ตอนที่ 53 กายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 9
10 วันต่อมาหลังจากที่ปลูกต้นสามสุริยัน ในที่สุดมันได้เติบโตเต็มที่และกำลังผลิผลที่อวบอิ่ม
หยางไค่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังงานหยางที่อุดมสมบูรณ์จากผลของต้นสามสุริยันนี้
ระยะเวลาเพียง 10 วัน ทำให้ผลไม้จิตวิญญานขั้นปฐพีระดับต่ำสามารถเติบโตและผลิผลออกมาจำนวนมาก หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่ถูกดูดซับเข้าไปช่างมีอำนาจที่มากมาย
เขาเอื้อมมือออกไปเด็ดผลไม้สามสุริยันอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะเด็ดมันลงมา ถือมันอยู่ในมือและเล่นกับผลไม้สามสุริยันด้วยความสนุก เขารู้สึกว่ายิ่งเขามองผลไม้สามสุรยันนี้เขายิ่งชื่นชอบมันมากขึ้น
แต่ไม่ว่าผลไม้ลูกนี้จะทำให้เขาชื่นชอบมากเพียงใด ต้องกินมันเข้าไปถึงจะรู้ประสิทธิภาพและคุณสมบัติของมัน
หยางไค่นั่งลง ก่อนจะโยนผลไม้สามสุริยันเข้าไปในปากอย่างไม่ลังเล รสหวานและความอบอุ่นแผ่ซ่านทั่วปลายลิ้น และมันยังหลงเหลือความหอมหวานที่น่าหลงไหลไว้ในปากอีกด้วย
เมื่อผลไม้จิตวิญญานเข้าไปในกระเพาะอาหาร พลังลมปราณหยางเริ่มมีการไหลเวียน ทำให้กระเพาะอาหารของเขารู้สึกร้อนราวกับว่ากำลังถูกเผาไหม้ แต่สำหรับหารฝึกฝนทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยาง ความรู้สึกร้อนเช่นนี้ กลับทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย
พลังงานหยางที่ซ่อนอยู่ในผลไม้จิตวิญญานขั้นปฐพีระดับต่ำ ไหลเข้าสู่เส้นชีพจรอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นชีพจรลมปราณของเขาอัดแน่นด้วยพลังลมปราณหยาง ทันใดนั้นเสียงหยดน้ำแว่วออกมาอย่างแผ่วเบา ก่อเกิดเป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 1 หยด
หลังจากนั้น เสียงหยดน้ำที่ดังแว่วออกมาอีกครั้งซึ่งมีความคมชัดกว่าเดิม
หยดน้ำพลังลมปราณหยางก่อกำเนิดทั้งหมด 3 หยด จึงทำให้ประสิทธิภาพของผลไม้จิตวิญญานขั้นปฐพีระดับต่ำหมดลง
จุดตันเถียนของเขามีหยดน้ำพลังลมปราณหยางทั้งหมด 4 หยด หยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 3 หยดเพิ่งถูกก่อกำเนิดออกมา หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่เหลือ 1 หยด เป็นหยดน้ำพลังลมปราณหยางที่หยางไค่ได้รับจากการฝึกยุทธุ์เป็นเวลากว่า 10 วัน
เพราะมีการขัดขวางจากกระถางธูป ดังนั้นการฝึกยุทธุ์ตลอด 10 วันนี้จึงค่อนข้างเชื่องข้า แต่หยางไค่ไม่ไดสนใจ เป้าหมายของเขาคือการแสดงความแข็งแกร่งและความสามราถในอนาคต ดังนั้นเขาจะสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยนี้ได้อย่างไร ?
นอกจากนั้นหยางไค่ยังรู้สึกสังหรณ์ใจ ถ้าหากเขากินผลไม้สามสุริยันที่เหลือ 2 ลูกจนหมด ไม่แน่ว่าเขตแดนกายาเริงอารมณ์ของเขาอาจจะก้าวไปอยู่ในขั้นที่ 9 มันเริ่มสัมผัสประตูของเขตแดนก่อกำเนิดลปราณแล้ว
เมื่อมีความคิดในจิตใจ หยางไค่กินผลไม้สามสุริยันจำนวน 2 ลูกที่เหลือเข้าไปโดยไม่ลังเล
พลังงานหยางละลายในกระเพาะอาหาร ความร้อนที่แผดเผาอย่างรุนแรงถูกจุดประกายออกมา ร่างกายของหยางไค่เริ่มแปรเปลี่ยนกลายเป็นสีแดงสด
พลังลมปราณหยางเริ่มไหลเวียนอย่างบ้าคลั่ง ตามมาด้วยเสียงหยดน้ำจำนวนมาก จุดตันเถียนก่อกำเนิดหยดน้ำพลังลมปราณหยางอีก 1 หยด พลังงานหยางที่อยู่ในคุกคุมขังมังกรเริ่มแผ่ซ่านออกมา และถูกดูดซับจากผิวหนังของหยางไค่ที่กำลังเปิดรูขุมขุนจากความร้อนที่แผดเผาอย่างรุนแรง
พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายเต้นกระตุกอย่างรุนแรง มันเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากมีคนเห็นสภาพของหยางไค่ในตอนนี้ คงจะตกใจจนอ้าปากค้าง ไม่มีใครเคยเห็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ จะมีพลังลมปราณหยางที่หนาแน่นและมากมายถึงขั้นนี้
ผู้ฝึกยุทธู์ในเขตแดนการยาเริงอารมณ์ มีเส้นชีพจรลมปราณที่เรียวเล็ก จุดตันเถียนจะเล็กและแคบตามเส้นชีพจรลมปราณ ดังนั้นมันไม่สามารถทนต่อพลังงานหยางที่มากมายและหนักหน่วงเช่นนี้
พลังลมปราณที่อยู่ในร่างกายกำลังเต้นโครมครามอย่างรุนแรง เสมือนว่าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธุ์ที่อยู่ในเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ แต่ว่าเขตแดนของหยางไค่อยู่ในเขตแดนกายาเริงอารมณ์ขั้นที่ 8 เท่านั้น
ทันใดนั้นหยางไค่รู้สึกถึงแรงกดดันที่มากมายมหาศาล แรงกดดันนี้ไม่สามารถอธิบายออกมา เสมือนว่าเขาดำรงอยุู่ในขอบเขตระหว่างสวรรค์และโลก ถ้าหากเขาไม่สามารถทำลายแรงกดดันที่เสมือนโซ่ตรวนนี้ เขาจะไม่สามารถก้าวข้ามเขตแดนไปได้
ความร้อนระอุของพลังลมปราณหยางเริ่มไหลเวียน มันกำลังแผดเผาโซ่ตรวนที่มองไม่เห็น จากเวลาที่ผ่านไปอย่างต่อเนื่อง หยางไค่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ขัดขวางเขาเอาไว้ค่อยๆ ถูกทำลายและอ่อนแอลงเรื่อยๆ ก้ามข้ามเขตแดน หยางไค่รับรู้อย่างชัดเจน ทักษะการต่อสู้แห่งกลยุทธุ์หยางมีการดูดซับพลังงานหยางที่เพิ่มขึ้นอีก 1 ขั้น
ปัง……..เสมือนโซ่ตรวนที่ผูกมัดเขาเอาไว้ถูกทำลาย ร่างกายของหยางไค่รู้สึกเบาความกดดันและความทรมาณหายไปจนหมดสิ้น หยางไค่รู้สึกว่าจิตวิญญานของเขาปลอดโปร่งและรู้สึกผ่อนคลายอย่างสบาย
กายาเริงอามรณ์ขั้นที่ 9 !! เขายืนตรงหน้าประตูของเขตแดนก่อกำเนิดลมปราณ
แม้จะสามารถก้าวข้าม แต่ความรู้สึกที่ก้าวข้ามเขตแดนยังมิได้จางหายไป หยางไค่เริ่มเคลื่อนไหวร่างกาย หยดน้ำพลังลมปราณหยางจำนวน 10 หยดที่ซ่อนอยู่ในจุดตันเถียนเริ่มมีการไหลเวียน ก่อนที่มันจะแพร่กระจายออกไป ซึ่งมันได้เข้าสู่อวัยวะภายในที่สำคัญ เลือดและเส้นชีพจรลมปราณของเขา
(**อวัยวะภายในคือ ตับ หัวใจ ม้าม ปอด ไต ถุงน้ำดี ลำไส้เล็ก กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่กระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดของการแพทย์จีนในสมัยโบราณ**)
พลังการแผดเผาของหยดน้ำพลังลมปราณหยางเริ่มกระจาย มันกำลังแผดเผาสิ่งสกปรกทั้งหมดให้ออกไปจากร่างกาย
แร่เหล็กต้องผ่านการทดสอบถึงจะสามารถนำมาหล่อเป็นรูปร่าง ร่างกายของคนเราก็เช่นกัน ดังนั้นการก้าวข้ามเขตแดนของผู้ฝึกยุทธุ์ในทุกครั้งต้องใช้จุดสำคัญในการรวมผสารร่างกายให้เป็นหนึ่ง การก้าวข้ามเขตแดนในแต่ละครั้งจึงมีความรุนแรงมากขึ้นทุกครั้ง
ในเวลาต่อมา หยางไค่ค่อยๆลืมตา เขารู้สึกได้ถึงความก้าวหน้าของตนเองในการก้าวข้ามเขตแดน ความสามารถและความแข็งแกร่งของเขามิอาจเทียบกับความแข็งแกร่งในครั้งก่อน
ถ้าหากตอนนี้เขาพบเจอกับเฉิงเซาเฟิงและนู่วเต๋า หยางไค่เชื่อมั่นว่าเขาไม่ต้องใช้หยดน้ำพลังลมปราณหยาง ก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งสองได้อย่างง่ายดาย
นอกจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ในขระที่เขากำลังก้าวข้ามเขตแดนเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกลึกๆที่อยู่ภายใจ แต่ว่าสิ่งเหล่านี้มันน่าอัศจรรย์และลึกลับ เขาไม่สามารถเข้าใจและไม่สามารถกล่าวอธิบายออกมาได้ ต้องรอจนกว่าจะมีการก้าวข้ามเขตแดนอีกครั้งถึงจะสัมผัสมันได้อีกครั้ง
เส้นชีพจรลมปราณเต็มไปด้วยพลังลมปราณหยาง แต่จุดตันเถียนของเขากลับว่างเปล่า
เขาสัมผัสมันอย่างละเอียดและถี่ถ้วน ทำให้ใบหน้าของหยางไค่แสดงออกอย่างมืดมน
ฝึกยุทธุ์ด้วยความลำบากมานานนับหลายวัน แต่กลับมลายหายไปจนหมดสิ้น หยดน้ำพลังลมปราณหยางที่ก่อกำเนิดโดยผลไม้สามสุริยัน และหยดน้ำพลังลมปราณหยางที่ก่อกำเนิดจากการฝึกยุทธุ์ของเขา ทั้งหมด 10 หยด กลับหายไปจนหมดสิ้น ในระหว่างที่ก้าวข้ามเขตแดนหยดน้ำพลังลมปราณหยางได้ไหลผสานเข้าสู่ร่างกาย
แม้ว่าจะได้ความแข็งแกร่งทางด้านร่างกายอย่างยิ่งใหญ่ แต่ไร้ซึ่งหยดน้ำพลังลมปราณหยาง
แต่มันก็มิได้สำคัญ เพียงแค่มีเงิน มันเป็นเรื่องง่ายหากต้องการต้นกำเนิดพลังงานหยางเช่นผลไม้สามสุริยัน เพียงแค่เขาซื้อสมบัติที่มีคุณสมบัติของพลังงานหยางเขาจะสามารถดูดซับพลังนั้นทันที
ปัญหาเดียวในตอนนี้ เพราะหยางไค่มีมีเงิน นอกเสียจากสิ่งของที่เขาค้นพบจากร่างกายของเฉิงเซาเฟิงและนู่วเต๋า เขาไม่มีสิ่งของอื่นๆที่มีค่าเลย
หยางไค่นั่งลงครุ่นคิดสักครู่ ทันใดนั้นเขาได้พบวิธีการที่เหมาะสม
ในเมื่อเขาไม่สามารถซื้อสมบัติที่ล้ำค่าเหล่านั้น แล้วเขาจะไม่มีเงินซื้อเมล็ดพันธุ์เลยหรือไง ?
ความสำเร็จของต้นสามสุรยันปรากฏอยู่ตรงหน้า ด้วยพลังของหยดน้ำพลังลมปราณหยาง เพียงแค่มีเมล็ดพันธุ์ที่เหมาะสม ผลไม้จิตวิญญานประเภทใดก็จะงอกงามได้ง่าย
แต่เมล็ดพันธุ์เป็นสิ่งที่มีน้อย วันนั้นที่เขาเดินในสมาคมใต้ดินวายุทะมึน หยางไค่ยังไม่พบคนขายเมล็ดพันธุ์แม้แต่คนเดียว สิ่งนี้ทำให้เขาไม่เข้าใจ ทำไมต้นกล้าต้นอ่อนของเมล็ดพันธุ์ ต้องปลูกในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และยังต้องดูแลรักษาอย่างเอาใจใส่ และต้องรอเป็นเวลานานถึงจะสามารถผลิผลออกมาได้
ใครจะเสียเวลากับเรื่องพวกนั้น ? ถ้าหากต้องใช้เวลาและการเอาใจใส่ที่มากมาย การตั้งใจฝึกฝนวิชายุทธู์เป็นสิ่งที่เหมาะสมกว่า ไม่มีคนขายเมล็ดพันธุ์ก็ช่าง ต้องมีความต้องการถึงจะมีตลาดที่เปิดขาย
หยางไค่ตัดสินใจที่จะซื้อ และจะซื้อเป็นจำนวนมาก !!
เมื่อตัดสินใจในวิธีการนี้ หยางไค่เดินออกจากหอประลองยุทธุ์หลิงเซี่ยว และมุ่งหน้าไปยังสมาคมใต้ดินวายุทะมึน
แม้ว่าจะเป็นครั้งที่ 2 ที่เข้ามา แต่หยางไค่ค่อนข้างค้นเคยกับเส้นทาง ระยะเวลากว่าครึ่งเดือน เส้นทางของสมาคมใต้ดินวายุทะมึนยังคงวุ่วานและอยู่ในความสับสนอลหม่าน ผู้ฝึกยุทธุ์จำนวนมากมายเดินเข้าออกสถานที่แห่งนี้ พวกเขาล้วนเดินหาสมบัติที่ล้ำค่าและเสนอสิ่งของสมบัติที่ล้ำค่าของตน ทำให้คนที่มองเห็นไม่สามารถละสายตาได้
เขาเดินรอบๆโต๊ะที่คึกคัก 1 รอบ เป็นอย่างที่คาดไว้เขาไม่พบเมล็ดพันธุ์ เนื่องจากมีการเตรียมใจจากความผิดหวัง มันจึงไม่ทำให้หยางไค่ผิดหวัง เขารีบไปยังโต๊ะของกลุ่มศิษย์นิกายโลหิต เพื่อสอบถามว่าในมือของเขายังมีเมล็ดพันธุ์สามสุริยันหรือไม่?