กั้นระยะห่างจากเขา หยางไค่สัมผัสได้ถึงการหายใจของฝ่ายตรงข้าม มันหอมหวานเหมือนฤดูใบไม้ผลิที่บริสุทธุ์และหอมหวานราวกับเหล้าที่มีอายุกว่า 100 ปี
ทันใดนั้นหยาไงค่รู้สึกว่าลมหายใจของเขาเริ่มหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆโดยไม่มีเหตุผล เลือดที่อยู่ภายในพลุ่งพล่านอย่างรุนแรง ก่อนที่เขาจะกล่าวตอบ : “ชาดีคนดีกว่า”
“ฮ่าฮ่า………..”หู่เจียวเอ่อหัวเราะราวกับดอกไม้ที่บาสะพรั่งทำให้หน้าที่อิ่มอวบของเธอสั่นไปมาอย่างมีเสน่ห์
สายตาของหยางไค่จ้องมองอยู่บนหน้าอกที่อวบอิ่มของเธอ ทันใดนั้นเขากลืนน้ำลายลงคอโดยไม่รู้ตัว
หู่เจียวเอ่อเจตนาถือพัดขึ้นมา เพื่อปิดปังหน้าอกที่เปรียบเสมือนแสงบริสุทธุ์ของร่างกาย เธอตั้งใจเปิดเผยภาพวาดหญิงเปลือยใหแก่หยางไค่ ทันใดนั้นใบหน้าของหยางไค่แดงก่ำขึ้นมาทันที